ราชันเร้นลับ 643 : กระจกวิเศษฉบับไคลน์
ผ้าม่านถูกขึงมิดชิด โคมไฟในห้องดับสนิทจนบรรยากาศมืดสลัว ออเดรย์เสร็จสิ้นการเตรียมตัวในพิธีกรรมกระจกวิเศษแน่นอน หญิงสาวไม่จำเป็นต้องเลือกช่วงเวลาเฉพาะเจาะจงเหมือนกับการอัญเชิญตัวตนลึกลับอื่น เพราะมิสเตอร์ฟูลได้ส่งสัญญาณอนุญาตเรียบร้อยแล้วเบื้องหน้าออเดรย์มีเทียนไขหนึ่งเล่ม รวมถึงกระจกเงาที่กำลังสะท้อนภาพเทียนไขและใบหน้าของเธอ หญิงสาวหยิบขวดน้ำค้างบริสุทธิ์ด้วยสีหน้ากังวลเจือคาดหวัง ของเหลวปริมาณน้อยถูกหยดลงบนเปลวเทียนสลัวกลิ่นหอมฟุ้งอันละเมียดละไมและสงบสุขเริ่มทะลุทะลวงเข้าไปในโพรงจมูก ออเดรย์หวนนึกถึงช่วงเวลาที่เธอยังเป็นเพียงเด็กสาวผู้หลงใหลในศาสตร์เร้นลับเธอทำผิดแม้กระทั่งขั้นตอนพื้นฐานแรกสุด เมื่อก่อนมิได้ใช้น้ำมันหอมระเหยและน้ำค้างบริสุทธิ์เพื่อสร้างกลิ่นเรียกร้องความสนใจจากเหล่าทวยเทพ แต่เลือกใช้กลิ่นน้ำหอมประจำตัว ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ออกมาล้มเหลวอย่างไรก็ตาม จากคำแนะนำของเดอะฟูล หากเธอสวดวิงวอนถึงท่าน ก็ไม่จำเป็นต้องเผาน้ำมันหอมระเหยหรือน้ำค้างบริสุทธิ์ให้วุ่นวาย อีกฝ่ายรับปากว่าจะตอบรับอย่างแน่นอนออเดรย์พ่นลมหายใจแผ่วเบาออกจากริมฝีปากทรงกระจับขนาดเล็ก อาศัยการเข้าฌานเพื่อรวบรวมสมาธิให้จิตใจสงบนิ่งเธอตระหนักเป็นอย่างดีว่า อารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านในตอนนี้มิได้เกิดจากตัวเธอเอง ความคาดหวังและอาการประหม่าล้วนถูกกระตุ้นให้เข้มข้นจากพลังของสร้อย ‘คำลวง’หลังจากรวบรวมสติแน่วแน่ ออเดรย์ประสานมือและนำมาไว้ใต้ริมฝีปาก สวดวิงวอนอย่างจริงใจด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกสีเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”…เสียงสวดมนต์ดังกังวานทั่วห้องนอน หลังจากครบเจ็ดครั้งติดต่อ ออเดรย์พบว่าบรรยากาศรอบตัวเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยากอธิบาย คล้ายมวลคลื่นที่กำลังกระเพื่อมใต้ผิวน้ำเมื่อเงยหน้าขึ้น เธอเหยียดแขนขวาผ่านเทียนไขโดยปราศจากอาการสั่นเทา ตามด้วยการใช้ปลายนิ้วลูบผิวกระจกอย่างอ่อนโยนจากด้านบนลงล่างถึงตรงนี้ พิธีกรรมทำนายด้วยกระจกวิเศษเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ หากตัวตนลึกลับจากภายนอกให้ความสนใจ ก็จะมอบการตอบสนองกลับมาทางผิวกระจกเหนือสายหมอกเทา