ราชันเร้นลับ 631 : หายไปสามวัน
หรือว่า… เป้าหมายที่แท้จริงคือเรา?ภายในใจไคลน์กำลังตกตะลึง บรรยากาศรอบตัวพลันตึงเครียดในพริบตาในฐานะคนที่เคยเผชิญประสบการณ์ทำนองนี้มาก่อน มันค่อนข้างหวาดระแวงกับความบังเอิญเป็นไปได้… วันที่เราเดินทางมาถึงเกาะโอลาวี มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายได้ส่งวิวรณ์ถึงฟอลเล็ต·เคนทันที โดยกำชับให้อีกฝ่ายเตรียมตัวเริ่มแผนการกัดกร่อนอมิรุส…และวันแรกที่เราเข้าไปหาบิลต์·แบรนโด้ คนของนิกายกายาสวรรค์ได้ประกอบพิธีกรรมขยายตัณหา จนคนเร่ร่อนที่บิลต์เตรียมไว้เสียชีวิต…หากมารดาพฤกษาเล็งอมิรุส ก็น่าจะขจัดตัวปลอมทิ้งทั้งหมด จนอมิรุสไม่สามารถออกไปทำภารกิจลับได้เลย ดังนั้น การยังไว้ชีวิตเราจึงขัดแย้งกับสมมติฐานข้อนี้…แต่ถ้าเป้าหมายคือเราตั้งแต่แรก ความคลางแคลงทั้งหมดก็จะถูกอธิบายได้ทันที…ไคลน์อาศัยพลังตัวตลกช่วยควบคุมสีหน้า มันจ้องฟอลเล็ต·เคนโดยไม่กล่าวสิ่งใดเมื่อลองคิดตามสมมติฐานล่าสุด ข้อสงสัยใหม่เริ่มผุดขึ้นในหัวชายหนุ่มแล้วมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย ทราบได้อย่างไรว่าบิลต์·แบรนโด้จะจ้างเรา…ข่าวลือเรื่อง ‘เกอร์มัน·สแปร์โรว์สามารถปลอมตัวเป็นใครก็ได้’ ถูกปล่อยมาจากฝั่งพลเรือโรคภัย·เทรซี่ สิ่งนี้น่าจะอยู่นอกเหนือการคำนวณของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย…แต่ก็สามารถมองอีกมุมหนึ่งได้เช่นกัน ว่าเป็นเพราะข่าวลือดังกล่าวแพร่มาถึงเกาะโอลาวี มารดาพฤกษาจึงเลือกใช้แผนการนี้…ถ้าอย่างนั้น คำถามก็คือ ทำไมท่านถึงต้องการกัดกร่อนเรา? ความแค้นที่เรามีต่อโรงเรียนกุหลาบ เล็กน้อยเกินกว่าจะให้เทพมารลงมาสนใจด้วยตัวเอง สิ่งที่เคยทำมีเพียง ร่วมมือกับมาดามชารอน สังหารลำดับ 5 วิญญาณอาฆาต ลำดับ 6 ซอมบี้ ลำดับ 7 มนุษย์หมาป่า และช่วงชิงมงกุฎจันทร์ชาดกับขวดพิษชีวภาพมาครอง… ในส่วนของการล่าพลเอกโลหิต แผนดังกล่าวถูกพับเก็บตั้งแต่ยังไม่เริ่ม อย่างมากก็แค่ลงมือฆ่า ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้…หากจะแก้แค้นความเสียหายข้างต้น แค่ส่งตัวตนระดับนักบุญมาก็พอแล้ว!หรือจะเป็นเพราะ ความพิเศษในตัวเราทำปฏิกิริยากับวัตถุบางชนิดที่มีออร่าของมารดาพฤกษาบนเกาะโอลาวี?แต่สมัยยังอยู่ในเบ็คลันด์หรือทิงเก็น เรากลับไม่เคยพบปฏิกิริยาแปลกปลอมจากวัตถุที่มีออร่าของเทพเจือปน…ยิ่งไปกว่านั้น เราทำนายยืนยันบนมิติหมอกแล้วว่า การตายของคนเร่ร่อนเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ไม่มีสัตว์ในตำนานหรือสมบัติปิดผนึกระดับ 0 เข้ามาเกี่ยวข้อง…ทำไมผลลัพธ์ถึงออกมาเป็นแบบนั้น…หรือว่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่ผลการทำนายบนมิติหมอกถูก ‘บิดเบือน’ โดยสมบูรณ์? และยังแนบเนียน ลื่นไหล จนเราไม่เอะใจเลยสักนิด…ความคิดไคลน์กำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งเดียวปัญหาร้ายแรงเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!