ตอนที่ 1269
บทที่ 1269 – เป็นไปได้หรือไม่ที่จะรวมมหาทวีปอูเซียตะวันตกให้เป็นปึกแผ่น ชิงสุ่ยค่อนข้างหงุดหงิด เขาไม่คาดคิดว่าการคาดเดาเขาจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ดูเหมือนว่าเธอจะถูกชายหักอก เธอจึงส่งมอบประเพณีอันแสนโหดร้ายให้กับนิกายบงกชเทวะ แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอได้เข้าร่วมนิกายบงกชเทวะก่อนหน้าหรือหลังจากที่เธอโดนหักอก ชิงสุ่ยยิ้มและหันไปมองผู้อาวุโสทั้งสองคน “ความแข็งแกร่งของผู้นำนิกายบงกชเทวะนั้นมีมากเท่าไหร่กัน?” เนื่องจากชายชราทั้งสองคน บอกเขาว่ามันมีแนวโน้มที่ผู้นำนิกายจะเดินทางมาเพื่อต่อสู้กับเขาเอง อย่างน้อยการได้ประเมินความสามารถของเธอ เขาจะได้ไม่รู้สึกประหลาดใจมากนักเมื่อต้องเผชิญหน้า “นางไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายบงกชเทวะ แต่ก็เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งไม่กี่คนและยังมีพลังมากถึง 6000 สุริยา หรืออาจมากกว่านั้นเล็กน้อย”ชายชราสวมเสื้อคลุมมังกรทองจ้องมองชิงสุ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม “โอ้? ถ้าหากเป็นเช่นนั้น เรื่องมันก็คงจะง่าย”ชิงสุ่ยเผยรอยยิ้มขณะตอบกลับ ผู้อาวุโสทั้งสองคนถึงกับตกตะลึง ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจมองเห็น แต่พวกเขารู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ได้โป้ปด “ภายใต้นิกายบงกชเทวะ ยังคงมีสภาผู้อาวุโสบงกชเทวะ ซึ่งแฝงตัวไปด้วยสัตว์ประหลาด 1 ถึง 2 คน ที่มีพละกำลังสูงส่งมากถึง 7000 ถึง 8000 สุริยา คนเหล่านี้จะไม่ปรากฏตัวเว้นเสียแต่นิกายบงกชเทวะจะเข้าสู่ภาวะคับขันที่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย”ชายชรากล่าวเตือน ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดใจว่าทำไมชายชราถึงรู้เรื่องเหล่านี้ เขาเองก็คาดเดาว่านิกายบงกชเทวะก็รับรู้ถึงสถานการณ์ภายใต้ สํานักสวรรค์เร้นลับเช่นกัน “ขอบคุณทุกท่านมากที่บอกข้าให้รับรู้เรื่องเหล่านี้” ชายชราโบกมือ “อย่าได้มากพิธีกับพวกเราเลย พวกเราคือครอบครัว และพวกเราก็รู้ดีว่าความสำเร็จในอนาคตของเจ้านั้นย่อมไปไกลกว่าสํานักสวรรค์เร้นลับแห่งนี้เป็นแน่ แต่พวกเราคาดหวังเพียงแค่ว่าเจ้าจะนำพาสำนักสวรรค์เร้นลับของเราไปสู่ที่ที่สูงกว่าที่พวกเรายืนอยู่ได้” “พวกท่านอย่าได้เป็นกังวล ข้าได้ให้คำสัญญาแล้วว่าข้าจะนำพาชื่อเสียงของสำนักสวรรค์เร้นลับออกไปแพร่กระจายให้ทั่วทั้ง 9 มหาทวีป ได้รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของสำนักสวรรค์เร้นลับ”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง “เอาล่ะ ส่วนเรื่องของซูหนี่ ความสามารถของนางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฟู่ เหยียนเทียนและคนอื่นอื่นๆเลย พวกเราไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก ถ้าหากซูหนี่สามารถแบกรับหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ได้ จะได้ถอนตำแหน่งออกไปเข้าร่วมกับสมาคมผู้อาวุโสเสียที”ชายชราที่สวมเสื้อคลุมมังกรทองยิ้มและกล่าว “พวกท่านจะได้รีบร้อน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นซูหนี่จะต้องเป็นผู้ครอบครองสำนักสวรรค์เร้นลับ และข้าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด” ชายชราทั้งสองคนย่อมต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์มากและรู้ว่าพวกเขาควรทำอะไร สถาบันสวรรค์เร้นลับจะต้องก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นเมื่ออยู่ในมือของซูหนี่ แต่ถ้าหากความคิดของชายชราไม่ผิดพลาด ชิงสุ่ยและซูหนี่จะต้องตบแต่งเป็นสามีภรรยากันอย่างแน่นอน “พวกท่าน ข้าสงสัยว่าถ้าหากจะรวมกลุ่มคนจากมหาทวีปอูเซียตะวันตกเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวพอจะมีทางเป็นไปได้หรือไม่?”