ราชันเร้นลับ 417 : อาโรเดส
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์บนผิวกระจก ไคลน์แสดงสีหน้าประหลาดใจโดยไม่ปิดบังคนรอบข้างกระจกบานนี้ทรงพลังมาก แถมยังมีชื่อเป็นของตัวเอง คงเป็นสมบัติปิดผนึกแบบมีสัญญาณชีพกระมัง…ของแบบนี้มักไม่อันตราย แต่มีขั้นตอนการปิดผนึกซับซ้อน และถูกใช้งานไม่บ่อยครั้ง ต้องเป็นภารกิจเฉพาะทางเท่านั้น…หมายความว่าไอคานส์·เบอร์นาร์ดจากจิตแห่งจักรกลคนนี้ต้องไม่ธรรมดา คงเป็นบุคลากรระดับสูง ขั้นต่ำคืออาวุโส และอาจไม่ใช่อาวุโสธรรมดา…ศาสตร์การทำนายนั้นมีพลังจำกัด การทำนายของเราผลให้ผลลัพธ์ไม่ต่างจากกระจกเงินบานนี้มากนัก ถึงจะเป็นบนห้วงมิติเหนือสายหมอกเทาก็ตาม…และรายละเอียดเมื่อครู่ไม่ช่วยอะไรมาก เบ็คลันด์เต็มไปด้วยบุรุษแก้มตอบดวงตาสีฟ้านับไม่ถ้วน…ขณะไคลน์กำลังครุ่นคิด ฉากเหตุการณ์บนผิวกระจกเริ่มเลือนหาย ก่อนจะถูกแทนด้วยข้อความสีเลือดค่อนข้างยาว :“ตามกฎการแลกเปลี่ยนอันเท่าเทียม ข้ามีสิทธิ์ตั้งคำถามกับเจ้าหนึ่งข้อ หากโกหกหรือตอบผิด เจ้าจะต้องเลือกระหว่างการรับทำภารกิจให้ข้าหรือรับบทลงโทษ”“…” ไคลน์ขมวดคิ้วทันทีหลังจากอ่านจบนี่มันกระจกถามตอบ? ชักน่าสนใจ…ถัดมา อักษรเลือดบนเผิวกระจกเริ่มเคลื่อนไหวและเรียงตัวกันเป็นประโยคใหม่ :“ชื่อจริงของ ‘แสงแดง’ คืออะไร”แสงแดง…?หนึ่งในผู้นำของภราดรภาพแสงพิสุทธิ์? หนึ่งในเจ็ดริ้วแสงของโลกวิญญาณ?ไคลน์ก้มหน้าตรึกตรองสักพักและมั่นใจว่าตนไม่สามารถตอบคำถามข้อนี้ได้เพราะมันรู้จักเพียงแสงเหลือง เวนิธานลูกกระเดือกไอคานส์ขยับขึ้นลงชัดเจน เหงื่อเม็ดใหญ่เริ่มผุดขึ้นกึ่งกลางหน้าผากบรรยากาศเงียบงันปกคลุมห้องนอนไคลน์นานหลายวินาที จนกระทั่งไอคานส์ตัดสินใจเปล่งเสียงเคร่งขรึม“นานีเดส!”“ผิด” อักษรเลือดสีแดงสดบนผิวกระจกเริ่มเปลี่ยนคำอีกครั้ง “ลงโทษหรือภารกิจ?”ใบหน้าไอคานส์ปรากฏความหนักใจชัดเจน ก่อนมันจะสูดลมหายใจเต็มปอดและโพล่งออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว“ลงโทษ”ในวินาทีสิ้นหางเสียง สายฟ้าสีเงินพลันผ่าลงมาจากด้านบนอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย กระทบใส่ศีรษะหัวหน้าหน่วยจิตแห่งจักรกลเข้าอย่างจังเกิดเสียง ‘เปรี๊ยะ’ หนึ่งหนพร้อมกับการล้มหงายหลังดัง ‘ตึง’ ของไอคานซ์ เส้นผมบนศีรษะหงิกงอแหละแข็งชี้ยิ่งกว่าเก่า ตามลำตัวมีควันดำลอยขึ้นมาอย่างเจือจางแต่กระจกมิได้หล่นพื้นตามร่างไอคานส์ เพียงลอยลงไปวางบนโต๊ะอ่านหนังสืออย่างเงียบงันผ่านไปราวสองวินาที ร่างกายไอคานส์ชักกระตุกแผ่วเบา ตามด้วยการฝืนพยุงตัวลุกด้วยมือไม้สั่นระริกและลมหายใจขาดห้วงไคลน์ทำได้เพียงจ้องมองภาพเหตุการณ์อย่างเงียบงัน ไม่รู้ว่าตนควรกล่าวสิ่งใดหรือแสดงพฤติกรรมใดออกมาจนกระทั่งผ่านไปสักพัก ไอคานส์เริ่มฟื้นฟูร่างกายกลับมาได้บางส่วน มันหันมาจ้องชายหนุ่มพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้มจืดชืด“คุณคงเคยได้ยินการมีอยู่ของสมบัติปิดผนึกแล้วใช่ไหม? สิ่งเหล่านี้มักมีผลข้างเคียงประมาณหนึ่งเสมอ”“เคยครับ” ไคลน์ชำเลืองมองเส้นผมชี้โด่เด่ของไอคานส์พร้อมกับเข้าใจทันทีว่า เหตุใดชายคนนี้ถึงหัวหยิกและมีเส้นผมแข็งกระด้างอย่างผิดธรรมชาติมันหันไปซักถาม“แต่ผมไม่เข้าใจ คุณไม่จำเป็นต้องถามต่อหน้าผมก็ได้ ทำไมถึงไม่แอบซักถามลับหลัง คนอื่นจะได้ไม่เห็นขณะคุณถูกลงโทษ”“ฟู่ว… เงื่อนไขการใช้งานกระจกบานนี้คือ ต้องมีใครสักคนต้องมองจากด้านข้าง” ร่างกายไอคานส์ยังคงสั่นเทาใจร้ายชะมัด…ไคลน์เดินสองก้าวเข้าหาโต๊ะอ่านหนังสือ สายตาก้มมองกระจกเงาสีเงินอย่างสนใจ ชายหนุ่มไม่พบความผิดปรกติอื่นนอกจากอัญมณีลักษณะคล้ายดวงตาสองข้าง ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าเป็นสมบัติปิดผนึกไอคานส์หัวเราะแห้ง“คุณจะลองถามก็ได้นะ พวกเราไม่ถือสา”“ไม่เอาดีกว่า… เกรงใจ”ไคลน์ไม่มีทางเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับกระจกพิศวงผีถ้วยแก้วบานนี้ขณะมอบคำตอบ ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วสัมผัสขอบกระจกเงินอย่างระมัดระวังนอกจากความเย็นเฉียบของโลหะก็ไม่มีสิ่งใดพิเศษ…ทันใดนั้น กระจกเงินเริ่มสั่นตามด้วยข้อความ ‘สีขาว’ ใจความว่า :“ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน อาโรเดส พร้อมรับใช้ท่านทุกเมื่อ”เห…?สมองไคลน์เริ่มขาวโพลนมันรีบผละออกจากโต๊ะอ่านหนังสือด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีเหตุการณ์ผิดปรกติเกิดอะไรขึ้น? กระจกเพิ่งเล่นเกมทายคำสุดโหดหินด้วยข้อความเย็นชาและแข็งกร้าว… แล้วทำไมถึงเขียนข้อความเมื่อครู่ต่อหน้าเรา?ไคลน์ประหลาดใจแกมสับสน ตามด้วยการตั้งสมมติฐานจากข้อมูลปัจจุบันกระจกเงินบานนี้รู้จักชื่อจริงของแสงแดง แปลว่าคงเป็นตัวตนจากโลกวิญญาณหรือไม่ก็ผู้เกี่ยวข้อง…ดูเหมือนห้วงมิติเหนือสายหมอกเท่าก็จะเชื่อมต่อกับโลกวิญญาณเช่นกัน หรืออย่างน้อยก็ขณะเราประกอบพิธีกรรมอัญเชิญตัวเอง ด้านในบานประตูมิติมีลักษณะคล้ายกับคำอธิบายของโลกวิญญาณ…แปลว่ากระจกเงิน ‘อาโรเดส’ ตระหนักถึงออร่าของห้วงมิติเหนือสายหมอกได้?