ราชันเร้นลับ 520 : พลเรือเอกโลหิต
“ล่าพวกมัน?” เดนิสถามตามความเคยชินแต่เมื่อเริ่มเข้าใจความหมายของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ สรั่งเรือลำดับสี่ออกอาการตื่นเต้นโดยไม่ปิดบัง มันเปลี่ยนท่านั่งและพยายามหรี่เสียงให้แผ่วลง“ให้ฉันช่วยอะไรไหม”ในฐานะโจรสลัดนอกเวลาผู้มีประสบการณ์โชกโชน อุดมคติของมันมิได้ประกอบด้วยถ้อยคำสวยหรูจำพวก อดทนอดกลั้น ไม่จองเวรซึ่งกันและกัน หรือความรักในเพื่อนมนุษย์เดนิสเพิ่มผ่านประสบการณ์เฉียดจากฝีมือแม็ควิตี้·เหล็กกล้า ฉันนั้น หากพบโอกาสแก้แค้นเมื่อไร มันก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้แน่น!เดนิสเชื่อว่า ตนสามารถอยู่รอดในอุตสาหกรรมโจรสลัดได้ด้วยทักษะด้านการประเมินสถานการณ์ รู้ว่าเมื่อใดควรแข็งข้อ เมื่อใดต้องต่อสู้แลกชีวิต เมื่อใดต้องแกล้งโง่ทำเป็นมองไม่เห็นศัตรู และเมื่อใดต้องคิดบัญชีแค้นให้สาสมและนี่คือโอกาส!จริงอยู่ เดนิสอาจยังกะเกณฑ์ประสิทธิภาพของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ได้แม่นยำ แต่อ้างอิงจากการเอาชนะบิชอปมิลเลอร์ภายในเวลาเพียงสิบวินาที การกำราบแม็ควิตี้·เหล็กกล้าก็คงไม่ยากเย็นเกินไป หรือต่อให้ดวลกับพลเรือเอกโลหิต·เซนอล โอกาสชนะก็ไม่ใช่ศูนย์อย่างไรก็ตาม ผลประเมินข้างต้นหมายถึงการดวลแบบตัวต่อตัว แต่โจรสลัดไม่มีเกียรติยศเหมือนอัศวินสักหน่อย…เดนิสครุ่นคิดไคลน์โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ศอกทั้งสองข้างวางลงบนเข่า ฝ่ามือประสานกันด้านหน้าและกล่าว“ฉันพูดไปแล้ว”พูดไปแล้ว? พูดอะไร?เดนิสเริ่มตระหนักว่า ความคิดของต้นช้ากว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์อยู่ก้าวหนึ่งเสมอสำหรับเรื่องนี้ มันสามารถปลอบใจตัวเองได้ด้วยวลี ‘คนสติดีย่อมไม่เข้าใจคนบ้า’เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งเงียบ เดนิสเค้นสมองนึกอย่างลนลาน จนกระทั่งฉุกคิดบางสิ่งตนต้องเขียนแจกแจงวีรกรรมของพลเรือเอกโลหิตและลูกน้องให้ชายเสียสติอ่าน!นั่นสินะ… เกอร์มัน·สแปร์โรว์คงอยากทราบว่าพวกมันเคยปล้นอะไรไปบ้าง และมีทรัพย์สินมากเพียงใด…เดนิสคาดเดาตามความรู้สึก ก่อนจะค้นหาปากกากับกระดาษในห้อง และเริ่มขีดเขียนข้อความจำนวนหนึ่งลงไประหว่างเขียน มันรู้สึกดีใจเมื่อแขนข้างขวาของตนยังคงใช้การได้ปรกติหลังจากเดนิสเขียนเสร็จ ไคลน์เอื้อมมือหยิบอย่างระมัดระวังจากการก้มอ่านผ่านๆ หนึ่งรอบ ชายหนุ่มสามารถยืนยันได้ กลุ่มโจรสลัดของพลเรือเอกโลหิตนับว่าชั่วช้าเป็นอันดับหนึ่งในท้องทะเล พวกมันลักพาตัว ฆ่าลูกเรือ และทำร้ายผู้หญิงว่าแต่ โจรสลัดเขียนภาษาฟุซัคโบราณเป็นได้ยังไง? ไม่เลว หมอนี่มีการศึกษา…ไคลน์พึมพำสองสามคำ หยิบเหรียญทองแดงออกมาดีดขึ้นไปในอากาศ และยืนยันว่าข้อความบนกระดาษเป็นเรื่องจริงทั้งหมดจากนั้น ชายหนุ่มออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังบงการชีวิตใครบางคน“เล่าเรื่องของพลเรือเอกโลหิตและสมุนของมันมาอย่างละเอียด”ยังต้องการข้อมูลเพิ่มสินะ… คิดจะออกล่าทันทีเลยหรือ?เดนิสเริ่มตื่นเต้น แต่ขณะเดียวกันก็ตำหนิตัวเอง เป็นเพราะตนเขียนอธิบายไว้ไม่ละเอียดพอ อีกฝ่ายจึงต้องซักไซ้เพิ่มเติม“พลเรือเอกโลหิต·เซนอล ถูกสงสัยว่าจะเป็นวิญญาณมาร เนื่องจากศัตรูของมันล้วนตายด้วยวิธีการแปลกประหลาด เช่น บีบคอตัวเองจนขาดอากาศหายใจตาย ยิงตัวตาย กอดถังระเบิดแน่น หรือลงมือฆ่าพวกพ้อง กัปตันของเรากล่าวว่า นั่นคือพฤติกรรมขณะถูกวิญญาณมารสิงสู่”ทำไมถึงฟังดูคล้ายชารอนนัก…หรือจะเป็นโอสถวิญญาณอาฆาต?ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่ม เพียงนั่งฟังคำอธิบายของเดนิสอย่างเงียบงัน“เซนอลสามารถแผดเสียงเพรียกอันทรงพลัง การปะทะกันครั้งสุดท้ายระหว่างเราและพวกมัน ฉันเกือบหมดสติตกจากดาดฟ้าเรือลงไปในทะเล แต่ว่านะ ฮะฮะ! ฉันเอาคืนด้วยการเผาเรือของมันไปหนึ่งลำ เซนอลใช้เวทมนตร์ประเภทวิญญาณได้หลายชนิด มันโหดร้ายป่าเถื่อน กระหายเลือด และมีความต้องการทางเพศสูง เป้าหมายเป็นได้ทั้งชายและหญิง หรือแม้แต่สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ก็ไม่เกี่ยง”สอดคล้องกับลักษณะพิเศษของโรงเรียนกุหลาบมาก ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเอกลักษณ์ของเส้นทาง ‘นักโทษ’ … ไม่ผิดแน่ เซนอลคือ ‘วิญญาณอาฆาต’ ลำดับเดียวกับชารอน…ไคลน์พยักหน้ารับขณะใช้ความคิดเดนิสเริ่มกระตือรือร้น มันพูดเร็วขึ้นจากเดิมเล็กน้อย“กัปตันของพวกเรายังบอกด้วยว่า เซนอลพกสมบัติวิเศษหายากติดตัว มีพลังเสริมดวงให้กับผู้ใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาสำคัญ ศัตรูของเซนอลมักพลาดเสียจังหวะไปเองเสมอ หรือไม่ก็ใช้พลังล้มเหลว และเคยมีครั้งหนึ่ง มันชนะพนันยี่สิบเอ็ดครั้งรวด”สมบัติวิเศษช่วยให้โชคดี? เป็นประเภทหายากเสียด้วย… จากเส้นทางสัตว์ประหลาด? หรือจะเกี่ยวข้องกับวิญญาณมารจริง?