ตอนที่ 1406

อ่านนิยายจีนเรื่อง Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล ตอนที่ 1406 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 1406 – ลูกสาวคนโตของตระกูลจันทราวารี
 
“นายท่านต้องการับอาหารดีขอรับ? “
 
เสี่ยวเอ๋อเดินเข้ามาพร้อมถาม
 
“นำอาหารที่อร่อยที่สุดของเจ้ามาอย่างละหนึ่งที่!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาโดยไม่สนใจอะไร
 
“โปรดรอสักครู่”
 
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั่งอยู่ในโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มีผู้คนเดินผ่านไปมาจำนวนมากในชั้นนี้
 
ในไม่ช้าอาหารกูถูกจัดวางลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมของอาหารที่หอมหวน ได้กระตุ้นความอยากอาหารของทั้งสองในทันที นอกจากนี้ชิงสุ่ยนั้นยังสัมผัสได้อีกว่าอาหารพวกนี้นั้นเป็นอาหารสดอย่างแท้จริง กลิ่นอายของมันนั้นคลายกับกลิ่นที่เขาปรุงขึ้นมาในดินแดนหยก
 
“คุณได้ยินมั้ย?  มีใครบางคนจากตระกูลจันทราวารีต้องจะแก้แค้นตระกูลหมาป่าวารี”
 
ประโยคที่ดังขึ้น ได้กระตุ้นความสนใจของชิงสุ่ย ในตอนนี้
 
“ตระกูลจันทราวารี? นี่พวกเขานั้นยังไม่ถูกทำลายจนไปแล้วรึ? “ชายอีกคนถามออกมา
 
“มีข่าวลือว่ามีคนสองคนที่หนีรอดไปได้  และจากที่ข้าได้ยินมา เห็นว่าเป็นคุณหนูทั้งสองของตระกูล แต่ข้าก็ไม่มั่นใจ”ชายอีกคนกล่าวด้วยท่าทางลังเล
 
“ตระกูลจันทราวารีนั้นค่อนข้างเคราะห์ร้าย  เดิมทีทั้งสองตระกูลนั้นเป็นเพื่อนรักกันมาหลายชั่วอายุคน และพวกเขานั้นมีความใกล้ชิดกันราวกับพี่น้องเสียอีก แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อผู้นำของตระกูลหมาป่าวารีได้บรรลุระดับที่แข็งแกร่งท่าทางของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป และไม่สนใจตระกูลจันทราวารี  บวกกับผู้นำของตระกูลจันทราวารีก็สามารถยกระดับขึ้นมาเทาเทียบได้ทำให้ทั้งสองบาดหมางกัน และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเศร้านี้ขึ้นมา
 
ตอนนี้ชิงสุ่ยแน่ใจแล้วว่าชิงซานั้นคือเป็นบุตรสาวคนสุดท้องของ ตระกูลจันทราวารีที่สามารถหลบหนีมาได้ แต่อย่างไรก็ตามทำไมเธอถึงไม่อยู่กับพี่สาวของเธอ? และกลับออกไปอยู่ตามท้องถนน? นี่คือสิ่งที่เขาไม่รู้
 
แต่อาจเป็นไปได้ที่พี่สาวของเธอไม่ต้องการให้เธอแก้แค้น จึงได้ทิ้งเธอไป เพื่อให้สายเลือดของตระกูลยังอยู่หากเธอนั้นต้องตายลง อย่างน้อยก็ยังมีน้องสายของเธออีกคนที่จะยังเชื้อสายของตระกูลต่อไป
 
“แล้วเจ้ารู้รึมั้ยว่าตระกูลจันทราวารี กำลังทำอยู่ในขณะนี้?”
 
“ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าได้ยินมาว่า นางนั้นถูกจับอยู่ที่เมืองหลวงในขณะนี้  และได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย มันคงเป็นเรื่องยากที่นางจะออกมาได้เมื่อไปถึงที่แห่งนั้น “ชายคนแรกกล่าวออกมา
 
“ก็จริงอย่างที่เจ้าว่าตระกูลหมาป่าวารีนั้นยอมใช้ทุกๆอย่างเพื่อปกปิดเรื่องนี้ มีหรือเขาจะปล่อยนางไป “
 
……
 
“ไปกันเถอะสาวน้อย !” ชิงสุ่ยจับไปที่มือของเธอ
 
“อืม!”
 
“รอข้าสักครู่ เดี๋ยวข้ามา!”
 
