ราชันเร้นลับ 585 : ซื้อยา
โบสถ์วายุสลาตันเริ่มลงมือสืบสวนเมืองท่าแบนชีแล้วหรือ…ไคลน์เลื่อนกำปั้นขึ้นมาจ่อปากพลางกระแอมสองหน จากนั้นก็ซักถามตรงไปตรงมา“แล้วเกิดเหตุการณ์แบบไหน”ไอร์แลนด์ไม่พบความผิดปรกติในอากัปกิริยาของไคลน์ จึงมองไปรอบตัวและกล่าว“ผมเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่มั่นใจว่า เหตุการณ์นี้มีสมาชิกระดับสูงของโบสถ์วายุสลาตันเข้าร่วมด้วยแน่นอน ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์สองสามวัน เที่ยวเรือขาเข้าแบนชีทั้งหมดถูกยกเลิก นั่นคงเป็นสัญญาณก่อนเริ่มลงมือ”สมาชิกระดับสูง? ผิดแล้ว… ต้องเป็นสมาชิกระดับสูงสุดต่างหาก บางที สันตะปาปาของโบสถ์วายุสลาตัน เทวทูตเดินดิน อาจออกโรงเองด้วยซ้ำ หรือแม้กระทั่งนำสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ออกมาใช้งาน… เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ศัตรูถูกคาดหมายว่าจะเป็นราชาเทวทูตจากยุคสมัยที่สี่ แถมยังมีทายาทของมันอีกกลุ่มหนึ่ง…ไคลน์พยักหน้ารับ ซักถามเสียงเรียบ“ผลลัพธ์ล่ะ”ส่วนคำถามที่ว่าทำไมโบสถ์วายุสลาตันถึงเพิ่งลงมือเอาป่านนี้ ชายหนุ่มไม่แปลกใจนัก เพราะถึงหน่วยทูตพิพากษาจะได้ชื่อว่าหุนหันใจร้อน แต่พวกมันก็มิอาจลัดขั้นตอนระเบียบราชการได้ คงต้องมีการสืบข่าวเบื้องต้นเพื่อยืนยันระดับอันตราย รวมถึงการอพยพย้ายชาวเมืองบริสุทธิ์ออกจากพื้นที่ ปิดกั้นน่านน้ำใกล้เคียง ขั้นตอนเหล่านี้ล้วนใช้เวลามากไอร์แลนด์ยังคงไม่พบความผิดปรกติทางอารมณ์ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ จึงทำเพียงถอนหายใจยาวและยิ้ม“ผลลัพธ์หรือ… คงไม่มีเมืองท่าแบนชีไปอีกนาน”สมกับเป็นโบสถ์วายุสลาตัน…ไคลน์ผุดคำถามมากมาย ภายในใจนึกอยากทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ทันทีมันอยากรู้ว่า เทวทูตสีชาด เมดีซี ปรากฏตัวออกมาหรือไม่ และอาศัยในละแวกเมืองท่าแบนชีจริงไหม มันถูกโบสถ์วายุสลาตันกวาดล้างโดยสมบูรณ์แล้วหรือยัง เกิดอะไรขึ้นกับชนพื้นเมืองแบนชีบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มชอบที่พูดจาลากเสียง รวมไปถึงความลับของภัตตาคารมะนาวและสำนักงานโทรเลขแต่น่าเสียดาย เมืองท่าแบนชีแปรสภาพกลายเป็นความพินาศย่อยยับ ยากจะตามไปสืบสวนในภายหลัง…จริงอยู่ ในรายงานของทูตพิพากษาอาจมีรายละเอียดเขียนไว้ แต่เราไม่มีสิทธิ์อ่าน และเมื่อประเมินจากตำแหน่งของแฮงแมน เขาก็คงไม่มีสิทธิ์อ่านเช่นกัน…ต้องรีบปลุกปั้นให้มิสเตอร์แฮงแมนกลายเป็นคนใหญ่คนโตของโบสถ์โดยเร็ว ลำดับอย่างต่ำคือครึ่งเทพ จึงจะเพียงพอต่อการอ่านเอกสารลับในคดีเมืองท่าแบนชี…ไคลน์ถอนหายใจเงียบงัน ก่อนจะกล่าวต่อไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า“ที่นั่นอันตรายจริงๆ … แค่ก! แค่ก!”