ราชันเร้นลับ 920 : ต้นกำเนิดของกัลเดรอน
บายัม บริเวณสลัม‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ที่สวมหน้ากากและดึงผ้าคลุมหัว กลับมาพบกับ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาอีกครั้งกึ่งกลางระหว่างทั้งสองมีโต๊ะกั้น นั่งฝั่งตรงข้ามกันโดยไม่มีใครพูดจาเป็นเวลานานจนกระทั่ง ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียากล่าว“ได้ยินข่าวนั้นหรือยัง?”อัลเจอร์ไม่ตอบทันที แต่ถามยอกย้อน“ข่าวของเกอร์มัน·สแปร์โรว์?”แคทลียาเงียบสักพัก ผงกศีรษะ“เขาเปลี่ยน ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ให้เป็นหุ่นเชิด”ไม่ว่าจะเหยื่อรายก่อนหน้าอย่าง ‘พลเรือเอกโลหิต’ หรือเหยื่อล่าสุดอย่าง ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ทั้งสองต่างเป็นโจรสลัดที่มีค่าหัวสูงกว่าเธอ ซึ่งไม่ว่าเธอจะมั่นใจในตัวเองมากเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าคิดว่าผู้วิเศษลำดับ 5 สุดแกร่งทั้งสองคนอ่อนแอกว่าตน!“คุณได้ข่าวเร็วกว่าที่ผมคิด” อัลเจอร์ยืนยันโดยนัยว่าข้อมูลของ ‘เฮอร์มิท’ นั้นถูกต้องในฐานะส่วนหนึ่งของโบสถ์วายุสลาตันที่ควบคุมท้องทะเล มันย่อมได้รับข่าวสารโดยตรงจากทางการแคทลียาขยับปากเล็กน้อยและพูด“ถ้าอนาคตกาลกำลังแล่นอยู่ในทะเล ฉันคงต้องใช้เวลาอีกสองสามวัน หรืออาจนานเป็นสัปดาห์ แต่พักหลังฉันอยู่ในบายัม”เธอมิได้เปิดเผยที่มาของข่าวกรองหลังจากเว้นวรรคเล็กน้อย พลเรือเอกดวงดาวถามอย่างใจเย็น“สำหรับเรื่องนี้ คุณรู้อะไรอีกบ้าง?”‘แฮงแมน’ อัลเจอร์ส่ายหน้า“ในตอนที่กำลังจะสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม ผมบังเอิญเห็นสัญญาณติดต่อจากคุณพอดี จึงรีบเข้ามาพบ”แคทลียาพยักหน้าพลางกล่าว“เกอร์มัน·สแปร์โรว์และพลเรือเอกขุมนรกไม่ได้ต่อสู้กัน ลูเธอร์ไวล์เองก็มิได้แสดงท่าทีต่อต้าน ทั้งหมดเป็นฝีมือของคนที่ขึ้นเรือทิวลิปดำไปพร้อมกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชายคนนั้นถูกเรียกว่ากงสุลมรณะ”กงสุลมรณะ… รูม่านตาของอัลเจอร์ขยายออกเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ได้ไม่มีครึ่งเทพตนใดกล้าอ้างสมญานามดังกล่าวส่งเดชแน่!และเหนือสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายมิได้อวดอ้างศักดาก่อน แต่เป็น ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์เสียเองที่ริเริ่มให้เกียรติและเลิกต่อต้าน ยอมศิโรราบอย่างไร้เงื่อนไข!เมื่อเห็นแฮงแมนไม่เล่าต่อ แคทลียาเสริม“ในเส้นทางมรณา ‘กงสุลมรณะ’ เป็นชื่อของลำดับ 2 ไม่ผิดแน่… อย่างไรก็ตาม องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิไบลัมเองก็สืบทอดชื่อนี้ต่อกันมาทุกรุ่น”ไม่ผิดแน่ ระดับเทวทูต… เทวทูตในขอบเขตมรณา… อัลเจอร์ตัดความเป็นไปได้ที่กงสุลมรณะบนเรือทิวลิปดำจะเป็นจักรพรรดิแห่งไบลัม พิจารณาจากหลักการสำหรับสวมบทบาท ก่อนจักรวรรดิไบลัมจะล่มสลาย ตำแหน่งจักรพรรดิคงถูกมอบให้เทวทูตลำดับ 2 ตามธรรมเนียม… แต่บุคคลที่สามารถสั่งให้พลเรือเอกขุมนรกยอมเป็นหุ่นเชิดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์โดยไม่มีการต่อต้าน ลำพังตำแหน่งจักรพรรดิเปล่าๆ คงไม่เพียงพอ…ทันใดนั้น อัลเจอร์พลันฉุกคิดถึงบางสิ่ง เป็นสิ่งที่มันยากจะลืมเลือนหลังจาก ‘พลเรือโทวายุ’ คีลิงเกอร์หลบหนีออกจากคฤหาสน์สำเร็จ ศพของมันกลับถูกพบในสภาพแน่นิ่งข้างทะเลสาบเทียม ใบหน้าของมันเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว เลือดเนื้อค่อยๆ ตกลงมาทีละก้อน กระทั่งดวงตาก็ยังหลุดจากเบ้าไม่ต้องสงสัยเลยว่า สภาพดังกล่าวเกิดจากขุมพลังระดับสูงของขอบเขต ‘ความตาย’ โดยอัลเจอร์สามารถยืนยันในภายหลังว่า นั่นเป็นฝีมือของหนึ่งในข้ารับใช้เดอะฟูลสามารถ ‘เก็บ’ นายพลโจรสลัดได้ง่ายดาย แถมยังเป็นนายพลโจรสลัดที่พกพาสมบัติวิเศษทรงพลัง คีลิงเกอร์ต้องตายในสภาพน่าสมเพชอย่างไร้การต่อต้าน จึงจินตนาการได้ไม่ยากว่า อีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งในระดับใด!อาร์ชบิชอปสเน็ก ‘ผู้ขับขานแห่งเทพ’ ของโบสถ์วายุสลาตัน ประเมินว่าคนที่ลงมือจะต้องเป็นผู้วิเศษลำดับสูงของเส้นทาง ‘มรณา’ และไม่ใช่คนที่มันรู้จักอัลเจอร์ไม่เคลือบแคลงในประเด็นดังกล่าว ตอนแรกปักใจเชื่อกันว่าคงเป็นครึ่งเทพลำดับ 4 หรือลำดับ 3 หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง: นักบุญ ขณะเดียวกันก็ทึ่งที่มิสเตอร์ฟูลมีข้ารับใช้เป็นผู้วิเศษลำดับสูงปัจจุบัน มันฝืนกลืนน้ำลายลงคออย่างเงียบเชียบ คิดว่าตนยังประเมินมิสเตอร์ฟูลต่ำไปมาก รวมถึงประเมินข้ารับใช้ของท่านผิดไปอีกฝ่ายไม่ใช่นักบุญ แต่เป็นเทวทูตเดินดิน อยู่ในระดับเดียวกับสามมงกุฎแห่งศาสนจักรใหญ่!ในเชิงศาสนา สามมงกุฎหมายถึง สันตะปาปา สังฆราช และพระราชาคณะมีกงสุลมรณะเป็นข้ารับใช้… แม้ว่ามิสเตอร์ฟูลจะยังคงฟื้นฟูตัวเอง แต่กองกำลังในมือค่อนข้างน่าสะพรึงทีเดียว… สมองอัลเจอร์กำลังเดือดพล่าน ดวงตากะพริบถี่หลายหน หมดคำจะกล่าวไปสักพักเมื่อ ‘พลเรือเอกดวงดาว’ แคทลียาตระหนักว่าอีกฝ่ายเงียบไป เธอจึงเริ่มเปิดปากพูด“กำลังนึกถึงบางสิ่งอยู่สินะ”อัลเจอร์ไตร่ตรองสองสามวินาที กล่าวอย่างคลุมเครือ“เท่าที่ผมทราบ จากบรรดาข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล หนึ่งในนั้นมีเทวทูตความตาย”สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้น… แคทลียาพึมพำ“หมายความว่า เลือดของสัตว์ในตำนานที่เดอะเวิร์ลหามาให้ เป็นของเทวทูตความตายตนนี้?”“ก็อาจจะ…” แม้อัลเจอร์จะรู้สึกว่าข้อสันนิษฐานของพลเรือเอกดวงดาวไม่มีจุดบกพร่อง แต่ก็เป็นนิสัยของมันที่จะไม่ยืนยันหากไม่แน่ใจแคทลียาไม่สานต่อบทสนทนาเดิม“จะเริ่มลงมือคืนนี้… ตั้งแต่หนึ่งทุ่มครึ่งถึงสองสุ่ม… ถ้าคุณสามารถให้ความช่วยเหลือ ก็แค่ไปพร้อมกับฉัน”เธอตรวจสอบสถานการณ์ฝั่งช่างฝีมือแล้วหรือ? อัลเจอร์ถอนหายใจเงียบ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเจือความสงสัย“ทำไมต้องเป็นช่วงทุ่มครึ่งถึงสองทุ่ม?”นั่นไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลงมือทำสิ่งผิดกฎหมาย เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน หน่วยพิเศษของทางการสามารถตรวจพบความผิดปรกติและรุดหน้ามาถึงจุดเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วแคทลียาผลักแว่นตาหนาเตอะกลับไปยังสันจมูก ตอบด้วยรอยยิ้มซับซ้อน“เพราะนั่นคือเวลาอาหารเย็นของพวกมัน… และอาหารเย็นในวันนี้คือเห็ด”เกี่ยวกันยังไง? อัลเจอร์ผู้มากประสบการณ์พบว่า ตนไม่เข้าใจความนัยแฝงของอีกฝ่ายเลยสักนิด…ไบลัมตะวันออก ภายในป่าดงดิบไคลน์จงใจเบี่ยงออกจากถนนใหญ่และเข้ามาในดินแดนปลอดมนุษย์ เตรียมสั่งให้หุ่นเชิดลูเธอร์ไวล์ถอดหน้ากากสีเงินสว่างบนใบหน้าไคลน์มิได้ทำไปเพราะต้องการสนองความอยากรู้อยากเห็นเพียงอย่างเดียว แต่อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงก็คือ หน้ากากสีเงินของลูเธอร์ไวล์เด่นสะดุดตาเกินไปมาก หากไม่ทำอะไรสักอย่างกับมัน ไม่ว่าจะปลอมตัวพลเรือเอกขุมนรกได้แนบเนียนแค่ไหนก็ไม่มีทางเบี่ยงเบนความสนใจของคนรอบข้างปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของนักเชิดหุ่นคือความเด่นสะดุดตาของหุ่นเชิด… ยิ่งหุ่นเชิดทรงพลังเพียงใด ก็ยิ่งมีเชื่อเสี่ยงมากในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ มีความเสี่ยงที่จะถูกตรวจพบหากพาไปไหนมาไหนด้วยกัน… ถ้าไม่ใช่เพราะเราไม่มีเวลาจัดการกับโจรสลัดบนเรือทิวลิปดำในตอนนั้น ปัจจุบันคงมีวิธีกลบเกลื่อน เช่นปล่อยให้ลูเธอร์ไวล์เป็นกัปตันต่อไป ส่วนเราก็แสร้งทำตัวเป็นลูกน้อง สำหรับผู้ไร้หน้า เรื่องนี้เรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ… ไคลน์ถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อนพลางเดินผ่านป่าดงดิบรอบตัวไคลน์เต็มไปด้วยยุง แต่ไม่มีตัวใดกล้ามารังควาน เนื่องจากพวกมันกำลังรุมตอมพลเรือเอกขุมนรกและเจาะเลือด แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับไปไคลน์มอบแหวนดอกไม้เขียวที่ดึงดูดยุงให้กับหุ่นเชิดตัวใหม่ เพราะคุณสมบัติของแหวนดันไปซ้อนทับกับแหวน ‘บุปผาโลหิต’ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะให้ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นโซใส่สองแหวนสองวงพร้อมกัน นอกจากนั้นไคลน์ยังยืนยันได้ว่า ร่างกายของลูเธอร์ไวล์ค่อนข้างพิเศษ ไม่ต้องกลัวยุงกัดเดินมาได้สักพัก ไคลน์โยนเหรียญด้วยท่าทีผ่อนคลายพร้อมกับหยุดเดินหลังจากใคร่ครวญสองสามวินาที ไคลน์ตัดสินใจจัดการบางสิ่งก่อนจะทำการถอดหน้ากากหุ่นเชิดตัวใหม่ เพราะผลการทำนายเมื่อครู่ยืนยันว่า มีอันตรายรุนแรงซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากหลังจากเตรียมวัตถุที่เกี่ยวข้องเสร็จ ไคลน์รีบประกอบพิธีกรรม อัญเชิญเครื่องรับโทรเลขไร้สายออกจากมิติเหนือหมอกสีเทามายังโลกความจริงมันต้องการติดต่อ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดส!ก่อนออกจากเมืองเครน ไคลน์จ่ายเงินให้มิสเมจิกเชี่ยนจำนวนสามร้อยห้าสิบปอนด์เพื่อเป็นค่าพิกัดโลกวิญญาณของเมืองกัลเดรอน พร้อมกับได้รับคำเตือนว่าที่นั่นอันตรายมาก จึงตั้งใจจะหาข้อมูลเพิ่มเติมจากสองช่องทาง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ ‘ปฏิบัติการล่าวัตถุดิบ’สองช่องทางที่ว่าก็คือ ช่องทางแรก ถามจากกระจกวิเศษ และช่องทางที่สอง ถาม ‘แสงแดง’ – เมื่อพิจารณาว่ามิสเตอร์อะซิกจะหลับยาว ไคลน์ตัดสินใจขยาย ‘เครือข่ายทางสังคม’ ออกไป อย่างน้อยก็ไม่ควรฝากทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับเทพธิดารัตติกาล ต้องหาขั้วอำนาจอื่นมาถ่วงดุล และเจ็ดแสงพิสุทธิ์แห่งโลกวิญญาณซึ่งเป็นมิตรกับมนุษย์ ถือเป็นเป้าหมายที่ดีที่สุดในเวลานี้!เมื่อเครื่องรับโทรเลขปรากฏกาย ผืนป่าโดยรอบพลันถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศหนาวเย็นและมืดมน ประหนึ่งโลกวิญญาณของที่นี่กำลังผสมผสานเข้ากับความเป็นจริงราวสิบวินาทีหรือน้อยกว่านั้น เสียง ‘กุกกุกกุก’ ดังขึ้น แผ่นกระดาษมายาสีขาวถูกพ่นออกมา“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ อาโรเดสข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และถ่อมตนของท่าน พร้อมช่วยเหลือท่านในทุกเรื่อง… สำหรับตอนนี้ ที่นี่ยังไม่อันตรายนัก ท่านคิดเห็นเหมือนกันหรือไม่?”ได้เห็นถ้อยคำที่เต็มไปด้วยคำเยินยอ ไคลน์ถอนหายใจโล่งอกพลางยืนยันว่าตนประสบความสำเร็จในการเชื่อมต่อกับ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสมันกังวลว่าบนกระดาษขาวจะเขียนข้อความจำพวก ‘ข้าต้องการมีลูกกับท่าน’ หรืออะไรเทือกนั้นแน่นอน ไคลน์ลองทำนายถึงอันตรายจากการติดต่อกับกระจกวิเศษบนมิติหมอกล่วงหน้าและได้รับคำตอบว่าไม่มีปัญหา แต่เนื่องจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเคยขัดขวางพลังทำนายบนมิติหมอกมาก่อน รวมถึงการตีความที่ผิดพลาดของผลการทำนายเกี่ยวกับการลอบแทรกซึมประตูยานิส ทั้งหมดทำให้ไคลน์ไม่กล้าวางใจกับผลการทำนายบนมิติหมอก“ใช่” ไคลน์พยักหน้าเคร่งขรึมก่อนจะถาม “รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองกัลเดรอนในโลกวิญญาณบ้าง?”กุกกุกกุก! กระดาษมายาสีขาวถูกพ่นออกจากเครื่องรับโทรเลข“ข้ามองไม่เห็นเมืองนั้นอย่างชัดเจนสักเท่าไร จึงไม่ทราบสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงภายใน ยืนยันได้เพียงว่า มีนักบุญเคยร่วงหล่นที่นั่นมาก่อน แต่ขณะเดียวกันก็เคยมีเทวทูต นักท่องเที่ยว และวิญญาณเร่ร่อนเข้าไปสำรวจเมืองกัลเดรอนและรอดกลับมาอย่างปลอดภัย แต่พวกมันก็ไม่พบอะไรมากนัก… แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น ข้าทราบต้นกำเนิดของเมืองดังกล่าว”โดยไม่รอให้ไคลน์ถาม หลังจากสิ้นเสียง กุกกุกกุก! กระดาษมายามายาสีขาวเริ่มถูกพ่นมากขึ้นเรื่อยๆ“มันเคยมีชื่อว่า ‘เมืองแห่งความตาย’ เป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดาบรรพกาลตนหนึ่ง ต้นตระกูลฟีนิกซ์ เทพธิดาเกรจารี… แต่หลังจากพระองค์เปิดโลกแห่งความตาย อาณาจักรแห่งเทพจึงถูกย้ายไปที่นั่น และเมืองแห่งความตายก็ค่อยๆ กลายเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์สำหรับลูกหลานและผู้ศรัทธาของท่าน… ทว่า นับตั้งแต่เทพธิดาบรรพกาล เกรจารี ถูกเทพสุริยันบรรพกาลสร้างความเสียหายอย่างรุนแรง พระองค์ทำการถอนรากถอนโคนเมืองแห่งความตายและโยนเข้าไปในส่วนลึกของโลกวิญญาณและสั่งห้ามมิให้ชาวเมืองตนใดย่างกรายออกมา ชื่อ ‘กัลเดรอน’ มาจากเทวทูตของตระกูลอับราฮัมที่เข้าไปพบเป็นคนแรก ถ้อยคำดังกล่าวหมายถึง ‘วิญญาณนิรนาม’ ในภาษาแห่งความตาย”……………………………………………..
คอมเม้นต์