ไคลน์ลองคาดเดาด้วยความรู้ด้านศาสตร์เร้นลับของตน“ฉันไม่เคยสู้กับเซนอลซึ่งหน้า จึงไม่มีรายละเอียดมากกว่านั้น” เดนิสอยากผายมือออก แต่ความเจ็บปวดบริเวณแขนซ้ายทำให้มันเปลี่ยนใจ “เซนอลมีเรือราวเจ็ดแปดลำ เรือธงมีชื่อว่า ‘ต้นไม้เลือดเนื้อ’ ฮะฮะ! แตกต่างจากพวกเราโดยสิ้นเชิง ส่วนใหญ่สนใจเพียงการไล่ล่าสมบัติ จึงไม่เคยยึดเรือของเหยื่อมาใช้งาน ทำให้มีแค่ ‘ฝันทองคำ’ ลำเดียวเท่านั้น”ไม่แปลกใจว่าทำไมพลเรือเอกโลหิตถึงมีค่าหัวสูงถึงสี่หมื่นสองพันปอนด์ มากกว่าพลเรือโทธารน้ำแข็งเล็กน้อย…. และในแง่พลังการต่อสู้ เซนอลก็คงเหนือกว่าด้วยเช่นกัน…ไคลน์ใช้สมองชายหนุ่มยังคงอยู่ในท่าเดิม สงบนิ่งเช่นเคย คล้ายกับไม่ถูกข้อมูลของพลเรือเอกโลหิตทำให้จิตใจสั่นคลอนแม้แต่น้อย“ลูกน้องล่ะ”เป็นเพราะเดนิสคิดเตรียมไว้ล่วงหน้า จึงสามารถมอบคำตอบได้ทันที“นอกเหนือจากเซนอลยังมีขุนพลทรงพลังอีกสิบคน เริ่มจากรองกัปตันเรือธง ผู้ช่วยกัปตันเรือธง ผู้ช่วยรองกัปตันเรือธง และกัปตันเรือรองอีกเจ็ดลำ… แม็ควิตี้·เหล็กกล้าคือผู้ช่วยกัปตันประจำเรือธง ต้องสงสัยว่าอยู่ในลำดับ 6 ร่างกายแข็งเหมือนเหล็กกล้า กระสุนปืนและกระสุนปืนใหญ่มิอาจทะเลวงผ่านร่างกาย ไม่กลัวการถูกเผา ไม่จมน้ำ และไม่หวาดกลัวเวทมนตร์บางชนิด พละกำลังมหาศาลจนสามารถฉีกมนุษย์ได้ทั้งเป็น เชี่ยวชาญเวทมนตร์วิญญาณ สามารถปลุกศพให้กลายเป็นซอมบี้และบังคับได้เหมือนกับหุ่นเชิด…”“ซอมบี้?” ไคลน์พลันหวนนึกถึงมาริคผู้เคยเล่นไพ่กับซอมบี้นับสิบตามลำพังและเมื่อพิจารณาว่าหัวหน้าเป็น ‘วิญญาณอาฆาต’ ส่วนลูกน้องเป็น ‘ซอมบี้’ เราค่อนข้างมั่นใจ กลุ่มโจรสลัดดังกล่าวจะต้องเป็นสมาชิกวงนอกของโรงเรียนกุหลาบ หรือไม่ก็องค์กรสำหรับทำเงินให้โรงเรียนกุหลาบโดยเฉพาะแน่นอน… น่าเสียดาย เราไม่มีผู้ส่งสาร และไม่ได้ถามชารอนว่า เธอมีผู้ส่งสารบ้างไหม ไม่อย่างนั้นคงเขียนจดหมายไปถามเพื่อยืนยันตัวตนของพลเรือเอกโลหิต…ไคลน์ไตร่ตรองอย่างนึกเสียดายเพียงเพราะอีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับโรงเรียนกุหลาบ ยังไม่มากพอจะทำให้ชายหนุ่มเกิดปอดแหกและอยากถอดตัวจากออกเรื่องนี้เนื่องจากไคลน์ปัจจุบันมีพลังแปลงโฉม สามารถเปลี่ยนตัวตนเป็นใครก็ได้ การหลบหนีจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นไม่เพียงเท่านั้น