ราชันเร้นลับ 577 : หนังสืออายุกว่าสามพันปี
พลเรือโทธารน้ำแข็ง·เอ็ดวิน่า มิได้คิดมากนักหลังจากได้ยินเกอร์มัน·สแปร์โรว์ตอบว่า ‘ขอคิดดูก่อน’ เพียงพยักหน้ารับอย่างใจเย็น“ไม่มีปัญหา”เธอคงคิดว่าเราไม่สามารถตัดสินใจเรื่องใหญ่แบบนี้ได้เอง ต้องกลับไปถามองค์กรเบื้องหลังก่อน… ผิดแล้ว… ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนตัดสินใจ แต่อยู่ที่เงินต่างหาก!ไคลน์รำพัน พลิกมือปิดหนังสือ ‘การเดินทางของกรอซาย’ และหันไปถามเสียงค่อย“ผู้แต่งเป็นใคร? เจ้าของคนก่อนมีจุดจบอย่างไร?”เอ็ดวิน่าเดินผ่านไคลน์พร้อมกับใช้ปลายนิ้วลูบไล้อักษรบนปกหนังสืออย่างนุ่มนวล“เกี่ยวกับเจ้าของคนก่อน เป็นเพราะข้อมูลของอดีตยังคลุมเครือ ทางเราจึงมิอาจระบุตัวเจ้าของคนก่อนจากเบาะแสภายในซากเรืออับปางได้ เช่นเดียวกันกับผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ เนื่องจากไม่มีการลงนามไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เราจึงไม่ทราบว่าใครเป็นคนแต่ง แต่ทางเราใช้เทคนิคพิเศษตรวจสอบจนสามารถยืนยันได้ว่า เนื้อกระดาษมีอายุไม่ต่ำกว่าสามพันปี เป็นเหตุผลว่าทำไม ราคาแปดพันปอนด์จึงนับว่าถูกมากในสายตาของฉัน”หนังสืออายุกว่าสามพันปี… หากไม่นับคนยักษ์และเอลฟ์ ในนั้นมีการเขียนถึงนักบวชเคร่งศาสนา ขุนนางจักรวรรดิโซโลมอน และทหารของโลเอ็น… เรื่องพวกนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน…เป็นหนังสือทำนายอนาคต? หรือใครบางคนจงใจแต่งนิยายสมัยใหม่ลงบนกระดาษเก่า?แต่จะทำไปเพื่ออะไร…ไคลน์กล่าวพลางยิ้ม“ในเมื่อคนยักษ์ที่เป็นตัวเอกชื่อกรอซาย… คนแต่งอาจเป็นจักรพรรดิโรซายล์ก็ได้”“ไม่น่าใช่ เหตุผลที่ชื่อคล้ายคลึงกันเพราะคำว่า ‘โรซายล์’ มีรากศัพท์มาจากภาษาคนยักษ์ ภาษาดังกล่าวเกิดวิวัฒนาการสองครั้ง กลายเป็นฟุซัคโบราณ จนกระทั่งเป็นอินทิสในปัจจุบัน และความหมายเพี้ยนไปจากเดิมพอสมควร”เอ็ดวิน่าอธิบายรากของภาษาให้ฟังอย่างละเอียด จนไคลน์รู้สึกราวกับตนย้อนวัยกลับไปยังสมัยเรียนอีกครั้งชายหนุ่มพยักหน้ารับ กล่าวเสียงแผ่ว“หากนี่มิใช่นิยายสมัยใหม่ แต่เป็นสมุดบันทึกเหตุการณ์จริงในอดีต ผมสงสัยว่า มังกรเจ้าของฉายา ‘ราชาแดนเหนือ’ จะมีชื่อจริงว่าอย่างไร และอยู่บนเส้นทางไหน”เอ็ดวิน่าเงยศีรษะ ดวงตาเพ่งไคลน์“ก่อนที่ศิลาเย้ยเทพแผ่นแรกจะปรากฏขึ้น โลกของเรายังไม่มีระบบเส้นทางและลำดับ สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในช่วงนั้นจึงมิได้เดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง กล่าวกันว่า เป็นยุคสมัยอันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและวุ่นวาย บางที คนยักษ์และมังกรอาจพยายามรวบรวมตะกอนพลังที่เกี่ยวข้องกับน้ำแข็งไว้เป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น ออร่าเยือกแข็งของซอมบี้ หอกน้ำแข็งของแม่มด เวทมนตร์น้ำแข็งของจอมอาคมสภาพอากาศ ส่งผลให้พลังธาตุน้ำแข็งรุนแรง และมีระดับพลังวิญญาณอยู่ในระดับเทียบเท่าครึ่งเทพ… แน่นอนว่า การกินตะกอนพลังส่งเดชเช่นนี้จะนำไปสู่ภาวะเสียสติและคลุ้มคลั่ง