ราชันเร้นลับ 432 : สิ่งมีชีวิตพันธสัญญา
คำถามของโดเรียน·เกรย์มิได้ทำให้ฟอร์สประหลาดใจแต่อย่างใด เธอเตรียมตัวรับมือมาสักพักแล้ว นับตั้งแต่เริ่มติดต่อกับเขาตั้งแต่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ฟอร์สปรึกษากับแฮงแมนแห่งชุมนุมทาโรต์ว่าตนควรมีท่าทีตอบสนองอย่างไร และกล่าวสิ่งใดเมื่อถูกถามเกี่ยวกับการเป็นผู้วิเศษ“โลกนี้มีผู้วิเศษจริงหรือ…?” ฟอร์สทำสีหน้าประหลาดใจโดเรียนผงกศีรษะรับอย่างอ่อนโยน“มีสิ”มันมองไปรอบตัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งใบร่วงโรยไปเกือบหมด และวางฝ่ามือนาบลงไปบนลำต้นทันใดนั้น ร่างกายโดเรียนเริ่มกระเพื่อมในลักษณะคลื่นผิวน้ำ จากนั้นก็หายไปโผล่อีกของต้นไม้อย่างกะทันหัน โดยยังคงยืนนิ่งในอากัปกิริยาเดิม“ส…สุดยอด! ท…ทำได้ยังไงคะ!” จากการฝึกฝนโดยมีแฮงแมนและจัสติสคอยให้คำปรึกษา ฟอร์สเปิดปากเป็นครึ่งวงกลมพร้อมกับแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างเป็นธรรมชาติโดเรียนเดินกลับมาหาพลางฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะซักถามอย่างเป็นกันเอง“คุณอยากเป็นเหมือนผมไหม”ฟอร์สก้มหน้าเงียบงันหลายวินาที ตามด้วยการมอบคำตอบอย่าง ‘ตื่นเต้น’“อยากค่ะ!”เมื่อตระหนักว่าตนกำลังจะได้เป็นสมาชิกวงนอกของตระกูลอับราฮัม ฟอร์สจินตนาการอนาคตอันสดใสทันที หัวใจหญิงสาวกำลังพองโตด้วยความสุขโดยแท้จริงโดเรียนอมยิ้มสักพัก ก่อนจะเปล่งเสียงเคร่งขรึม“แล้วคุณอยากเป็นศิษย์ของผมไหม”ฟอร์สรีบพยักหน้า“ด้วยความยินดีค่ะ!”โดเรียนถอนหายใจผ่อนคลายพร้อมกับรำพันเชิงตำหนิตัวเอง“ในฐานะอาจารย์ ผมไม่ได้เก่งกาจอะไรมากนัก แถมยังเคยสอน… เฮ่อ ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องในอดีต สรุปให้เข้าใจง่าย คุณอย่าคาดหวังกับผมมากก็แล้วกัน”หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน โดเรียนตัดสินใจนำบทเรียนจากอดีตมาปรับปรุง มันคิดไม่เล่าสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลอับราฮัมให้อีกฝ่ายฟัง หมายรักษาความสัมพันธ์ฉันอาจารย์ศิษย์ไปตลอด ด้วยวิธีข้างตน มันจะไม่ต้องกังวลว่าฟอร์สหวังแย่งชิงสมบัติวิเศษของตระกูลอับราฮัมเหมือนกับศิษย์คนก่อน“ไม่จริงเลยสักนิดค่ะ! คำอธิบายเรื่องศาสตร์เร้นลับของมิสเตอร์เกรย์ เอ่อ… ของอาจารย์ เข้าใจง่ายมากเลยค่ะ! “ฟอร์สรีบยืนยันสถานภาพใหม่ระหว่างตนและโดเรียน”โดเรียนจ้องป้ายหลุมศพลอว์เรนซ์พลางส่ายหัวเล็กน้อย