ท่ามกลางพระราชวังโบราณและโอ่โถง ไคลน์เห็นดาวแดงตัวแทนมิสจัสติสพลันขยายตัวและหดกลับ แสงมายาสีดำเริ่มแผ่ออกจากดาวดวงดังกล่าวทีละนิด ก่อตัวกลายเป็นทรงกลมลักษณะคล้ายกับอุโมงค์ที่เชื่อมต่อไปยังโลกภายนอกไม่เหมือนกับพิธีกรรมอื่น น่าสนใจมาก…ไคลน์เอนหลังพิงพนัก แผ่พลังวิญญาณจากร่างกาย ออกไปสัมผัสกับวงกลมสีดำซึ่งคล้ายกับหุบเหวลึกปราศจากก้นบึ้งความเงียบสงัดปกคลุมหลายอึดใจ ทัศนวิสัยชายหนุ่มเริ่มแปรเปลี่ยน ภาพของโต๊ะทองแดงยาวและดาวแดงถูกซ้อนทับด้วยภาพห้องนอนกว้างขวาง ฉากหลังมีเพียงความมืดสลัวอันเกิดจากเทียนไข แต่เค้าโครงของภาพยังคงคมชัดทันใดนั้น ไคลน์รู้สึกคล้ายกับดวงตาของตนฝังอยู่บนผิวกระจก ช่วยให้สามารถแทรกแซงและมองเห็นโลกความจริงได้อย่างแจ่มชัดแม้จะอยู่บนมิติหมอกถูกต้อง มองเห็นอย่างแจ่มชัด!ทุกสิ่งในสายตาไคลน์ล้วนปราศจากความคลุมเครือดังเช่นทุกที ประหนึ่งกำลังเพ่งมองด้วยตาตัวเองบนโลกความจริง!สายตาของมันพลันชะงักไปสองวินาทีเบื้องหน้าไคลน์คือภาพของหญิงงามในเดรสสีขาวลายลูกไม้สีทอง เส้นผมสีทองอ่อนมัดรวบอย่างเรียบง่าย ถูกปล่อยทิ้งตามแรงโน้มถ่วงด้วยความนุ่มสลวย ดวงตาสีเขียวกำลังสะท้อนภาพเปลวเทียนสีซีดจาง อัดแน่นด้วยความลุ่มลึกและแพรวพราวดุจดังมรกตบริสุทธิ์ องค์ประกอบบนใบหน้าตรงตามความงดงามในอุดมคติ กลิ่นอายรอบตัวแฝงความสง่างามและบริสุทธิ์ผุดผ่องไคลน์รีบเบือนหน้าหนีอย่างประหม่าสารภาพตามตรง เราเกือบคิดว่าเธอเป็นแม่มดลำดับสูง โชคยังดีที่จำได้ว่าจัสติสอยู่บนเส้นทางผู้ชม ไม่มีทางเป็นแม่มด… กลิ่นของน้ำค้างบริสุทธิ์หอมมาก แตกต่างจากที่เคยสูดดมโดยสิ้นเชิง… หรือว่าเสน่ห์ดึงดูดอันละเอียดอ่อนจะเกิดจากตะกอนพลัง ‘ผู้ไร้หน้า’ ที่ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องประดับ?ไคลน์มองลงไปยังสมบัติวิเศษที่จำแลงกายเป็นสร้อยคอเลี่ยมเพชรพร้อมกันนั้น มันได้ยินเสียงสวดวิงวอนอย่างคาดหวังของหญิงสาว“กระจกวิเศษเอ๋ย ได้โปรดบอกข้าเถิด! ผู้ครอบครองคนก่อนของสมุดบันทึกเล่มนี้อยู่แห่งหนใด!”ออเดรย์ทราบดีว่า ตนกำลังประกอบพิธีกรรมถึงมิสเตอร์ฟูล เพียงแต่ เธอเคยได้ยินบทพูดข้างต้นมาตั้งแต่ยังเด็กและอยากลองทำตามดูสักครั้ง จึงไม่มีโอกาสใดเหมาะสมไปกว่านี้แล้วความล้มเหลวก่อนหน้านี้ไม่นับ!ออเดรย์พยักหน้ากับตัวเองในใจไคลน์จ้องไปยังสมุดบันทึกปกดำที่อยู่ระหว่างเทียนไขและมิสจัสติส พบว่าตนสามารถแผ่พลังวิญญาณผ่านกระจกได้อย่างอิสระ และสามารถใช้สมุดเล่มดังกล่าวเป็นสื่อกลางสำหรับทำนายเหนือมิติหมอก มันรีบเขียนประโยคทำนายให้สอดคล้องกับความต้องการของหญิงสาว :“ตำแหน่งปัจจุบันของอดีตผู้ครอบครองสมุดบันทึกเล่มดังกล่าว”มือข้างหนึ่งถือกระดาษ อีกข้างแผ่พลังวิญญาณเชื่อมต่อกับสมุดบันทึก ไคลน์เอนหลังพิงพนักพลางพึมพำเสียงเบา อาศัยความช่วยเหลือจากการเข้าฌาน ชายหนุ่มสะกดจิตตัวเองให้หลับลึกภายในเวลาไม่นานออเดรย์ลืมดวงตาสีเขียวขึ้น จ้องเข้าไปในผิวกระจกด้วยใบหน้าคาดหวัง รอคอยคำตอบจากเดอะฟูลอย่างใจจดใจจ่อผ่านไปไม่กี่วินาที หญิงสาวเห็นผิวกระจกเริ่มกระเพื่อมคล้ายคลื่นน้ำมายาสำเร็จ! ทำนายด้วยกระจกวิเศษได้ผล!ขณะดวงตาออเดรย์กำลังลุกวาว ฉากหนึ่งเผยให้เห็นในกระจกเป็นภาพมุมสูงของหมู่บ้านฉากถูกซูมเข้าใกล้ทีละนิด เผยให้เห็นภาพวาดมังกรตามผนังอาคารบ้านเรือนฉากสลับสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว กลายเป็นภาพมุมสูงของวิหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะขยับซูมเข้าไปในบริเวณสุสานที่อยู่ติดกันจนกระทั่งหยุดลง ณ ป้ายหลุมศพแห่งหนึ่ง ทันใดนั้น คล้ายกับเวลาในฉากถูกเร่ง แสดงให้เห็นถ้อยคำจารึกบนป้ายหลุมศพในแต่ละฤดูกาล ไม่ว่าจะท่ามกลางแสงแดง เปียกฝน หรือลมพายุกระโชก ข้อความบนป้ายค่อนข้างพร่ามัว เห็นเพียงชื่อที่พอจะอ่านออกว่า ‘ลินเดลิร่า’มาถึงจุดนี้ ภาพบนกระจกเริ่มมืดลง กลับไปเป็นผิวกระจกปรกติอีกครั้ง สะท้อนภาพของหญิงสาวและเทียนไขหมู่บ้านบูชามังกร… หรืออัศวินลินเดลิร่าผู้เขียนบันทึกจะเป็นคนของหมู่บ้านดังกล่าว? หลังจบสงครามสองทศวรรษ เขากลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายและแก่ตายที่นั่น หรือว่าเสียชีวิตในสงคราม และศพถูกส่งกลับไปฝังยังหมู่บ้าน?พิจารณาจากสภาพแวดล้อม หมู่บ้านนับถือมังกรในฉากดูคล้ายกับหมู่บ้านที่เราเคยไปเยือน.. ถ้าอย่างนั้นก็ลงล็อก รองศาสตราจารย์มิตเชลเป็นคนของมหาวิทยาลัยสโตนจากรัฐเชสเตอร์ตะวันออก จึงไม่แปลกที่จะมีบันทึกจากหมู่บ้านนับถือมังกร… ที่นั่นมีมังกรจิตอาศัยอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวมของทุกสิ่งมีชีวิต…ออเดรย์กล่าวขอบคุณมิสเตอร์ฟูล ตามด้วยการสิ้นสุดพิธีกรรมกระจกวิเศษทำนายท่ามกลางแสงเทียนสลัว หญิงสาวนั่งจ้องสมุดบันทึกปกดำสักพัก