ราชันเร้นลับ 638 : ผู้เชี่ยวชาญพิษ
ขณะไคลน์กำลังโค้งตัวทักทาย ดวงตาสีม่วงเข้มของแคทลียาผมดำ พลันลุ่มลึกประหนึ่งก้นเหวที่พร้อมจะกลืนกินวิญญาณของผู้คน ส่งเสริมให้บรรยากาศลึกลับรอบกายหญิงสาวทวีความเข้มข้นมากขึ้นแคทลียามองเห็นเข้าไปถึง ‘กายอากาศ’ ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ พบว่าผิวของชั้นวิญญาณดารามีสีดำสนิทปราศจากแสงสว่างโดยสิ้นเชิง ภายในนั้นมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าแต่ต่อเนื่อง ลักษณะคล้ายกับคลื่นสงบใต้ผิวน้ำเธอเห็นมือซ้ายของเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังส่องแสงเจิดจ้า แต่ขณะเดียวก็ถูกฉาบด้วยสีเลือดสดเข้มข้นเธอเห็นประกายสีฟ้าจุดเล็กๆ จากข้อมือซ้าย เห็นจุดแสงสีเงินสว่างภายในช่องลับของกระเป๋าเสื้อฝั่งซ้ายหลายตำแหน่ง ประหนึ่งแสงเหล่านี้กำลังเชื่อมต่อและซ้อนทับกับโลกวิญญาณ รอบจุดดังกล่าวแฝงด้วยกลิ่นอายคลื่นทะเล รวมไปถึงภาพมายาของสายลมเกรี้ยวกราดเธอเห็นแสงสีเขียวและดำจากช่องกระเป๋าลับฝั่งขวา เห็นแสงสีทองสองจุด สีเงินสองจุด และทองแดงหนึ่งจุดใต้รักแร้ซ้าย บนหน้าอกเป็นแสงสีเทาหม่นคล้ายซากศพเน่าเปื่อยสมบัติวิเศษสี่ชิ้น รวมถึงวัตถุวิญญาณหรือยันต์อีกกว่าสิบชนิด…เมื่อตระหนักว่าดวงตาของตนเริ่มส่องประกาย พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา รีบหลับตาลงเธอพยักหน้ารับ“สายัณห์สวัสดิ์ มิสเตอร์สแปร์โรว์”แม้ว่าแคทลียาจะเป็นตัวตนทรงพลังในทะเลมานานหลายปี แต่บุคคลระดับพลเรือเอกอย่างเธอก็แทบไม่เคยเห็นใครพกพาสมบัติวิเศษติดตัวเรียงรายเป็นทิวแถวเช่นนี้จริงอยู่ เธออาจเคยเห็นใครบางคนพกพาสมบัติวิเศษ วัตถุวิญญาณ และยันต์ในปริมาณที่มากกว่า แต่บุคคลดังกล่าวมีองค์กรลับคอยหนุนหลัง มีโจรสลัดในการปกครองนับพันชีวิต ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ต้องถูกจัดสรรให้สมาชิกอย่างเหมาะสม บางส่วนที่ไม่มีประโยชน์ต้องนำไปขายและหารเป็นเงิน เพื่อจะได้นำเงินไปใช้พัฒนาความแข็งแกร่งของกลุ่มต่อไป จึงเหลือที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวไม่มากนักแต่คำว่า ‘ไม่มากนัก’ ในที่นี้ก็มิได้ด้อยไปกว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์สักเท่าไร สำหรับแคทลียาเอง ตัวเธอเลือกขายไปเกือบหมดและพกติดตัวไว้เพียงสองชิ้น แต่ทั้งคู่ต่างเป็นก็สมบัติวิเศษทรงพลังซึ่งเหมาะสมกับฐานะพลเรือโจรสลัดอย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากแสงระยิบระยับมากมายในการมองเห็นเมื่อครู่ แคทลียาเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ดวงตาม่วงเข้มของตนมิอาจส่องความลับของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้ครบทุกซอกมุม คล้ายกับอีกฝ่ายยังมีไพ่เด็ดนอกเหนือการคำนวณซ่อนอยู่ในม่านเงามืดหรือนี่คือเหตุผลว่าทำไม ขณะอยู่ในชุมนุมทาโรต์ เราถึงเห็นเขาไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตปรกติ?ไม่เพียงเท่านั้น ความลับของเขายังยิ่งใหญ่มาก อย่างน้อยก็ลำดับ 3 ‘นักบุญ’ หรือสูงกว่านั้นอย่าง ‘เทวทูต’ …แคทลียาไม่คิดสอดส่องเพิ่มเติม ดวงตากลับไปเป็นสีปกติเมื่อลืมขึ้นอีกหนครุ่นคิดสักพัก หญิงสาวส่งเสียงหัวเราะเยาะตัวเองในใจ เนื่องจากพบความน่าขบขันเกี่ยวกับข้อสังเกตที่เธอมีต่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์ความลับที่เกี่ยวกับลำดับ 3 หรือสูงกว่า…มันก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ชายคนนี้เหมือนกับเรา เป็นหนึ่งในสมาชิกชุมนุมทาโรต์ ย่อมมีความเกี่ยวข้องกับมิสเตอร์ฟูล ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นหนึ่งในเทพบรรพกาลที่กำลังฟื้นฟูพลัง…หลังจากทักทายตามมารยาท ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง หญิงสาวเพียงเดินนำไคลน์เข้าไปในเขตห้องโดยสารทันใดนั้น อนาคตกาลที่หยุดนิ่งมาสักพักเริ่มออกตัวแล่นอีกครั้ง กราบเรือตีวงโค้งและหันหัวไปยังทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศเดียวกับเส้นทางล่าวาฬขาว ฉากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดริมท่าเรือนาสเริ่มผ่อนคลายลงจากเดิมตลอดบนดาดฟ้าเรือทาง แม้ไคลน์จะเผชิญกับสายตาโจรสลัดจำนวนมาก แต่มันก็มิได้ยี่หระ เพียงมองไปรอบตัวอย่างผ่อนคลายประหนึ่งที่นี่เป็นบ้านของตน พลางซักถามอย่างเป็นกันเอง“คนน้อยกว่าที่คิดนะ”พลเรือเอกดวงดาว·แคทลียา หันมาชำเลืองชายหนุ่มและมอบคำตอบเรียบง่าย“การเดินเรือเข้าไปในย่านตะวันออกของเขตล่าวาฬนั้นอันตรายอย่างมาก มีเพียงลูเธอร์ไวลล์คนเดียวที่เข้าไปในนั้นบ่อยครั้ง คล้ายกับมันกำลังตามหาบางสิ่ง นอกจากอนาคตกาล ดิฉันจะไม่นำเรือลำอื่นตามเข้าไปด้วยเด็ดขาด อีกทั้ง ลูกเรือส่วนใหญ่ของอนาคตกาลยังถูกโยกย้ายไปประจำการที่อื่นชั่วคราว มีเพียงจำนวนขั้นต่ำสุดซึ่งพอจะช่วยให้ภารกิจลุล่วงเท่านั้น”ตัดสินใจได้ชาญฉลาด… ลูเธอร์ไวล์… หมายถึงพลเรือเอกขุมนรก·ลูเธอร์ไวล์? ขณะเราได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกจากปากมิสเตอร์แฮงแมน อีกฝ่ายยังเล่าด้วยว่า พลเรือเอกขุมนรกกำลังสำรวจแถบตะวันออกของทะเลโซเนีย…ไคลน์พยักหน้าโดยไม่เสริมนี่คือมาดและบุคลิกของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ชายหนุ่มมองไปรอบตัวและเริ่มตระหนักว่า ตามผนังกำแพงของเรืออนาคตกาล หรือกระทั่งต้นเสา ผิววัสดุเกือบทั้งหมดจะถูกสลักลวดลายซับซ้อน คล้ายกับเป็นแท่นบูชาเคลื่อนที่สำหรับประกอบพิธีกรรมขนาดใหญ่เหมือนกับฝันทองคำ เป็นเรือวิเศษ แต่ไม่ถึงกับเรือผีสิง… เมื่อเทียบกับพลเรือเอกดวงดาวและพลเรือโทธารน้ำแข็ง เทรซี่ที่เพิ่งเป็นพลเรือโจรสลัดไม่กี่เดือนยังด้อยกว่ามาก… กาฬมรณะไม่มีกลิ่นอายความพิเศษแบบนี้…ไคลน์ถอนสายตากลับและเดินตามแคทลียาเข้าไปในเขตห้องโดยสารที่นั่นมีชายคนหนึ่งยืนรออยู่ สวมเชิ้ตขาวและกางเกงขายาวพร้อมสายรัดบ่า อายุราวสามสิบ ร่างกายกำยำบึกบึน ขนดกหนา ถึงขนาดว่าท่อนแขนเปลือยที่ปกคลุมด้วยเส้นขน ดูคล้ายกับกำลังสวมเสื้อไหมพรมแขนยาวสีน้ำตาลในสภาพสวมหมวกปีกกลมกึ่งกลางจมลึก