มันถอนหายใจยาว“ว่ากันตามตรง ผมไม่คิดจะรับใครเป็นศิษย์อีกแล้ว เพียงแต่ว่า คุณธรรมอันน่ายกย่องของคุณทำให้ผมเปลี่ยนใจ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ผมสามารถเตรียมโอสถให้คุณดื่มได้ในวันนี้”“วันนี้?” ฟอร์สซักถามอย่างประหลาดใจขณะแวะไปรับโดเรียน·เกรย์ เธอแอบเห็นว่าชายคนนี้พกกระเป๋าติดตัวแค่ใบเดียว เพียงพอสำหรับใส่เสื้อผ้าสำรองไม่กี่ชุดเท่านั้น ไม่มีจุดในบ่งชี้ว่าเขานำวัตถุดิบโอสถติดตัวมาด้วยหรือว่าเขามีแหล่งรวบรวมวัตถุดิบโอสถภายในเบ็คลันด์ และเป็นของตระกูลอับราฮัมโดยเฉพาะ?ฟอร์สคาดเดาอย่างคร่าวแผนเดิมของเธอคือ อาศัยระยะทางระหว่างตนกับโดเรียนให้เกิดประโยชน์ หากอีกฝ่ายมอบโอสถหรือวัตถุดิบ ฟอร์สจะแอบนำไปขายโดยบอกว่าดื่มเข้าไปแล้ว ด้วยวิธีดังกล่าว นอกจากเธอจะได้รับเงินจำนวนหนึ่ง ยังช่วยขจัดความเสี่ยงซึ่งเกิดจากการดื่มโอสถชนิดเดิมเข้าไป รวมถึงไม่ต้องเสียเวลาย่อยเพิ่มอย่างเปล่าประโยชน์“ถูกต้อง” โดเรียนไม่อธิบายยืดยาว เพียงชี้นิ้วไปทางอื่น “แวะไปเยี่ยมลาโบโร่กับอาริสาก่อนก็แล้วกัน”…เมื่อเสร็จการวางดอกไม้หน้าหลุมศพ คนทั้งสองหันหลังกลับ เดินออกจากสุสานกรีนและตรงมายังห้องพักเช่าของฟอร์สกับซิลตลอดเดือนผ่านมา ซิลซึ่งเพิ่งกลายเป็นเจ้าพนักงาน จึงต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่และกลับดึกดื่นในทุกวัน ทำเช่นนี้เพื่อเร่งใช้หนี้สินให้หมดลงโดยเร็ว หญิงสาวร่างเล็กรับทุกภารกิจโดยไม่เกี่ยง ทำให้ไม่เคยอยู่บ้านในช่วงเที่ยง“มีห้องเงียบสงบบ้างไหม” โดเรียนกวาดสายตาไปรอบตัว“ทุกห้องค่ะ” ฟอร์สเดินนำอาจารย์เข้าไปยังห้องนั่งเล่นบนชั้นหนึ่งโดเรียนเดินวนรอบห้อง ตรวจสอบเครื่องเรือนและสภาพแวดล้อม ก่อนจะบอกให้ฟอร์สช่วยจุดเทียนไขผสมกลิ่นไม้จันทน์หนึ่งเล่มถัดมา โดเรียนปิดประตูและรูดม่านมิดชิดมันเดินมายังเทียนไขพร้อมกับหยิบขวดน้ำมันสกัดกับผงสมุนไพรทั่วไปออกมาพิธีกรรม? ไม่ใช่ว่าต้องใช้เทียนไขสามเล่มหรอกหรือ?ฟอร์สเฝ้ามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ไม่คิดปริปากถามสิ่งใด ราวกับถูกบรรยากาศอันลึกลับสะกดหลังจากจบส่วนแรกของพิธีกรรม โดเรียนเดินถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะเปล่งถ้อยคำภาษาเฮอร์มิสโบราณด้วยสีหน้าขึงขัง“ตัวข้า! ขออัญเชิญในนามของข้า กายาวิญญาณพิเศษผู้ท่องเที่ยวไปทั่วดินแดนเบื้องบน สิ่งมีชีวิตแห่งห้วงมิติผู้หลงรักเสียงดนตรี