แม้ 0-08 สุดทรงพลังก็ยังทำได้แค่ ‘ขัดขวาง’ ให้ผลการทำนายของเราออกมาว่างเปล่า ไม่เคยมีสักครั้งที่ถูกบิดเบือนโดยสมบูรณ์!เป็นพลังที่สูงกว่าสมบัติปิดผนึกระดับ 0?มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายที่เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ เป็นถึงระดับเทพแท้จริง?แต่น่าแปลก แม้แต่เจ็ดเทพจารีตก็ยังแทรกแซงโลกความจริงได้ยากลำบาก ต้องกระทำผ่านพิธีกรรมเท่านั้น แล้วทำไมมารดาพฤกษาถึงทำได้… ไม่เพียงเท่านั้น เรายังทำนายถามเกี่ยวกับความอันตรายของภารกิจ และผลลัพธ์ออกมาเป็น มีอันตราย แต่อยู่ในขอบเขตยอมรับได้ แถมเรื่องราวรอบตัวก็ยังดำเนินไปอย่างสอดคล้อง… กำลังจะบอกว่าสิ่งนี้ก็ถูกบิดเบือนโดยสมบูรณ์ด้วยเช่นกัน?ยิ่งขบคิด ไคลน์ก็ยิ่งปวดหัวอีกหนึ่งเรื่องที่มันยังไม่เข้าใจก็คือ หากตนเป็นเป้าหมายการกัดกร่อนจริง แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงลงมืออย่างนุ่มนวลนัก? ตัวมันสามารถฝ่าฟันอันตรายจากซินเธียได้อย่างราบรื่นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ทำเอาแผนการของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายกลายเป็นเรื่องตลก!ไคลน์กลับมาสนใจฟอลเล็ต·เคนตรงหน้าที่จิตใจใกล้แตกสลายเต็มที ซักถามอีกหลายเรื่องเพื่อยืนยันสมมติฐานของตนชายหนุ่มต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นิกายกายาสวรรค์ไม่เคยประกอบพิธีกรรมให้มารดาพฤกษาแทรกแซงการทำนายเลยสักครั้ง และไม่มีการเตรียมแผนสำรองในกรณีแผนหลักล้มเหลวแปลกมาก…ไคลน์ล้วงหยิบเหรียญ ดีดขึ้นไปในอากาศจนเกิดเสียง แบมือเตรียมรอรับผลการทำนายแต่ถึงจะไม่ทำนาย ไคลน์เชื่อว่าฟอลเล็ต·เคนมิได้โกหก เนื่องจากอีกฝ่ายกำลังอยู่ในสภาพใกล้สิ้นสติ ไม่น่าจะหลงเหลือเหตุและผลมากพอให้โกหกอย่างแนบเนียนและลื่นไหลอีกหนึ่งปัจจัยก็คือ คำตอบของฟอลเล็ต·เคนสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับความคิดในหัวที่ไคลน์ไม่เคยพูดออกไปแปะ! เหรียญทองตกลงบนฝ่ามือ ใบหน้ากษัตริย์เผยขึ้น เป็นการยืนยันประโยคทำนายไคลน์สรุปได้ว่า ฟอลเล็ต·เคนมิได้โกหกชายหนุ่มระงับความคลางแคลงไว้ชั่วคราว จ้องหน้าฟอลเล็ต·เคนพลางกล่าวโดยปราศจากรอยยิ้ม“เคยฝ่าฝืนกฎหมายและขนบธรรมเนียมอันดีงามของอาณาจักรบ้างหรือไม่”ฟอลเล็ต·เคนผงะหลายวินาที คล้ายกับสติสัมปชัญญะเริ่มกลับคืนมาตามความคิดของมัน ความผิดร้ายแรงที่สุดในชีวิตคือการวางแผนกัดกร่อนนายพลอมิรุส และคงไม่มีความผิดใดที่จะทำให้คนใหญ่คนโตตรงหน้าเดือดดาลได้มากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้น วีรกรรมความชั่วช้าในอดีตของตน จึงน่าจะเป็นเพียงเรื่องไม่สำคัญในสายตาครึ่งเทพเมื่ออีกฝ่ายเลิกถามถึงประเด็นสำคัญ และเริ่มชวนคุย ‘เรื่อยเปื่อย’ ฟอลเล็ต·เคนจึงมองว่าบทสรุปของเรื่องราวอาจไม่เลวร้ายกับตนมากนักมันเผยรอยยิ้ม รีบกลั่นกรองเรื่องราว“กระผมเคยขโมยทรัพย์ของผู้อื่นด้วยกลอุบายอันแยบยล เริ่มจากการทรมานครอบครัวของมันตลอดทั้งคืน ฆ่าทิ้งและนำศพไปไว้ในป่า จากนั้นก็ปลอมเอกสารเพื่อครอบครองเงินทองจำนวนมาก