ยังไม่ทันสิ้นเสียง ไคลน์ไอกระแอมอย่างรุนแรงหลายหนติดต่อกัน“คุณป่วยหรือ” ไอร์แลนด์ซักถามด้วยสีหน้าค่อนข้างประหลาดใจมันเข้าใจมาตลอดว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์เหมือนกับตน คือเป็นผู้วิเศษบนเส้นทางที่มีสมรรถภาพร่างกายสูง คงไม่ป่วยไข้ได้ง่ายจนกว่าจะแก่ชรา แต่ภาพตรงหน้าทำให้มันต้องเปลี่ยนความคิดไคลน์เพียง ‘อือ’ โดยไม่อธิบายถามไม่คิด… หลังจากการต่อสู้อย่างดุเดือดกับพลเรือโทโรคภัย หากไม่ป่วยคงจะแปลกมากกว่า! เดนิสพึมพำในลำคอเอลเลนยิ้มและกล่าว“ผมแนะนำนักปรุงยาให้เอาไหม ได้ผลดีกว่าการไปโรงพยาบาลหรือคลินิกแน่นอน อีกฝ่ายเป็นผู้วิเศษ ร้านขายสมุนไพรตั้งอยู่ในซอยเยื้องกับโรงละครแดง โด่งดังด้านการขายยาปลุกความฮึกเหิมในตัวบุรุษ แต่นั่นไม่ใช่ความถนัดเพียงอย่างเดียวของเขา”นักปรุงยาบนโลกนี้ต้องขายยาหำแข็งทุกคนเลยรึไง… นั่นสินะ คงไม่มียาตัวไหนทำกำไรและขายง่ายกว่านี้แล้ว ได้เห็นเงินก้อนโตอยู่ตรงหน้า ใครบ้างจะอดใจไหว…ไคลน์พยักหน้าเชิงรับทราบ“เดี๋ยวก่อน! ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยิน?” เดนิสถามด้วยน้ำเสียงแฝงความประหลาดใจ“เขาเพิ่งย้ายมาอยู่บายัมเมื่อเดือนก่อน ส่วนนายกลับมายังบายัมครั้งสุดท้ายตอนไหน?” ไอร์แลนด์ย้อนถามพลางหัวเราะก็ตอนที่นั่งเรือเส็งเคร็งของแกไง… เดนิสตอบในใจมันนึกทบทวนตาม ในช่วงไม่กี่เดือนหลัง หากไม่นับครั้งที่มาถึงบายัมพร้อมเกอร์มัน·สแปร์โรว์ วันหยุดพักผ่อนส่วนใหญ่ของตนจะหมดไปกับการล่องทะเล สำมะเลเทเมา หรือไม่ก็ล่าสมบัติ มีแวะบายัมแค่ครั้งเดียว และมิได้เก็บรายละเอียดมากนัก“ฉันพักอยู่ที่บายัมสามวัน และแวะเวียนไปที่โรงละครสีแดงอยู่บ้าง แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีนักปรุงยาหน้าใหม่มาก่อน ถ้ายากระตุ้นอารมณ์ของเจ้านั่นเจ๋งจริง คนข้างในก็ต้องพูดกันบ้าง!” เดนิสโต้แย้งพลางโอ้อวดไอร์แลนด์เผยรอยยิ้ม ไม่คิดโต้เถียงกับโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ให้เปลืองน้ำลาย เพียงหันมาทางเกอร์มัน·สแปร์โรว์“หากเป็นอาการป่วยทั่วไป นักปรุงยาจะคิดราคาสูงกว่าปรกติไม่มาก และสำหรับคุณ ราคาถูกแพงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เป็นสุขภาพต่างหาก ผู้วิเศษอย่างเราต้องรีบรักษาร่างกายให้เป็นปรกติโดยเร็ว เพราะอันตรายอาจถามหาได้ทุกเมื่อ เช่นการถูกลอบจู่โจมโดยไม่คาดหมาย หรือกระทั่งโอกาสในการคลุ้มคลั่งที่เพิ่มขึ้น”กล่าวได้ถูกต้อง สิ่งสำคัญของผู้วิเศษคือการรักษาร่างกายให้เป็นปรกติ แต่ใครบอกว่าราคาไม่สำคัญ? มันสำคัญมากต่างหาก! ถ้านักปรุงยาคิดเงินหนึ่งพันปอนด์ ขอไปเสี่ยงกับโรงพยาบาลและคลินิกดีกว่า หรือไม่ก็ อธิบายอาการเบื้องต้นกับเอ็มลิน ให้อีกฝ่ายปรุงยาและสังเวยผ่านห้วงมิติเหนือสายหมอก… จริงอยู่ เราอาจมีเงินเก็บมากถึงหกพันปอนด์ ยังไม่นับรวมตะกอนพลังอีกจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อคิดถึงอนาคต เราต้องมีสมบัติวิเศษที่สามารถโจมตีได้หนักหน่วง