หรือก็คือ หากพวกมันไม่ตายคาที่ ก็จะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด แต่ในเมื่อมังกรเป็นสัตว์ประหลาดอยู่แล้ว ตรงนี้จึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผลข้างเคียงจึงมีเพียงการเสียสติ”หากเรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหมู่มังกร คนยักษ์ และเอลฟ์ ก็ไม่ต้องแปลกใจแล้วว่า เหตุใดยุคสมัยที่สองจึงถูกเรียกว่ายุคมืด…ไคลน์ครุ่นคิด เปล่งเสียงพึมพำกึ่งตั้งคำถาม“หมายความว่า ตะกอนพลังส่วนใหญ่ถูกใช้ไปอย่างเสียของสินะ”เอ็ดวิน่าจ้องตาชายหนุ่มสักพัก“จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวเอาไว้ สิ่งใดเคยที่แยกจาก สักวันกลับมารวมตัว สิ่งใดที่รวมตัว สักวันจะต้องแยกจาก”จักรพรรดิเคยพูดแบบนี้ด้วยหรือ… เราพอจะเข้าใจประโยคแรก เพราะนั่นคือกฎความถาวรของพลังพิเศษ แต่ประโยคหลังหมายถึงอะไร…หากตะกอนพลังรวมตัวกันมากเข้า จะเกิดการแยกตัวออกมาเอง? หรือจะเกี่ยวกับระบบเส้นทางและลำดับ หากกินตะกอนพลังที่ไม่กลมกลืนกับเส้นทางเข้าไปเป็นจำนวนมาก แรงผลักต่อกันก็จะยิ่งสูง ส่งผลให้เกิดการแยกตัว?คำพูดลึกซึ้งเช่นนี้ จักรพรรดิไม่น่าจะพูดออกมาต่อหน้าสาธารณชน เพราะเป็นความลับสำคัญที่ไม่ควรหลุดออกมาภายนอก…คราวก่อน เราเคยสันนิษฐานจากพิธีกรรมวิญญาณสถิต และจากนามสกุลของเธอ ว่าพลเรือโทธารน้ำแข็งอาจเป็นทายาทของหนึ่งในจตุรอาชาแห่งวันสิ้นโลก เอ็ดเวิร์ด… บทสนทนาเมื่อครู่ยิ่งทำให้ชัดเจนขึ้น..หลังจากสิ้นสุดยุคสมัยของจักรพรรดิโรซายล์ ตระกูลเอ็ดเวิร์ดได้ย้ายถิ่นฐานมายังลุนเบิร์ก และเปลี่ยนไปนับถือศาสนาปัญญาความรู้?แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เธอช่างเป็นคุณครูที่น่ายกยกย่อง ไม่อยากเชื่อว่าจะยอมอธิบายทุกคำถาม!ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงเดินตามเอ็ดวิน่าและยืนฟังเธออธิบายเกี่ยวกับของสะสมระหว่างนั้น ชายหนุ่มผุดแนวคิดหนึ่ง นั่นคือการถามเดอะซันในชุมนุมทาโรต์ ว่าอีกฝ่ายรู้จักหนังสือที่ชื่อ การเดินทางของกรอซาย หรือไม่และเพื่อมิให้แฮงแมนมองว่าเดอะเวิร์ลบกพร่องทางความรู้ และอาจลามไปเคลือบแคลงเดอะฟูล ไคลน์เตรียมใช้การสนทนาแบบส่วนตัวกับเดอะซันหลังจากอธิบายจนครบทุกชิ้น เอ็ดวิน่านำทางไคลน์ออกจากห้องเก็บของสะสม ตรงไปยังห้องรับประทานอาหารของกัปตัน ที่ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนภายในห้องอาหารของเรือ“อาหารพิเศษของที่นี่คือโยเกิร์ต คุณสามารถกินกับแยมสตรอว์เบอร์รี่หรือไม่ก็น้ำผึ้ง” เอ็ดวิน่าอธิบายพลางชี้ไปยังห้องอาหารด้านนอกประตู “ปลาแห้งของที่นี่ก็ไม่เลว จับได้จากทะเลลึก ยังไม่มีชื่อสายพันธุ์ที่แน่ชัด”ขณะกำลังเล่า เธอทำท่าทางเพื่อบอกให้ไคลน์เดินออกไปสั่ง และถือเข้ามากินในห้องจากนั้น เอ็ดวิน่าลุกขึ้นยืนและแสดงให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยมีไคลน์เดินตามออกไปขณะกำลังต่อแถวสั่งอาหารของตัวเอง ไคลน์เห็นโจรสลัดคนหนึ่งเดินเข้าไปทักทายเอ็ดวิน่าอีกฝ่ายสวมเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กสีดำ ติดหูกระต่ายดอกไม้ บรรยากาศคล้ายพนักงานประจำมากกว่าโจรสลัด โดยกำลังกระซิบกระซาบบางสิ่งให้เอ็ดวิน่าฟังหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลา ผมสีทองอ่อน โคนผมมีสีดำแซม หวีด้านข้างจนเรียบแปล้ดวงตาสีอ่อน คลายทะเลสาบสีเขียว ดั้งโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง มอบความรู้สึกน่าไว้วางใจ“อย่าถูกเจ้านั่นหลอกด้วยรูปลักษณ์เด็ดขาด! หมอนั่นก็เหมือนกับปลาหมาป่ากระป๋อง! เหม็นบัดซบเข้าไปถึงข้างใน!”เดนิส ผู้ที่เข้ามาในห้องอาหารตอนไหนไม่มีใครทราบ เดินมาด้านหลังไคลน์และกระซิบไคลน์เพียงชำเลืองโดยไม่กล่าวสิ่งใด เพราะทราบดีว่า อีกสักเดี๋ยวเดนิสก็คงเล่าออกมาเองโดยไม่รอให้เดนิสพูด ชายพุงใหญ่ด้านข้างกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแหลม“เจ้านั่นคือผู้ช่วยรองกัปตัน โจเดอร์สัน เคยเป็นเสือผู้หญิงและโจรสลัดพาร์ตไทม์ แต่เกิดตกหลุมรักกัปตัน จึงพยายามช่วงชิงหัวใจเธอ ถึงผลลัพธ์จะล้มเหลวไม่เป็นท่า ถูกกัปตันอัดจนน่วม แต่มันกลับก็ขออยู่บนเรือต่อโดยอ้างเหตุผลว่า ขอศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม… ไอ้แม่เย็*!”“สรุปโดยสั้นคือ แม่งระยำ!” เดนิสสบถ“แม่งระยำ!” โจรสลัดอีกคนที่มีผิวสีดำคล้ายเหล็กกล่าวเสริมแต่ฉันกลับคิดว่า พวกนายก็ไม่ต่างกันนัก…ไคลน์รำพันพลางหันไปถาม“หูกระต่ายบุปผา·โจเดอร์สัน…? ลำดับ 6?”ถามได้สมกับเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์… เดนิสรีบหันไปทางอื่นด้วยสีหน้าเจือความหวาดผวา“หมอนั่นไม่เก่งเท่าไร แต่มีพลังสุดพิสดาร ตอนที่ฉันสู้กับมันในการฝึกซ้อม อยู่ดี ๆ ก็ใช้บอลไฟไม่ได้ แถมเจ้านั่นยังลอกเลียนแบบพลังไฟของฉันได้อีก”คำอธิบายแบบนี้ เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน…ไคลน์หันไปมองโจเดอร์สัน สมองพยายามนึกให้ออกว่า ความคุ้นเคยดังกล่าวมาจากไหนนึกออกแล้ว… คล้ายกับ ‘เส้นเลือดหัวขโมย’ สมบัติปิดผนึกหลังประตูยานิสเมืองทิงเก็น!ชายหนุ่มอาจจดจำรหัสไม่ได้ แต่ยังไม่ลืมว่า สมบัติปิดผนึกชิ้นดังกล่าวมีคุณสมบัติในการขโมยพลังพิเศษเป้าหมายมาใช้งานชั่วขณะคงอยู่บนเส้นทางเดียวกัน…เมื่ออาหารที่สั่งไว้ถูกปรุงเสร็จ ไคลน์หันกลับไปมองด้านหลัง เห็นเดนิสกับอีกโจรสลัดอีกสองคนกำลังยืนดื่มเบียร์พลางชำเลืองไปทางพลเรือโทธารน้ำแข็งเป็นระยะชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่า เดนิสเคยนำความลับเรื่องที่ตนสังเวยบางสิ่งถึงคาเวทูว่า ไปแอบบอกให้เอ็ดวิน่าทราบหลังจากรับเบียร์มาถือ ไคลน์จงใจเดินผ่านหน้ากลุ่มของเดนิสและกล่าวอย่างเป็นกันเอง“พวกนายทุกคนชอบเธอสินะ”พรวด… พรวด… พรวด…ด้านหลังไคลน์ เสียงเบียร์ถูกพ่นจากปากดังอย่างพร้อมเพรียงจากมุมสายตา ชายหนุ่มเห็นเดนิสกำลังเผยสีหน้าลนลาน ก่อนจะโล่งใจเมื่อหันไปเห็นอากัปกิริยาของพวกพ้องจากนั้น ทั้งสามคนเริ่มเดินถอยห่างออกจากกันโดยมิได้นัดหมาย ดวงตาแฝงไว้ด้วยอารมณ์หลากหลาย หนึ่งในนั้นมีความโกรธเคืองไคลน์ไม่หยุดเดิน มันถือถาดอาหารตรงไปยังห้องรับประทานอาหารกัปตัน และจัดการมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยผ่านไปสักพัก เอ็ดวิน่าเดินกลับเข้ามาพร้อมถาดอาหารในมือเธอจิบนม เว้นวรรคสองวินาที จึงค่อยเริ่มบทสนทนา“เดนิสอธิบายพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสารของคุณให้ฟังแล้ว ในนั้นมีการระบุว่า พิธีกรรมต้องใช้เหรียญทองเป็นเครื่องสังเวยทุกครั้ง ดิฉันยังคาใจ เหรียญทองที่ว่า เป็นเหรียญทองของโลเอ็น อินทิส ฟุซัค หรือเป็นเหรียญทองชนิดอื่น? เหรียญแต่ละประเภทมีน้ำหนักไม่เท่ากัน มูลค่าจึงต่างกัน”ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก“โลเอ็น”เพราะเหรียญทองของโลเอ็นมีน้ำหนักและมูลค่ามากที่สุด… และเราก็ไม่ใช่คนจ่าย… ชายหนุ่มเสริมในใจเอ็ดวิน่าผงกศีรษะ“…ต้องจ่ายตอนรับจดหมายด้วยใช่ไหม”“สิ่งมีชีวิตวิญญาณแต่ละตนย่อมมีงานอดิเรกแตกต่างกัน” ไคลน์อธิบายคลุมเครือมันทราบดี พลเรือโทธารน้ำแข็งคงเคยศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตวิญญาณมาบ้าง และต้องเข้าใจในเรื่องที่ตนพูดเหนือสิ่งอื่นใด ไคลน์มิได้โกหก เพียงปิดบังเรื่องที่เหรียญทองสามารถจ่ายโดยเจ้าของได้“ถูกต้อง” เอ็ดวิน่าพยักหน้าเชิงเห็นพ้อง “ฉันเองก็เคยพยายามหาผู้ส่งสารประจำตัว แต่การคิดนิยามไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากต้องคอยระวังอันตราย ยังต้องให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกใจ“ลงเอยด้วย ฉันตัดสินใจล้มเลิกกลางคัน ไม่เพียงเท่านั้น อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การครอบครองผู้ส่งสารเป็นไปได้ยากคือ พันธสัญญาต้องถูกกระตุ้นด้วยพลังในขอบเขตความตายที่รุนแรงมากพอ ต้องยอมรับว่า คาถาอัญเชิญผู้ส่งสารของคุณช่วยให้ฉันเกิดแนวคิดใหม่”ไคลน์ยังคงนั่งกินอาหารเช้าอย่างเงียบงัน ไม่คิดอธิบายสิ่งใดให้อีกฝ่ายฟัง เพราะความรู้ทั้งหมดได้รับมาจากมิสเตอร์อะซิก หากจะเผยแพร่หรือส่งต่อ ก็ต้องได้รับความยินยอมจากชายคนนั้นก่อนหลังจากอาหารมื้อเช้าอันยอดเยี่ยมจบลง ฝันทองคำแล่นมาจอดเทียบท่าเรือแห่งหนึ่ง เพื่อส่งเดนิสและไคลน์ลงเดนิสชำเลืองฝันทองคำที่กำลังแล่นจากไป พลางถอนหายใจห่อเหี่ยว“มิตรภาพของพวกฉันจมก้นทะเลไปแล้ว”ไคลน์กดหมวก กล่าวเสียงขรึม“มีแต่ไก่อ่อนเท่านั้น ที่เลือกสุมหัวอยู่กับพวกไก่อ่อนด้วยกัน”ได้คำดังกล่าว เดนิสทำตัวไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าตนควรเสียใจหรือดีใจหลังจากแปลงโฉมและสร้างบัตรประชาชนปลอม ไคลน์ซื้อตั๋วเดินทางกลับบายัม และขึ้นเรือในวันเดียวกันมีเวลาส่วนตัวสักที…ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำ ส่งจิตเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก และรีบไล่ตรวจสอบคำวิงวอนจากสาวกเทพสมุทรเป็นอันดับแรกในคราวนี้ ภาพที่เด่นสะดุดตามาจากไครัท สมาชิกกลุ่มต่อต้านผู้มีศีรษะล้านและนั่งวีลแชร์“ท่านมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราพบตัวเอลเลนผมแดงแล้ว หล่อนกำลังหลบซ่อนอยู่ในสถานทูตอินทิส… ข่าวนี้ได้รับการยืนยันจากคนสวนและสาวซักผ้า”……………………
คอมเม้นต์