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นต้องการที่ตั้งของเมืองหลวง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้าไปคุยกับคนเหล่านั้น
 
“สหายข้าขอถามทางไปยังเมืองหลวงได้รึไม่?” ชิงสุ่ย ถามด้วยรอยยิ้ม
 
“เจ้าเป็นใครอย่าขัดจังหวะการสนทนาของเรา” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าหัวเราะเยาะอย่างไม่พอใจ
 
ในเวลานั้นสีหน้าของชิงสุ่ยเปลี่ยน  เขาตบลงที่หน้าคนนั้นอย่างรวดเร็วทำให้เขาล้มลงกับพื้นในทันที
 
ในเวลานั้นชิงสุ่ยหันไปมองคนๆอื่นอย่างรวดเร็ว
 
ชายอีกคนจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความตกใจ ตอนนี้เขาคิดได้ว่าบางทีนี่อาจเป็นผลมาจากเรื่องที่เขากล่าวก่อนหน้านี้
 
“ไม่ต้องคิดมาก  เพียงแค่นำทางให้ข้าก็พอ เพราะพวกเจ้าพูดถึงเมืองหลวงในก่อนนี้ ข้าเลยต้องการถามทางพวกเจ้าเท่านั้น  แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว  อ่อแล้วอีกอย่างหนึ่ง ข้าก็จะบอกว่ามันไร้สาระมากที่พวกเจ้าจะขัดขืนข้า มีแต่คนตายเท่านั้นที่ทำเช่นนั้น พวกเจ้าเข้าใจข้าแล้วใช่มั้ย  “ชิงสุ่ย กล่าวอย่างสงบ
 
“เอาล่ะ ข้าจะพาท่านไป  ข้าหวังว่าท่านั้นจะรักษาสัญญาไม่ทำร้ายพวกเรา “ชายคนนั้นตอบได้อย่างรวดเร็ว
 
ในเววลานั้นเองชิงสุ่ยและชิงซาได้ออกเดินทางพร้อมชายคนนั้นไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิมังกรสมุทร
 
ในขณะที่ชิงสุ่ยเรียกวิหกเพลิงออกมา มันทำให้ชายคนนั้นตกใจอย่างมาก เขานั้นรู้สึกโชคดีอย่างมากที่สามารถชีวิตอยู่ได้ในตอนนี้ ในเวลานี้เขารู้แล้วว่าตัวตนของชิงสุ่ยนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน
 
เพียงแค่สองช่วยยามทั้งสองก็มาถึงเมืองหลวง แล้ว
 
การปรากฏตัวของ วิหคเพลิงนรกานต์ทำให้ผู้คนจำนวนมากตกใจ
 
หลังจากที่ชิงสุ่ยสามารถยืนยันได้ว่านี่เป็นสถานที่ที่เขาต้องการ ในที่สุดเขาก็ได้ปล่อยชายคนนั้นลง นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังมอบสมุนล้ำค่าให้กับเขาอีกด้วย นี่เป็นของล้ำค่าที่สุดเท่าที่เขามีในขณะนี้
 
“ไปหาตระกูลหมาป่าวารีกันเถอะ!” ชิงสุ่ย กล่าวด้วยรอยยิ้ม
 
ชิงซารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย  เช่นเดียวกับชิงสุ่ยที่รู้สึกอารมณ์ของเธอได้ในตอนนี้  หลังจากทั้งหมดที่ผ่านมา ความเกลียดชังของเธอนั้นอัดแน่ในใจของเธอตลอด  มันนั้นพร้อมที่จะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
 
“คนจาก ตระกูลจันทราวารีที่ถูกจับได้เมื่อวันก่อน  ข้าได้ยินมาว่านางนั้นจะถูกเผาที่ลานตระกูลหมาป่าวารรีในวันนี้ “ในตอนนั้นเองเสียงสนทาของผู้คนได้ดังขั้นข้างหน้าชิงสุ่ย
 
“ข้าว่านางน่าสงสารอย่างมาก นอกจากนี้ผู้นำตระกูลหมาป่าวารียังใช้วิธีการเผาที่ทารุณกับนางอีกด้วย “
 
“ถูกต้อง นางไม่ควรกับมาเลย  ในชีวิตของนางนั้นก็ได้รับความยากลำบากพอแล้ว  เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย”
 
“เดิมทีทั้งสองตระกูลนั้นก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เห้อ ถ้าต้องโทษๆอำนาจและเงินทองจริงๆ มันช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก มันสามารถเปลี่ยนจะเพื่อนรักให้กลายเป็นศัตรูได้ในพริบตา”
 
“นี่แหละคือโลกของเราในตอนนี้ นอกจากนี้นางนั้นยังฆ่ามือดีของตระกูลหมาป่าวารีไปถึง20คน ข้าว่าผู้นำของตระกูลหมาป่าวารีคงไม่ปล่อยนางไปหรอก “
 
