ราชันเร้นลับ 388 : สำรวจดินแดนความฝัน
“คุณว่าอะไรนะ?” เฒ่าโคห์เลอร์หันมาถามเนื่องจากได้ยินไม่ชัดไคลน์ก้มมองหลุมบ่อบนถนนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มจืดชืด“ไม่มีอะไร… แค่หวังว่าไลฟ์กับครอบครัวจะหลุดพ้นจากสถานการณ์ปัจจุบันได้โดยเร็ว”ไคลน์เล่าความคิดของตนเสียงดังฟังชัดในฐานะชาวจักรวรรดิแห่งอาหารบนดาวเคราะห์โลก ชายหนุ่มย่อมมีแผนปฏิวัติและยึดครองโลกปัจจุบันมาไว้ในมือ เริ่มจากการซื้อใจคนหมู่มาก จากนั้นก็เปลี่ยนพวกเขาให้เป็นกองทัพส่วนตัวแต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มันพบว่าเรื่องราวค่อนข้างซับซ้อนและไม่ง่ายดายขนาดนั้น ตนไม่สามารถปกครองโลกได้ด้วยกลุ่มคนจนนับแสนนับล้านเนื่องมาจากเหตุผลสำคัญคือ :โลกนี้มีผู้วิเศษด้วยจำนวนซึ่งมากกว่าและยุทโธปกรณ์ปืนไฟแบบธรรมดา ย่อมไม่มีประสิทธิภาพมากพอจะต่อกรกับกลุ่มผู้วิเศษไหว แถมในบางเส้นทางยังได้เปรียบอาวุธประเภทปืนโดยสมบูรณ์ เช่นลำดับ 5 วิญญาณอาฆาต แห่งเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์นั่นไม่ใช่ปัญหาเพียงข้อเดียว ยังมีกฎอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษอยู่ด้วย การเข้าถึงวัตถุดิบโอสถจึงมีจำกัด ส่งผลให้ไม่สามารถสร้างกองทัพผู้วิเศษจำนวนมากได้ หรือต่อให้หาวิธีทำจนสำเร็จ แต่ในเมื่อผู้วิเศษยังคงเผชิญปัญหาการคลุ้มคลั่ง สักวันก็คงเกิดหายนะขึ้นอยู่ดีหากโลกนี้ไม่มีผู้วิเศษลำดับสูง หลายสิ่งก็คงจะง่ายขึ้นมาก เช่น แผนการปลุกระดมคนจนจะช่วยให้ไคลน์สามารถกุมอำนาจในมือได้พอสมควรแต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น สำหรับโลกปัจจุบัน นอกจากจะมีตัวตนระดับครึ่งเทพเดินเพ่นพ่าน ยังมีสมบัติปิดผนึกทรงพลังชนิดฆ่าคนหมู่มากได้ในพริบตา โดยพวกเขาเหล่านั้นมิอาจทราบได้ว่าตัวเองเสียชีวิตได้อย่างไร และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ตัวตนระดับทวยเทพมีอยู่จริง และครองพลังเป็นล้นพ้นสมชื่อในเมื่อเป็นเช่นนี้ กองทัพคนจนจะมีประโยชน์เพียงการรวมตัวประท้วงเพื่อเรียกร้องบางสิ่ง ไม่สามารถติดอาวุธได้ มิฉะนั้นจะถูกลงโทษด้วยมาตรการรุนแรง ตามมาด้วยความสูญเสียใหญ่หลวง อาจเลวร้ายถึงขั้นสลักความกลัวลงในใจประชาชนจนไม่กล้าออกมาทำสิ่งใดอีกเลยทางเดียวในการต่อกรกับหน่วยพิเศษของทางการคือองค์กรลับ แต่โดยส่วนมาก องค์กรลับจะนับถือเทพมาร ดังนั้น หากเข้าร่วมเป็นฝ่ายเดียวกับพวกมันเมื่อไร ความตายจะไม่ใช่จุดจบเลวร้ายอันดับหนึ่งอีกต่อไปด้วยเหตุนี้ หากต้องการปฏิวัติและเปลี่ยนแปลงโลก ตัวเลือกฉลาดคือการเข้าร่วมกับโบสถ์และได้รับการสนับสนุนเหมือนกับโรซายเฮ่อ… กองทัพคนจนมีอำนาจในมือน้อยเกินไป การประท้วงตามท้องถนนไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่แล้ว ในเมื่อนักลงทุนรายใหญ่ยังคอยวิ่งเต้นติดสินบนข้าราชการอยู่เนืองนิจ… ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของคนจนจริง ลองติดสินบนข้าราชการแข่งกับพวกพ่อค้ายังพอมีโอกาสสำเร็จมากกว่า…อย่างไรก็ตาม เราเริ่มมองเห็นความหวังหลังจากเหตุการณ์พระผู้สร้างแท้จริงพยายามส่งทายาทลงมาจุติในเบ็คลันด์… คดีสะเทือนขวัญของลาเนวุสทำให้โบสถ์รัตติกาลและขุนนางบางส่วนเริ่มตื่นตัวกับเรื่องนี้ สามารถยืนยันได้จากรายงานของไมค์·โยเซฟและข้อมูลของมิสจัสติส…ไคลน์ครุ่นคิดถึงสถานการณ์เกี่ยวกับเขตตะวันออก ย่านท่าเรือและโรงงานลงเอยด้วย มันหัวเราะกับตัวเองในใจจากบรรดาแผนปฏิวัติวิถีชีวิตคนจนทั้งหมดของเรา… ไม่มีแผนใดได้ผลเท่ากับการเกือบจะลงมาจุติของทายาทพระผู้สร้างแท้จริงเลยหรือ?แต่เทพมารตนนั้นไม่มีทางจะเห็นคุณค่าของชีวิตมนุษย์ เพราะมันเคยสังเวยดวงวิญญาณมนุษย์เป็นว่าเล่นเมื่อใดอดีต หากปล่อยให้ทายาทของมันลงมาจุติสำเร็จ หายนะจะร้ายแรงยิ่งกว่าปัญหาอดอยากของคนจนเสียอีกขัดแย้งฉิบหาย……เขตราชินี คฤหาสน์หรูของเคาต์ฮอลล์เนื่องจากแพทย์หญิงเอสลันด์มีธุระในสัปดาห์หน้า ออเดรย์จึงต้องเรียนจิตวิทยาสองคาบรวดภายในวันเดียวซูซี่ตื่นเต้นกว่าใครทั้งหมด เธอรีบเข้ามานั่งเรียนโดยยอมทิ้งการเล่นคาบบอลซึ่งเคยเป็นกิจกรรมสุดโปรดออเดรย์จงใจแสดงความฉงนตลอดการเรียนการสอน คอยซักถามเอสลันด์เป็นระยะในกระเด็นคาบเกี่ยวระหว่างศาสตร์เร้นลับและจิตวิทยาเมื่อจบคาบเรียน เอสลันด์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะตัดสินใจกล่าว“มิสออเดรย์ พวกเรามักจัดสัมมนาเกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าวเป็นครั้งคราว สมาชิกผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เชี่ยวชาญด้านคาบเกี่ยวระหว่างศาสตร์เร้นลับและจิตวิทยา คุณสนใจจะเข้าร่วมด้วยไหม?”“แน่นอนค่ะ!” เด็กสาวพยักหน้าหนักแน่นโดยไม่ลังเลแม้แค่วินาทีเดียว พฤติกรรมเช่นนี้สอดคล้องกับนิสัยคุณหนูใจร้อนและอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเธอพยายามสร้างขึ้นต่อหน้าทุกคนเป็นเวลานานเอสลันด์ยิ้มตอบ“ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วยนะคะ โดยเฉพาะจากเหล่าอาวุโส