ขณะสร้างทฤษฎีในสมอง ไคลน์เหลือบเห็นไอคานส์ฟื้นตัวกลับมาพร้อมกับพยุงตัวลุกยืน ก่อนจะเอื้อมมือลงไปหยิบกระจกเงาบนโต๊ะ ทางด้านลูกทีมจิตแห่งจักรกลอีกสองคน หลังจากแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มาสักพัก พวกมันเริ่มกลับมาค้นหาเบาะแสภายในห้องอีกครั้งเมื่อการสอบปากคำผ่านไปด้วยดี ไคลน์โบกมือลาไอคาสน์และเดินกลับลงมาหาไอเซนการ์ดและกลุ่มนักสืบ“แล้วเราจะทำยังไงต่อ” ไคลน์ถามเถรตรงไอเซนการ์ดสวมสีหน้าเคร่งขรึม“ต้องจัดแจงให้สจ๊วตและครอบครัวย้ายบ้านพร้อมกับเปลี่ยนแปลงตัวตนให้แนบเนียน แต่แน่นอน นี่เป็นเพียงแผนระยะสั้น ส่วนคุณ ผม และคาสลาน่าจะทำตัวตามปรกติและได้รับการคุ้มครองลับจากหน่วยพิเศษ นอกเหนือจากนั้น พวกเราได้แต่หวังให้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายถูกจับกุมโดยเร็ว คุณนับถือเทพจักรกลไอน้ำใช่ไหม”“ครับ” ขณะตอบ ไคลน์วาดสัญลักษณ์สามเหลี่ยมกลางหน้าอกอย่างชำนาญภายในใจส่งเสียงรำพันหลังจากนี้ไปอีกสักพัก เราคงส่งตัวเองเข้าสู่ห้วยมิติเหนือสายหมอกได้แค่ในห้องน้ำเท่านั้น……เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์ออเดรย์แหงนมองนาฬิกาแขวนผนังรูปทรงงดงาม ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยอารมณ์ตื่นเต้นแกมประหม่าเธอมีแผนจะเดินทางไปยังบ้านของครูสอนจิตวิทยาส่วนตัว เอลลันด์ เพื่อเข้ารับการทดสอบเป็นสมาชิกสมาคมแปรจิตเต็มตัวแต่ก่อนจะออกเดินทาง เด็กสาวต้องการเวลาส่วนตัวสำหรับขอความช่วยเหลือจากเดอะฟูลเราจะได้เห็นเทวทูตบ้างแล้วใช่ไหม…!เธอกำลังคาดหวังหลังจากนั่งทำใจสักพัก ออเดรย์ก้มหน้าลงเล็กน้อย สองมือประสานใต้คาง พลางเปล่งเสียงเอ่ยพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ของเดอะฟูลแผ่วเบาณ 15 ถนนมินส์ ไคลน์กำลังยืนในห้องนั่งเล่นพลางกวาดสายตามองบรรยากาศแสนเงียบงันรอบตัวสำหรับมัน ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเป็นเพียงภัยอันตราย แต่สำหรับสจ๊วต สิ่งนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตหวังว่าเรื่องราวจะจบลงโดยเร็ว… กรุงเบ็คลันด์เต็มไปด้วยผู้วิเศษแข็งแกร่งและสมบัติปิดผนึกจำนวนมาก