จนกระทั่งตัดสินใจได้ว่า เธอจะส่งมันให้กับสมาคมแปรจิต รอดูว่าอีกฝ่ายจะค้นพบเบาะแสที่น่าสนใจหรือไม่เราทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว พลังปัจจุบันยังมากไม่พอจะตรวจสอบมังกรจิตด้วยตัวเอง… แต่ถึงสมาคมแปรจิตจะค้นพบสิ่งสำคัญ เมื่อเราเติบโตขึ้นและกลายเป็นคนใหญ่คนโตขององค์กร สิ่งเหล่านั้นก็จะคืนกลับมาหาเราเอง!ออเดรย์เริ่มกลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง…เหนือมิติหมอก ไคลน์ใช้ปลายนิ้วเคาะลงบนโต๊ะทองแดงยาว นั่งรวบรวมข้อมูลที่จัสติสรายงานพลางตกผลึกเป็นสมมติฐานทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับมังกรล้วนมีมูลค่ามาก หมู่บ้านมังกรจึงไม่ต่างอะไรกับขุมทรัพย์ให้เข้าไปเก็บเกี่ยว…น่าเสียดาย พลังของจัสติสยังไม่แข็งแกร่งพอ ไม่อย่างนั้นเราคงแนะนำให้เธอสำรวจด้วยตัวเองไปก่อน หากเกิดอันตรายใดก็แค่สวดวิงวอนถึงเทพสมุทร เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่…เฮ่อ… แต่ตอนนี้ยังอันตรายเกินไป ไม่มีทางเลือกนอกจากล้มเลิกความคิด… แต่ถ้าสมาคมแปรจิตไม่พบเบาะแส บางที เราอาจกลับมาสำรวจในภายหลังเมื่อเธอพร้อม…ไคลน์ระงับความเสียดาย นั่งทบทวนประสบการณ์ขณะพิธีกรรมกระจกวิเศษทำนาย“สำหรับตัวตนภายนอกอย่างเรา การทำนายด้วยกระจกวิเศษถือเป็นพิธีกรรมในอุดมคติ แทบไม่ต้องเสียสละสิ่งใดก็ได้แทรกแซงโลกความจริง หากเราต้องการ ก็สามารถส่งร่างวิญญาณออกไปสำแดงอิทธิฤทธิ์ได้ทุกเมื่อ แต่ทางฝั่งของผู้ประกอบพิธีกรรมนั้นมีความเสี่ยงสูง ปราศจากการป้องกันโดยสิ้นเชิง ถูกเพ่งมองอย่างชัดเจน ง่ายต่อการเข้าสิง สาปใส่ หรือกัดกร่อน…”ไคลน์ถอนหายใจยาวอย่างไรก็ตาม มันมิได้กังวลว่ามิสจัสติสจะนำพิธีกรรมกระจกวิเศษทำนายไปใช้ในทางอันตราย เพราะเธอมีเป้าหมายที่ดีที่สุดให้สวดวิงวอนถึงอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลให้ต้องเสี่ยงโชคกับตัวตนลึกลับอื่นฉันเองยังไงล่ะ!ไคลน์หดนิ้วมือกลับ นั่งนิ่งบนเก้าอี้ประธานใหญ่สุดปลายโต๊ะทองแดงยาว ไม่ขยับตัวนานหลายสิบวินาทีจนถึงจุดหนึ่ง ชายหนุ่มส่งตัวเองกลับโลกความจริง เมื่อจิตย้อนกลับมายังอนาคตกาล ภาพวิสัยทัศน์ค่อย ๆ คืนกลับมาอย่างเชื่องช้าเดินออกจากห้องน้ำ เก็บนกหวีดทองแดงและนกกระเรียนของวิล·อัสตินเข้ากระเป๋าเสื้อ ไคลน์แหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่จันทราแดงกำลังถูกเมฆหนาบดบัง