พวกเขายังไม่เปิดใจยอมรับเรื่องเหนือธรรมชาติ ไว้จบคาบเรียนครั้งหน้า ฉันจะพาคุณเข้าร่วมสัมมนาด้วยกัน”“ตกลงค่ะ!” ออเดรย์รับปากพลางพยักหน้าอย่างตื่นเต้นหลังจากออเดรย์ส่งเอสลันด์ สาวสวยผู้มีผมยาวสลวยถึงเอว ออกจากห้องหนังสือ เธอปิดประตูพลางเดินกลับมาหยุดหน้ากระจกเงา และยืนจ้องอย่างเงียบงันเป็นเวลานานจนกระทั่ง เด็กสาวยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยและทำการหมุนตัวในท่ารำของชนชั้นสูง ก่อนจะหยุดยืนมองตัวเองในกระจกและกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน“ออเดรย์ เธอสุดยอดมาก!”เด็กสาวทราบดีว่าตนกำลังจะได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมแปรจิต แม้ว่าสัมมนาดังกล่าวจะเป็นกิจกรรมวงนอก และยังต้องผ่านขั้นตอนทดสอบอีกหลายชั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอกำลังขยับเข้าใกล้สมาคมแปรจิตเต็มทีในช่วงก่อนหน้า เธอไม่ได้หยิบยืมพลังจากภายนอกแม้แต่หนเดียว เลือกจะพึ่งพาความช่างสังเกตส่วนตัวและการเล่นละครตบตาอย่างสมบูรณ์แบบ จนสามารถปิดบังความจริงจากนักจิตวิทยา เอสลันด์ ได้โดยไม่ถูกอีกฝ่ายสงสัย จึงไม่แปลกหากออเดรย์จะรู้สึกภูมิใจมากมายเช่นนี้“สัมนาหรือ… น่าสนใจมาก!” ซูซี่กล่าวพลางกระดิกหากระรัว “ออเดรย์ ฉันเข้าร่วมสัมมนาด้วยได้ไหม?”เข้าร่วม?ขณะจ้องมองเข้าไปในดวงตาเปล่งปลั่งของสุนัขขนทองฟู เด็กสาวก้มหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะมอบคำตอบ“ตอนนี้คงให้เข้าร่วมไม่ได้… ซูซี่ มันคงสะดุดตาเกินไปถ้าเธอเป็นหนึ่งในสมาชิก…”ทันใดนั้น ออเดรย์พลันเปลี่ยนสีหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม“แต่ฉันพาเธอไปได้ในฐานะอื่น”…วันเสาร์กลางคืน ไคลน์หยิบมาสเตอร์คีย์และไม้ค้ำสีดำ พร้อมกับเดินออกจากอาคารหมายเลข 15 บนถนนมินส์ มันเกรงว่าหากไม่มีอุปกรณ์อย่างหลัง คืนนี้ตนคงกลับไม่ถึงบ้านแน่นอนภารกิจของคืนนี้คือ ชายหนุ่มต้องตามหาตัวดอกเตอร์อลันและทำการบุกรุกความฝัน จากนั้นก็ตรวจสอบหาสาเหตุว่า ทำไมเขาถึงฝันร้ายเกี่ยวกับเด็กชายวิล·อัสตินได้สำหรับพิกัดบ้านของดอกเตอร์อลัน ไคลน์สืบทราบมาแล้วว่าพักอยู่ในอาคารหมายเลข 3 บนถนนเบอร์นิงแฮม เขตฮิลสตันกว่ามันจะมาถึงก็ห้าทุ่มกว่า บรรยากาศโดยรอบจึงมืดสนิทและเงียบสงัดหลังจากโยนเหรียญหาคำตอบ ไคลน์ลอบปีนรั้วและเดินอ้อมไปทางกำแพงข้างบ้าน ตามด้วยการใช้มาสเตอร์คีย์ไขกำแพง ส่งตัวเองเข้าไปในมุมมืดแห่งหนึ่งภายในตัวอาคารด้วยความคล่องแคล่ว มันย่องขึ้นไปบนชั้นสองอย่างเงียบเชียบ และเดินเข้าไปในห้องนอนแขกซึ่งไม่ได้ล็อกประตูเมื่อมั่นใจว่าดอกเตอร์อลันและภรรยากำลังหลับสนิท ไคลน์ทำการไขกำแพงเพื่อสร้างทางเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ก่อนอื่น มันโยนยันต์หลับใหลใส่ภรรยาเพื่อส่งให้เธอเข้าสู่ภวังค์นิทรายาวนาน จะได้ไม่ตื่นขึ้นมาเห็นชายแปลกหน้ากำลังกระทำบางสิ่งกับสามีถัดมา ไคลน์เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หน้ากระจกเครื่องแป้ง มือข้างหนึ่งถือยันต์ห้วงความฝันพลางพึมพำภาษาเฮอมิสโบราณ“แดงฉาน.”หลังจากสิ้นเสียง ยันต์บนฝ่ามือพลันไร้น้ำหนักประหนึ่งเป็นเพียงภาพมายาไคลน์ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปจนตัวยันต์เริ่มมีเปลวเพลิงสีใสลุกโชนเงียบงัน ขณะเดียวกัน กลิ่นอายความมืดมิดอันปลอดโปร่งบรรจงแผ่ออกมาทีละนิดไคลน์เพ่งจิตควบคุมความมืดจากยันต์ ให้มันล่องลอยโอบล้อมร่างอลันและตนไว้ในเวลาต่อมา ชายหนุ่มรีบเข้าฌานและเริ่มเห็นความมืดมิดไร้ก้นบึ้งโดยกึ่งกลางมีกลุ่มก้อนแสงทรงรีสว่างไสวไคลน์แผ่พลังวิญญาณเข้าไปสัมผัสกับวัตถุส่องแสงดังกล่าวทันใดนั้น โลกรอบตัวพลันกลับหัวและบิดเบี้ยวรุนแรงจนกระทั่งภาพตัด มันลืมตาอีกครั้งและพบว่าตนกำลังยืนท่ามกลางดินแดนอันว่างเปล่า ใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยพื้นหินสีดำซึ่งไม่มีหญ้าแม้แต่ต้นเดียวใจกลางทุ่งโล่งมีหอคอยสีดำสูงตระหง่านหนึ่งหลัง ยอดหอคอยมีอสรพิษยักษ์สีเงินกำลังขดตัวเป็นเกลียว ศีรษะของมันยกขึ้นสูง ดวงตาจ้องมองมาทางไคลน์อย่างเย็นชาตรงข้ามกับคำอธิบายของอลัน งูยักษ์สีเงินตัวนี้ไม่มีเกล็ดทางกายภาพ ตามลำตัวเต็มไปด้วยลวดลายลึกลับสลักติดกันเป็นพืดอักขระถูกเขียนอัดแน่นในวงกลมและเรียงต่อกันเป็นจำนวนมาก กงล้อดังกล่าวทอดยาวไปตามแนวลำตัวจากหัวถึงหาง แต่ละวงจะมีสัญลักษณ์แตกต่างกันออกไปอย่างไรก็ตาม ส่วนหางและส่วนหัวของอสรพิษยักษ์กลับปรากฏเพียงครึ่งวงกลมเท่านั้น มองแล้วเกิดความขัดใจเหนือพรรณนา ถึงขั้นทำให้กลุ่มคนคลั่งความสมบูรณ์แบบรู้สึกหงุดหงิดทว่า ไคลน์กำลังจินตนาการภาพของอสรพิษยักษ์ตัวนี้ใช้ปากกลืนหางของตัวเอง หากเป็นเช่นนั้น สัญลักษณ์ครึ่งวงกลมบนหัวและหางก็จะประกบกันเป็นกงล้อสมบูรณ์ถัดไปไม่ไกลจากไคลน์ ดอกเตอร์อลันกำลังจ้องมองไปทางหอคอยด้วยดวงตาเหม่อลอย สองเท้ากำลังย่างกรายเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัวเราสามารถยืนยันได้ว่า ไม่มีใครคอยชักนำให้อลันเกิดความฝันแบบนี้… ตัดผู้วิเศษอาชีพฝันร้ายออกไปได้เลย…ไคลน์สรุปเบื้องต้นชายหนุ่มไม่ส่งเสียงเรียกให้อลันหยุด