ราชันเร้นลับ 413 : กลุ่มผู้มาเยือน
ณ สถานีตำรวจไรซ์ ขอบเขตการดูแลครอบคลุมถนนมินส์และบริเวณโดยรอบไคลน์ยืนจับมือกับเจ้าพนักงาน ผู้เดินออกมาส่งตนถึงหน้าประตู“จดหมายขู่ฉบับนี้ต้องเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องก่อนหน้านี้แน่นอนครับ! เนื่องจากแกนนำผู้รวบรวมกลุ่มนักสืบหัวกะทิเข้าด้วยกันอย่างยอดนักสืบไอเซนการ์ด ได้ถูกคนร้ายบุกจู่โจมไปก่อนหน้านี้แล้ว! ได้โปรดจริงจังกับเรื่องนี้ด้วยนะครับ”ตำรวจคนเดิมยังไม่ชักมือกลับ เพียงยิ้ม“ไม่ต้องกังวล นักสืบโมเรียตี้ พวกเราไม่เพิกเฉยคำแนะนำของคุณแน่นอน และจะรีบรายงานให้เบื้องบนทราบทันที”“ขอบคุณมากครับ” ไคลน์สวมหมวกพร้อมกับเดินออกจากสถานีตำรวจหลังจากได้รับจดหมายขู่สองฉบับจากผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นเจ้านายสุนัขปีศาจ ไคลน์รีบถ่อมายังสถานีตำรวจไรซ์เพื่อแจ้งความโดยไม่รีรอ ภายในใจหวังให้คดีถูกส่งต่อไปถึงจิตแห่งจักรกลหรือทูตพิพากษาโดยเร็ว หน่วยพิเศษจะได้ส่งคนมาคุ้มกันทันเวลาว่ากันตามตรง ไคลน์ไม่มีความจำเป็นต้องยึดติดกับตัวตน ‘นักสืบเชอร์ล็อก’ มากนัก สามารถเผ่นหนีไปให้ไกลในตอนกลางคืน และหาเช่าบ้านหลังอื่นในกรุงเบ็คลันด์ด้วยตัวตนใหม่ได้ไม่ยากแต่เมื่อลองไตร่ตรองให้ดี ชายหนุ่มคิดว่านั่นอาจเป็นจุดประสงค์ของผู้ส่งจดหมายข่มขู่แต่แรกตามหลักทั่วไป ผู้วิเศษนอกกฎหมายมักหวาดกลัวและไม่กล้าแจ้งตำรวจหรือกองทัพโดยตรง ทางเลือกยอดนิยมจึงเป็นการเผ่นหนีในยามวิกาล และนั่นจะกลายเป็นโอกาสเหมาะเจาะสำหรับการซุ่มโจมตีอย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายก็มีโอกาสจู่โจมเราระหว่างการเดินทางไปกลับสถานีไรซ์และอาคาร 15 ถนนมินส์อยู่ดี… แปลว่ามันน่าจะมีจุดประสงค์อื่นมากกว่า… ตัดทิ้ง…ไคลน์ ผู้กำลังสับสนและหวาดระแวง ตัดสินใจเดินทางกลับอาคาร 15 ถนนมินส์ขณะย่างกรายลงจากรถม้า ด้วยแสงสว่างจากเสาตะเกียงท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ชายหนุ่มมองเห็นบุคคลผู้หนึ่งกำลังยืนทำตัวลับล่อหน้าบ้านตนหัวใจไคลน์พลันหยุดเต้น แต่ก็ผ่อนคลายลงเมื่อจดจำใบหน้าของผู้มาเยือนได้อีกฝ่ายไม่ใช่ใครนอกจากสจ๊วต นักสืบหนุ่มเจ้าของส่วนสูงปานกลาง รูปร่างผอมเพรียวอย่าเพิ่งวางใจจะดีกว่า… เส้นทางปีศาจอาจมีพลังคล้ายกับผู้ไร้หน้า…ไคลน์เดินเข้าไปใกล้พร้อมกับกำไม้ค้ำในมือซ้ายแน่น จึงค่อยตะโกนเรียกหยั่งเชิงนักสืบสจ๊วตรีบหันขวับกลับมา และซักถามด้วยสีหน้าแววตาตื่นตระหนกไม่ปิดบัง“มิสเตอร์โมเรียตี้! ผมได้รับจดหมายขู่ เนื้อหาด้านในเขียนว่า พวกแกทุกคนต้องตาย!”