………
 
ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่ลังเลยที่จะถามว่าสถานที่นั้นอยู่แห่งไหน และไม่ช้าก็ได้รับคำตอบกลับมา
 
ระยะห่างของลานแห่งนั้นอยู่ไม่ไกลมาหนัก  ดังนั้นชิงสุ่ยและชิงซาจึงได้รีบวิ่งไปทางจุดหมายทางอย่างรวดเร็ว
 
สำหรับลูกสาวคนโตของตระกูลจันทราวารีนั้น ได้ฝึกฝนการบ่มเพาะและทักษะในการสังหาร เธอนั้นได้กลับมาที่แห่งนี้เมื่อหนึ่งปีก่อนและได้ทำการรอบสังหารคนสำคัญของตระกูลหมาป่าวารีไปถึง20คนก่อนที่จะถูกจับได้
 
ดังนั้นเธอจึงกล่าวเป็นเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัดไป  หลายๆครั้งที่พวกเขาจะพยายามสังหารเธอแต่ก็ล้มเหลวจนกระทั้งครั้งนี้พวกเขาได้ส่งมือสังหารที่เก่งกาจเข้าไปและแอบทำร้ายเธอ ด้วยการทำลานเส้นลมปราณของเธอจึงทำให้เธอถูกจับได้อย่างทุกวันนี้ และเพื่อเป็นการเตือนคนอื่นๆ พวกเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเผาเธอต่อหน้าทุกๆคน
 
เมื่อชิงสุ่ยมาถึงผู้คนจำนวนมากก็ได้อยู่ที่ลานข้างหน้าเต็มไปหมด ในเวลานี้ชิงสุ่ยไม่ได้เรียกวิหคเพลิงนรกานต์  มันจึงสร้างความประหลาดใจอย่างมากสำหรับผู้คนที่มองเห็นวิหคเพลิงนรกานต์ที่แข็งแกร่ง
 
การมีอยู่ของวิหกเพลิงสีดำนั้นเป็นของหายากมากดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่ามันนั้นมาจากที่ไหน แต่ถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็สามารถบ่งบอกได้ว่ามันนั้นเป็นสัตว์อสูรที่อันตรายอย่างมาก
 
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้จดจ่ออยู่กับพื้นที่ที่เด่นชัดที่สุดบนเวที  เขามองไปที่ หญิงที่มีผมกระเซิง และร่างกายของเธอย้อมด้วยเลือดสีแดงเข้ม ขณะที่เธอนั้นถูกมัดอยู่ข้างบนเสาหินขนาดใหญ่  นอกจานี้ใต้เท้าของเธอนั้นก็ยังเต็มไปด้วยถ่านไม้ที่พร้อมจะจุดทุกๆเมื่อ
 
ในขณะที่ชิงสุ่ยมองไปที่ข้าหน้า กลิ่นอายที่แสนอันตรายก็ได้ประทุขึ้น มันนั้นคือกลิ่นอายที่เขานั้นเคยกำหราบเมื่อนานมาแล้ว
 
“พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย!”
 
กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันได้แพร่กระจายไปทั่วบริเวณ ภาพเงาสีดำของชิงซาได้ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า เช่นเดียวกับวิหกเพลิงที่ร่อนลงมาที่ลาน
 
“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้าเป็นใครกัน ถึงได้บังอาจกล่าวว่าจะเช่นนี้ออกมา หากพวกเจ้ายังเข้ามาใกล้อีกอย่างหาว่าเราไม่เตือน”
 
ในเวลานั้นยามที่เฝ้าลานจัตุรัสอยู่ได้กล่าวออกมา เพื่อห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าไป
 
“ตาย!”
 
ชิงซาได้ขยับมือของเธอเล็กน้อยในขณะที่ลูกศรสีดำเข็มได้พุ่งออกไปข้างหน้า ตัดลงที่ลำคอของชายคนนั้น จนศีรษะของเขาขาดกระเด็นออกมา
 
เมื่อยามคนอื่นๆเห็นสิ่งที่เกิดกับเพื่อนของพวกเขา ทั้งหมดได้ตรงเข้าใส่กลุ่มของชิงสุ่ยอย่างรวดเร็ว
 
อย่างไรก็ตามมันนั้นแทบจะไม่มีประโยชน์ใดๆด้วยความแข็งแกร่งของชิงซาในตอนนี้ มันทำให้พวกเขานั้นไม่ต่างกับมดในมือของเธอ ในตอนนี้เธอลงมือสังหารทุกๆคนอย่างโหดเหี้ยม และปราศจากความเมตา ราวกับว่าทุกๆคนนั้นมีความแค้นกับเธอ
 
ตูม!
 