ภายในใจไตร่ตรองบางสิ่งอย่างเงียบงันในมาดสวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง ชายหนุ่มเปิดประตูห้องและออกไปยังทางเดินผ่านไปไม่กี่ก้าว ไคลน์จงใจชะลอฝีเท้า อาศัยมุมสายตาชำเลืองไปทางประตูห้องพักแรกสุดที่อยู่ฝั่งซ้ายมือจากการคาดคะเนของมัน ดวงตาลึกลับที่เพ่งมองตนเมื่อตอนกลางวันแฝงตัวอยู่ในห้องนี้ไคลน์ลดความเร็วลง จนดูคล้ายกับหยุดยืนหน้าประตูมันเหยียดมือซ้ายออกไปจับลูกบิดโดยไม่คิดเก็บซ่อนเจตนา ทันใดนั้น นิมิตลางสังหรณ์ปรากฏขึ้นในหัวด้านหลังประตูมีราวแขวนผ้า บนราวไม่มีสิ่งใดแขวนอยู่แม้แต่ชิ้นเดียวแสงแพรวพราวของหมู่ดาวถูกฉายลงบนพื้นไม้ที่เรียบสะอาด บรรยากาศภายในห้องเป็นไปอย่างเงียบสงัด สงบสุขและอ่อนโยน ปราศจากออร่าของมนุษย์โดยสิ้นเชิงหน้าต่างถูกเปิดกว้างตอนไหนไม่มีใครทราบ ลมทะเลด้านนอกพัดเอื่อยเฉื่อย กระทบกับผ้าม่านจนโยกคลอนอย่างอ่อนโยนไม่มีใครอยู่หรือ…เป้าหมายของไคลน์มีเพียงการตรวจสอบเบื้องต้น จึงรีบชักมือซ้ายกลับ เดินตรงไปทางบันไดโดยทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือ ท่ามกลางสายลมหนาวยามค่ำคืนที่กำลังพัดผ่าน ไคลน์เดินไปรอบกราบเรือด้วยสีหน้าท่าทีผ่อนคลาย ประหนึ่งว่าตนมีจุดประสงค์เพียงออกมาเดินเล่นทันใดนั้น มันพบใครบางคนกำลังนั่งยองอยู่ตรงหน้า เป็นชายสวมเชิ้ตขาวและกางเกงยีนส์ติดสายรัดบ่าแฟรงค์·ลี…?ไคลน์ไม่หยุดเดิน ย่างกรายเข้าไปใกล้อีกฝ่ายทีละก้าวอย่างใจเย็นเมื่อตระหนักว่าใครบางคนกำลังเดินเข้าหา ชายลึกลับบิดเอวและเงยหน้าจ้องกลับไม่ใช่ใครนอกจาก ‘ผู้เชี่ยวชาญพิษ’ แฟรงค์·ลี แต่หนนี้ปราศจากรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าโดยสิ้นเชิง มีเพียงคราบเลือดสดบนริมฝีปากไคลน์ขมวดคิ้วโดยไม่กล่าวคำใดแฟรงค์·ลียกแขนขึ้น มือทั้งสองข้างกำลังจับหัวและหางของปลาสีเงินตัวหนึ่งมันกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่“ไม่สำเร็จ… วงจรชีวิตของพวกเขาสั้นเกินไป ไม่มากพอสำหรับการขยายพันธุ์ จะปลูกในดินก็ไม่ได้เช่นกัน”กล่าวจบ แฟรงค์ยกปลาเกล็ดเงินขึ้นด้วยมือขวา ก่อนจะใช้ปากกัดอย่างดิบเถื่อนแบบนี้ดีแล้ว… ไม่อย่างนั้น ฉันคงมัวกังวลกับภัยพิบัติทาระบบนิเวศ… หรือเพราะแบบนั้น นายก็เลยดื่มเหล้าย้อมใจ?ไม่สิ ดื่ม ‘เลือด’ ปลาเพื่อย้อมใจ…ไคลน์ถอนหายใจอย่างโล่งอก……………………
คอมเม้นต์