ราชันเร้นลับ 793 : ผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิด
ได้ยินคำถามจากมิสเตอร์มูน ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์ส เกือบโพล่งออกมาว่า ‘แน่นอน! ฉันรู้ดีกว่าใคร! แค่ไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดเท่านั้นเอง!’ทว่า เธอควบคุมปากในเวลาที่เหมาะสม สายตาชำเลืองไปทางมิสเตอร์เวิร์ลที่สุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอีกฝั่งด้วยอาการหวาดผวาเล็กๆแทบจะในเวลาเดียวกัน แฮงแมน จัสติส และเฮอร์มิทพอจะคาดเดาได้เลือนรางว่า เหตุการณ์ในเขตตะวันออกของเบ็คลันด์ คือปฏิบัติการสังหารผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือ โดยฝีมือของเดอะเวิร์ล!และเนื่องจากเอ็มลินไม่ใช่ผู้ชม มิอาจอ่านคำตอบจากดวงตา ฟอร์สจึงยิ้มแห้งๆ และตอบกลับ“ในส่วนของรายละเอียด ฉันเล่าไม่ได้… ทราบเพียงว่า มีพลังครึ่งเทพของเส้นทางพายุเกิดขึ้นที่นั่น ส่งผลให้ทางโบสถ์วายุสลาตันมุ่งความสนใจมาเป็นพิเศษ”เธอไม่กล้าอธิบายเรื่องราวทั้งหมดแทนมิสเตอร์เวิร์ล แค่เกริ่นจากที่ตัวเองเห็นฟอร์สเชื่อว่า หากมิสเตอร์เวิร์ลต้องการลงลึกรายละเอียด เดี๋ยวอีกฝ่ายก็คงเล่าเองพลังพิเศษระดับครึ่งเทพในขอบเขตพายุ? ‘จัสติส’ ออเดรย์และคนที่เหลือต่างตกตะลึง เริ่มสงสัยว่าสมมติฐานก่อนหน้าของตนคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือพวกมันเคยเข้าใจว่า บันทึกการเดินทางของเลมาโน่เป็นวัตถุที่เกิดจากความตายของผู้ส่งสารชุมนุมแสงเหนือ ดังนั้น ก่อนที่เดอะเวิร์ลจะลอบสังหารอีกฝ่ายสำเร็จ ไม่มีทางที่จะให้มิสเตอร์ฟูลบันทึกพลังระดับครึ่งเทพไว้ล่วงหน้าได้!หรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติในเขตตะวันออกจะไม่เกี่ยวข้องกับมิสเตอร์เวิร์ล? ไม่น่าจะใช่… เมื่อครู่ ฟอร์สแอบชำเลืองไปทางมิสเตอร์เวิร์ลไม่ผิดแน่! แต่ว่า ทำไมถึงมีพลังครึ่งเทพในขอบเขตพายุปรากฏขึ้นได้? หนึ่งในความน่าจะเป็นก็คือ บันทึกการเดินทางของเลมาโน่ไม่ใช่ผลลัพธ์ของภารกิจ แต่เป็นสิ่งที่ฟอร์สครอบครองมาตั้งแต่แรก… อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ สิ่งนี้เป็นฝีมือของพระคาร์ดินัลแห่งโบสถ์วายุสลาตัน หรือไม่ก็สมบัติปิดผนึกในขอบเขตดังกล่าว…หากเป็นอย่างแรก การที่มิสเตอร์เวิร์ลต้องลงทุนใช้พลังครึ่งเทพออกมา หมายความว่าผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือคนนั้นต้องแข็งแกร่งอย่างมาก หรือไม่ก็มีตัวตนระดับนักบุญอยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าเป็นแบบที่สอง การที่มิสเตอร์เวิร์ลรอดจากการโจมตีเช่นนั้นมาได้ เพียงพอแล้วที่จะอธิบายความน่าสะพรึงกลัวของเขา…แน่นอน