ชิงซาใช้เวลาเพียงแค่พริบตาในการสังหารยามทั้งหมด ศีรษะนับร้อยของพวกเขานั้นถูกตัดขาดกระเด็นลอยเต็มท้องฟ้า
 
“พวกเจ้าเป็นใครกัน ทำไม่ถึงกล้ามาสร้างความวุ่นวายในที่แห่งนี้” ชายชราคนหนึ่งที่ดูคล้ายผู้นำกล่าวออกมา
 
ชิงซาไม่พูดอะไรมากขณะที่ตรงเข้าใส่เขาพร้อมปล่อยลูกศรแห่งความตายออกมา
 
ในตอนนี้บริเวณดังกล่าวเต็มด้วยศพของยามนับร้อย ส่วนหนึ่งนั้นถูกสังหารด้วยชิงซาในก่อนหน้านี้
 
ในเวลาเดียวกันชิงสุ่ยได้เรียกวิหกเพลิงมาใกล้ ขณะที่เขาเดินเข้าไปที่ชิงซาที่กำลังสังหารชายชราคนนั้น
 
ร่างกายของชายชราได้ถูกทำลายโดยทันทีด้วยศรสีดำของเธอ ภาพของเธอในตอนนี้ดูคล้ายเทพแห่งความตายอย่างมาก ในขณะนี้เธอนั้นได้ตรงไปที่เสาหินที่ผูกมัดร่างของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยบาดอยู่ในตอนนี้
 
ร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยบาดแผลที่รุนแรง กระดูกไหปลาร้าของเธอถูกแทงทะลุด้วยโซ่ตรวนขนาดใหญ่ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรอยเลือด
 
เมื่อสภาพของเธอในตอนนี้ชิงสุ่ยเองก็พลันโมโหขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เช่นเดียวกับชิงซาที่ดูคล้ายปิศาจไปทุกๆทีในตอนนี้
 
ผู้หญิงคนนี้นั้นหมดสติมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เมื่อชิงซาได้ปล่อยเธอออกจากเสาหิน มันนั้นทำให้เธอได้สติขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด  เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นบาดแผลที่ร้ายแรงสองแห่งบนใบหน้าของเธอในตอนนี้
 
แผลเหล่านี้นั้นเป็นแผลที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่มันนั้นก็ยังไม่หายดี เธอเงยหน้าขึ้นแลพกล่าวออกมา “นี่มันภาพลวงตาใช่มั้ย  นี่ข้ากำลังจะตายแล้วอย่างงั้นรึ?”เธอกล่าวออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งในตอนนี้
 
“พี่ใหญ่ท่านไม่เป็นไรนะ ข้ามาหาท่านแล้ว”ชิงซากล่าวออกมาด้วยน้ำตา
 
“น้องเล็กนั้นเจ้ารึ นี่ข้าไม่ได้ฝันไปอย่างนั้นรึ?” เธอมองไปที่ชิงซาด้วยความประหลาดใจ
 
“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่เจ้าเด็กโง่ รีบหนีไปเร็วๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าข้านั้นคงจะตายตาไม่หลับอย่างแน่นอน รีบหนีไปเร็วๆ”เธอกล่าวออกมา
 
“ไม่ต้องห่วงข้ามาที่นี่เพื่อช่วยท่าน และทำลายตระกูลหมาป่าวารี”ในขณะนั้นเองกลิ่นอายแห่งความเกลียดชังได้ประทุขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่มันนั้นได้กดดันทุกคนๆในบริเวณรอบๆ ยกเว้น เธอและชิงสุ่ย
 
“เด็กโง่เจ้าไม่สามารถสู้พวกเขาได้รีบหนีไปซะในขณะที่มีโอกาส รีบไปเร็วๆ!”
 
“ฮ่า ๆ  เจ้าไม่สามารถไปไหนทั้งนั้น เนื่องจากเจาได้ฆ่าสมาชิกของตระกูลหมาป่าวารี มันให้เจ้านั้นกล่าวเป็นกบฏของจักรวรรดิมังกรสมุทรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครจะสามารถช่วยเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว “เสียงนั้นได้ขึ้นมากจากระยะไกล
 
ผู้คนประมาณหนึ่งร้อยคนปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า
 
“กบฏอย่างนั้นรึ นั้นหมายความถ้าไม่มีจักรวรรดิมังกรสมุทรพวกเราก็ไม่ใช่กบฏอย่างนั้นสินะ “ชิงสุ่ยกล่าวโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้น หลังจากนั้นเขาก็เอาโซ่ที่เจาะทะลุร่างของผู้หญิงนั้นออกด้วยความชำนาญ
 
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ฝังเข็มทองลงไปบนร่างของเธอเพื่อช่วยลดความเจ็บปวดในตอนนี้

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด