ราชันเร้นลับ 789 : วันจันทร์ของแต่ละคน
เก้าโมงครึ่ง ย่านสะพานเบ็คลันด์ ถนนประตูเหล็ก ผับวีรบุรุษหลังจากเอ็มลินลงรถม้า มันยืนอยู่กับที่ จ้องตรงไปข้างหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย เกือบลืมหลบแดดปัจจุบัน ประตูหน้าของผับกำลังปิดสนิทแน่นหนา ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดเป็นภาพที่หาชมได้ยากมาก ผีดูดเลือดที่เคยแวะเข้าผับเพียงไม่กี่ครั้งในตอนกลางคืน เอ็มลิน ไม่คิดไม่ฝันว่า ร้านประเภทนี้จะไม่เปิดทำการในตอนเช้า หลังจากอ่านกระดาษแผ่นดังกล่าวจบ มันรีบหันหลังกลับอย่างมีความสุข เดินออกจากวิหารฤดูเก็บเกี่ยว ใช้บริการขนส่งเพื่อตรงมาที่นี่ หวังว่าจะได้รับข้อมูลโดยเร็วที่สุดเพื่อประหยัดเวลา มันยอมทนกับสภาพแวดล้อมอันคับแคบและกลิ่นไม่พึงประสงค์ของรถไฟใต้ดินไอน้ำแน่นอน เอ็มลินกำลังฉุนเฉียว แต่ก็ตระหนักว่าฝ่ายที่ผิดคือตน ทำได้เพียงยกมือขึ้นมาปิดหน้า ตัดสินใจสำรวจรอบๆ ถนนประตูเหล็กเพื่อฆ่าเวลา การเดินทางมาในครั้งนี้จะได้ไม่สูญเปล่าขณะกำลังเดินเข้าใกล้รถม้าที่จอดริมถนน บุคคลที่คุ้นเคยเดินผ่านไปตรงมุมสายตาอีกฝ่ายสวมหมวกทรงโดมสีน้ำตาล เสื้อโค้ทตัวเก่า กระเป๋าสภาพยับเยิน ไม่ใช่ใครนอกจากเอียน พ่อค้าข่าวและอาวุธเถื่อนในตลาดมืดหึหึ… สัญชาตญาณของเรายังเฉียบแหลมเหมือนเคย รู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาตั้งแต่เช้า! เอ็มลินเปลี่ยนความโกรธเป็นความสุข ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เดินอย่างผ่อนคลาย หยุดลงตรงหน้าเอียน หัวเราะในลำคอ“อรุณสวัสดิ์”เอียนเงยศีรษะมอง จ้องชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า ตอบกลับด้วยสีหน้าเจือความประหลาดใจ“อรุณสวัสดิ์… มิสเตอร์ไวท์ เวลาที่เหมาะสมในการมาหาผมคือตอนเย็น”“แต่ตอนนี้เหมาะสมเหมือนกัน” เอ็มลินยิ้มอย่างอารมณ์ดี “เอียน ทำไมคุณถึงใส่ชุดเดิมทุกครั้ง มีเสื้อผ้าที่คล้ายกันหลายตัว?”เอียนตอบเสียงเรียบ“มันทำให้ผมดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และไม่ตกเป็นจุดสนใจ… แน่นอน เหตุผลหลักคือผมไม่มีเงิน”มันเสริมประโยคหลังด้วยน้ำเสียงติดตลก“ยังจะใส่ต่อไปในหน้าร้อน?” เอ็มลินหัวเราะ“ผมก็แค่ถอดเสื้อนอก” เอียนตอบพลางหยิบกระดาษสองแผ่นออกจากกระเป๋าสภาพทรุดโทรม สิ่งนี้คือ ‘ใบค่าหัว’ ที่เอ็มลินเคยมอบให้เมื่อครั้งก่อน “พบเป้าหมายในฝั่งตะวันออก”มันยื่นเอกสารให้เอ็มลิน บุคคลที่ถูกทำเครื่องหมายไว้คือ ‘อาร์กอส’เมื่อพบเบาะแสสาวกของดวงจันทร์บรรพกาล เอ็มลินถามอย่างมีความสุข“มันอยู่ที่ไหน?”เอียนไม่ตอบ เพียงยิ้มโดยไม่กล่าวคำใดเอ็มลินไม่ใช่คนโง่ รีบหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาทันที ส่งเงินให้อีกฝ่ายหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์“รางวัล”เอียนยิ้ม“เหลืออีกครึ่งหนึ่ง”“อีกครึ่ง?” เอ็มลินพลันฉุนเฉียว นึกอยากจะทำให้พ่อค้าข่าวและอาวุธเถื่อนรายนี้ตระหนักถึงความน่ากลัวของผีดูดเลือด เนื่องจากข้อตกลงในตอนแรกคือ ยี่สิบปอนด์สำหรับเบาะแสที่ถูกต้อง หนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์สำหรับการระบุตำแหน่งทว่า มันเริ่มตระหนักถึงความนัยของอีกฝ่าย จึงถามกลับด้วยน้ำเสียงเคลือบแคลง“เจออีกราย?”“ครับ” เอียนยื่นกระดาษแผ่นที่เหลือในมือ “ในตอนที่เพื่อนของผมคอยจับตามองอาร์กอส ขณะกำลังจะยืนยันที่อยู่ เขาพบว่าอาร์กอสแอบไปพบกับสุภาพบุรุษที่ชื่อกาลิส·เควิน ดังนั้น พวกเราได้ตำแหน่งของเป้าหมายสองคนในคราวเดียว”“ดีมาก” เอ็มลินควักกระเป๋าสตางค์ ยื่นธนบัตรอีกหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ให้เอียนมันกำลังมีความสุขสุดขีด รู้สึกราวกับบรรพบุรุษและมิสเตอร์ฟูลกำลังอวยพรตนอย่างท่วมท้น เนื่องจาก ในการแข่ง ‘ล่า’ คราวนี้มีเหยื่อเพียงห้าราย มันล่ามาได้แล้วหนึ่ง และในมือมีอีกสองเบาะแส หากประสบความสำเร็จ ไม่ว่าผีดูดเลือดตนอื่นๆ จะทำอย่างไร พยายามมากแค่ไหน เอ็มลินก็สามารถประกาศชัยชนะเหนือทุกคนได้อย่างมั่นใจเอียนนับอย่างระมัดระวังพลางตรวจสอบความถูกต้องของธนบัตร ก่อนจะหรี่เสียงลงและพูด“อาร์กอสพักอยู่บนชั้นสามของอาคารหมายเลข 6 ถนนหินปูน เขตตะวันออก ตรงข้ามกับห้องน้ำรวม… กาลิส·เควินเองก็อยู่ในเขตตะวันออก อาศัยในห้องติดบันไดชั้นที่หนึ่งของอาคารหมายเลข 19 ถนนวาฬขาว”“จะตรวจสอบข้อมูลอีกที… แต่ผมเชื่อว่า คุณคงไม่ทำลายธุรกิจของตัวเองด้วยเงินเพียงสามร้อยปอนด์” เอ็มลินพยักหน้า กึ่งบอกเล่ากึ่งตักเตือน จากนั้นก็หัวเราะ “แล้วทำไมพวกมันถึงถูกพบง่ายนัก?”ดวงตาสีแดงของเอียนขยับเล็กน้อย มองไปรอบๆ และตอบ“ประการแรก ผมมีเพื่อนเป็นนักล่าค่าหัวหลายคน พวกเขามีสายข่าวมากมายในเขตตะวันออก… ประการที่สอง การปลอมตัวของสุภาพบุรุษทั้งสองยังไม่ดีพอ ในเขตตะวันออก พวกเขาโดดเด่นกว่าคนรอบข้างมากเกินไป เว้นเสียแต่จะเปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าสกปรกและเก่าโทรม คล้ายกับคนทำงานหนักราวสิบสองชั่วโมงต่อวัน ถ้าเป็นแบบนั้น คงเป็นการยากที่จะหาตัวพบในเขตตะวันออกอันแสนวุ่นวาย”อย่างนี้นี่เอง… การปลอมตัวต้องใส่ใจความแตกต่างของสภาพแวดล้อมด้วย… เอ็มลินพึมพำ ตระหนักว่าตนได้เรียนรู้สิ่งใหม่มันไม่มีแผนจะมุ่งหน้าไปยังเขตตะวันออกทันที เพราะแม้จะลงมือได้ระหว่างวัน แต่การหนีโดยไม่ให้ใครพบความผิดปรกติ นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก สิ่งนี้ค่อนข้างอันตรายในเบ็คลันด์ และนั่นหมายถึง ทูตพิพากษาหรือเหยี่ยวราตรี อาจแวะมาเคาะประตูบ้านทันทีเมื่อมันกลับไปถึงหลังจากเสร็จชุมนุมทาโรต์ เอ็มลินค่อยเริ่มวางแผนและเตรียมตัว บุกเข้าไปในช่วงสองถึงสามทุ่ม ประเมินสถานการณ์และตัดสินใจว่าจะลงมือตอนไหนสาวกดวงจันทร์บรรพกาลคนก่อนนับว่าไม่ธรรมดา สองคนนี้ก็คงมีฝีมือไม่เลวเช่นกัน มันมั่นใจว่าตนเอาชนะได้ แต่ลำพังพลังของตัวเองเพียงอย่างเดียว อาจยังไม่เพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัย… เอ็มลินโบกมือลาเอียน ภายในใจนึกทบทวนปัญหา ก่อนจะนั่งรถม้าเช่ากลับมายังย่านทิศใต้ของสะพาน…เมืองหลวงของแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก เมืองสโตนออเดรย์ยืนอยู่หลังราวบันได เฝ้ามองสาวใช้และคนรับใช้นำสิ่งของที่ขนย้ายมาจากปราสาทของตระกูล ไปวางตามจุดที่เหมาะสม บรรยากาศเป็นไปอย่างกระฉับกระเฉง เป็นระเบียบ ปราศจากความสับสนคงต้องส่งคนไปหารองศาสตราจารย์มิตเชล บอกเขาว่าพรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมกองทุนขุดค้นและเก็บรักษาวัตถุโบราณ… หวังว่าพวกเขาจะรวบรวมวัตถุที่เกี่ยวกับผู้วิเศษมาได้บ้าง… ออเดรย์คิดอะไรเรื่อยเปื่อย มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างมิอาจควบคุม เธอกำลังภูมิใจกับความคิดในการบริจาคเงินเพื่อก่อตั้งกองทุนดวงตาสีเขียวที่งดงามราวกับอัญมณีหันไปทางด้านข้าง ตรวจสอบเวลาบนนาฬิกาผนัง ครุ่นคิดบางสิ่ง หมุนตัวเดินกลับไปยังห้องนอนที่มุมห้องนอน ซูซี่ โกลเด้นรีทรีเวอร์ตัวใหญ่กำลังนอนหมอบอยู่บนพื้น ไขว้สองขาหน้าอย่างสง่างามตรงหน้ามีหนังสือเล่มหนึ่งเปิดค้างไว้ เต็มไปด้วยข้อความหลายบรรทัดซูซี่ยกขาหน้าขึ้นเป็นครั้งคราว ‘ฉึบ’ พลิกหน้าหนังสือ จ้องอ่านอย่างจริงจังทุกครั้งที่เห็นซูซี่ทำตัวแบบนี้ เรารู้สึกละอายใจนิดหน่อย… ออเดรย์ เธอห้ามเกียจคร้านในการเรียนเด็ดขาด! ออเดรย์กระตุ้นตัวเอง ขยับเข้าไปใกล้ เตรียมสั่งให้ซูซี่ไปเฝ้าประตูซูซี่เงยหน้าขึ้น จ้องออเดรย์ ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูด“ฉันรู้แล้ว!”กล่าวจบ เธอวิ่งเหยาะๆ ออกจากห้องนอนด้วยความเร็วค่อนข้างสูง แถมยังไม่ลืมปิดประตู“…เรายังไม่ได้พูดอะไรเลย” ออเดรย์กะพริบตาถี่ พึมพำกับตัวเองคำสั่งที่คล้ายกัน เธอเคยทำมาแล้วหลายครั้ง และเพื่อป้องกันไม่ให้ซูซี่จับสังเกตได้ว่า เธอชอบอยู่คนเดียวในห้องนอนช่วงบ่ายสามถึงบ่ายสามครึ่งของทุกวันจันทร์ ออเดรย์จึงจงใจทำสิ่งที่คล้ายกันในช่วงเวลาอื่นๆ – ออกคำสั่งไม่ให้ใครเข้ามาในห้อง บ้างแสร้งทำเป็นประชุม บ้างแสร้งทำเป็นอยากอยู่คนเดียว พยายามทำอย่างไม่มีแบบแผน อีกฝ่ายจะได้คาดเดาลำบากว่ากันตามตรง การมีอยู่ของซูซี่ ช่วยเพิ่มแรงจูงใจ ประสิทธิภาพ และความเข้มงวดในการใช้ชีวิตของเรามาก… เราจะด้อยกว่าหมาไม่ได้เด็ดขาด! และถึงจะ ‘ดีกว่าหมา’ นั่นก็ฟังดูไม่เหมือนคำชมสักเท่าไร… ออเดรย์ทำแก้มป่อง นั่งลงข้างเตียง รอให้ชุมนุมทาโรต์เริ่มต้นขึ้น…บ่ายสามโมงตรง เหนือสายหมอกสีเทาสองฝั่งโต๊ะทองแดงยาว ร่างมายาสีแดงเข้มปรากฏขึ้นทีละคนสองคน จนกระทั่งเค้าโครงคมชัด แต่รายละเอียดพร่ามัว“ทิวาสวัสดิ์ มิสเตอร์ฟูล~” ‘จัสติส’ ออเดรย์ลุกขึ้นทำความเคารพอย่างกระฉับกระเฉงสมาชิกที่เหลือเริ่มทักทายทีละคน มิสเตอร์ฟูลตอบสนองโดยการผงกศีรษะรับเล็กน้อยหลังจากนั่งลง ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สอดไม่ได้ที่จะใช้หางตาชำเลือง ‘เดอะเวิร์ล’ ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตนจะกล่าวกับอีกฝ่ายนอกจากนั้น เธอยังต้องถ่ายทอดคำตอบของอาจารย์ให้กับ ‘เฮอร์มิท’ สรุปโดยสั้น วันนี้เธอยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ ประการแรกบอกกับมิสเตอร์เวิร์ลว่า เมื่อพิจารณาจากความยากของงาน คุณสามารถเพิ่มค่าจ้างได้ แต่คงต้องรอสักพัก เนื่องจากการขายบ้านค่อนข้างใช้เวลานาน ประการที่สอง หลังจากครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมา เธอพบวิธีสร้างรายได้ไปพร้อมกับเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างแยบยล วิธีนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการนำ ‘เงื่อนไข’ ของเดอะเวิร์ลมาต่อยอด : เปิดให้เช่า ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ !เมื่อเพื่อนสมาชิกต้องการสมบัติที่ช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ชั่วคราว เพื่อรับมือกับสถานการณ์พิเศษ ทุกคนสามารถเช่า ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ จากเธอได้ ค่าเช่าแบ่งเป็นสองส่วน หนึ่งคือเงินสด ต้องไม่แพงเกินไป อีกส่วนหนึ่งคือการบันทึกพลังเข้าไปแทนพลังของเดิม หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้เช่าต้องรับปากว่า เมื่อคืนสมุดเวทมนตร์ จะต้องมีหน้าเพิ่มจากปรกติอย่างน้อยสองถึงสามหน้าแน่นอน ในฐานะผู้ให้เช่า ฟอร์สจะบันทึกพลัง ‘เปิดประตู’ ของผู้ฝึกหัด รวมถึงพลังที่มีประโยชน์ในด้านอื่นๆ ช่วยให้ผู้เช่าได้รับการสนับสนุนที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ส่วนที่เป็นปัญหาที่สุดของธุรกรรมนี้ก็คือ ผู้เช่าอาจหายตัวไปพร้อมกับหนังสือ แต่ชุมนุมทาโรต์มีมิสเตอร์ฟูลเป็นสักขีพยาน ฟอร์สเชื่อว่าคงจะไม่มีใครโลภหรือโง่มากพอจะทำเช่นนั้นในกรณีถ้ามีใครตาย การสูญเสียบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ จะถือเป็นเรื่องเล็กภายในชุมนุมทันที แต่ตอนนี้ทุกคนได้ทราบแล้วว่า พวกตนสามารถสวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลได้ในช่วงเวลาสำคัญ นั่นจะยิ่งลดโอกาสเสียชีวิตลงจนเกือบจะเป็นศูนย์!คิดจะทำธุรกิจ ก็ต้องมีความเสี่ยงกันบ้าง… เราต้องคุยกับมิสเตอร์เวิร์ลอีกที กำหนดช่วงเวลาที่เขาจะยืมใช้ หลีกเลี่ยงการยืมชนกัน… ขณะฟอร์สถอนสายตากลับ เธอได้ยิน ‘เฮอร์มิท’ กล่าว“เรียนมิสเตอร์ฟูล คราวนี้มีไดอารีโรซายล์จำนวนสองหน้า”ตั้งแต่ได้ติดต่อกับราชินีเงื่อนงำ ไดอารีก็มาไม่ขาดสาย… ไคลน์พยักหน้ารับ กล่าวพลางหัวเราะในลำคอ“ดี”หลังจากเงียบงันสักพัก ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเสกกระดาษสีน้ำตาลอ่อนขึ้นมาสองหน้า เฝ้ามองพวกมันกระโดดไปยังฝ่ามือมิสเตอร์ฟูลในลักษณะคล้ายกับเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างมิติของโลกวิญญาณไคลน์บรรจงลดสายตาลง นั่งอ่านไดอารีในมือ“29 ธันวาคม ปีใหม่ใกล้เข้ามาถึงแล้ว”“อนุสาวรีย์บรรจุศพทั้งหมดถูกเตรียมการเรียบร้อย เราถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว”…………………………………………………
คอมเม้นต์