กระผมเคยกล่อมให้สาวกบางคนปลดปล่อยแรงกระหายในใจ และเฝ้ามองพวกมันกลายเป็นอาหารของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย ในวาระสุดท้ายของชีวิต เสียงโหยหวนอย่างสำนึกเสียใจของพวกมันช่างระรื่นหูยิ่งนัก กระผมเคยหลอกลวงหญิงสาวหลายคนมาเข้าร่วมพิธีกรรมชำระล้างดวงวิญญาณ โดยอ้างเหตุผลว่า ดวงวิญญาณของพวกเธอถูกสิ่งชั่วร้ายเข้าสิง กระผมเคยทรมานกลุ่มคนที่พยายามถอนตัวออกจากนิกาย ด้วยการตัดเฉือนอวัยวะทั้งหมดที่ยื่นออกจากลำตัวทิ้งไปเสีย…”ฟอลเล็ต·เคนบรรจงสาธยายบาปของตนทีละเรื่องอย่างตั้งใจ ปราศจากความคิดที่จะปิดบังไคลน์ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง คาดไม่ถึงว่าจะมีมนุษย์ที่จิตใจชั่วร้ายเช่นนี้อยู่บนโลกขณะฟอลเล็ต·เคนกำลังติดลม บรรยายเหตุการณ์อย่างตื่นเต้น มันเห็นนายพลอมิรุสลุกจากเก้าอี้โดยปราศจากอารมณ์บนใบหน้า เดินอ้อมโต๊ะอ่านหนังสือ หยุดยืนหน้าตนพร้อมกับเหยียดแขนซ้ายเข้าหาณ กึ่งกลางฝ่ามือ ปากสัตว์ประหลาดฉีกออกกว้างอย่างน่าสะพรึง ฟันซี่คมสีขาวโพลนเรียงรายสองแถว ชวนให้ผู้พบเห็นเย็นไปถึงสันหลัง“ม…ไม่! อย่า!”เสียงหวีดร้องอันน่าสยดสยองดังกังวานภายในห้องอ่านหนังสือ ต้องรอให้ผ่านไปสักพักจึงจะเริ่มบรรเทาจากนั้น ไคลน์โน้มตัวก้มหยิบก้อนแสงที่ดูคล้ายกับ ‘สมอง’ ขนาดเล็กตะกอนพลังของ ‘คนบ้า’ !ค่อนข้างน่าเสียดาย ก่อนฟอลเล็ต·เคนจะถูกนำตัวมาหาไคลน์ คนของลัวอานได้รื้อค้นทรัพย์สินของอีกฝ่ายจนเกลี้ยง ไม่หลงเหลือธนบัตรหรือของมีค่าใดอีกเป๊าะ!ไคลน์ดีดนิ้ว จุดไฟเผาเศษเสื้อผ้าที่กองบนพื้นมันเหลือบมองบาดแผลฉกรรจ์บนหัวไหล่ซ้ายของตนเล็กน้อย เดินกลับไปนั่งเก้าอี้ ไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานาน ทำเพียงจ้องเปลวไฟสีแดงที่กำลังลุกไหม้จนกระทั่งไม่เหลือร่องรอยใดอีก ชายหนุ่มดึงเชือกด้านข้าง เป็นการสั่นกระดิ่งนอกห้องอ่านหนังสือลัวอาน เลขานุการผมทอง ปลดผนึกรอบห้องพร้อมกับเปิดประตูเข้ามาข้างใน สิ่งแรกที่ทำคือการกวาดตาสำรวจสภาพห้องอย่างละเอียดหนึ่งรอบ“กระจายคำสั่งไปยังทหารทุกหน่วยและคนของฐานทัพเรือ ให้พวกเขาร่วมมือกับกรมตำรวจโอลาวี เก็บกวาดนิกายกายาสวรรค์ให้สิ้นซาก ถ้าเป็นไปได้ พยายามรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด จับเป็นคนของโรงเรียนกุหลาบ”ไคลน์ออกคำสั่งเสียงสุขุม“ครับ ท่านนายพล” ลัวอานขานรับนอบน้อมมันมิได้ถามว่าฟอลเล็ต·เคนไปไหน ราวกับผู้นำนิกายกายาสวรรค์ไม่เคยมีตัวตนบนโลก…ขณะส่งคนออกไปกวาดล้างรอบเกาะโอลาวี ไคลน์มิได้สนใจผลลัพธ์มากนัก เพียงประกาศยกเลิกทุกกิจกรรมในอีกสองวันถัดไป โดยอ้างว่าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากการถูกลอบสังหารสิ่งนี้หมายถึง ต่อให้ไม่มียันต์กฎหมายที่เก้า ไคลน์ก็ไม่ต้องกังวลว่าความลับจะแตก ไม่ต้องกังวลผู้คนจะตั้งคำถามว่า ออร่าของครึ่งเทพหายไปไหน เพราะความบกพร่องทั้งหมดจะถูกโยนให้กับอาการบาดเจ็บ“ท่านนายพล มีรายงานเข้ามาสองเรื่อง เรื่องแรก มิสเตอร์ออสเท่นยังมิได้โดยสารเรือออกไปจากเกาะ เรื่องที่สอง มิสเตอร์เบ็น·คอนราด นายกเทศมนตรีคนใหม่ของโอลาวี ได้ส่งคำเชิญให้ท่านนายพลเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ที่คฤหาสน์ประจำตำแหน่งนายกเทศมนตรี”ลัวอานเข้ามารายงานข่าวตอนเที่ยงเบ็น·คอนราดมาแทนออสเท่น… จากข้อมูลของเรา ตระกูลคอนราดจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อย่างมาก ทาลิมเคยเป็นครูสอนขี่ม้าให้ลูกชายคนเล็กของไวเคาต์คอนราด เนื่องจากองค์ชายเอ็ดซัคช่วยแนะนำ…ไคลน์ผงกศีรษะรับ พลางเปลี่ยนสีหน้าของนายพลอมิรุสให้มีความซับซ้อนมันกล่าวหลังจากเงียบงันหลายวินาที“แจ้งกับนายกเทศมนตรีคอนราดว่า ผมถูกนิกายกายาสวรรค์ลอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่สะดวกเข้าร่วมงาน ฝากคำขอโทษถึงเขาด้วย”“ครับ ท่านนายพล” ลัวอานไม่โน้มน้าวหรือแสดงความเห็น เพียงเดินออกจากห้องอย่างสุขุมสะดวกสบายชะมัด…ครึ่งเทพจะทำตัว ‘เอาแต่ใจ’ แค่ไหนก็ได้!ขอเพียงไม่เกี่ยวข้องกับแผนการชั่วร้าย ไม่ก่อความผิดพลาดร้ายแรงต่ออาณาจักร ครึ่งเทพไม่มีวันถูกตำหนิในสิ่งที่ทำเด็ดขาด เพราะไม่ว่าจะฝ่ายใด การผูกไมตรีกับครึ่งเทพคือสิ่งจำเป็น!เมื่อเห็นแผ่นหลังของลัวอานหายไปพร้อมกับเสียงปิดประตู ไคลน์ส่ายหน้า เอนหลังพิงพนัก***หนึ่งวันผ่านไปอย่างสงบสุข จนกระทั่งใกล้รุ่งสางของวันถัดมา ไคลน์ ผู้กำลังหลับพักผ่อนอยู่ในห้องพักแขก พลันลืมตาและรีบพยุงตัวนั่งบนเตียงนอนสัมผัสวิญญาณของมันแจ้งเตือนว่า มีใครบางคนลอบเข้ามาในห้องนี้!ชายหนุ่มหันไปทางหน้าต่าง และพบกับชายวัยกลางคนสวมทักซิโด้ ผมดำตาฟ้า มุมปากหย่อนคล้อยเล็กน้อยไม่ใช่ใครนอกจากนายพลอมิรุส·รีเวลต์!ฟู่ว… กลับมาได้สักที…ไคลน์ลุกยืน ซักถามหลังจากไตร่ตรอง“คุณเคยมอบสิ่งใดให้ผมก่อนไป”มันกังวลว่า อมิรุสที่กำลังตรงหน้า อาจเป็นผู้ไร้หน้าสักคนปลอมตัวมาสวมรอยนายพลอมิรุสยืนนิ่ง ตอบเสียงขรึม“ยันต์กฎหมายที่เก้า”โดยไม่เปิดโอกาสให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์พูดต่อ มันสืบเท้าเข้ามาใกล้ เปล่งเสียงถามใจเย็น“ในสองสามวันที่ผ่านมา มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”ไคลน์อาศัยพลังตัวตลกช่วยควบคุมสีหน้า“เลขานุการของคุณทำงานพลาด ผมได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”“งั้นหรือ… แล้วมีอะไรอีก” อมิรุสผงกศีรษะขึงขัง ตั้งคำถามด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ไคลน์พยายามไม่เบือนหน้าหนี ฝืนประสานสายตากับอีกฝ่าย“น้องชายของคุณถูกปลดจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี และคนที่มาแทนก็เดินทางมาถึงแล้ว มาดามซินเธียของคุณกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด และถูกผมชำระล้างไปแล้ว บอดี้การ์ดและคนรับใช้ของคุณส่วนใหญ่ถูกกัดกร่อนทางจิต กำลังอยู่ระหว่างการฟื้นฟู…”สีหน้าอมิรุสเริ่มบิดเบี้ยวอย่างมิอาจควบคุมมันหรี่ตาลง กลอกซ้ายขวา ประหนึ่งกำลังคิดว่าตนเดินเข้าบ้านผิดหลังมันหายไปแค่สามวันเท่านั้น!……………………
คอมเม้นต์