ผู้ทำพันธสัญญากับโดเรียน·เกรย์·อับราฮัม”ฟ้าว—ภายในห้องนั่งเล่นพลันคละคลุ้งไปด้วยสายลมกระโชก ตามด้วยเสียงสะอื้น เทียนไขกำลังสั่นไหวด้วยเปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้มถัดมาไม่นาน วงแสงสีน้ำเงินเริ่มขยายออกจากเปลวเทียน ก่อนจะก่อตัวเป็นวงแหวนมายาลักษณะคล้ายประตูมิติในแนวราบทันใดนั้น วัตถุมายาทรงกลมในสภาพกึ่งวิญญาณลอยขึ้นมาจากวงแหวนพร้อมกับแสงสีของมันขาวโพลนคล้ายนมสด ปราศจากดวงตา จมูก แขน และขา อวัยวะเดียวในร่างกายคือริมฝีปากขนาดค่อนข้างกว้างโดเรียนฉีกยิ้มพลางใช้มือง้างเปิด ‘ปาก’ ของสิ่งมีชีวิตปริศนาออก ขณะเดียวกันก็ฮัมเพลงร้องกล่อมเด็กอย่างสุนทรีย์‘ลูกบอล’ โยกเอนซ้ายขวาอย่างอ่อนโยน ราวกับชื่นชอบการถูกปฏิบัติเช่นนี้หลังจากฮัมเพลงจบ โดเรียนเลื่อยฝ่ามือลงมาตรงปากของลูกบอล“มาลมอส ฉันขอของเมื่อวานคืน”‘ลูกบอล’ เริ่มกระเด้งขึ้นลงพร้อมกับขยับปากอ้ากว้างจนผิดธรรมชาติ จากนั้นก็พ่นวัตถุดิบหลักโอสถส่องแสงระยิบระยับสองชิ้นออกมาทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ… ฟอร์สเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างตกตะลึงโดเรียนใช้มือหยิบวัตถุดิบหลักโอสถผู้ฝึกหัดมาถือ ยกเลิกการอัญเชิญ และเสร็จสิ้นพิธีกรรมมันหันมายิ้มให้ฟอร์ส“แม้แต่ในโลกวิญญาณ สิ่งมีชีวิตประเภทห้วงมิติก็ยังนับว่าหาได้ยาก ภายใต้เงื่อนไขปรกติ พิธีกรรมอัญเชิญแทบไม่มีโอกาสระบุถึงตัวพวกเขาได้ ดังนั้น อาวุโสของตระกูลเราจึงต้องท่องไปทั่วโลกวิญญาณเพื่อค้นหา ใช้เวลานานกว่าจะพบตัวและเริ่มการทำพันธสัญญา ด้วยวิธีดังกล่าว บรรดาศิษย์ของเหล่าอาวุโสสามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันได้ด้วยเทคนิคพิเศษ หลังจากสิ่งมีชีวิตห้วงมิติถูกอัญเชิญด้วยเทคนิคพิเศษ เหล่าศิษย์ต้องทำพันธสัญญาซ้ำอีกครั้งเพื่อให้ตนได้รับสิทธิ์อัญเชิญแต่เพียงผู้เดียว”“แบบนี้นี่เอง… สุดยอด!” ฟอร์สกล่าวด้วยความรู้สึกจากก้นบึ้งเธอกำลังวาดฝันอนาคตถึงจะไม่มีเรื่องคำสาปคืนจันทร์เต็มดวงมากดดันให้พัฒนาพลัง แต่การได้ท่องไปทั่วโลกวิญญาณก็นับเป็นประสบการณ์แสนวิเศษ แม้ว่าอาจต้องแลกมาด้วยภัยอันตรายในระดับสูงขึ้นก็ตาม…อยากลองท่องโลกวิญญาณสักครั้งจัง…โดเรียนยิ้มมุมปาก“ความสามารถพิเศษของมาลมอสคือการกลืนสิ่งของจำนวนมากเข้าไปในท้องโดยไม่สร้างความเสียหาย จึงไม่ต่างอะไรกับคลังเก็บสินค้าแบบพกพา อีกทั้งยังถูกพบตัวได้ยาก แน่นอน ท้องของมาลมอสเก็บสิ่งของได้จำกัดจำนวน และยิ่งไปกว่านั้น มาลมอสไม่ชอบคนไม่มีพรสวรรค์ทางดนตรี เขาจะปฏิเสธการทำพันธสัญญาโดยไม่ไยดี”อย่างน้อยเราก็ยังเล่นพินได้… ขณะฟอร์สถอนหายใจอย่างโล่งอก โดเรียนส่งสัญญาณให้เธอเดินไปหยิบหม้อต้มเมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเตรียมปรุงโอสถให้ดื่มทันที แม้สีหน้าภายนอกของหญิงสาวจะไม่เผยความผิดปรกติ แต่หัวใจกำลังเต้นระรัวอย่างผิดจังหวะ เธอถึงขั้นสาปแช่งให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางคันเราไม่อยากดื่มโอสถผู้ฝึกหัดเข้าไปอีก! มันเสียเวลาย่อย! ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ สู้เปิดเผยความจริงตั้งแต่แรกก็ดี… แต่ตอนนี้คงสายไปแล้ว อาจารย์คงใช้พลังทำนายตรวจสอบและไม่พบความผิดปรกติในตัวเรา หากทราบภายหลังว่าเราเป็นผู้วิเศษ เขาจะรู้ทันทีว่ามีองค์กรหรือบุคคลทรงพลังคอยหนุนหลังเราอยู่…ท่ามกลางความคิดฟุ้งซ่าน หญิงสาวเห็นโดเรียนหมุนตัวกลับมาพร้อมกับขวดโอสถบรรจุของเหลวมีฟอง“ดื่มซะ แล้วคุณจะกลายเป็นผู้วิเศษ”โดเรียนพยายามโน้มน้าวตามด้วยการพูดให้สบายใจ“ไม่ต้องกังวล หากมีผมอยู่ด้วย คุณจะไม่ได้รับอันตรายใดทั้งสิ้น”“ตกลงค่ะ…” ฟอร์สกัดฟันกรอดพร้อมกับรับโอสถผู้ฝึกหัดมาถือ ก่อนจะซดรวดเดียวจนหมดขวดราวกับประชดชีวิตเธอกำลังตระหนักถึงสัจธรรมข้อหนึ่ง :เราควรซื่อสัตย์กับทุกคน!…หลังจากรถม้าแล่นมาจอดด้านนอกเขตตะวันออก ไคลน์ในชุดสุภาพ เสื้อโค้ท หมวกและไม้ค้ำครบสูตร เดินเท้าต่อเข้าไปในเขตชุมชนแออัดแต่มีสภาพแวดล้อมพอใช้เมื่อเข้าใกล้จุดหมาย ไคลน์มองเห็นสองบุคคลคุ้นเคยภายในหอพักลักษณะค่อนข้างสะอาดตรงหน้าพวกเธอเป็นเด็กผู้หญิง คนหนึ่งอายุสิบเจ็ดสิบแปด ส่วนอีกคนอายุสิบห้าสิบหก ไม่ใช่ใครนอกจากเดซีและเฟรย่า บุตรสาวของหญิงซักผ้านามไลฟ์ เดซีเคยถูกคาพินจับตัวไปกักขังและเตรียมขายเป็นทาส แต่โชคดีว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดมาช่วยไว้ได้ทันเมื่อมองเห็นไคลน์ เดซีรีบเผยรอยยิ้มสดใส“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ นักสืบโมเรียตี้!”ไคลน์ยิ้มรับ ตามด้วยการซักถามอย่างประหลาดใจ“เดซี เธอไม่ต้องไปโรงเรียนหรือ”เมื่อบทสัมภาษณ์ของไมค์·โยเซฟถูกตีพิมพ์ออกไป รวมถึงการกดดันทางอ้อมจากโบสถ์รัตติกาล สภาเมืองเบ็คลันด์จึงไม่มีทางเลือก ต้องก่อตั้งกองทุนการกุศลจากการขายทรัพย์สินทั้งหมดของคาพิน จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้ถูกคาพินลักพาตัวครอบครัวเดซีฉวยโอกาสดังกล่าวย้ายจากหอพักเก่าโทรมในย่านความปลอดภัยต่ำ ออกมาอยู่ชานเมืองเขตตะวันออก หอพักใหม่ของพวกเธอประกอบด้วยสองห้อง แยกห้องซักผ้าออกจากห้องกินข้าวและห้องนอนอย่างเป็นสัดส่วนยิ่งไปกว่านั้น เดซียังได้รับทุนการศึกษาให้เข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาล และยังมีกองทุนการกุศลช่วยรับผิดชอบค่าอาหารกลางวันมูลค่าสัปดาห์ละ 3 เพนนีในเมื่อโรงเรียนรัฐบาลหยุดแค่วันอาทิตย์ ไคลน์จึงประหลาดใจเมื่อเห็นเดซีอยู่บ้าน“โรงเรียนของหนูอยู่ใกล้มาก สามารถแวะกลับมาบ้านได้ช่วงพักกลางวัน หนูต้องช่วยคุณแม่กับพี่เฟรย่านำผ้าแห้งไปส่งลูกค้า เพราะพวกเขาสองคนมีงานยุ่งมากอยู่แล้ว” เดซีตอบอย่างซื่อตรงแน่นอน เมื่อขาดเดซีไป ไลฟ์กับเฟรย่าย่อมทำงานได้น้อยกว่าเดิม ส่งผลให้รายรับครอบครัวลดลงตามไปด้วย หากไม่เพราะมีความช่วยเหลือจากไมค์ในรูปแบบกองทุนการกุศล พวกเธอคงไม่สามารถใช้ชีวิตเช่นนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งในเวลาเดียวกันก็หมายความว่า เฟรย่าหมดสิทธิ์เข้าโรงเรียนโดยสิ้นเชิง และขณะเดซีกำลังคุยกับไคลน์อย่างมีความสุข สายตาเฟรย่าบ่งบอกชัดเจนว่าเธอรู้สึกปวดร้าวเจือความอิจฉาถึงจะยังไม่สิบแปดปีบริบูรณ์ แต่พี่สาวอย่างเธอกลับทำได้เพียงเฝ้ามองน้องสาวเข้าโรงเรียนและมีอนาคตสดใสเผื่อตัวเองไคลน์ตระหนักถึงรายละเอียดเล็กน้อยในจุดนี้ จึงตัดสินใจตักเตือนจำเดซี“เธอรู้ใช่ไหมว่าคุณแม่กับเฟรย่าต้องเสียสละตัวเองเพื่อให้เธอมีอนาคต ดังนั้น ห้ามทอดทิ้งพวกเขาเด็ดขาด”เดซีผงกศีรษะหนักแน่น“หนูคิดแบบนั้นมาตลอด และหลังจากนี้ หากทุกสิ่งเริ่มลงตัว หนูจะนำบทเรียนจากโรงเรียนมาสอนเฟรย่าเป็นการส่วนตัว เป็นครูสอนพิเศษให้เธอคนเดียว!”เมื่อได้ยิน เฟรย่าพลันกะพริบตาถี่ ก่อนจะก้มศีรษะต่ำเพื่อเก็บซ่อนบางสิ่ง“ยอดเยี่ยมมาก” ไคลน์ชมเชยพร้อมกับกล่าวคำอำลาด้วยจิตใจแจ่มใส มันเดินออกมาและเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นใกล้เคียงจุดหมายในคราวนี้คือถนนปาล์มดำ ชายหนุ่มต้องการหอพักหนึ่งเตียงนอนสำหรับเปลี่ยนเป็นชุดคนงานแต่หลังจากเดินออกจากหอพักได้ไม่นาน ไคลน์มองเห็นชายชราคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ อีกฝ่ายกล่าวทักทายด้วยสีหน้าอ่อนโยน“มิสเตอร์ คุณเคยได้ยินเรื่องราวของพระผู้สร้างต้นกำเนิดบ้างไหม”……………………
คอมเม้นต์