“คุณก็ด้วยหรือ?” ไคลน์ขมวดคิ้วฉงน แต่ภายในใจก็พอจะเดาออกสจ๊วตคือหนึ่งในกลุ่มนักสืบ ผู้เคยถูกไอเซนการ์ด·สแตนธอนเรียกประชุม เพื่อช่วยสืบคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสะเทือนขวัญในอดีตดวงตาสจ๊วตพลันเบิกโพลง“คุณก็ได้รับด้วยหรือ”“ใช่” ไคลน์พยักหน้ารับเคร่งขรึมแถมยังมากกว่าหนึ่งฉบับ… มันรำพัน“แล้วผมควรทำอย่างไรดี? ผมแวะเข้าไปหามิสเตอร์สแตนธอนมาก่อนแล้ว แต่เมื่อทราบว่าเขาถูกคนร้ายบุกโจมตี จึงรีบตรงมาหาคุณทันที… ขอบคุณพระองค์! ขอบคุณสำหรับคำอวยพร! ผมเกือบจะกลับไปแล้ว!”สจ๊วตเล่าเรื่องราวอย่างตื่นตระหนกไคลน์ชี้ไปทางประตูบ้าน“เข้าไปคุยข้างในกันเถอะ”หลังจากเดินเข้าห้องนั่งเล่น ไคลน์หาข้ออ้างเข้าห้องน้ำพร้อมกับส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา เพื่อทำนายให้หายคาใจในสองเรื่อง ประกอบด้วย ข้อแรก มันต้องยืนยันให้ได้ว่า อีกฝ่ายคือสจ๊วตตัวจริง และข้อสอง ในค่ำคืนนี้จะมีอันตรายเกิดขึ้นหรือไม่ผลลัพธ์ระบุว่า ‘ใช่’ ทั้งสองคำถามหรืออีกนัยหนึ่ง สจ๊วตมิใช่ศัตรูปลอมตัวมา และค่ำคืนนี้จะมีอันตรายบางอย่างเกิดขึ้น!แน่นอน อันตรายดังกล่าวอาจไม่ได้เกิดขึ้นกับไคลน์โดยตรง แต่เป็นเคราะห์ร้ายของนักสืบเอกชนสักคน ผู้ถูกเจ้านายของสุนัขปีศาจเชือดทิ้งอย่างเงียบเชียบนี่คือข้อจำกัดของพลังทำนาย ผลลัพธ์จะออกมาในลักษณะคลุมเครือตามประโยคทำนาย ไม่ใช่การถามตอบเพื่อเค้นความจริง ไม่มีทางมองเห็นอนาคตล่วงหน้าอย่างแจ่มชัดไม่เพียงเท่านั้น ศาสตร์เร้นลับยังมีข้อจำกัดในการใช้พลัง แถมยังสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมหาศาล ไม่สามารถใช้เทคนิคการถามแบบ ‘ใช่หรือไม่’ ไปเรื่อยๆ จนครบทุกข้อสงสัยได้เมื่อกลับสู่โลกความจริง ไคลน์กดปุ่มกลไกชักโครกเพื่อสร้างกระแสน้ำชะล้าง ก่อนจะรีบล้างมือและเปิดประตูออกไป“สจ๊วต กาแฟหรือชาดำ” มันซักถามสุขุมสจ๊วตลุกพรวดและรีบส่ายหน้า“ไม่! พวกเราควรกังวลกับปัญหาตรงหน้าเป็นอันดับแรก! จริงอยู่ ผมเคยได้รับจดหมายขู่เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีฉบับใดเทียบได้กับจดหมายขู่คราวนี้แน่นอน! เจ้าบ้านั่นบรรจงใช้เลือดสดของมนุษย์เขียนทีละคำ! สัญชาตญาณของผมเตือนว่า มันเป็นคนพูดจริงทำจริง และมีพลังพอจะทำเรื่องแบบนั้นได้! ไม่ผิดแน่ มิสเตอร์แสตนธอนต้องถูกคนร้ายคนเดียวกับพวกเราโจมตี!”“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ไคลน์กล่าวเสียงเรียบพลางทิ้งตัวนั่ง “คนร้ายคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องซึ่งถูกพวกเราสะสางไป เป็นเหตุผลให้มันรู้สึกโกรธแค้นมิสเตอร์สแตนธอน ผม และคุณ”หืม… สจ๊วตตื่นตระหนกจนผิดธรรมชาติ… เป็นเพราะได้ยินว่ามิสเตอร์สแตนธอนถูกลอบทำร้าย?