ราชันเร้นลับ 533 : มิสเตอร์สี่พันสองร้อยปอนด์
“ในโรงแรมมีอันตราย”ไคลน์เปล่งประโยคทำนายเสียงต่ำ เพ่งสมาธิเข้าฌาน และหยิบเหรียญทองขึ้นมาดีดกิ๊ง!เสียงของเหรียญไม่ดังมาก แต่ดังพอจะกังวานสะท้อนทั่วห้องเงียบสงบ จนกระทั่งเหรียญทองตกลงบนฝ่ามือไคลน์ด้านตัวเลขหงายขึ้น หมายถึงปฏิเสธไม่มีอันตราย… ไคลน์ขมวดคิ้วและกวาดตามองไปรอบตัว ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำมันสกัดไล่แมลงออกมาหนึ่งขวดมันโปรยรอบตัว และเดินถอยหลังสี่ก้าวอย่างรวดเร็ว ส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเพื่อเตรียมใช้พลังทำนายผ่านไปสิบวินาที มันได้ผลลัพธ์เมื่อกลับสู่โลกความจริง ไคลน์ส่ายหน้า เก็บเหรียญทองและขวดยาไล่แมลงใส่กลับกระเป๋าเสื้อ สวมแจ็คเก็ตทับ สวมรองเท้าบูตหนัง นั่งลงบนขอบเตียงพลางเอนพลังพิงหมอน และอยู่ในท่าดังกล่าวเป็นเวลานานโดยไม่ประมาทชายหนุ่มยังคงไม่ลืม ‘กฎเหล็กนักทำนาย’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวลี ‘ผลลัพธ์การทำนายมิได้ครอบคลุมทุกสิ่ง’ ดังนั้น แม้คำตอบจะระบุว่าปลอดภัยมาก แต่ไคลน์ก็ยังไม่กล้านอนหลับอย่างวางใจหรือติดประมาทมันมิได้เคลือบแคลงพลังของห้วงมิติเหนือสายหมอก เพียงแต่โลกนี้มีความเป็นไปได้มากมาย หรือประโยคทำนายของตนอาจมีช่องโหว่ ส่งผลให้นำไปสู่การตีความคลาดเคลื่อนไคลน์พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้เบื้องต้น สาเหตุของความปรกติอาจเกิดจากกลุ่มนักผจญภัยสี่คน ชายสามหญิงหนึ่ง จากร้านอาหารด้านล่าง กลุ่มคนเหล่านั้นอาจพบสมบัติวิเศษหรือวัตถุโบราณบางอย่างภายในป่าลึกบนเกาะไซมีม อาจมีความเกี่ยวพันกับตำนานพื้นถิ่น จนทำให้วิญญาณมารในแถบดังกล่าวออกอาละวาด และสร้างออร่าชั่วร้ายสาปใส่กลุ่มนักเดินทางทั้งสี่คนผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า จนกระทั่ง ไคลน์เริ่มสัมผัสถึงความผันผวนทางพลังวิญญาณในเชิงลึก คล้ายกับมีบางสิ่งค่อย ๆ แผ่กระจายออกจากห้องนอนของตนทีละนิดไม่กี่อึดใจถัดมา ความกังวลใจของไคลน์พลันหายเป็นปลิดทิ้ง ความเงียบสงบยามค่ำคืนหวนกลับมาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์เป็นอิทธิพลจากพลังพิเศษไม่ผิดแน่… ปัญหาถูกแก้ไขแล้ว? รออีกสักพักก็แล้วกัน ปัญหาอาจวกกลับมาเกิดใหม่ได้ภายในหนึ่งถึงสองชั่วโมงถัดไป… หากมีความผิดปรกติเกิดขึ้นจริง บนเกาะแห่งนี้มีวิหารของโบสถ์วายุสลาตันอยู่ รวมถึงทูตพิพากษา…ไคลน์หลับตาลงและเข้าฌาน…เมืองบายัม ผับใบไม้หอมเดนิสผู้เชื่อว่าการปลอมตัวของตนแนบเนียนและไม่มีใครจดจำได้ กำลังถือ ‘แลงติร้อนแรง’ พลางจ้องมองสาวสวยกำลังเต้นระบำข้างเวทีมวย“แม่เย็*! พวกหล่อนไม่ได้ถอดเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวมานานเกินไปแล้ว!” เดนิสตะโกนคุยกับขี้เมาละแวกใกล้เคียงบางคนไม่แยแส บางคนหัวเราะชอบใจ และใครบางคนเดินมาขอชนแก้ว ตามด้วยการกระดกของเหลวใสใส่ปาก“นายอ่านหนังสือพิมพ์หรือยัง?” ชายคนหนึ่งซึ่งยังคงสิงอยู่ในผับยามดึก สะอึกเล็กน้อยก่อนจะซักถามพรรคพวกด้านข้าง“สมองของนายถูกเหล้าทำลายไปหมดแล้วรึไง? คิดว่าคนอย่างฉันจะเข้าใจความหมายของตัวอักษรบิดเบี้ยวพวกนั้นหรือ? ถ้าเป็นอะไรบิด ๆ เบี้ยว ๆ ฉันสนใจแค่บั้นท้ายพวกหล่อนเท่านั้น! ฮะฮะ!” เพื่อนของชายคนเมื่อครู่ยกแก้ว ชี้นิ้วไปทางนางรำ และหัวเราะอย่างตลกขบขันพร้อมกับเพื่อนฝูงชายคนแรกตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ“เหล็กกล้าตายแล้ว! ถูกฆ่าโดยเพลิงพิโรธ!”เมื่อได้ยินเข้า เดนิสในละแวกใกล้เคียงพลันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะนั่งตัวตรงและแอบเหลือบไปทางด้านข้างด้วยหางตามันจิบเหล้าล้างคอหน้านิ่ง แต่ความจริงแล้วแอบขยับตัวไปด้านข้างทีละนิด เพื่อต้องการฟังว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไรนักผจญภัยและโจรสลัดต่างมีคติพจน์ร่วมกันเสมอว่า หากปราศจากเหล้า นารี และการคุยโวโอ้อวด ชีวิตในทะเลย่อมไร้ความหมาย!“เหล็กกล้า? เหล็กอะไร? ฉันจะบอกอะไรให้นะ เมื่อสมัยยังเด็ก ฉันเคยหักท่อเหล็กได้เหมือนกัน!” ขี้เมาด้านข้างโวยวาย“เก่งกับท่อเหล็กสินะ ฉันควรกล่าวชมเชยนายอย่างไรดี นายเจ๋งมาก! แบบนี้หรือ?” นักดื่มคนแรกเผยรอยยิ้มไม่ถือสาโดยไม่รอคำตอบ มันเล่าต่อ“เหล็กกล้า? แม็ควิตี้ตายแล้ว ฉันหมายถึง ผู้ช่วยกัปตันของพลเรือเอกโลหิตตายแล้ว!”มันพูดประโยคครึ่งหลังด้วยโทนเสียงเย็นยะเยือก แต่เมื่อสัมผัสได้ว่าคนรอบข้างเริ่มเกิดความหวาดกลัว จึงกระซิบเสียงแผ่ว“ไม่ใช่ฉัน… ฉันไม่ได้ทำ”แม่เย็*! ผับห่านี่วุ่นวายจริงโว้ย! รีบเล่าเข้าประเด็นสักที! รีบสรรเสริญความยอดเยี่ยมของท่านเพลิงพิโรธสักทีสิวะ!เดนิสในสภาพปลอมตัว เกิดความรู้สึกอยากจะขว้างแก้วในมือไปทางขี้เมาเล่าข่าว“หนังสือพิมพ์ระบุว่า กองทัพเรือและโบสถ์ร่วมมือกันสังหาร ‘เหล็กกล้า’ รวมไปถึง ‘พุ่มหนามสีเลือด’ และสควอลผู้เยือกเย็น หรือแม้กระทั่งพวกอันธพาลจอห์น·สมิธก็ถูกจับกุมตัวไปพร้อมกัน!” นักดื่มมาดขรึมคนหนึ่งช่วยสมทบรายละเอียด“ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น!” ชายเล่าข่าวคนแรกรีบส่ายหน้า “ฉันมีเพื่อนทำงานกับหนังสือพิมพ์ เขาเล่าว่า ทางหนังสือพิมพ์ต่างทราบความจริงกันหมดแล้ว เพียงแต่ไม่สามารถตีพิมพ์ข่าวออกไปได้ กองทัพเรือและโบสถ์เป็นแค่เครื่องมือ ส่วนฆาตกรตัวจริงคือ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส และนักผจญภัยลึกลับ มากประสบการณ์ แถมยังเคยเป็นนักล่าค่าหัวมือฉมังจากบนบก”“ผายลม! เพลิงพิโรธ·เดนิส ไม่สามารถเอาชนะเหล็กกล้าได้แน่ ถึงจะเป็นการซุ่มโจมตีทีเผลอก็ตาม พลังของเจ้านั่นไม่สามารถทะลวงผ่านร่างกายแม็ควิตี้!” นักดื่มอีกหลายคนในร้านต่างช่วยกับโต้แย้ง“ประเด็นสำคัญคือนักผจญภัยทรงพลังคนนั้นต่างหาก ฉันสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจมีฝีมือทัดเทียมกับพลเรือโจรสลัด!” ชายผู้เปิดประเด็นยังคงเน้นย้ำ “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเดนิสรู้จักกับนักผจญภัยลึกลับได้ยังไง แต่สามารถยืนยันได้หนึ่งเรื่อง นั่นคือ เพลิงพิโรธเป็นผู้สังหาร ‘พุ่มหนามสีเลือด’ เฮนดรี้ อย่างไร้ข้อกังขา! ค่าหัวของชายคนนั้นพุ่งสูงถึงสี่พันสองร้อยปอนด์แล้ว!”“ถูกต้อง!”“จริงหรือเนี่ย?”“เพลิงพิโรธนับว่าไม่ธรรมดา”“ช่างเป็นโจรสลัดผู้เร่าร้อน! …ไม่สิ ผู้โจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่!”“เฮ่อะ! โจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่อะไรกัน คราวก่อนยังนั่งดื่มกับฉันอยู่เลย ไม่เห็นจะเท่าไร”แม่เย็*! ไอ้ลูกโสเภณี! ฉันไปดื่มกับแก่ตอนไหน? ไม่เคยเห็นหน้าแกมาก่อนด้วยซ้ำ!เดนิสเกรี้ยวกราดใจในอย่างเคลือบแคลง ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดอย่างมีความสุขสี่พันสองร้อยปอนด์! หากเจ้าพวกนั้นรู้เข้า คงได้เช็ดดาดฟ้าเรือด้วยความอิจฉาเป็นแน่! ฮะฮะ! ตอนนี้เรากล้าพูดได้เต็มปากว่า ท่านเดนิสผู้นี้คือสรั่งเรืออันดับหนึ่งของ ‘ฝันทองคำ’ !เดนิสอยากเหาะไปยังเรือของกลุ่มโจรสลัดธารน้ำแข็งใจแทบขาด ดื่มอย่างเมามายไปพร้อมกับพวกพ้องเช่น ‘ถังเหล็ก’ เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นในเมืองท่าแบนชี เล่าถึงวินาทีขณะเอาชนะบิชอปเสื่อมทราม เล่าถึงวิธีเอาตัวรอดจากการซุ่มโจมตีของ ‘เหล็กกล้า’ และคนอื่น เล่าถึงวิธีการวางกับดักก่อนซุ่มจัดการพวกมันจนสิ้นซากและสุดท้าย เล่าความรู้สึกอันสดใหม่หลังจากเพิ่งได้เล่นไพ่แห่งความเป็นความตายและกลายเป็นผู้ชนะเฮ่อ… แต่เพื่อกัปตันแล้ว เราต้องอดทนรับบทคนรับใช้ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไปก่อน… โจรสลัดค่าหัวสี่พันสองร้อยปอนด์อย่างฉันนี้!