ชายคนดังกล่าวฉีกยิ้มกว้างพลางเหยียดแขนออกมาหาไคลน์“รองกัปตันแห่งอนาคตกาล แฟรงค์·ลี สายัณห์สวัสดิ์ มิสเตอร์สแปร์โรว์”แฟรงค์·ลี…‘ผู้เชี่ยวชาญพิษ’ ค่าหัวเจ็ดพันปอนด์…ไคลน์จดจำอีกฝ่ายได้ทันทีเมื่อพิจารณาว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ชอบจับมือกับใครบ่อยนัก ชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้ารับ“สายัณห์สวัสดิ์”แฟรงค์·ลีดึงมือกลับพร้อมกับหันไปทางพลเรือเอกดวงดาว·แคทลียา ตามด้วยยิ้มและกล่าว“คุณรู้จักผมมาก่อนหรือ? นั่นสินะ หนึ่งในรูปถ่ายของผมถูกนำไปทำเป็นใบประกาศจับ อย่าได้ใส่ใจกับคำว่าผู้เชี่ยวชาญพิษนักเลย ผมเป็นมิตรอย่างมาก นอกเสียจากจะเผชิญหน้ากับไอ้พวกระยำนั่น! งานอดิเรกของผมคือการศึกษาเรื่องดิน พืชผล และการผสมข้ามสายพันธุ์ เชื่อผมเถอะ นี่คืออนาคตของมนุษยชาติ!”“แต่คนของโบสถ์พระแม่ธรณีไม่คิดแบบนั้น”แคทลียาช่วยแนะนำตัวแฟรงค์·ลีทางอ้อม…เคยเป็นคนของโบสถ์พระแม่มาก่อน?การผสมข้ามสายพันธุ์ถือเป็นเรื่องดี มีแต่จะช่วยให้พืชผลพัฒนาไปในทิศทางที่ตลาดต้องการ เติบโตได้ง่าย เก็บเกี่ยวได้ไว ช่วยแก้ปัญหาปากท้องของผู้คนอย่างแท้จริง…ไคลน์จ้องแฟรงค์·ลีและกล่าวชื่นชมด้วยความนับถือ“เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง”“คุณช่างสมกับเป็นนักผจญภัยที่มีระบบความคิดพิสดารไม่เหมือนใคร! ยอดเยี่ยมมาก! ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นแบบคุณ!” ดวงตาสีฟ้าของแฟรงค์·ลีเผยความประหลาดใจ “ถ้าคนอื่นคิดแบบคุณก็คงดี เพราะแค่ผมทำการผสมพันธุ์กระทิง วัว และข้าวสาลีเข้าด้วยกันเพื่อให้ลูกวัวมีจำนวนมากเหมือนข้าวสาลี ก็เกือบถูกคนของโบสถ์พระแม่ธรณีจับไปตัวไปขึ้นศาล“โอ้พระแม่ธรณี! พวกเขาช่างไร้วิสัยทัศน์!”ผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างกระทิง วัว และข้าวสาลี… นายมันปีศาจ…ไคลน์พบว่าวลี ‘ผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์’ ของตนและอีกฝ่ายไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียวมันยังคงรักษาสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่แสดงความเห็นเพิ่มเติม เพียงเดินไปตามทางโดยการนำของแฟรงค์·ลีและพลเรือเอกดวงดาวหลังจากขึ้นบันไดไปยังชั้นบน สัมผัสวิญญาณไคลน์ถูกกระตุ้นจนมันต้องเหลียวหลังกลับไปมองในเงามืดณ จุดดังกล่าว ความมืดมิดบิดตัวเป็นเกลียวพร้อมกับลอยขึ้นจากพื้น แปรสภาพเป็นรูปทรงมนุษย์ผิวพรรณข่าวซีดและผอมสูงโหนกแก้มเกือบโปร่งใส สันจมูกไม่กลมกลืนกับโครงหน้า บรรยากาศรอบตัวคล้ายกับกำลังป่วยหนัก“เขาคือผู้ช่วยกัปตัน ฮีธ·ดอยล์” แฟรงค์·ลีกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้มหมายถึงผู้ช่วยกัปตันที่ดันมีค่าหัวสูงกว่ารองกัปตันอย่างนาย ‘ผู้ไร้เลือด’ ฮีธ·ดอยล์ เจ้าของค่าหัวเจ็ดพันหกร้อยปอนด์?