อย่าเพิ่งตัดความเป็นไปได้ที่ว่า มิสเตอร์เวิร์ลจงใจลากให้โบสถ์วายุสลาตันไปเผชิญหน้ากับครึ่งเทพของชุมนุมแสงเหนือ อาศัยจังหวะที่ครึ่งเทพทั้งสองฝ่ายปะทะกัน หลบหนีออกมาอย่างราบรื่น บรรลุภารกิจลอบสังหารท่ามกลางความโกลาหล… ‘จัสติส’ ออเดรย์เริ่มวิเคราะห์จากรายละเอียดที่เธอสังเกตเห็น คาดเดาเอาเองสองสามสิ่ง โดยทุกสมมติฐานชี้นำไปในทิศทางเดียวกันเดอะเวิร์ลเพียบพร้อมไปด้วยฝีมือ สติปัญญา การเตรียมตัว และความเด็ดขาด เรียกได้ว่าเป็นลำดับ 5 ที่เก่งกาจระดับยอดพีระมิด เป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดใต้ครึ่งเทพอย่างไร้ข้อกังขา!แข็งแกร่งจนน่ากลัว… สมแล้วที่เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล… ไว้เราไปถึงวิหารเมื่อไร คงได้รับรายละเอียดในเรื่องนี้… ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์เองก็ลองวิเคราะห์เบื้องต้น ถอนหายใจเงียบ ทำได้เพียงปลอบใจตัวเองว่า หากมีคู่หูร่วมเดินทางเป็นชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ การสำรวจเกาะโบราณที่ไม่มีใครครอบครอง ก็คงง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าในส่วนของ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา ความคิดของเธอคล้าย ‘จัสติส’ ออเดรย์ จึงเตรียมจะกลับไปถามราชินีเงื่อนงำ – เจ้าของเรือรุ่งอรุณ เกี่ยวกับสถานการณ์ในเขตตะวันออกของเบ็คลันด์“พลังระดับครึ่งเทพในขอบเขตพายุ…” เอ็มลินทวนคำของมิสเมจิกเชี่ยนด้วยความปวดหัวแม้ว่ามันจะรักการอยู่บ้าน ไม่ชอบออกไปไหน แต่ในมหานครใหญ่แห่งนี้ มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะตระเวนไปตามโรงพยาบาลเพื่อขโมยเลือดสดดื่มบ่อยครั้ง เมื่อผนวกเข้าความรู้พื้นฐานเข้ากับคำเตือนของเหล่าอาวุโส เอ็มลินมีความเข้าใจในหน่วยพิเศษของเมืองหลวงเป็นอย่างดี และเข้าใจว่าเหตุร้ายดังกล่าว จะสร้างความตึงเครียดแก่บริเวณใกล้เคียงมากแค่ไหนหากเราไม่ปลอมตัวให้แนบเนียน การลอบเข้าไปในเขตตะวันออกอาจไม่ถึงเป้าหมาย ถูกไล่ล่าและตามจับกุมตัวโดยทูตพิพากษาแทน… แม้ว่าเราจะมีตัวตนเป็นคนของโบสถ์พระแม่ธรณี ซึ่งจะทำให้ไม่ถูกลากเข้าคุก และไม่กลายเป็นหนูทดลองสมบัติปิดผนึก แต่ภารกิจ ‘ล่า’ ก็จะล้มเหลว แถมยังจะถูกยึดบันทึกการเดินทางของเลมาโน่… ในสถานการณ์แบบนี้ การลงไปในท่อระบายน้ำยิ่งอันตราย ไม่มีทางรู้เลยว่าผู้วิเศษของทางการซ่อนตัวอยู่กี่คน… เอ็มลินพบว่าภารกิจของตนยากขึ้นกะทันหันแต่ไม่นาน มันก็ได้ข้อสรุป นั่นคือการลงมือในช่วงกลางดึก ก่อนเวลารุ่งสาง เพราะเป็นเวลาที่ชนชั้นล่างในเขตตะวันออกเริ่มทยอยกลับจากการทำงาน ถึงฟ้าจะมืด แต่ถนนก็ยังคึกคัก ต่อให้ทูตพิพากษามีกำลังคนมากกว่านี้อีกสิบเท่า