ไคลน์สังเกตท่าทีสจ๊วตอย่างระมัดระวังสจ๊วตเริ่มสงบสติ มันนั่งลงและกล่าวหลังจากก้มหน้าตรึกตรองเป็นเวลานาน“ก็คงจะเป็นเช่นนั้น…”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค สุ้มเสียงแหลมกังวานพลันดังระงมไปทั่วบ้านใครบางคนดึงกริ่งหน้าประตูสจ๊วตพลันสะดุ้งอย่างตื่นกลัว ประหนึ่งนกน้อยสติกระเจิงหลังจากได้ยินเสียงปืนไคลน์ขมวดคิ้ว สายตาเหลือบมองไปทางประตูเล็กน้อย ตามด้วยการลุกเดินไปตรวจสอบด้วยตัวเองในวินาทีฝ่ามือสัมผัสลูกบิด นิมิตลางสังหรณ์พลันปรากฏขึ้นในสมองผู้มาเยือนคราวนี้คือนักสืบคาสลาน่า เธอสวมเสื้อขนสัตว์สีเทาอ่อน และลิเดีย ผู้ช่วยสาวผมแดง รวมถึงกลุ่มนักสืบหนุ่มสาวอีกหลายคนด้านหลัง ทุกคนล้วนมีใบหน้าคุ้นเคยทั้งหมดคือกลุ่มนักสืบเอกชน ผู้เคยถูกยอดนักสืบสแตนธอน เรียกประชุมเพื่อไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสะเทือนขวัญไม่ผิดจากความคาดหมายสักเท่าไร…ไคลน์ทบทวนความทรงจำ มันยังไม่ลืมใบหน้าของเหล่านักสืบเอกชนฝีมือดีเหล่านี้ชายหนุ่มเปิดประตูพร้อมกับเดินถอยหลังสองก้าวคิ้วหนาเป็นพุ่ม แก้มหย่อนคล้อย นักสืบสาวคาสลาน่า มองสลับไปมาระหว่างไคลน์และสจ๊วตด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเข้าประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม“พวกเราทุกคนได้รับจดหมายขู่แบบเดียวกัน หมายความว่า ทางคุณก็คงได้รับเหมือนกันใช่ไหม”“ถูกต้อง” ไคลน์ตอบเสียงขรึมคาสนาล่าพ่นลมหายใจสีขาวโดยไม่เบือนหน้าหลบไปทางอื่น“คงเป็นเพราะพวกเราทุกคนเคยถูกมิสเตอร์สแตนธอนเรียกประชุมเพื่อไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง หากไม่ใช่เรื่องนี้ แต่ละคนก็ไม่เหลือสิ่งใดให้เชื่อมโยงกันได้อีกแล้ว “ผมก็คิดแบบเดียวกัน” ไคลน์ชี้เข้าไปในบ้าน “คุยข้างในเถอะ”เมื่อได้เห็นนักสืบเอกชนจำนวนหกคนเดินผ่านกรอบประตูเข้ามา ไคลน์เริ่มวิเคราะห์หาเป้าหมายของเจ้านายสุนัขปีศาจการส่งจดหมายขู่ถึงทุกคนอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ คงไม่แคล้วทำให้หน่วยพิเศษประจำกรุงเบ็คลันด์เกิดความตื่นตัว อาจถึงขั้น มีผู้วิเศษลำดับสูงทรงพลังบางคน คอยจับตามองและคอยเฝ้าระวังบริเวณบ้านเราอยู่…แล้วมันจะลงมือแก้แค้นด้วยวิธีใด?หรือมันกำลังวางแผนปั่นหัวให้คนของกองทัพและหน่วยพิเศษของสามโบสถ์หลัก ต้องโยกย้ายกำลังพลอย่างสูญเปล่าจนเริ่มอ่อนแรงไปเองทีละนิด… จากนั้นค่อยลงมือแก้แค้นเป้าหมายแท้จริง ลอบจู่โจมหน่วยพิเศษของทางการและสามโบสถ์หลัก ผู้สังหารสุนัขปีศาจของตนอย่างโหดเหี้ยม?