ไคลน์ซ้อนทับภาพกับใบประกาศจับฮีธ·ดอยล์พยักหน้ารับเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ก่อนจะหายตัวไปกับเงามืดตามเดิม“เขาเป็น ‘นักบวชกุหลาบ’ ”ขณะหันหน้าไปทางห้องกัปตัน แฟรงค์·ลีกล่าวถึงฮีธ·ดอยล์อย่างเป็นกันเองสหาย… นายยอมบอกชื่อโอสถของผู้ช่วยกัปตันเรือง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ?ไคลน์ขมวดคิ้วมันรีบหันไปทางพลเรือเอกดวงดาว และพบว่าอีกฝ่ายก็กำลังเผยสีหน้าจนปัญญาเช่นกัน“คุณกังวลว่าเขาจะเป็นสาวกเดนตายของพระผู้สร้างแท้จริงและเป็นพวกวิปลาสใช่ไหม? เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฮะฮะ! เขาโชคดีเป็นบ้า! ด้วยอุบัติเหตุบางอย่าง จากที่เคยเป็นเพียงคนธรรมดา ฮีธค่อยๆ ถูกตะกอนพลังของ ‘นักบวชกุหลาบ’ ซึมซับเข้าไปในร่างกายทีละนิด และย่อยมันสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์! ที่บอกว่าไม่ต้องกังวลก็เพราะว่า เขามิได้ผ่านลำดับ ‘ผู้สดับ’ จึงไม่ถูกปนเปื้อนโดยเสียงเพรียกของพระผู้สร้างแท้จริง ส่งผลให้สติยังครบถ้วนสมบูรณ์ ขอเพียงไม่ใช้พลัง ‘สดับ’ ออกมา เขาก็จะไม่เป็นอันตรายแน่” แฟรงค์·ลีเล่าโอ้อวดโชคดีอะไรแบบนี้ ได้กลายเป็นลำดับ 6 ในคราวเดียว แถมยังไม่วิปลาสเหมือนคาเวทูว่า…ไคลน์ถอนหายใจยาว ยืนจ้องแคทลียาเปิดประตูห้องกัปตันหญิงสาวชี้ไปทางหนึ่งและกล่าว“ห้องของคุณอยู่เยื้องฝั่งตรงข้าม อีกเดี๋ยวแฟรงค์จะนำทางไป หากมีเรื่องใดต้องการปรึกษา สามารถมาหาดิฉันได้ทุกเมื่อ ห้องอาหารพร้อมบริการคุณตลอดเวลา หรือจะให้แฟรงค์ยกมาเสิร์ฟที่ห้องพักก็ได้ เลือกเมนูได้ตามใจชอบ”พลเรือเอกดวงดาวบริหารจัดการทุกสิ่งได้อย่างเฉียบขาดและชำนาญ… คล้ายกับสาวมั่นวัยทำงานที่มีไอคิวสูง…ไคลน์ชมเชยในใจ แต่ภายนอกยังคงตอบสนองด้วยสีหน้าเรียบเฉย“ตกลง”ชายหนุ่มฉวยโอกาสชำเลืองเข้าไปในห้องกัปตันเล็กน้อย และได้เห็นชั้นหนังสือ กระจกเงาเต็มบาน โต๊ะทำงาน พรมผืนหนายังต้องอ่านหนังสืออีกหรือ? ลำพังความรู้จากปราชญ์เร้นลับยังไม่พอรึไง…ไคลน์รำพันขบขันพร้อมกันนั้น เมื่อแฟรงค์·ลีเห็นว่าบทสนทนาระหว่างทั้งสองจบลง มันรีบกล่าวอย่างตื่นเต้น“มิสเตอร์สแปร์โรว์ คุณอยากกินมันฝรั่งย่างเป็นอาหารค่ำไหม? หน้าตาเหมือนเนื้อวัว รสชาติเหมือนเนื้อวัว แต่มันคือมันฝรั่ง!”กินเข้าไปแล้วจะไม่ป่วยแน่หรือ…ไคลน์ตอบเย็นชา“ฉันไม่กินอาคารค่ำ”“ตกลง” แฟรงค์·ลีหยักไหล่ เตรียมเดินนำทางไคลน์ไปยังห้องพักทันใดนั้น พลเรือเอกดวงดาวกล่าวขึ้น“มิสเตอร์สแปร์โรว์ คุณคงเคยล่าศัตรูมาแล้วไม่น้อย และได้รับสิ่งของมีค่ามากมาย”“ขอทราบได้ไหมว่าคุณมีตะกอนพลังชนิดใดที่พร้อมขายบ้าง สามารถนำสิ่งนั้นมาหักลบกับค่าจ้างหนนี้ได้”ไคลน์นึกทบทวน มอบคำตอบไปตามตรง“ผมขายไปเกือบหมดแล้ว เหลือแค่นักสอบสวน กลาดิเอเตอร์ และคนบ้า” ชายหนุ่มจงใจไม่เอ่ยถึง ‘ดวงตาดำล้วน’ และ ‘ฝันร้าย’สมกับเป็นนักผจญภัยที่โด่งดังที่สุดในช่วงสองสามเดือนหลัง… แม้จะขายไปเกือบหมด แต่ก็ยังเหลือมากถึงสามชิ้น…แคทลียาถอนหายใจเงียบ เปล่งเสียงไพเราะ“ดิฉันต้องการกลาดิเอเตอร์”เธอมีลูกน้องคงหนึ่งบนเกาะการ์กัสที่เป็น ‘นักรบ’ และสะสมคะแนนผลงานมากพอจะแลกเปลี่ยนตะกอนพลังลำดับถัดไปแล้ว……………………
คอมเม้นต์