ก็ไม่มีทางเฝ้าจับตามองได้อย่างละเอียด หมดสิทธิ์จำแนกเป็นรายบุคคลแผนการขั้นถัดไปก็คือ ลงมืออย่างมีประสิทธิภาพ พยายามดับลมหายใจแวมไพร์เทียมทั้งสองโดยไม่ให้เกิดความวุ่นวาย… อา ต้องคอยคำนึงว่า การต่อสู้อันดุเดือดมิอาจเก็บซ่อนความผิดปรกติได้ง่ายนัก… เดี๋ยวนะ มิสเมจิกเชี่ยนเพิ่งบอกว่า ในสมุดเวทมนตร์เลมาโน่มี ‘เทเลพอร์ต’ ถูกบันทึกไว้… ถ้าอย่างนั้นก็หมดปัญหา! ‘เดอะมูน’ เอ็มลินถอนหายใจโล่งอก หัวเราะในลำคอ“ข้าจะจำใส่ใจไว้”มันกล่าวด้วยความใจเย็น ค่อนไปทางมั่นใจ คล้ายกับทุกสิ่งอยู่ในความควบคุมหึหึ สหายเอ็มลินคนนี้กระอักกระอ่วนในตอนต้น ก่อนจะผ่อนคลายในภายหลัง… เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ขอเดาว่าหมอนั่นเพิ่งฉุกคิดถึงเวทมนตร์ ‘เทเลพอร์ต’ ในหนังสือ… หากไม่ใช่เพราะเรา ‘ต้อนแกะ’ ได้พลัง ‘ประตูนักท่องเที่ยว’ มาครอง คงตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ก่อนที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะยืมหนังสือไปใช้ ห้ามมิให้ใครแตะต้องหน้า ‘เทเลพอร์ต’ เด็ดขาด… ไคลน์ฉีกยิ้มในใจ ภายนอกเงียบขรึมสำหรับมัน เป็นเพราะสมุดเวทมนตร์มีเทเลพอร์ตเพียงหน้าเดียว จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะต้องใช้งานยุบพองหิวโหยเพื่อเดินทางไปยังเกาะโบราณ และเมื่อเป็นเช่นนั้น ไคลน์ก็ต้องหา ‘คนที่สมควรตาย’ มาเป็นอาหารให้ถุงมือ“ถือว่าฉันได้เตือนไปแล้ว” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สไม่พูดสิ่งใดอีก เพียงหวังให้ภารกิจของมิสเตอร์มูนผ่านไปอย่างราบรื่นทันใดนั้น ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์หันไปมอง ‘เดอะซัน’ ด้านข้าง“คุณยังอยู่ในเมืองเงินพิสุทธิ์ใช่ไหม?”“ครับ กิจวัตรในช่วงหลังคือการทำความคุ้นเคยกับพลังพิเศษ เดินลาดตระเวนไปรอบๆ พื้นที่” เดอร์ริคตอบโดยไม่ปิดบังอัลเจอร์ถามต่อ“ในระยะหลัง อาวุโส ‘คนเลี้ยงแกะ’ คนนั้นไม่มาหาคุณบ้างหรือ?”“ไม่ครับ” เดอร์ริคเว้นวรรค “ช่วงนี้หกสภาอาวุโสกำลังยุ่งอยู่กับอนุสาวรีย์บรรจุศพของอดีตเจ้าเมือง แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั้น ผมยังไม่มีสิทธิ์รับรู้”ไคลน์เคยได้ยินเดอะซันเล่าเกี่ยวกับอดีตเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ให้ฟัง กล่าวว่า ชายคนนั้นสร้างสุสานลึกลงไปใต้ดินและขังตัวเองไว้ภายใน ไม่ออกมาอีกเลยเป็นเวลานาน มีการคาดเดาว่า พิธีกรรมเลื่อนเป็นลำดับ 3 ของเส้นทางมรณาคงล้มเหลวเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในสุสาน แต่สัมผัสวิญญาณบอกกำลังว่า ภายในนั้นมีอันตรายซ่อนอยู่… ไคลน์ยังไม่เปิดปาก ทำเพียงนั่งฟัง ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์พูดกับเด็กหนุ่ม“อย่าปล่อยผ่าน… การที่หกสภาอาวุโสลงทุนตรวจสอบอนุสาวรีย์บรรจุศพของอดีตเจ้าเมืองด้วยตัวเอง แถมยังในเวลาแบบนี้ หมายความว่ามันต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”“เข้าใจแล้วครับ!” ‘เดอะซัน’ เดอร์ริครีบพยักหน้า “ผมจะพยายามตรวจสอบสถานการณ์อย่างเต็มที่”การแลกเปลี่ยนดำเนินต่อไป แต่เนื่องจากไม่ค่อยมีใครได้พบเจออะไรในสัปดาห์ที่ผ่านมา ชุมนุมทาโรต์จึงใกล้ถึงจุดยุติ สมาชิกแต่ละคนเริ่มสอนเดอะซันเกี่ยวกับภาษาของโลกภายนอก แลกเปลี่ยนด้วยการเรียนประวัติศาสตร์โบราณจากเขาระหว่างนั้น ‘จัสติส’ ออเดรย์หัวเสียและหงุดหงิดมากที่สุด เพราะเธอไม่ได้ซื้ออะไรจากชุมนุม ไม่ได้แบ่งปันข้อมูลใด เรียกได้ว่าตัวตนจืดจางลงมากเฮ่อ… ชีวิตของเราสงบสุขและมั่นคงเกินไป ไม่มีสิ่งใดให้บอกเล่าและแบ่งปัน… แต่ว่า นี่เป็นเรื่องปรกติ ในฐานะบุตรสาวของเอิร์ลแห่งเชสเตอร์ตะวันออกและหนึ่งในสามสุดยอดนายธนาคารแห่งอาณาจักร หากเราต้องเผชิญอันตรายจากพลังพิเศษบ่อยครั้ง ได้พบเจอเรื่องที่น่าตื่นเต้นทุกสัปดาห์ นั่นหมายความว่า โครงสร้างทางการเมืองและสังคมในปัจจุบัน เริ่มรับมือกับปัญหาของโลกผู้วิเศษไม่ไหว และนั่นจะลงเอยด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่… อา รอกลับไปถึงเบ็คลันด์ ติดต่อกับสมาคมแปรจิตให้บ่อยขึ้น สถานการณ์ของเราจะได้พัฒนาเสียที… ออเดรย์มองโลกในแง่บวก ลุกขึ้นยืน กล่าวคำอำลากับมิสเตอร์ฟูลสำหรับหกเดือนที่ผ่านมา เป็นเพราะแรงกระตุ้นจากซูซี่ เราได้อ่านหนังสือที่มีประโยชน์หลายเล่ม เสริมสร้างความเป็นผู้ใหญ่และโครงสร้างทางความคิด เทียบกับสมัยอดีต เราพัฒนาตัวเองขึ้นมากแล้ว……บ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุนไคลน์ที่เพิ่งจบชุมนุมทาโรต์ เดินไปทางระเบียงติดกับห้องนอน จ้องมองวิวทิวทัศน์สีเขียวขจีเบื้องล่างหลังจากมิสเมจิกเชี่ยนเริ่มต้นธุรกิจให้เช่าสมุดเวทมนตร์เลมาโน่ ในอนาคต คงมีการค้าขายเกิดขึ้นในชุมนุมทาโรต์อีกบ่อยครั้ง… หึหึ พวกเขาอาจยังไม่ทราบ อาจคิดไม่ถึงว่าพลังพิเศษก็สามารถซื้อขายได้เช่นกัน! รอให้พฤติกรรมการเช่ากลายเป็นเรื่องปรกติ จะต้องมีคนที่รับจ้างบันทึกพลังที่มีประโยชน์ลงไป… เมื่อถึงตอนนั้น ตัวเราซึ่งมีสมบัติวิเศษมากมาย สามารถมอบความช่วยเหลือได้ในหลายแขนง…ราคาต้องไม่แพงมาก เน้นการทำธุรกิจที่ยั่งยืน เน้นปริมาณการขายเป็นหลัก…หึหึ… ใครจะเป็นคนแรกที่สามารถรวบรวมความกล้า ขอความช่วยเหลือจากเดอะฟูล ให้เพิ่มพลังระดับครึ่งเทพลงไปในสมุด? การทำแบบนี้ต้องมีค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ คงต้องจ่ายหนักไม่เบา… แต่ถ้าไม่มีใครกล้าเสี่ยง ด้วยเกรงว่าจะเป็นการหมิ่นเบื้องสูง