ราชันเร้นลับ 407 : ผู้รับใช้ตัวจริง
ภายในวิหารฤดูเก็บเกี่ยวไคลน์เอียงคอพลางหันไปจ้องเอ็มลิน·ไวท์ และเพื่อไม่เป็นการทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบ ชายหนุ่มจงใจบีบเสียงให้เบาและถาม“คุณกำลังร้อนเงินใช่ไหม?”เมื่อถ้อยคำข้างต้นหลุดจากปาก ไคลน์รู้สึกราวกับตนได้ถามอีกฝ่ายด้วยคำพูดยอดนิยมของธุรกิจขายตรงว่า ‘มาทำแอมเวย์กันเถอะ’เอ็มลินผงะในตอนต้น ก่อนจะตวาดแผ่วเบาด้วยท่าทีหัวเสีย“ผีดูดเลือดอันสูงส่งอย่างข้าไม่จำเป็นต้องใช้เงินดำรงชีพ!”ไคลน์ฉีกยิ้มอย่างเหยียดหยัน สายตาชำเลืองหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ร่างยักษ์ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาพูดต่อ“จากข้อมูลของผล ตุ๊กตาในห้องนอนพวกนั้นค่อนข้างมีราคา ไม่สิ เรียกว่าแพงก็ยังได้ ยิ่งถ้ามีขนาดเท่าคนจริงด้วยแล้ว…”“…” เอ็มลินอ้าปากค้างประหนึ่งต้องการโต้เถียงขาดใจ แต่กลับไม่มีถ้อยคำใดเล็ดลอดออกมาแม้แต่ครึ่งพยางค์หลังจากเงียบงันสักพัก มันรีบกระแอมในลำคอและแสร้งปั้นหน้าเย็นชาราวกับมิได้รู้สึกรู้สาอะไร“ต้องการอะไรก็บอกมา ผีดูดเลือดอย่างข้าไม่ชอบเล่นทายปริศนา”ไคลน์กล่าวโดยไม่หันกลับมามองแวมไพร์หล่อเหลาด้านข้าง“เพื่อนคนหนึ่งของผมกำลังรวบรวมวัตถุดิบโอสถเพื่อเลื่อนลำดับ แต่ไม่แน่ใจว่าคุณพอจะมีปัญญาหาให้ได้หรือไม่…”“เจ้ากำลังดูถูกข้า?” เอ็มลิน·ไวท์เปล่งเสียงอย่างโอหัง “ต่อให้ข้าไม่มี แต่ก็สามารถเขียนจดหมายถึงเหล่าผีดูดเลือดชั้นสูงได้อยู่ดี!”นั่นแหละ ต้องอย่างนั้น…ไคลน์รีบสาธยายยืดยาว“เพื่อนของผมต้องการต่อมใต้สมองกลายพันธุ์ของนักล่าพันหน้า รวมถึงเลือดของมันอีกหนึ่งร้อยมิลลิลิตร ตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ และเส้นผมของนากาทะเลลึกห้าเส้น ถ้าหามาได้ ไม่ว่าจะชิ้นใดก็ตาม ผมยินดีจ่ายค่านายหน้าดำเนินการ ยิ่งราคาต่ำ คุณก็ยิ่งได้เงินมาก”ชายหนุ่มจงใจเพิ่มปริมาณของวัตถุดิบรองเผื่อไว้ในกรณีทำสูญหายเหลือดีกว่าขาด…เมื่อได้ยินถ้อยคำอันไหลลื่นและไร้รอยต่อจากปากอีกฝ่าย เอ็มลิน·ไวท์ทราบทันทีว่า ตนถูกหลอกล่อให้ติดกับดักทางอารมณ์เข้าแล้วมันทำใจให้สงบก่อนมอบคำตอบ“วัตถุดิบวิเศษคิดค่านายหน้าอย่างน้อยหนึ่งร้อยปอนด์ วัตถุดิบเสริมคิดค่านายหน้าอย่างน้อยสิบปอนด์ แม้ว่าข้าจะยังไม่ทราบระดับของวัตถุดิบในรายการข้างต้น แต่มั่นใจว่าไม่มีทางเป็นลำดับต่ำแน่ เพราะไม่อย่างนั้น เจ้าคงไม่ต้องถ่อมาพึ่งพาข้า”ฉลาดไม่เลว… ไคลน์ยิ้ม“ตกลง!”ได้ยินเช่นนั้น เอ็มลินพลันหวาดระแวงทันที มันกังวลว่าตนอาจตั้งราคาต่ำเกินไปด้วยเหตุนี้ แวมไพร์หนุ่มรีบเสริม“มิสเตอร์นักสืบ เจ้าหาวิธีลบการชี้นำทางจิตได้หรือยัง?”