หากแผนการเป็นไปอย่างราบอื่น อาจมีสมาชิกหน่วยพิเศษบางคนต้องตายในคืนนี้…สำหรับกลุ่มนักสืบเอกชนอ่อนแอ มันค่อยย้อนมาจัดการหลังจากเรื่องซาลงก็ยังไม่สาย…ขณะเดียวกัน ถ้ามันสัมผัสถึงอันตรายได้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถยกเลิกแผนการและหลบหนีอย่างปลอดภัย…สมกับเป็นเส้นทางปีศาจ ผู้มีพลังตระหนักถึงอันตรายได้ล่วงหน้า นี่คือวิธีนำจุดแข็งมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด…หืม… อาจไม่จริงเสมอไป เพราะไม่ว่าจะเป็นโบสถ์หลักทั้งสามหรือกองทัพของราชวงศ์ หน่วยพิเศษในสังกัดล้วนเต็มไปด้วยบุคคลแข็งแกร่ง แถมยังมีสมบัติปิดผนึกทรงพลัง…ยิ่งเป็นเมืองหลวงอย่างเบ็คลันด์ด้วยแล้ว ไม่มีทางขาดแคลนกองทัพครึ่งเทพหรือสมบัติระดับ 0 และ 1 แน่นอน เกรงว่า แม้แต่ลำดับ 5 อย่างเจ้านายสุนัขปีศาจ ก็ไม่มีพลังมากพอจะสร้างความเสียหายแก่หน่วยพิเศษ…ถูกต้อง มันไม่กล้าลงมือแน่นอน…ทั้งเหยี่ยวราตรี จิตแห่งจักรกล และทูตพิพากษา หน่วยพิเศษของโบสถ์ย่อมเคยทำสงครามกับปีศาจมานานหลายปี… ย้อนกลับไปถึงยุคสมัยที่สี่หรือกระทั่งยุคสมัยที่สามอันเก่าแก่ พวกมันคงเคยปราบปีศาจมานับไม่ถ้วน…เจ้านายของสุนัขปีศาจคงเป็นผู้เศษลำดับ 5 และอาจครอบครองสมบัติวิเศษสักชิ้น หากทุกสิ่งดำเนินไปตามครรลอง มันจะถูกกองทัพครึ่งเทพของโบสถ์หลัก ฉีกกระชากร่างกายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา…แล้วทำไมถึงยังกล้าวางแผนทำเรื่องเช่นนี้?บางที อาจเป็นไปได้ว่า แผนการของมันมีจุดประสงค์เพียงเพื่อปั่นหัวหน่วยพิเศษเล่น โดยไม่ได้คิดลงมือตั้งแต่ต้น…ยังมีอีกหนึ่งความเป็นไปได้… มันจงใจล่อให้เหยื่อจำนวนมากมารวมตัวกันเป็นกระจุกใหญ่ และเตรียมใช้จุดอ่อนทางด้านความขัดแย้งระหว่างโบสถ์ รวมถึงความล่าช้าของระบบระเบียบราชการ ให้เกิดประโยชน์…การโจมตีมิสเตอร์ไอเซนการ์ด ทำไปเพื่อให้คดีถูกส่งต่อไปยังจิตแห่งจักรกล เนื่องจากคดีเกิดขึ้นในเขตฮิลสตัน แต่เป้าหมายแท้จริงของมันคือ การบุกถล่มเหยี่ยวราตรี ผู้เป็นแกนนำสังหารสุนัขปิศาจเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน โดยอาศัยจุดอ่อนด้านการประสานงานอันเชื่องช้าระหว่างสองหน่วยพิเศษ…แต่คดีอาจถูกส่งต่อไปยังหน่วยพิเศษตามศาสนาของมิสเตอร์สแตนธอนแทน… แล้วเขานับถือศาสนาใดกัน?เราไม่มีทางทราบเลย…และหลังจากส่งจดหมายขู่ นักสืบเอกชนต่างศาสนาจำนวนมากได้กระจุกตัวกันภายในบ้านหนึ่งหลัง สิ่งนี้คงทำให้หน่วยพิเศษแต่ละศาสนาแบ่งงานกันไม่สะดวกนัก…เกิดปฏิบัติการร่วม? นั่นคงไม่ราบรื่นแน่…ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน คงมีสมาชิกหน่วยพิเศษเพียงไม่กี่คนคอยจับตามองและอารักขาพวกเรา อย่างมากก็คงเป็นระดับอาวุโสทั่วไป และมิได้พกพาสมบัติปิดผนึกทรงพลังติดตัวมาด้วย…ลืมเรื่องครึ่งเทพไปได้เลย ข่าวคราวอาจยังไปไม่ถึงหูพวกมันด้วยซ้ำ…สำหรับเจ้านายสุนัขปีศาจ ไม่มีโอกาสใดเหมาะแก่การสังหารหมู่ไปมากกว่านี้…จริงอยู่ หน่วยพิเศษหลายทีมอาจมีพลังเพียงพอจะเอาชนะผู้วิเศษลำดับ 5 หนึ่งคนได้ แต่เงื่อนไขก็คือ ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์เอื้ออำนวยเท่านั้น และด้วยคุณลักษณะพิเศษของเส้นทางปีศาจ อีกฝ่ายสามารถตระหนักถึงอันตรายล่วงหน้าและหลบหนีได้ไม่ยากเย็น…ภายในเวลาไม่กี่สิบวินาที ไคลน์สร้างสมมติฐานได้มากมายในหัว และเตรียมเล่าความคิดเห็นให้ทุกคนฟังขณะเดียวกัน มันยังไม่ลืมผลการทำนายบนมิติสายหมอกเมื่อครู่ ซึ่งระบุชัดเจนว่าค่ำคืนนี้จะมีอันตรายบางอย่างเกิดขึ้น ชายหนุ่มจึงตื่นตัวเป็นพิเศษ หลังจากปิดประตูหน้าบ้านและเดินตามเข้าไป ไคลน์กล่าวกับกลุ่มนักสืบ ผู้นั่งบ้างยืนบ้าง ด้วยเสียงกังวาน“พวกคุณแจ้งตำรวจหรือยัง”จากบรรดานักสืบซึ่งมิสเตอร์สแตนธอนเคยรวบรวมเพื่อไขคดี ราวครึ่งหนึ่งกำลังกระจุกตัวอยู่ในบ้านเรา… ไคลน์สำรวจพลางพึมพำตัวแทนของทุกคน คาสลาน่า หันมาตอบ“บางคนแจ้งตำรวจแล้ว ส่วนอีกหลายคนรีบติดต่อมิสเตอร์สแตนธอน แต่เมื่อติดต่อไม่ได้จึงหันมาติดต่อกันเอง หลังจากนั้น ทุกคนได้ข้อสรุปว่าควรมาพบคุณ คุณยอดนักสืบ”ไคลน์พยักหน้ารับ และพยายามกล่าวให้กำลังใจทุกคน“พวกคุณไม่ต้องกังวลไป ถึงคนร้ายจะเป็นพวกพ้องของฆาตกรต่อเนื่อง แต่มันก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น หรืออย่างมากก็ไม่เกินสาม แต่นักสืบเอกชนอย่างพวกเราล้วนเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้และยิงปืนได้แม่นยำ ไม่มีความจำเป็นต้องกลัวมัน! ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเหยื่อของคนร้ายนอกเหนือจากพวกเราอยู่อีก นั่นคือกลุ่มนักสืบคนอื่นๆ ซึ่งเคยถูกมิสเตอร์สแตนธอนรวบรวมให้ช่วยสืบคดี ถึงพวกเขาจะไม่ได้ติดต่อมาหาคุณหรือผม แต่ก็คงอยู่ฝ่ายเราไม่ผิดแน่”เมื่อสิ้นเสียงไคลน์ คาสลาน่าและผู้ช่วยของเธอ ลิเดีย พลันแสดงสีหน้าอึมครึมราวกับตรวจพบความผิดปรกติบางอย่างนักสืบคนอื่นๆ เริ่มสูดลมหายใจยาว“มิสเตอร์โมเรียตี้ จริงอยู่ คุณอาจจะกล่าวได้ถูกต้อง พวกเราไม่จำเป็นต้องกลัว… แต่อีกฝ่ายคืออสรพิษผู้คอยดักซุ่มในความมืด! ไม่มีใครทราบว่ามันจะลงมือตอนไหน และเป้าหมายเป็นใคร บางที มันอาจกำลังเล็งโจมตีครอบครัวพวกเราอยู่ก็ได้!”“ครอบครัว…?”“ไม่นะ! ภรรยาของผม!”“โธ่! นางฟ้าตัวน้อยของพ่อ!”คล้ายกับห้วงอารมณ์กำลังครอบงำเหนือความคิด นักสืบแต่ละคนเริ่มแสดงท่าทีตื่นตระหนกและออกอาการเกินจริงสจ๊วตเริ่มยืนสั่นเทาราวกับกำลังโกรธแค้นใครบางคน“ไม่ มันต้องไม่ใช่แบบนี้…” นักสืบหนุ่มพึมพำอย่างเหม่อลอยราวกับสติหลุดทันใดนั้น สจ๊วตพลันชักปืนออกมาและเล็งไปยังท้ายทอยไคลน์!ดวงตาถมึงทึงอย่างโกรธแค้น คล้ายกับถูกอารมณ์ครอบงำอย่างท่วมท้นจนสลัดไม่หลุด……………………
คอมเม้นต์