ต้องมีหนทางสยบผู้วิเศษเส้นทางปีศาจได้แน่…ขณะกำลังครุ่นคิด ไคลน์ได้ยินเสียงวิงวอนของหญิงสาวดังกังวานในสมองคงเป็นมิสจัสติส…เนื่องจากเตรียมตัวไว้แล้ว ชายหนุ่มเพียงมองไปรอบตัวหนึ่งหนและเดินเข้าห้องน้ำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อลงกลอนเรียบร้อย ไคลน์ถอนหายใจยาวพลางรำพันเงียบวิถีชีวิตเราก็เปลี่ยนไปเช่นกัน…จนกว่าปัญหาของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจะคลี่คลาย มันคงส่งตัวเองเข้าห้วงมิติเหนือสายหมอกพร่ำเพรื่อไม่ได้ เนื่องจากมีจิตแห่งจักรกลคอยจับตามองทุกฝีก้าวในสัปดาห์หน้า เราคงต้องเร่งเวลาของชุมนุมทาโรต์ให้กระชับกว่าปรกติ น่าจะเหลือประมาณเกือบสิบนาที… แต่นั่นก็ยังถือว่านาน คงต้องแสร้งทำเป็นท้องเสีย…ใครเป็นคนตั้งกฎว่าผู้วิเศษท้องเสียไม่ได้?ขณะกำลังมองโล่งในแง่ดี ไคลน์เดินทวนเข็มสี่ก้าวและส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเทาเมื่อได้รับสัญญาณ ออเดรย์เริ่มประกอบพิธีกรรมตามคำสอนของเดอะฟูล จากนั้นก็เข้าสู่อาการ ‘ละเมอเทียม’หลังจากไคลน์เห็นว่าดาวแดงของจัสติสเริ่มฉายร่างมายาพร่ามัว มันลงมือตามขั้นตอนทันที ประการแรก ไคลน์ใช้มือสัมผัสกับไพ่จักรพรรดิมืดเพื่อยกระดับร่างจิต จากนั้นก็โยนกระดาษรูปคนซึ่งพัฒนาฝีมือการตัดขึ้นมาเล็กน้อย ออกไปด้านหน้าและไม่ผิดคาด กระดาษรูปคนกลายเป็นสื่อกลางในการซึมซับพลังละอองพลังปริมาณมากภายในห้วงมิติ ก่อเกิดเป็นเทวทูตผู้มีปีกสิบสองคู่สีดำสนิทขณะเดียวกัน ออเดรย์มองเห็นเทวทูตปีกสีดำสนิทหลายชั้นกำลังร่อนลงมาหาตนจากเบื้องหน้า จากนั้นก็โอบกอดแนบแน่น ทำเอาเด็กสาวทึ่งจนหมดคำจะกล่าวไปเป็นเวลานานนี่คือเทวทูต… ของมิสเตอร์ฟูล…!แถมยังมีปีกสิบสองคู่… อัครเทวทูต!ตรงตามคำอธิบายในพระคัมภีร์ทุกประการ! เทวทูตของชุมนุมทาโรต์!ออเดรย์จ้องมองเงาลางของเทวทูตเบื้องหน้าบรรจงเลือนหายไปทีละนิด ก่อนจะเกิดความรู้สึกซาบซ่านไปทั่วร่างเธอกล่าวขอบพระคุณมิสเตอร์ฟูลด้วยสีหน้าความเปี่ยมสุข ตื่นเต้น และเคารพเทิดทูน ก่อนจะเรียกสาวใช้เพื่อบอกว่าตนพร้อมออกไปข้างนอกแล้วไคลน์เพียงยิ้มรับและส่งตัวเองกลับห้องนั่งเล่นของบ้าน สายตาจ้องมองรูกระสุนบนกำแพงพลางทำสีหน้าครุ่นคิดเราควรใช้สีราคาถูกทาทับ หรือจะซ่อมกำแพงใหม่และลงสีใหม่หมดดี?…ณ บ้านของเอสลันด์ เขตฮิลสตัน ถนนหมายเลขเจ็ดออเดรย์สั่งให้สาวใช้และบอดี้การ์ดรออยู่ในห้องรับแขก ส่วนเธอเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องนั่งเล่นพร้อมกับสุนัขสีทองขนฟูด้านในมีสองบุคคลยืนรออยู่ก่อนแล้ว คนหนึ่งคือฮิลเบิร์ด·อลูคาร์ด นักจิตวิทยาซึ่งเด็กสาวรู้จักผ่านคุณนายนอร์ม่า ส่วนอีกหนึ่งคนคือสตีเฟ่น·ฮันเพรส เจ้าของงานสัมมนาหัวข้อจิตวิทยาและศาสตร์เร้นลับในคราวก่อนแม้จะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยง แต่ภายในห้องกลับมีแสงสว่างจากเทียนไขเพียงหนึ่งเล่มเทียนไขถูกวางใจกลางโต๊ะกาแฟ เปลวไฟสีเหลือนวลไหววูบวาบ ช่วยไล่ความมืดมิดออกไปจากห้องได้บางส่วนหลังจากแนะนำตัวกันและกันจนครบ ฮิลเบิร์ด ผู้มีผิวแทนซึ่งเป็นผลมาจากเลือดผสมของชาวทวีปใต้ ก้มหน้ามองซูซี่เล็กน้อยโดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมาออเดรย์ยิ้มอ่อน“ดิฉันรู้สึกอุ่นใจเมื่อมีเธอคอยเคียงข้าง”ซูซี่แหงนหน้ามองฮิลเบิร์ดและทำตาปริบๆ“เข้าใจแล้ว เชิญนั่งครับ” ฮิลเบิร์ดยิ้มรับพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกาแฟ ทางด้านเอสลันด์และฮันเพรสแยกย้ายไปนั่งประจำจุดของตัวเองเมื่อออเดรย์นั่งลง ฮิลเบิร์ดขยับไส้เทียนให้ยาวขึ้นเพื่อเร่งแสงขึ้นจากเดิมเล็กน้อยมันจ้องออเดรย์ผ่านเปลวเทียนสีเหลือง“ช่วยตอบมาตามตรง คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม ว่าจะเข้าร่วมสมาคมแปรจิต”ภายใต้บรรยากาศสลัว ราวกับดวงตาของฮิลเบิร์ลแปรเปลี่ยนเป็นสีทองสว่าง ลึกลงไปในตาดำกำลังปรากฏภาพมายาของดวงตาแนวตั้งซ้อนทับสติออเดรย์หลุดลอยชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาได้ทันท่วงที เด็กสาวรีบพยักหน้ารับอย่างเป็นธรรมชาติ“ใช่ค่ะ”ฮิลเบิร์ดถามต่อ“คุณคิดร้ายต่อสมาคมแปรจิตหรือไม่”น้ำเสียงของมันแฝงความคล้อยตามอย่างน่าประหลาด คล้ายกับว่า ความคิดจากส่วนลึกของจิตใจเป้าหมายจะถูกตอบออกมาตามสัญชาตญาณอย่างมิอาจขัดขืน“ไม่ค่ะ” เด็กสาวยังคงแนบเนียนหลังจากชุดคำถามผ่านไปจนครบ ฮิลเบิร์ด เอสลันด์ และฮันเพรต่างถอนหายใจด้วยสีหน้าผ่อนคลายรายแรกอมยิ้มและซักถามเด็กสาว“คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม”ออเดรย์ทำหน้าลังเลแกมหนักใจ ก่อนจะยอมเผยความลับเพื่อแสดงถึงความ ‘จริงใจ’“ด…ดิฉันเคยซื้อโอสถผู้ชมมาจากชุมนุมลับของผู้วิเศษ ต…ตอนนี้จึงเป็นผู้ชมแล้วค่ะ”ชุมนุมลับดังกล่าวก็คือ… ชุมนุมทาโรต์!ออเดรย์กล่าวอย่างภาคภูมิ……………………
คอมเม้นต์