อาศัยจังหวะบิชอปยูทรอฟสกี้กำลังเพ่งสมาธิสวดมนต์หน้าแท่นบูชา ไคลน์หันกลับมาหาแวมไพร์หนุ่ม“ผมมีวิธีง่ายกว่านั้น”“วิธีอะไร?” ดวงตาสีแดงสดของเอ็มลินพลันเปล่งปลั่ง“เอาชนะหลวงพ่อยูทรอฟสกี้และขโมยเทียนไขจิตฝันร้ายมา” ชายหนุ่มยกโค้งมุมปากอย่างมีเลศนัย “เมื่อผนึกกำลังกับพ่อและแม่ของคุณ การเอาชนะบิชอปยูทรอฟสกี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก คิดว่าแวมไพร์สามตนจะล้มอัศวินรุ่งอรุณไม่ได้เชียวหรือ”มุมปากเอ็มลินพลันกระตุกด้วยสีหน้าหดหู่“พวกเราพ่ายแพ้หมดท่า… ไม่มีทางเอาชนะได้เลย ไม่ใกล้เคียงสักนิด พ่อและแม่ของข้าเกือบถูกจับขัง เทียนไขจิตฝันร้ายเล่มนั้นพิสดารเกินไป…”หมายความว่า พวกนายเคยลองแล้ว?และสามพ่อแม่ลูกเกือบถูกบังคับให้นับถือศาสนาพระแม่ธรณีกันหมด… แวมไพร์สามตนยังเอาชนะบิชอปยูทรอฟสกี้ไม่ได้เลยหรือ การมีเทียนไขจิตฝันร้ายและอุปกรณ์ถ่ายเลือด ช่วยให้เขาทรงพลังถึงขั้นนั้นเชียว?หรือแวมไพร์อ่อนแอเกินไป? แต่จากข้อมูลของเรา เผ่าพันธุ์แวมไพร์ค่อนข้างแข็งแกร่งในการต่อสู้…“ถ้าอย่างนั้น คุณควรเขียนจดหมายแจ้งกับแวมไพร์ชนชั้นสูง พวกเขาคงมีบุคคลทรงพลังมากพอจะช่วยปราบหลวงพ่อ”เอ็มลินส่ายหัวด้วยใบหน้าซังกะตาย“พวกท่านปฏิเสธ”มันหันมาจ้องไคลน์ด้วยสายตาคาดหวัง“เจ้าเอาชนะหลวงพ่อยูทรอฟสกี้ได้ไหม? เพื่อนของเจ้าก็ได้!”หลังจากมีเข็มกลัดสุริยัน ขวดพิษชีวภาพ และย่อยโอสถนักมายากลใกล้สมบูรณ์ ฉันเคยมั่นใจว่า ตัวเองในร่างวิญญาณคงเอาชนะหลวงพ่อได้ไม่ยากเย็น แต่หลังจากได้ฟังคำอธิบายเมื่อครู่ของนาย ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว…เทียนไขจิตฝันร้ายทรงพลังถึงขั้นนั้นเชียว?แถมยังฟังดูชนะทางร่างจิตของเราด้วย…ไคลน์ส่ายหัว“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง”มันรีบเบี่ยงประเด็น“แล้วทำไมชนชั้นสูงของผีดูดเลือดถึงตอบปฏิเสธ? งานแบบนี้ไม่น่าจะยากไม่ใช่หรือ”ใบหน้าเอ็มลินพลันอึมครึม“พวกท่านเล่าว่า หลวงพ่อยูทรอฟสกี้เป็น ‘ผู้รับใช้’ ของพระแม่ธรณี จึงไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น พวกท่านกำลังศึกษาวิธีลบการชี้นำทางจิตออกจากวิญญาณ ตัวอย่างเช่น บางท่านได้ตระเวนไปตามทะเลหมอก ทะเลโซเนีย และทะเลคลั่ง เพื่อตามหาเหล่ามังกรซึ่งตัดขาดตัวเองจากโลกไปนานแล้ว”แวมไพร์หนุ่มเสริมด้วยสีหน้าน่าสมเพช“แต่กว่าพวกท่านจะหามังกรพลังจิตพบ ตัวข้าคงกลายเป็นสาวกตัวยงของพระแม่ธรณีเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งตอนนี้ ข้าเริ่มชื่นชอบชีวิตในวิหารฤดูเก็บเกี่ยวมากขึ้นทีละนิด”ผู้รับใช้พระแม่ธรณี? หลวงพ่อเป็นถึงผู้รับใช้ของพระแม่ธรณีเชียว? เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีสมบัติวิเศษมากมายนัก… นั่นสินะ จากโจรสลัดทรงพลังและป่าเถื่อน การย้ายมานับถือพระแม่ธรณีคงไม่ใช่เรื่องง่าย…ไคลน์ถอนหายใจยาว ขณะเดียวกันก็เริ่มรู้สึกขนลุกย้อนกลับไปไม่กี่สัปดาห์ก่อน มันเคยเกือบจะตอบตกลงคำขอร้องของเอ็มลินในเรื่อง ร่วมมือกันจัดการหลวงพ่อยูทรอฟสกี้เพื่อปล่อยแวมไพร์หนุ่มกลายเป็นอิสระ!ถ้าเราพ่ายแพ้ คงไม่แคล้วถูกขังไว้ในห้องใต้ดินและบังคับให้สำนึกบาป แต่ถ้าเราชนะ คงเป็นการล่วงเกินเทพเพิ่มอีกหนึ่งองค์… ไม่สิ เราไม่มีทางชนะแต่แรกแล้ว การเป็นผู้รับใช้ของพระแม่ธรณี เขาคนนั้นต้องมีไพ่ตายเหนือความคาดหมายซ่อนอยู่ หากไม่เพราะหลวงพ่อช่วยสะกดตัวเองในอดีตเพื่อให้เราทำภารกิจได้ราบรื่น การเอาชนะตัวเขาในอดีตคงไม่มีวันเกิดขึ้น…ไคลน์ฉลาดพอจะไม่คุยต่อในเรื่องเดิม เพียงชำเลืองกลับไปมองหลวงพ่อร่างยักษ์และเปล่งเสียงแผ่วเบา“บางที สมาคมแปรจิตอาจช่วยคุณได้”หรือไม่ก็รอให้มิสจัสติสของฉันกลายเป็นนักจิตบำบัดเต็มตัว แต่กว่าจะถึงตอนนั้น นายก็คงสรรเสริญพระแม่เช้าเย็นเรียบร้อยแล้ว…สำหรับไคลน์ คงเป็นการดีถ้าเอ็มลินเข้าร่วมสมาคมแปรจิต เผื่อในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นกับมิสจัสติส เธอจะได้มีคนคอยช่วยเหลือได้ทันท่วงที เพราะตัวไคลน์ ผู้ต้องคอยเป็นทั้งเดอะฟูล ผู้รับใช้ และสาวกตัวยง คงไม่สะดวกออกหน้าตลอดเวลา“สมาคมแปรจิต? ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” เอ็มลินไวท์ส่ายหัวอย่างเหยียดหยัน “คงเป็นองค์กรใหม่เพิ่งสร้างกระมัง”“ผิดแล้ว พวกเขาก่อตั้งมานานกว่าสองร้อยปีเป็นอย่างน้อย” ไคลน์ปฏิเสธเสียงแข็ง“สำหรับผีดูดเลือดอย่างพวกข้า ระยะเวลาเพียงสองร้อยปีนั้นแสนสั้น ไม่ต่างอะไรกับเพิ่งก่อตั้ง ยิ่งถ้าเป็นผีดูดเลือดชั้นสูง การนอนหลับหนึ่งงีบก็กินเวลานานนับร้อยปีแล้ว”เอ็มลินกล่าวอย่างภาคภูมิโดยไม่ปล่อยให้ไคลน์พูด มันกระแอมและบีบเสียงให้เบาลง“แล้วเจ้ารู้วิธีติดต่อพวกเขาไหม”ไคลน์กำลังจะตอบกลับไปว่า : ในเมืองทิงเก็นจะมีจิตแพทย์ชื่อดักซ์เตอร์·กูเดเลียน ชายคนนั้นคือสมาชิกสมาคมแปรจิตแต่มันตัดสินใจกลืนประโยคดังกล่าวลงคอขณะกำลังถูกพระผู้สร้างแท้จริงจับตามองทุกฝีก้าวเช่นนี้ เราไม่ควรพาดพิงไปถึงเมืองทิงเก็นด้วยประการทั้งปวง ชุมนุมแสงเหนือล้วนเต็มไปด้วยคนบ้า หากข่าวรั่วไหล พวกมันไม่มีทางปล่อยเบ็นสันกับเมลิสซ่าแน่นอน…ไคลน์ส่ายหัว“แค่เคยได้ยินชื่อ แล้วทำไมคุณไม่ลองเขียนจดหมายถามจากผีดูดเลือดชั้นสูงดูล่ะ”เอ็มลิน·ไวท์แสดงสีหน้าผิดหวังชัดเจน ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยการหันมาจ้องไคลน์และกล่าวด้วยท่าทีเหยียดหยัน“ข้าสงสัยว่า ‘เพื่อน’ ผู้กำลังจะเลื่อนลำดับพลัง แท้จริงแล้วคือตัวเจ้าเองมากกว่า”ไคลน์มองตรงด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ปิ๊งป่อง! ถูกต้อง เดาเก่งมาก”“…” เอ็มลินพลันผงะ มันไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองในลักษณะนี้ไคลน์หัวเราะโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า“มิสเตอร์ไวท์ ผมคิดว่าคุณควรเลิกเป็นนักปรุงยาและเปลี่ยนไปเล่นละครเวทีแทน”เอ็มลินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเชิดคางขึ้นและตอบกลับอย่างโอหัง“ข้าคือผีดูดเลือดผู้สูงส่งและมีเกียรติ ไม่มีทางหากินกับความหล่อเหลาของตัวเองแน่!”หือ… หมอนี่คิดว่าเรากำลังชื่นชมหน้าตา?ไคลน์ฉีกยิ้มกว้างพลางหันกลับมาจ้องแวมไพร์เอ็มลินอย่างเชื่องช้า“ผิดแล้ว ผมกำลังหมายถึง คุณมีพรสวรรค์ในการทำให้คนอื่นขำจนท้องแข็ง”ขณะเอ็มลินกำลังอ้าปากค้าง ไคลน์ลุกยืนและเดินแทรกตัวออกจากแถวเก้าอี้ ตามด้วยการกล่าวส่งท้าย“อย่าลืมหาวัตถุดิบให้ผมด้วยล่ะ”…ท่าเรือพริสต์ ถนนโอ๊กขาวฟอร์ส·วอลล์โดยสารรถจักรไอน้ำรอบเช้าเพื่อเดินทางมายังท่าเรือสำคัญอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรโลเอ็น โดยก่อนหน้านั้น เธอได้ซื้อบัตรโดยสารเรือขากลับเบ็คลันด์ ซึ่งมีราคาค่อนข้างต่ำ เตรียมไว้ล่วงหน้าเมื่อกลิ่นของทะเลกระทบปลายจมูก หญิงสาวมองเห็นคนงานท่าเรือกำลังเดินขวักไขว่ในอากัปกิริยารีบร้อนในช่วงกลางฤดูกาล ท่าเรือมักเนืองแน่นไปด้วยคนงานชั่วคราว ผู้มีค่าแรงค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับแรงงานชนิดอื่น ส่งผลให้คนจนในเขตตะวันออกของเบ็คลันด์บางกลุ่ม ยอมเดินเท้าเป็นระยะทางไกลกว่าหกสิบกิโลเมตรเพื่อมาให้ถึงท่าเรือพริสต์ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง เป็นเช่นเดียวกันกับฤดูกาลเก็บเกี่ยวต้นฮ็อปส์ถนนกว้างกว่าเบ็คลันด์เล็กน้อย อากาศดีกว่ามาก แต่บ้านเมืองสกปรกพอสมควร…ฟอร์สกวาดสายตามองจนกระทั่งพบป้ายสมาคมชาวประมงบนอาคารหลังเก่าโดยไม่ยากลำบาก เธอพบโดเรียน·เกรย์ภายในสำนักงานสุภาพบุรุษคนดังกล่าวมีส่วนสูงปานกลาง ท่อนแขนใหญ่ เส้นผมถูกจัดทรงและหวีเรียบ แตกต่างจากสมาชิกส่วนใหญ่ในสมาคม ซึ่งจะมีทรงผมไม่ต่างจากรังนกเขาคงเป็นคนของตระกูลอับราฮัม…หลังจากอธิบายจุดประสงค์จบ ฟอร์สยื่นจดหมายสั่งเสียของลอวเรนซ์ พร้อมกับสมุดบันทึกและตะกอนพลังรูปทรงคล้ายเพชรให้อีกฝ่ายโดเรียนรับทุกสิ่งไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ก่อนจะเปิดจดหมายสั่งเสียเป็นอันดับแรกมันตั้งใจอ่านจนจบ เงยหน้าขึ้น และจ้องสำรวจฟอร์สหัวจรดเท้าด้วยดวงตาสีฟ้าคราม“ความจริงใจและความซื่อสัตย์ของคุณช่างน่ายกย่อง มิสวอลล์ ผมจะไม่ลืมว่าคุณเคยยื่นมือช่วยเหลือลาโบโร่และอาริสา ได้โปรดให้ผมได้เลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ”“ไม่มีปัญหาค่ะ” ขณะตอบ ฟอร์สครุ่นคิดเล็กน้อยว่า เธอจะพลาดรอบเรือโดยสารขากลับเบ็คลันด์หรือไม่โดเรียนจัดแจงให้ฟอร์สนั่งคอยให้ห้องพักรับรองแขก พร้อมกับเตรียมชาดำ ของว่าง และนิตยสารให้อ่านเล่นฆ่าเวลาถัดจากนั้น มันเดินกลับเข้าห้องทำงานด้วยสีหน้าเคลือบแคลง ก่อนจะหยิบบางสิ่งออกจากตู้เก็บของลูกแก้วคริสตัลลูกแก้วดูดวง ซึ่งกำลังส่องแสงอ่อนโยน……………………
คอมเม้นต์