ชิงสุ่ยสงสัย มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาจำเป็นจะต้องดำเนินการ “มันก็เป็นไปได้ แน่นอนว่า ถ้าหากเจ้าคาดหวังที่จะสร้างที่เพื่อยืนอยู่เหนือ 3 มหาทวีป เจ้าก็ต้องต่อต้านคนพวกนั้น นี่ยิ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในการรวมตัวมหาทวีปอูเซียเป็นปึกแผ่น เพื่อเป็นแกนกำลังสำคัญ”ชายชราที่สวมเสื้อคลุมมังกรทองคิดเล็กน้อยก่อนจากกล่าวออกมา หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ชายชรากล่าว ความคิดก็กระโจนเข้าสู่สมองของชิงสุ่ย เขาต้องการที่จะรวมมหาทวีปอูเซียตะวันตกเป็นปึกแผ่น ขั้นตอนแรกเขาจะต้องรวมครึ่งมหาทวีปให้เป็นหนึ่งก่อน นั่นก็หมายถึงสํานักสวรรค์เร้นลับ เทือกเขาปู๋โถวแห่งทะเลใต้ นิกายบงกชเทวะ จักรวรรดิเดชสวรรค์และจักรวรรดิระดับ 4 แห่งอื่นๆ สำหรับสำนักสวรรค์เร้นลับเขาสามารถกระทำมันได้โดยง่ายและรวดเร็ว สำหรับเทือกเขาปู๋โถวแห่งทะเลใต้? เขามีถานท่ายหยวนและอวี้ลู่หยานพำนักอยู่ที่นั่น โดยเฉพาะถานท่ายหยวนที่เป็นถึงศิษย์เอกของหัวหน้าผู้อาวุโส จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากเธอได้กลายเป็นผู้สืบทอดของเทือกเขาปู๋โถว สำหรับนิกายบงกชเทวะ ดูเหมือนจะไม่ค่อยง่ายเท่าไหร่ เขาควรจะผลักดันติ๊เฉิน หรือเขาควรจะผลักดัน ติ๊หวู่ สือฉา? และเรื่องของจักรวรรดิเดชสวรรค์ ดูเหมือนเขาจะรู้จักเพียงแค่ ฟู่ ร่ง เมื่อคิดไปคิดมาแล้วชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าการรวมมหาทวีปอูเซียตะวันตกไม่ใช่เรื่องที่ง่ายอย่างที่คิด แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะทำเรื่องนี้กับเทือกเขาปู๋โถวแห่งทะเลใต้ ถานท่ายหยวนก็อาจไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา ชิงสุ่ยใช้เวลาคิดอย่างยาวนานและตัดสินใจที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆที่กำลังจะตามมา เมื่อจัดเรียงความคิดจนเสร็จสิ้น เขาก็สงบสติอารมณ์ลง ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างอิทธิพลภายในสำนักสวรรค์เร้นลับ เขาจะต้องมัดรวมมันเป็นกลุ่มก้อน และผู้อาวุโสทั้งสองก็จะเป็นคนช่วยเหลือเขา หลังจากนั้นไม่นาน ชิงสุ่ยก็เงยหน้ามองดูชายชราทั้งสองคน เมื่อไม่นานมานี้เขาได้รับรู้ว่าชายชราทั้งสองคนหรืออายุขัยไม่มากแล้ว เขาจะต้องมองหาใครสักคนมาเข้ารับตำแหน่งภายในสํานักสวรรค์เร้นลับในเร็ววันนี้ แม้ว่าชายชราทั้งสองคนแต่ยังไม่ถึงขีดสุดของอายุไข แต่สำหรับผู้ฝึกตน มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะสามารถยืนยงคงกระพันได้จนครบอายุไข ผู้ฝึกตนจำนวนมากมายย่อมต้องได้รับบาดเจ็บจากการฝึกฝน อาการบาดเจ็บหลายๆอย่างย่อมต้องไม่สามารถรักษาได้อย่างสมบูรณ์จึงทำให้ผู้ฝึกตนเหล่านั้นมีอายุได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของอายุขัยที่แท้จริง ซึ่งสำหรับชายชราทั้งสองคนนี้ก็ไม่ต่างกัน พวกเขาคงจะมีอายุยืนอยู่ได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของอายุขัย ช่างน่าเสียดายที่ร่างกายของพวกเขานั้นมิได้รับการชำระล้าง และอาการบาดเจ็บที่ซุกซ่อนอยู่ภายในร่างกายได้สั่งสมมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว สิ่งเหล่านี้กำลังรอวันปะทุเปรียบดังระเบิดเวลา เมื่อระเบิดเวลาได้ถูกจุดชนวน ก็ย่อมไม่มีทางที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้อีกเว้นเสียแต่ พวกเขาจะได้รับขุมทรัพย์อันทรงพลังที่จะสามารถชำระล้างร่างกายของพวกเขา สิ่งเหล่านี้จะทำให้อายุไขเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ชิงสุ่ยรู้ดีว่าในอนาคตเขายังจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากชายชราทั้งสอง องค์หญิงใหญ่เองก็ต้องใช้เวลาเพื่อที่ทำให้เธอขึ้นครองราชสมบัติ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องช่วยยืดอายุไขของชายชราทั้งสองคน “อืม ชานี้รสชาติดียิ่ง ข้าคิดว่าการดื่มชาจะสามารถช่วยเพิ่มอายุขัยของข้าได้”ชายชราในชุดมังกรทองมองชิงสุ่ยด้วยความประหลาดใจ “ถูกต้องแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเพิ่มอายุไขให้กับตนเอง เหตุผลที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อที่ช่วยเพิ่มอายุไขให้กับพวกท่านทั้งสอง”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม “เพิ่มอายุไขให้กับพวกเรา?” “ถ้าหากข้าพิจารณาไม่ผิดพลาด ดูเหมือนอายุไขของพวกท่านทั้งสองจะเหลืออยู่ไม่มากแล้ว และการที่พวกท่านพยายามต่างๆนานา นั่นเป็นเหตุผลเดียวก็คือพวกท่านกำลังมองหาใครสักคนหนึ่งเพื่อเป็นตัวแทนเข้าไปควบคุมดูแลสำนักสวรรค์เร้นลับ”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสงบ “เห้อ ก่อนหน้าที่เจ้าจะปรากฏตัว พวกเราได้ลงทุนลงแรงเพื่อฟูมฟักเลี้ยงดู ฟู่ เหยียนเทียน พวกเราหวังว่าพวกเราจะมีอายุขัยยืนยาวมากขึ้นอีกสัก 2-3 ปี แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะฟูมฟักฟู่ เหยียนเทียนให้ทันเวลา เอาจริงๆแล้ว แม้จะเป็นเจ้าก็ตาม พวกเราเองก็รู้สึกว่าเวลาของพวกเรานั้นมีไม่มากพอ แม้ว่าสำนักสวรรค์เร้นลับจะมีชื่อเสียงอย่างมาก แต่ภายในของมันกลับเต็มไปด้วยปัญหา” ชายชราทั้งสองกล่าว “แล้วทำไมพวกท่านถึงไม่ส่งต่อมันให้กับคนรุ่นก่อนหน้าฟู่ เหยียนเทียนล่ะ?”ชิงสุ่ยถามด้วยความงุนงง “มันเป็นเพราะพรสวรรค์ ชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์เช่นเจ้าก็เป็นหนึ่งในคนที่หาจับตัวได้ยาก มันจะเป็นเรื่องยากที่จะตามหาคนเหล่านั้น แม้ว่าสาวกของคนรุ่นก่อนหน้าฟู่ เหยียนเทียนจะไม่แย่นัก แต่พวกเขาก็เลือกที่จะซ่อนตัวและไม่เข้าร่วมกับใคร ซึ่งต่างจากคนรุ่นฟู่ เหยียนเทียน”ชายชรากล่าวอย่างช่วยไม่ได้ ชิงสุ่ยคิดวิเคราะห์และเห็นด้วย จริงๆแล้วคนรุ่นก่อนๆก็ไม่ได้มีความสามารถเท่ากับฟู่ เหยียนเทียนเลย แม้กระทั่ง เทียน เจียนเซียนเองก็ยังคงด้อยกว่าเขาเล็กน้อย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จึงได้มีอิทธิพลมากมายเหลือคณา “จะเรื่องอะไรก็ช่าง แต่มันคงไม่มีปัญหาสำหรับข้า ที่จะเพิ่มพูนอายุขัยให้กับพวกท่านสัก 100 ปี” คำพูดของชิงสุ่ยทำให้ทั้งสองถึงกับตกตะลึง การเพิ่มพูนอายุ 100 ปี ความมั่นใจนี้มันคืออะไร!!! มันเปรียบเสมือนการพยายามฉกฉวยชีวิตให้ยืนยาวมากขึ้นทั้งที่สวรรค์ได้บัญญัติ แม้แต่ 3 ถึง 5 ปียังเป็นเรื่องยาก แล้วสำหรับ 100 ปี มันจะเป็นไปได้อย่างไร? หลังจากกล่าวจบ ชิงสุ่ยก็หยิบขวดยากระเบื้อง 2 ขวดออกมาและส่งมาให้กับชายชราทั้งสอง และเขายังนำเอาเหล้าบ๋วยออกมาเช่นกัน เมื่อชายชราทั้งสองคนเห็นฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต สีหน้าของพวกเขาก็ต้องแปรเปลี่ยนไป หลังจากนั้นพวกเขาก็หันไปมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ไม่อาจเชื่อได้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ถามอะไร “ข้าเจอฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตโดยบังเอิญ และมันก็มีไม่มากนัก และข้าก็ไม่อาจมอบมันให้ใครนอกเหนือพวกท่านทั้งสองได้”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว “นี่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะค้นพบสิ่งของเหล่านี้ในโลกความจริง ชิงสุ่ย ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก” มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับชายชราทั้งสองคนที่จะไม่รู้ว่าสิ่งของในมือคืออะไร ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าเกินกว่าจะกำหนดเป็นตัวเงิน มันสามารถค้นพบได้เฉพาะในสถานที่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณจิตแห่งสวรรค์และโลก หากไม่ได้รับความยินยอมจากชิงสุ่ย สัตว์อสูรที่อยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตแม้แต่ปลายนิ้ว “ชิงสุ่ย สิ่งนี้คือสิ่งของที่นำค่าอย่างมาก ถ้าจะใช้มันกับพวกเรา มันอาจจะเสียของ”ชายชราเสื้อคลุมมังกรทองมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ลังเล “แม้ว่าข้าเองจะมีไม่มากนัก แต่ข้าก็มีมากพอหลายสิบหยด และพอที่จะแบ่งปันให้กับทุกท่าน”ชิงสุ่ยยิ้มและตอบกลับ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราทั้งสองคนก็ไม่ยืนกรานปฏิเสธ พวกเขายิ้มและหยิบมันมา ภาพเบื้องหน้าคือภาพที่แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในตัวชิงสุ่ย ชายหนุ่มคนนี้ช่วยเขาโดยไม่ได้ร้องขออะไรเลย “มาเถิด มาลิ้มรสเหล้าที่ข้าบ่ม พวกท่านจะไม่มีวันได้ลิ้มรสเหล่านี้จากที่ใดมาก่อนอย่างแน่นอน”ชิงสุ่ยเปิดเหล้าบ๊วยของเขาทันที เหล้าบ๊วยงั้นไม่สามารถเพิ่มพูนอายุไขได้โดยตรง แต่มันอาจจะช่วยยืดอายุขัยได้หลังจากที่ชายชราทั้งสองได้ดื่มมันอย่างต่อเนื่องเพราะมันจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกในร่างกายบางส่วน คำกล่าวของชิงสุ่ยที่จะช่วยเพิ่มอายุไขอย่างน้อย 100 ปีนั้นเป็นเรื่องจริง และถ้าหากผนวกมันเข้ากับเหล้าบ๊วย ผลลัพธ์ที่ได้อาจเพิ่มพูนมากกว่านั้น “กลิ่นหอมนี่มัน ดูเหมือนเหล้านี้จะมีอายุหลายพันปี ข้าคิดว่านี่จะต้องเป็นคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อกับเหล้าระดับศักดิ์สิทธิ์….”ชายชรามองไปที่ของเหลวโปร่งแสงด้วยความประหลาดใจ มันเหมือนน้ำทิพย์จากสวรรค์ อีกทั้งกลิ่นหอมของมันยังฟุ้งกระจายจนอวัยวะภายในต่างตื่นตัวเมื่อได้รับกลิ่น ช่างน่าประหลาดจริงๆ เหล้าไหนี้สมควรที่จะได้รับคำกล่าวว่าเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ชิงสุ่ยเทเหล้าลงถ้วยและส่งให้กับทั้งสองคน “มาเถิด ลองลิ้มรสเหล้าพวกนี้ดู มันจะช่วยยืดอายุขัยให้กับพวกท่านได้อีกเล็กน้อย” ชายชราทั้งสองคนสัมผัสข้องกับความแปลกประหลาดในตัวของชิงสุ่ย มันเป็นด้านที่พวกเขารู้สึกไม่คุ้นเคย อาจเป็นเพราะชิงสุ่ยเป็นคนกล่าวเรื่องเหล่านั้นออกมาเอง ตั้งแต่ที่เขากล่าวว่าเหล้าเหล่านี้คือสิ่งที่เขาบ่ม แต่มันอาจมีความหมายว่ามันได้ถูกส่งผ่านโดยบรรพบุรุษของเขา แต่เขาบอกว่านี่เป็นสูตรเฉพาะของเขาเอง และเมื่อตัดสินจากอายุของเหล้าบ๊วยแล้ว มันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นคนต้มและบ่มเหล้าด้วยตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม ชายชราทั้งสองคนกลับรู้สึกว่าเหล้าที่พวกเขากำลังจะดื่มมันคือเหล้าที่ชิงสุ่ยเป็นคนต้มจริงๆ……
คอมเม้นต์