ราชันเร้นลับ 419 : ความปรารถนา
พหูสูต… แค่ชื่อก็ทรงพลังแล้ว…ถ้าจำไม่ผิด ลำดับ 7 คือ ‘ผู้พิทักษ์ความรู้’ หรือมีฉายาว่านักสืบ เป็น ‘อาชีพ’ ซึ่งมีพลังเกี่ยวกับการขวนขวายหาความรู้และการอนุมานหาคำตอบ… อย่างมากก็คงมีเทคนิคการต่อสู้ค่อนข้างดี และใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือได้อย่างชำนาญ จึงนับว่าอ่อนแอในด้านการต่อสู้พอสมควร… แต่เมื่อย่างเข้าสู่ลำดับ 6 คล้ายกับว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดบนเส้นทาง จากผู้ใช้สมองวิเคราะห์เป็นหลัก กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ทุกแขนง และคงรวมถึงการต่อสู้ด้วย…เมื่อลองไตร่ตรองให้ดี ดูเหมือนว่าทุกเส้นทางล้วนมี ‘ก้าวกระโดด’ ครั้งใหญ่หนึ่งหนก่อนถึงลำดับ 4 แต่จะไม่ตายตัวว่าเป็นลำดับเท่าไร ตัวอย่างเช่นเส้นทางนักทำนาย การเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดจะอยู่ตรงลำดับ 7 ‘นักมายากล’ …ไคลน์จิบกาแฟร้อนหนึ่งคำใหญ่ ชายหนุ่มไม่คิดละลาบละล้วงความลับของเส้นทางอื่นไปมากกว่านี้ จึงทำเพียงเผยรอยยิ้มและกล่าว“มิสเตอร์สแตนธอน ทำไมสีหน้าของคุณถึงได้ผ่อนคลายนัก ไม่รู้สึกกังวลเลยหรือ”ไอเซนการ์ดยังไม่ตอบทันที เพียงวางมีดส้อมลง หยิบไปป์ขึ้นมาถือพร้อมกับซักถาม“ผมสูบได้ใช่ไหม”ถ้าตามปรกติก็คงไม่… แต่พวกเรากำลังอยู่ในเมืองหลวงหมอกระยำอย่างเบ็คลันด์ การสูดควันบุหรี่มือสองเพิ่มเข้าไปสักสามฟอดคงไม่แย่ลงกว่าเดิมสักเท่าไร…ไคลน์อมยิ้มและส่ายหัว“สูบแล้วสมองโล่งหรือ”“ระบุให้ชัดคือ มันเป็นกิจวัตรประจำวันหลังอาหารเช้าของผม” เมื่อเตรียมไปป์เสร็จ ไอเซนการ์ดจัดการอัดยาเข้าไปหนึ่งปอดใหญ่ตามด้วยการพ่นควันสีเทาอมขาวด้วยใบหน้าผ่อนคลาย“ความหวาดกลัว วิตก หรือกังวล ไม่มีสิ่งใดช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ และในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมมนุษย์ถึงไม่ใช้ชีวิตให้ง่ายเข้าไว้? ไม่ใช่แค่นั้น สมองของมนุษย์ยังทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในยามผ่อนคลาย ดูได้จากผู้ช่วยของผม เขาเป็นโรคขี้กังวลเกินเหตุ จึงต้องพบจุดจบน่าสงสาร… เฮ่อ”ไอเซนการ์ดชำเลืองคาสลาน่าพลางเล่าต่อ“และพวกเราต้องไม่ลืมว่า ศัตรูในคราวนี้คือผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย การมีอารมณ์เข้มข้นเกินไปจึงไม่ใช่เรื่องดีนัก”เมื่อเล่าจบ มันยิ้ม“แถมเรายังไม่มีเบาะแสเพิ่มเติมหรือตำแหน่งปัจจุบันของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเลยสักนิด กังวลไปก็เท่านั้น”“แล้วพวกเราควรทำอย่างไรต่อ” คาสลาน่าจัดการเบค่อนชิ้นสุดท้ายพลางถามด้วยสีหน้าขึงขังไอเซนการ์ดอัดยาอีกรอบ ก่อนจะเผยรอยยิ้มจนปัญญา“ผมอยากคุยเรื่องพวกนี้บนเก้าอี้เอนหลังมากกว่า… สำหรับปีศาจ ถึงแม้จะมีสัญชาตญาณตระหนักถึงอันตรายล่วงหน้า แต่มันกลับไม่ชำนาญด้านพลังทำนายหรือนิมิตลางสังหรณ์ ดังนั้น หากผู้ปลดปล่อยแรงกระหายหวังแก้แค้นใครสักคน มันก็ต้องลงภาคสนามเพื่อรวบรวมข้อมูลด้วยตัวเอง ถ้าอย่างนั้นผมมีคำถาม แล้วมันทราบได้อย่างไรว่ามีนักสืบคนใดเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องบ้าง? ทำไมถึงรู้ว่าพวกคุณและผมเป็นแกนนำ? ถูกต้อง… มันต้องลงมือสืบสวนเรื่องราวของพวกเราอย่างละเอียด และในระหว่างนั้นมันไม่มีทางหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนได้ ไม่ว่าจะด้วยใบหน้าจริงหรือปลอมก็ตาม มันไม่มีทางเก็บซ่อนเบาะแสของตัวเองได้มิดชิด ไม่เพียงเท่านั้น พวกเรายังมีภาพร่างคนร้ายอย่างคร่าวจากจิตแห่งจักรกล การค้นพบร่องรอยก็ยิ่งง่ายขึ้น และด้วยหลักการเดียวกัน ก่อนมันจะลงมือจู่โจมผมในวันก่อน ต้องมีการสังเกตพฤติกรรมของผมอย่างละเอียดมาแล้วสักพัก เช่น ผมเข้าบ้านทางไหน ออกทางไหน มีผู้วิเศษคอยคุ้มกันหรือไม่ ผู้ช่วยมีพลังพิเศษหรือไม่ และการเฝ้าสังเกตอย่างเดียวคงไม่เพียงพอแน่ จะต้องมีการสอบถามผู้คนเพื่อประกอบการตัดสินใจ และนั่นจะหมายถึงการทิ้งเบาะแสไว้ตามทาง ผมชอบคติพจน์ข้อหนึ่ง : ทุกย่างก้าวของคนร้าย ทุกการสัมผัส และทุกปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ทั้งหมดจะกลายเป็นพยานไร้เสียงซึ่งช่วยให้เราสาวถึงตัวมันได้”เราเคยได้ยินคติพจน์นี้มาก่อน เป็นคำกล่าวของโรซายล์… ไคลน์ยิ้มทันใดนั้น สีหน้ามันพลันหดหู่ เนื่องจากเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก กับการได้ยินคติพจน์ข้างต้นบนโลกใบใหม่แห่งนี้มันเคยได้ยินครั้งแรกขณะยังอยู่ทิงเก็นหัวหน้า…คาสลาน่าแก้มตอบถอนหายใจยาว“สมกับเป็นยอดนักสืบ ฉันไม่เคยคิดถึงประเด็นดังกล่าวมาก่อน ขอชื่นชมทักษะการสังเกตและให้เหตุผล”ไอเซนการ์ดยิ้มรับ“ทุกคนมีความถนัดเป็นของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นการต่อสู้ ผมคงถูกคุณฆ่าตายหนแล้วหนเล่า เชอร์ล็อกเองก็คิดแบบเดียวกับผม เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา เขาเป็นนักสืบหนุ่มมากพรสวรรค์ ช่างสังเกต และเป็นเจ้าแห่งการอนุมาน”สหาย… ถ้าชมกันขนาดนี้ ผมก็อายเป็นเหมือนกัน… ไคลน์ฝืนยิ้ม“ผิดแล้ว ยอดนักสืบคือคุณต่างหาก หนทางของผมยังอีกยาวไกลนัก”“คนหนุ่มสมัยนี้ช่างถ่อมตน” ไอเซนการ์ดถอนหายใจยาว ยิ้มและกล่าวต่อ“แผนการของพวกเราหลังจากนี้ก็คือ อาศัยช่องทางข่าวสารของแต่ละคน ช่วยกันสืบหาเบาะแสซึ่งผมได้กล่าวไปแล้วข้างต้น”สหาย… นอกจากชุมนุมทาโรต์ แหล่งข่าวภายในกรุงเบ็คลันด์ของผมล้วนมาจากคุณเกือบทั้งหมด… ไคลน์ยิ้มรับ “เข้าใจแล้วครับ”สำหรับช่องทางติดต่อ ถ้าไม่นับคนของชุมนุมลับมิสเตอร์เนตรแห่งปัญญา ไคลน์จะมีเส้นสายเพียงชารอน มาริค แวมไพร์เอ็มลิน และหลวงพ่อยูทรอฟสกี้แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เรากำลังถูกจิตแห่งจักรกลตามคุ้มกัน การติดต่อชารอนกับมาริคคงทำได้ไม่… เรายังไปหาเอ็มลินได้อยู่ เพราะเขากลายเป็นสาวกของพระแม่ธรณีไปครึ่งตัวแล้ว คงได้รับความคุ้มครองจากหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ประมาณหนึ่ง… ไคลน์เริ่มวางแผนอนาคตตัวเองคาสลาน่าแน่นิ่งไปหลายวินาที“ไม่มีปัญหา”ไคลน์ปาดครีมทาขนมปังก้อนสุดท้าย ตามด้วยการหยิบขึ้นมาเคี้ยวอย่างไม่รีบร้อน“มิสเตอร์สแตนธอน ก่อนหน้านี้คุณเคยพูดถึงสมบัติปิดผนึกซึ่งมีขั้นตอนเปิดใช้งานค่อนข้างนาน สิ่งนั้นจะช่วยให้พวกเราสามารถรับมือกับผู้ปลดปล่อยแรงกระหายได้จริงหรือ”“ได้แน่นอน เพราะมันคือปัจจัยสำคัญในปฏิบัติการล้อมจับสุนัขปีศาจเมื่อคราวก่อน”ไอเซนการ์ดมอบคำตอบสั้นกระชับ“รหัส 1-42”1-42…? สมบัติระดับ 1 อันตรายมาก?มักถูกใช้ในสถานการณ์เฉพาะทางเท่านั้น แม้จะเป็นเมืองใหญ่อย่างมุขมณฑลเบ็คลันด์ก็ยังมีเก็บไว้หลังประตูยานิสไม่เกินสองชิ้น…เมื่อความรู้สมัยเหยี่ยวราตรีแล่นผ่านเข้าหัวสมอง ไคลน์ซักถามต่อไปอย่างสนใจ“หน้าตาเป็นอย่างไร? ผลข้างเคียง?”ไอเซนการ์ดหัวเราะในลำคอ“ผมจะไปทราบได้อย่างไร นั่นคือสมบัติปิดผนึกของโบสถ์รัตติกาล แต่ก็พอจะรู้ว่า เดิมที มันไม่ได้ถูกเก็บอยู่ในเบ็คลันด์ แต่ถูกส่งมาให้ใช้เป็นกรณีพิเศษกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง กล่าวกันว่าเป็นชุดเกราะเต็มอัตราศึกสีเงินแวววาว มีคราบเลือดแดงเข้มแห้งเกรอะกรังเกาะติด ครั้งหนึ่งเคยทำลายเมืองเล็กจนพินาศและมีผู้เสียชีวิตไปกว่าหนึ่งแสนราย”“ชุดเกราะต้องสาป?” ไคลน์ถือวิสาสะตั้งชื่อเองเสร็จสรรพไอเซนการ์ดพ่นควันสีขาวเทาพร้อมกับส่ายหัวหนักแน่นเป็นเชิงปฏิเสธ“ไม่น่าจะใช่คำสาป คนส่วนใหญ่มักเรียกมันว่า ‘ชุดเกราะคลั่ง’ หรือไม่ก็ ‘ชุดเกราะกระหายเลือด’ โบสถ์ของผมเดาว่าคราบเลือดแห้งกรังบนผิวโลหะ อาจเป็นโลหิตของเทพจากยุคสมัยบรรพกาล ขณะถูกพบครั้งแรก ชุดเกราะตัวดังกล่าวมีรูปทรงแสนธรรมดา ไม่โดดเด่นพอจะให้กลายเป็นจุดสนใจ แต่เดิมเคยถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่วัตถุโบราณ เกิดการซื้อขายเปลี่ยนมือไปหลายทอด แต่แล้ววันหนึ่ง ทุกคนซึ่งเคยสัมผัสชุดเกราะตัวนั้นล้วนเสียชีวิตในสภาพน่าเวทนา แขนขาแยกออกจากร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั่ง ผู้ไม่ได้สัมผัสมันมานานแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เมืองเล็กแห่งหนึ่งถูกทำลายไปพร้อมกับชาวเมืองอีกนับแสน เรื่องราวข้างต้นเกิดขึ้นราวช่วงต้นยุคสมัยที่ห้า เมืองดังกล่าวอยู่ในเขตความดูแลของเหยี่ยวราตรี พวกเขาจึงส่งทีมเข้าไปตรวจสอบซากปรักหักพังจนกระทั่งได้พบเข้า”สมกับเป็นผู้วิเศษจากโบสถ์ปัญญาความรู้ เชี่ยวชาญรายละเอียดปลีกย่อยในประวัติศาสตร์มาก… ไคลน์ชื่นชมคาสลาน่าถามด้วยสีหน้าวิตก“แล้วมันจะเป็นอันตรายกับพวกเราไหม”“โบสถ์รัตติกาลคงหาวิธีผนึกอย่างมีประสิทธิภาพได้แล้ว สำหรับพวกเรา แค่ไม่เข้าไปสัมผัสก็คงเพียงพอ” ไอเซนการ์ดมอบข่าวดีพร้อมกับตักเตือนเมื่อเสร็จมื้ออาหารเช้า ไคลน์และไอเซนการ์ดเดินไปทางห้องนั่งเล่นซึ่งฝ่ายหลังเคยใช้เป็นสังเวียนต่อสู้กับคนร้าย ส่วนคาสลาน่าขอตัวเข้าห้องน้ำเป็นคนแรกขณะสายตาจ้องมองแผ่นหลังนักสืบสาว ริมฝีปากชายหนุ่มขยับซักถาม“เธอมาจากเส้นทางผู้ตัดสินใช่ไหม”“สายตายังคงเฉียบแหลมเช่นเคย”ไอเซนการ์ดนั่งเอนหลังบนเก้าอี้นอนไคลน์เดินไปทางโซฟาเดี่ยวพลางพึมพำด้วยสีหน้าสับสน“เส้นทางดังกล่าวอยู่ในความดูแลของตระกูลออกัสตัสอย่างเข้มงวด หรือไม่ก็กองทัพและขุนนางเก่า แทบเคยไม่มีสูตรโอสถหรือวัตถุดิบหลักเล็ดลอดเข้ามาในท้องตลาด… หมายความว่ามาดามคาสลาน่าอาจมีเบื้องหลังอยู่ในกลุ่มข้างต้น?”ไอเซนการ์ดยิ้มรับ“คงเป็นเช่นนั้น แต่เธอกลับไม่เคยพูดถึงมันแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิฤติอย่างตอนนี้ก็ตาม ผมจึงตีความว่าเธอไม่สะดวกใจจะเล่าให้ใครฟัง”มันหันมาจ้องไคลน์โดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่ภาษากายภายนอกคล้ายกับกำลังพูดว่า :…คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?ไคลน์ยิ้มแห้งขณะหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาถัดมาไม่นาน คาสลาน่าเดินออกจากห้องน้ำและเริ่มปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิธีรับมือผู้ปลดปล่อยแรงกระหายกับไคลน์และไอเซนการ์ดเมื่อเล่ามาถึงจุดหนึ่ง สีหน้าหญิงสาวพลันอึมครึม ก่อนจะถอนหายใจยาว“ในเมื่อถูกลากเข้ามาพัวพันคดีสุดแสนอันตราย ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่า ตัวเองจะมีชีวิตรอดไปจากวิกฤติคราวนี้หรือไม่… ห…หากฉันถูกผู้ปลดปล่อยแรงปรารถนาฆ่าตาย ได้โปรดสลักป้ายหลุมศพไว้ว่า… เธอมีมารดาสุดประเสริฐ”เสียงของคาสลาน่าเบาลงทีละนิด บรรยากาศเย็นชาและไม่เป็นมิตรกับผู้คนเริ่มบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัดไอเซนการ์ดพยักหน้าเชิงเห็นพ้อง“ผมเองก็เหมือนกัน นี่คือคดีอันตรายอันดับหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา”มันเผยรอยยิ้มขื่นขม“ถ้าผมตายในเหตุการณ์คราวนี้ และคุณสองคนยังมีชีวิตรอด รบกวนช่วยนำศพกลับไปยังมหาวิหารแห่งความรู้ในลุนเบิร์กได้ไหม”…เลิกปักธงตายกันสักที!ริมฝีปากไคลน์สั่นเทาเป็นระยะ มันไม่ทราบวิธีหยุดถ้อยคำแสนหดหู่ของสองนักสืบตรงหน้า“ไม่มีปัญหา แต่ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น” ชายหนุ่มพยายามมองโลกในแง่บวกเพื่อสลัดความคิดด้านลบไอเซนการ์ดชำเลืองพร้อมกับซักถาม“เชอร์ล็อก แล้วทางคุณล่ะ หากเสียชีวิตในเหตุการณ์คราวนี้ คุณมีคำขอร้องสุดท้ายจะฝากฝังกับพวกเราหรือไม่”…ชุบชีวิตฉันขึ้นมา!ไคลน์เกรี้ยวกราดในใจ“ผมอยากถูกฝังในสุสานซึ่งมีวิวทิวทัศน์งดงาม และหากเป็นไปได้ สภาพศพต้องสมบูรณ์ ถูกพรมด้วยน้ำมนตร์ โปรยด้วยดอกไม้สดจำนวนมาก”หรือในอีกความหมายหนึ่งคือ… ห้ามเผา!ไม่ว่ายังไงก็ห้ามเผาเด็ดขาด!บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นพลันอึมครึมเป็นเวลานาน จนกระทั่งเสียงกริ่งบ้านดังขึ้นผู้มาเยือนคืออาวุโสคนสำคัญแห่งโบสถ์จักรกลไอน้ำ ไอคานส์·เบอร์นาร์ด เจ้าของผมเผ้ารุงรังและแข็งโด่เด่จนแม้แต่การสวมหมวกปีกกว้างก็ไม่สามารถช่วยจัดทรงร่างกายกำยำบึกบึน องค์ประกอบโดยรวมมอบความขัดแย้งอย่างบอกไม่ถูกแต่ในคราวนี้ มันไม่ได้มาพร้อมกับกระจกวิเศษนามอาโรเดส ไม่มีใครทราบว่าไอคานส์นำไปเก็บไว้ไหนหากมีโอกาส เราเองก็จะอยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนคนนั้นจะยื่นมือช่วยเหลือในลักษณะใด…ไคลน์ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อยไอคานส์ไม่เดินเข้ามาด้านใน เพียงยืนตรงจุดเดิมพลางจ้องมองสามนักสืบผู้วิเศษก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างร้อนรน“ทางเราได้รับเบาะแสเพิ่มของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายแล้ว!”……………………
คอมเม้นต์