และยังต้องตามหาเบาะแสของสูตรโอสถครึ่งเทพ…ไคลน์พึมพำสูตรผลิตโอสถครึ่งเทพขึ้นไปย่อมมิอาจประเมินค่าเป็นเงินทอง ลำพังเบาะแสน้อยนิดก็มีราคาสูงมากแล้วเมื่อไอร์แลนด์จากไป ไคลน์หยิบเงินเจ็ดร้อยปอนด์ออกมาและแบ่งให้เดนิสสองร้อยปอนด์ชายหนุ่มสวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง ยกไม้ค้ำขึ้นพลางไอกระแอม จากนั้นก็เช็ดน้ำมูกด้วยผ้าสะอาดและเตรียมตัวเดินทางไปยังย่านโรงละครแดงด้วยรถม้าเช่าเดนิสเองก็เกิดความสงสัยในตัวนักปรุงยาหน้าใหม่ จึงทำการติดหนวดปลอม สวมหมวกแก๊ป และเดินตามไคลน์ไม่ห่าง มันอาศัยคำแนะนำของไคลน์ที่บอกว่า การปลอมตัวด้วยผ้าพันคอผืนใหญ่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ฉลาด ควรติดหนวดปลอมแทนมากกว่า เดนิสจึงยอมเชื่อฟังมืออาชีพและทำตามแต่โดยดี…ณ ตรอกเยื้องโรงละครแดง ขณะไคลน์กำลังจะเดินเข้าไปในร้านสมุนไพรที่ไม่แขวนป้าย มันเห็นชายคนหนึ่งเดินสวนออกมาด้วยท่าทีมีพิรุธ และเมื่อถูกคนแปลกหน้าพบเข้า อีกฝ่ายรีบก้มตัวและเดินหนีไปอย่างรวดเร็วสหาย ฉันไม่รู้เลยว่านายซื้อยาอะไรมา…ไคลน์ไอแห้งอีกสองครั้ง ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในร้านสมุนไพรบรรยากาศค่อนข้างสลัวหลังจากกวาดตามองหนึ่งรอบ ไคลน์พลันชะงักสายตา เนื่องจากมันจำเจ้าของร้านได้เจ้าของร้านสวมชุดคลุมสีดำยาวคล้ายกับหมอชนบท อายุราวสามสิบ ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล หน้ากลมค่อนไปทางท้วม ไม่ใช่ใครนอกจากนักปรุงยาในชุมนุมลับของเนตรแห่งปัญญาที่ปากเสียแต่จริงใจ นอกจากนั้น ไคลน์ยังเคยพบมันนอกรอบในคณะละครสัตว์การที่เขาไม่ปรากฏตัวที่ชุมนุมลับของมิสเตอร์เนตรแห่งปัญญาในช่วงหลัง เป็นเพราะเดินทางออกจากกรุงเบ็คลันด์แล้วนี่เอง…ไคลน์ยืนครุ่นคิด ไอแห้ง และเดินไปข้างหน้าสองก้าว“ขอยาหน่อย”บนหัวไหล่นักปรุงยาร่างท้วมมีนกฮูกตากลมตัวหนึ่งยืนเกาะอยู่ เมื่อได้ยินเสียงทักทาย หนึ่งคนหนึ่งสัตว์หันหน้ามามองไคลน์พร้อมเพรียงหลังจากจ้องสำรวจไคลน์สักพัก นักปรุงยาร่างท้วมฉีกยิ้มด้วยสีหน้ามั่นใจ“สหาย ข้างนอกอากาศเย็นมาก ไม่ควรทำเรื่องอย่างว่าบ่อยครั้ง ถึงมันจะตื่นเต้นดีก็เถอะ”เชี่ยไรอีกเนี่ย…ไคลน์มึนงงในตอนแรก แต่เพียงไม่นานก็เริ่มพบสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายพูดเช่นนั้นขณะสู้กับเทรซี่ เราได้รับอิทธิพลจากเสน่ห์ของเธอจนเลือดลมสูบฉีดผิดปรกติ เลือดตามร่างกายไหลลงไปรวมตัวที่อวัยวะเบื้องล่าง ส่งผลให้ร่างกายขาดภูมิคุ้มกันจนเกิดอาการป่วย… จริงอยู่ เราไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลเย็นจัดเนื่องจากพรของ ‘เทพสมุทร’ แต่ลมหนาวของเมืองบายัมได้กระตุ้นให้ไข้กำเริบ…หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ อาการป่วยของเรามีสาเหตุเดียวกับคนที่มีเพศสัมพันธ์ท่ามกลางอากาศเย็นจัด… สมกับเป็นเส้นทางนักปรุงยา สายตาเฉียบแหลมมาก…ไคลน์ยืนจ้องนักปรุงยาร่วมท้วมโดยไม่ตอบโต้ ทำเพียงเงียบงัน รอให้อีกฝ่ายจัดยาเดนิสมองเข้าไปในร้านสมุนไพรพลางหัวเราะเยาะเหยียดหยันเป็นนักปรุงยาประสาอะไร แค่อาการป่วยจากสตรีแห่งโรคภัยก็แยกแยะไม่ถูก!