เราสามารถใช้เดอะเวิร์ลเป็นแบบอย่างได้ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มิสเตอร์ฟูลเป็นมิตรกับทุกคน เป็นกันเองกับทุกคนอยู่แล้ว ตราบใดที่ไม่กระทำความผิด การค้าขายย่อมเกิดขึ้นได้…จากกรณีมาดามเฮอร์มิทถูกลงโทษไปเมื่อคราวก่อน เราชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าคลางแคลงเดอะฟูลอีก ภายในใจมีเพียงความยกย่องเทิดทูน หวาดกลัว แต่ก็โล่งอก… ไคลน์วิเคราะห์อนาคตของชุมนุมทาโรต์ เริ่มคาดหวังเกี่ยวกับการซื้อขายพลังพิเศษทันใดนั้น มันได้ยินเสียงเคาะประตู“เข้ามา” ดอน·ดันเตส เจ้าของจอนสีขาวตรงขมับ หันไปกล่าวลูกบิดถูกหมุน ประตูเปิดออก วอลเตอร์ พ่อบ้านผู้สวมถุงมือสีขาว เดินเข้ามาและกล่าวอย่างนอบน้อม“นายท่าน มาดามแมรี่จากคณะกรรมการมลพิษทางอากาศแห่งชาติแวะมาเยี่ยมครับ… อยากพบเธอไหม?”แมรี่·ช็อตต์? ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโคอิม อดีตภรรยาที่เคยขอร้องให้เราช่วยตามจับชู้อดีตสามี? มาหาเราทำไม? คงไม่ใช่ว่าแอบปลื้มดอน·ดันเตสหรอกนะ? ไคลน์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มฉงนเล็กๆ“ใกล้ได้เวลาดื่มชาแล้ว เลื่อนให้เร็วขึ้นสักนิดคงไม่เป็นไรกระมัง”“ได้ครับ ผมจะเชิญมาดามแมรี่ไปยังห้องรับแขกบนชั้นสอง” วอลเตอร์เข้าใจความนัยแฝงของนายจ้างไคลน์พยักหน้าอ่อนโยน ไม่พูดเพิ่มเติม อาศัยความช่วยเหลือจากบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน สวมเสื้อโค้ท เดินลงไปยังชั้นสองเพียงไม่นาน มันเห็นมาดามแมรี่ผู้มีโหนกแก้มสูง กำลังนั่งภายในห้องรับแขกสตรีผู้นี้สวมเดรสสีน้ำเงินเข้ม เครื่องประดับหรูหรา กึ่งๆ โอ้อวด แต่สงวนกิริยา เมื่อเทียบกับเมื่อปีก่อน เธอดูมีรสนิยมขึ้นมาก แถมบรรยากาศรอบตัวก็ยังมีเสน่ห์“ทิวาสวัสดิ์ครับ มาดาม ผมกำลังหาโอกาสไปเยี่ยมคุณ ฟังคุณเล่าเกี่ยวกับการผลสำรวจสภาพอากาศของเบ็คลันด์” ไคลน์เป็นฝ่ายชวนคุยอย่างสุภาพแมรี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“น่าเสียดายที่ดิฉันไม่ได้อดทนรอจนถึงตอนนั้น”หลังจากทักทายกันสองสามคำเกี่ยวกับสภาพอากาศ ไคลน์นั่งลงบนโซฟาเดี่ยว หยิบถ้วยชากระเบื้องเคลือบและพูด“มาดาม คุณมีเรื่องไม่สบายใจหรือ”ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าแมรี่กำลังลังเลและครุ่นคิดแมรี่ยิ้มเล็กๆ ก่อนจะถอนหายใจ“ปัญญาของคุณ ความรู้ของคุณ ดิฉันได้ยินกิตติศัพท์มานาน เชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษที่มีวิสัยทัศน์อันน่าทึ่ง… เกี่ยวกับเรื่องนั้น คุณสนใจจะลงทุนในหุ้นของบริษัทโคอิมไหม?”“ทำไมกันครับ? มาดาม คุณกำลังเดือดร้อนเรื่องเงินหรือ?” ไคลน์ถามใจเย็นแมรี่ส่ายหน้า“มีใครบางคนอยากขาย”………………………………………
คอมเม้นต์