เพียงเดินตามไปในทิศทางของหอคอยและงูยักษ์แต่หลังจากขยับได้ไม่กี่ก้าว หอคอยและงูตัวใหญ่ก็มาอยู่ตรงหน้าในระยะประชิดทันทีอสรพิษสีเงินใช้ส่วนหัวเลื้อยลงมาด้านล่างใกล้กับทางเข้าหอคอย ดวงตาจ้องมองคนทั้งสองประหนึ่งกำลังคิดว่า จะกินอาหารซึ่งเดินมาเสิร์ฟถึงปากอย่างไรดีอสรพิษสีเงินกำลังอ้าปากกว้าง แต่ไคลน์ไม่ได้กลิ่นเหม็นชวนอาเจียนแต่อย่างใดดวงตาสีแดงสดของอีกฝ่ายยังคงจ้องมองคนทั้งสองอย่างเลือดเย็น อย่างไรก็ตาม อสรพิษตนนี้กลับมิได้แผ่จิตสังหารหรือภัยคุกคามให้ไคลน์สัมผัสถึงแม้แต่น้อยต่อหน้าอสรพิษสีเงิน คล้ายกับทุกชีวิตมีค่าเท่าเทียมกันหมด เป็นได้แค่ตัวตนแสนต่ำต้อยและอ่อนแอแต่จนแล้วจนรอด อสรพิษยักษ์ก็มิได้ทำการโจมตีใส่คนทั้งสอง ไคลน์จึงเดินตามนายแพทย์อลันผ่านเข้าไปในบานประตูไม้เก่าผุพัง เข้าสู่อาคารบรรยากาศมืดมิดเต็มตัวตรงตามคำอธิบายของอลันก่อนหน้า โครงสร้างอาคารทั้งพิสดารและซับซ้อน บันไดวนประเดี๋ยวขึ้นประเดี๋ยวลง ห้องต่างๆ บ้างปรกติบ้างกลับหัว และบ้างซ้อนทับกันสองห้องอย่างไม่มีเหตุผล อาคารเช่นนี้ไม่มีทางปรากฏอยู่ในโลกจริงแน่นอนหลังจากเดินผ่านประตูบานแล้วบานเล่า ไคลน์ไม่มีทางทราบว่าตนกำลังอยู่ในส่วนใดของหอคอย อาจเป็นชั้นสูงสุด หรืออาจเป็นห้องใต้ดินทันใดนั้น ท่ามกลางความมืดเข้มข้น ไคลน์สังเกตเห็นใครบางคนกำลังนั่งขดตรงมุมห้องเมื่ออีกฝ่ายตระหนักถึงการมาเยือนของคุณหมออลัน บุคคลร่างเล็กพยายามฝืนพยุงตัวลุกยืนด้วยขาข้างเดียวขณะเดินเข้าไปใกล้ ไคลน์เริ่มมองเห็นอีกฝ่ายชัดเจน บุคคลดังกล่าวมีแววตามั่นใจและกระฉับกระเฉง อายุราวสิบขวบกว่า สีหน้าเจือความประหวั่นเล็กน้อยสูงราว 1.4 เมตร ขาข้างซ้ายถูกตัดตั้งแต่ส่วนน่องลงไป ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอดีตคนไข้ของอลัน เด็กชายวิล·อัสตินในมือกำลังถือสำรับไพ่ทาโรต์ ดวงตาสีดำสองข้างเจือความประหลาดใจ ยินดี และหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน“คุณหมออลัน งูตัวนั้นกำลังจะกินผม!”ยังไม่ทันสิ้นเสียง เด็กชายเริ่มแหกปากกรีดร้องโหยหวน ภาพของอสรพิษยักษ์สีเงินพลันสะท้อนบนกระจกตาพรืด!ไพ่ทาโรต์ในมือเด็กชายร่วงกราวลงพื้นกะทันหัน แต่มีใบหนึ่งยังคงถูกจับไว้แน่นกระชับไคลน์เพ่งมองและพบว่าหน้าไพ่เป็นสัญลักษณ์กงล้อแห่งโชคชะตาวีลล์ออฟฟอร์จูน!เพล้ง!ภาพความฝันพลันแตกละเอียด ชายหนุ่มพบว่าจิตของตนถูกส่งกลับมายังเก้าอี้หน้ากระจกเครื่องแป้งอีกครั้ง……………………
คอมเม้นต์