เดนิสถอนหายใจยาว ก่อนจะใช้แอลกอฮอล์ย้อมใจให้ลืมความเจ็บปวด…เสียงระฆังของวิหารวายุสลาตันดังกังวานไปทั่วเมืองไซมีม ดวงอาทิตย์สีส้มลอยสูงเหนือท้องฟ้า สภาพแวดล้อมรอบเมืองยังคงเงียบสงบจนได้ยินเสียงน้ำทะเลโดยไม่พบความผิดปรกติใดตลอดทั้งคืน ชายหนุ่มถอดชุดรุ่มร่ามออก และกลับไปนอนบนเตียงราวสองชั่วโมง เพื่อชดเชยภาวะอดหลับอดนอนในระยะหลังอาศัยพลังวิญญาณช่วยปลุก มันตื่นนอนตอนแปดโมงครึ่งพอดิบพอดี เดินลงไปยังชั้นล่าง สั่งขนมปังเกาลัดสุกและ ‘ยางไม้กอลลั่ม’ หนึ่งแก้ว ก่อนจะเดินไปกินไปจนถึงเขตท่าเรือไคลน์ซื้อบัตรโดยสารเรือรอบเก้าโมงเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จึงทำเพียงเติมเต็มความอิ่มท้องให้ทันก่อนถึงเวลาทันใดนั้น มันเห็นหญิงสาวตาสีฟ้าและนักผจญภัยกลุ่มเดิมจำนวนสามคนอีกฝ่ายกำลังต่อแถวซื้อบัตรโดยสารหน้าสำนักงานเรือเที่ยวเก้าโมงใกล้ออกแล้ว พวกเขาคงเดินทางรอบสิบโมง… เรายังไม่รู้ว่าคนเหล่านี้หยิบอะไรมาจากโบราณสถานในป่าลึกบ้าง แต่ค่อนข้างแน่ชัดว่าสามารถดึงดูดความสนใจจากวิญญาณมารได้ ถ้าพกสิ่งของดังกล่าวลงเรือพร้อมกับคนบริสุทธิ์ล่ะก็…ไคลน์ใช้ร่างกายบดบังสายตาจากกลุ่มนักผจญภัย และหยิบเหรียญทองออกมาดีดทำนายผลคำตอบออกมาเป็น เรือโดยสารลำถัดไปมิได้ตกอยู่ในอันตรายชายหนุ่มลังเลราวสามวินาที สายตาจ้องไปยังกลุ่มนักเดินทางคนอื่น ๆ ซึ่งกำลังยืนรอเรือรอบสิบโมงตรงใกล้กับจุดจำหน่ายบัตรมันใช้ปลายนิ้วเสียดสีบัตรในมือจนลุกไหม้ไคลน์เดินกลับไปยังสำนักงานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และซื้อบัตรเดินทางมูลค่าสี่ซูลของรอบสิบโมงมาหนึ่งใบจากนั้น มันเข้าห้องน้ำใกล้กับท่าเรือ ส่งตัวเองเข้าห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา และรีบทำนายเพื่อไขข้อข้องใจให้กระจ่างหากผลการทำนายระบุว่าเรือรอบสิบโมงเต็มไปด้วยอันตราย ไคลน์จะหาทางหยุดเรือลำดังกล่าวทันที หรือถ้าจำเป็นก็ต้องแอบพังทิ้งก่อนออกเดินทาง ดีกว่าปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ตายไปอย่างไร้ค่าถ้าผลลัพธ์สอดคล้องกับคำทำนายเบื้องต้น มันก็จะโดยสารร่วมทางไปด้วย และคอยระมัดระวังอุบัติเหตุผลลัพธ์ออกมาเป็น ไม่ปรากฏอันตรายชายหนุ่มทำหน้าโล่งใจ รีบส่งจิตกลับสู่โลกแห่งความจริง และจัดแจงให้ ‘ถุงลม’ ของตัวเมอร์ล็อกอยู่ในจุดพร้อมใช้งานหากเกิดอุบัติเหตุท่ามกลางท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล วัตถุดิบวิเศษชิ้นนี้จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญของตนเฉกเช่น ‘ดวงตาดำล้วน’ ของโรซาโก้ซึ่งปนเปื้อนจิตกัดกร่อนจากพระผู้สร้างแท้จริง หากไคลน์ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในถุงลมของเมอร์ล็อก มันสามารถใช้พลังพิเศษในเส้นทางกะลาสีลำดับ ‘ลูกเรือ’ ได้เบื้องต้น…สิบโมงตรงไคลน์ในใบหน้าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ยกกระเป๋าเดินทางขึ้น และเดินตามหลังกลุ่มนักผจญภัยทั้งสี่ขึ้นเรืออย่างเงียบงันตลอดทาง มันแสร้งงีบเป็นพัก ๆ สลับกับการอ่านนิตยสารเก่าบนเรือ แต่ในความเป็นจริง ชายหนุ่มกำลังแอบเหล่ไปทางหญิงสาวดวงตาสีฟ้าและพวกพ้องของเธอความระแวงในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นตลอดทาง จนกระทั่งเรือแล่นมาถึงเมืองบายัมโดยสวัสดิภาพพวกเขาแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว?ตกลงว่าหยิบอะไรติดมือมากันแน่…ไคลน์หยุดยืนริมถนน ทำทีซื้อหนังสือพิมพ์จากเด็กส่ง พลางชำเลืองกลุ่มนักผจญภัยทั้งสี่จนกระทั่งเดินลับสายตาไปเฮ่อ…ชายหนุ่มตัดสินใจไม่คิดถึงเรื่องของพวกมันอีก ขอเพียงคนกลุ่มนั้นไม่สร้างอันตรายเป็นวงกว้างหรือกับตน ไคลน์ก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรลงไปมือข้างหนึ่งยกกระเป๋าเดินทาง โดยอีกข้างพลิกอ่านหนังสือพิมพ์พลางเดินไปตามถนนมะนาวเปรี้ยว ไม่ต่างอะไรกับนักท่องเที่ยวทั่วไปทันใดนั้น มันหลุดขำและอมยิ้มกับตัวเอง“ค่าหัวเดนิสกลายเป็นสี่พันสองร้อยปอนด์…”หากปล่อยไว้เช่นนี้ ไคลน์เกรงว่าสักวันตนอาจจับเดนิสมัดเชือกแน่นหนา และนำไปขึ้นเงินค่าหัวกับทางการเป็นเงินก้อนโตเมื่อกลับถึงโรงแรมวายุคราม ขณะเตรียมดึงกุญแจออกมาไข ไคลน์ได้ยินเสียงกรนซึ่งดังยิ่งกว่าเสียงคลื่นทะเล แว่วมาจากภายในห้องยังไม่หนีหรอกหรือ… ไคลน์ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผิดคาดมากนักเนื่องจากชายหนุ่มเคยสวม ‘ผ้าคลุมเงา’ เป็นเวลานาน ขอเพียงเดนิสหนีไปพร้อมกับสมบัติวิเศษชิ้นนั้น ไคลน์สามารถเกาะรอยตามหาได้ทุกเมื่อ จนกระทั่งได้พบกับพลเรือโทธารน้ำแข็งสมใจแม้ว่าจะซื่อบื้อไปสักหน่อย แต่ก็นับว่ายังระวังตัวได้ดี…ไคลน์เปิดประตู สายตาจ้องมองเดนิสซึ่งสะดุ้งตื่นเล็กน้อย พลางเผยรอยยิ้มชั่วร้าย“สวัสดี มิสเตอร์สี่พันสองร้อยปอนด์”เดนิสพลันชะงัก ดวงตาเบิกกว้างมันอยากขำแห้งเหมือนทุกที แต่ดูเหมือนคราวนี้จะขำไม่ออกเพลิงพิโรธเริ่มรู้สึกอย่างแท้จริง ว่าชีวิตของตนอยู่ห่างจากความตายเพียงไม่กี่คืบ……………………
คอมเม้นต์