เพลิงพิโรธรำพันอย่างโอหังเมื่อนักปรุงยาร่างท้วมเห็นว่าไม่มีใครสานต่อบทสนทนา จึงหันหลังกลับไปเปิดตู้เก็บของและหยิบสมุนไพรประหลาด เปลือกแมลง รวมถึงวัตถุดิบหายากชนิดอื่นๆ ออกมาวาง จากนั้นก็นำทั้งหมดบรรจุใส่ถุงกระดาษและส่งให้ไคลน์“นำทั้งหมดแช่น้ำพร้อมกัน ต้มทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง และดื่มของเหลวที่เกิดจากการต้ม… สี่ซูล”ค่อนข้างแพง… ไคลน์ชำเลืองเดนิสด้านข้างฝ่ายหลังรีบกุลีกุจอล้วงหยิบเงินออกมาจ่ายนักปรุงยาร่างท้วมรับธนบัตรไปนับพลางเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย กดเสียงให้ต่ำลง และกล่าวด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย“ฉันมียาดีที่จะทำให้นายปึ๋งปั๋งบนเตียงยิ่งกว่าเดิม มีส่วนผสมหลักเป็นผงมัมมี่ ว่าไง? สนใจไหม? ขอรับประกันความพึงพอใจ ฉันรู้ว่านายคงเจ๋งในเรื่องอย่างว่าอยู่แล้ว แต่บุรุษทุกคนล้วนต้องการเป็นเลิศ…”จะทำแบบนั้นได้ ฉันต้องหาแฟนก่อน…ไคลน์ส่ายหน้าเย็นชา ปฏิเสธข้อเสนอแสนเย้ายวนจากนักปรุงยาร่างท้วมเมื่อเห็นภาษากายขอชายหนุ่ม เจ้าของร้านเหยียดตัวตรงด้วยสีหน้าเจือความผิดหวังถัดมา มันเริ่มชักชวนลูกค้าคุยนอกเรื่อง“พวกนายเป็นนักผจญภัยใช่ไหม”“อือ” ไคลน์ตอบห้วนนักปรุงยาถูฝ่ามือและกล่าว“ฉันมีภารกิจมาให้ทำ จะจ่ายเงินก็ต่อเมื่องานเสร็จแล้วเท่านั้น”“เท่าไร?” ไคลน์ถามพลางจับจมูก“หนึ่งร้อยปอนด์!” เจ้าของร้านกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความระทม “งานตามหาคน ชื่อของเขาคือรอย·คิง เป็นอาจารย์ของฉัน และเป็นคนนัดแนะให้ฉันมาหาที่นี่ แต่ผ่านมานานนับเดือน กลับยังไม่พบเบาะแสของเขาแม้แต่น้อย”“มีรูปวาดไหม แค่ก! รูปถ่ายก็ได้”ไคลน์ไอแห้ง ตั้งคำถามนักปรุงยาร่างท้วมล้วงหยิบภาพหนึ่งออกจากกระเป๋าสีเข้มข้างเอว จากนั้นก็ส่งให้ไคลน์บุคคลในภาพเป็นเด็กหนุ่มมาดสง่างาม ผมหวีเรียบ บรรยากาศรอบตัวอ่อนโยน“นี่คืออาจารย์ของนาย?” ไคลน์ถามย้ำบอกว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์ยังน่าเชื่อกว่าเลย…นักปรุงยาร่างท้วมกระแอมในลำคอ“ถึงจะเห็นแบบนี้ แต่ชายคนนั้นอายุหกสิบกว่าแล้ว แค่มีรูปลักษณ์เหมือนเด็กด้วยเหตุผลบางอย่าง”เป็นพลังจากเส้นทาง หรือจากสมบัติวิเศษ?ไคลน์พยักหน้ารับ ทำสีหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็ซักถามข้อมูลที่เกี่ยวข้องเมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีสื่อกลางใดให้ทำนายถึงเป้าหมาย ชายหนุ่มจึงถือถุงกระดาษเดินออกจากร้านสมุนไพรพร้อมเดนิสจนกระทั่งแผ่นหลังทั้งสองหายไปจากตรอก นกฮูกที่ยืนบนไหล่นักปรุงยาร่างท้วมพูดขึ้น“ดัควีลล์ ชายคนนั้นอาจรู้จักนาย”……………………
คอมเม้นต์