ไคลน์ยังเป็นศัตรูกับชุมนุมแสงเหนือ นิกายแม่มด กุหลาบไถ่บาป และสภานักสิทธิ์สนธยา การมีศัตรูเพิ่มอีกสักหนึ่งฝ่ายก็คงไม่เสียหายอะไรนักเราเคย ‘ล่า’ คนของโรงเรียนกุหลาบมาแล้ว อีกฝ่ายมีทั้ง ‘วิญญาณอาฆาต’ ‘ซอมบี้’ และ ‘มนุษย์หมาป่า’ รวมถึงยังขโมยมงกุฎจันทร์ชาดกับขวดพิษชีวภาพมาได้ด้วย…ไคลน์หวนนึกถึงการต่อสู้อันดุเดือด“แม็ควิตี้ไม่น่าจะพกสมบัติวิเศษทรงพลังติดตัว ไม่อย่างนั้น ฉันคงหนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของมันในตอนแรก” เดนิสเล่าอย่างโล่งใจพลางขอบคุณโชคชะตา “แม็ควิตี้มีซอมบี้คอยรับใช้เป็นจำนวนมาก รวมถึงลูกน้องลำดับ 7 และ 8 อีกพอสมควร“ด้วยตำแหน่งของผู้ช่วยกัปตันเรือธง หากมันปรากฏตัวในแถบนี้ตามลำพัง หมายความว่าในละแวกใกล้เคียงก็จะไม่มีระดับขุนพลของพลเรือเอกโลหิตคนอื่นอยู่อีกแล้ว ฉะนั้น ถ้าลงมือได้ก็ควรรีบทำ ขณะมันยังอยู่ตัวคนเดียวและมีลูกน้องไม่มาก”หากไม่มีครึ่งเทพเข้ามาเกี่ยวข้อง การต่อสู้ระหว่างผู้วิเศษลำดับกลางถึงล่างมักตัดสินกันด้วยจำนวน การผสมผสานระหว่างพลังหลากหลายชนิด จะช่วยให้ต่อกรกับผู้วิเศษลำดับสูงกว่าตัวเองได้ ยกตัวอย่างเช่น หน่วยเหยี่ยวราตรีลำดับ 7 และ 8 หลายคนก็เคยเอาชนะลำดับ 6 หรือแม้กระทั่ง 5 มาแล้ว…ไคลน์มิได้ประมาทแม็ควิตี้·เหล็กกล้ากับลูกน้องเพียงเพราะตนถูกยกระดับด้วยยุบพองหิวโหย มันยังคงระวังตัวเช่นเดิมเราต้องวางแผนอย่างรัดกุมและเตรียมตัวให้พร้อม ขณะเดียวกัน ย่านคลื่นความถี่และรหัสลับจาก ‘ฉลามขาว’ จะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อ เรามีเครื่องรับส่งโทรเลขจากมิสเมจิกเชี่ยนแล้วเท่านั้น…หากได้มาเมื่อใด เราจะให้เดนิสคอยตรวจสอบและดูว่ามีข้อมูลสำคัญหรือไม่ หากมี เราจะฉวยโอกาสกุมจุดอ่อนของมันทันที…หลังจากนั้น เราจะมองหาแก่นแท้ของเทคนิคสวมบทบาทและรีบย่อยโอสถผู้ไร้หน้าโดยเร็ว…ไคลน์ใช้ความคิด พลางนั่งฟังเดนิสเล่าถึงลูกน้องคนอื่นของพลเรือเอกโลหิตผ่านไปสักพัก เดนิสเล่าจบพร้อมกับสรุปด้วยสีหน้าฮึกเหิม“หากนายฆ่าแม็ควิตี้·เหล็กกล้าได้เมื่อไร การเปิดเผยชื่อของฉันลงบนหน้าหนังสือพิมพ์จะช่วยให้ข่าวถูกกระพือได้เร็วขึ้น และก็ฉันไม่ต้องปวดหัวกับวิธีการแจ้งให้กัปตันทราบถึงความผิดปรกติในบายัมอีกต่อไป”เดนิสกังวลว่า คนทรยศอาจมีตำแหน่งสูงกว่าตน และการแจ้งข่าวภายในหมู่เกาะรอสต์จะไปไม่ถึงกัปตันบนเรือฝันทองคำ มันจึงไม่กล้าลงมือผลีผลามยังพอมีสมองอยู่บ้างสินะ…ไคลน์พยักหน้ารับ“นายต้องรวบรวมข้อมูลของแม็ควิตี้ ‘เหล็กกล้า’ ให้ฉันมากกว่านี้”“ตกลง!” เดนิสตอบพลางหวนนึกถึงกำปั้นซึ่งเกือบทะลวงหัวใจตนเมื่อตอนเย็นไคลน์ลุกยืน เดินไปหยุดริมหน้าต่างอย่างเชื่องช้าและเห็นว่า ด้านนอกกำลังมืดสนิทพร้อมกับมีสายลมพัดกระโชก เม็ดฝนโปรยปรายลงพื้นถนนเป็นระยะ คล้ายกับวันสิ้นโลกดำเนินมาถึงก่อนกำหนดขณะวางแผนอนาคต มันอดคิดไม่ได้ว่า การปลอมตัวและสวมบทบาทของตนเข้าขั้นสมบูรณ์แบบชายหนุ่มเผยรอยยิ้มพลางกระซิบกับตัวเองแผ่วเบา“ในค่ำคืนนี้ เกอร์มันจะเข้าร่วมการล่า”…ณ เมืองแห่งการให้ บายัมมหาวิหารคลื่นสมุทรอัลเจอร์·วิลสัน ผู้เพิ่งได้รับ ‘แก๊สยาสลบผีดูดเลือด’ เตรียมจะออกเรือเพื่อตามหาวัตถุดิบหลักอีกหนึ่งชนิดของโอสถ ‘ผู้รับใช้วายุ’ แต่กลับถูกบิชอปประจำโบสถ์ท้องถิ่นเรียกตัวเสียก่อน“เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวลือแพร่กระจายออกไปว่า พลเรือโทธารน้ำแข็งค้นพบกุญแจเทพมรณาจากซากเรืออับปาง กลุ่มโจรสลัดมากมายในทะเลโซเนียจึงเกิดความแตกตื่น” บิชอปประจำโบสถ์เล่าความเป็นมา ก่อนจะมอบหมายภารกิจ “คุณต้องออกไปสืบเรื่องนี้”ชายชราผมหงอกขาว แต่ยังคงเปี่ยมด้วยกำลังวังชาราวกับคนหนุ่ม พูดจาฉะฉานคล่องแคล่ว และดูเหมือนกับพร้อมจะออกไปสะสางทุกปัญหาด้วยตัวเองอย่างมีไฟร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อมัดใหญ่ซ่อนใต้เสื้อคลุมอย่างไม่มิดชิด ทุกการหายใจจะก่อให้เกิดกระแสอากาศหมุนเป็นเกลียวรอบตัวมีข่าวลือทำนองนี้เกิดขึ้นทุกปี แต่ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเท็จ… ทำไมในทะเลมีแต่ข่าวลือไร้สาระเต็มไปหมด…แต่ถึงจะเป็นเรื่องจริง เราก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่ดี ไม่จำเป็นต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยน แค่ทำทีตรวจสอบอย่างฉาบฉวยอยู่วงนอกก็พอ…อัลเจอร์รำพันพร้อมกับใช้กำปั้นกระแทกใส่หน้าอกซ้ายจนเกิดเสียงทื่อ“ขอรับ! ท่านเจ้าคุณโชโกรี! ขอพายุจงสถิตกับท่าน!”บิชอปท้องถิ่น โชโกรี พึงพอใจกับความกระฉับกระเฉงของอัลเจอร์ และตอบสนองกลับไปด้วยมารยาทเดียวกัน“ขอพายุจงสถิตกับท่าน!”อัลเจอร์·วิลสันรีบเดินออกจากวิหารและหยุดยืน ณ ใจกลางจัตุรัสด้านนอกพายุเมื่อคืนสงบลงแล้ว เหลือเพียงเศษใบไม้กระจายตามพื้นถนนและแอ่งน้ำไม่กี่แห่ง คล้ายกับเหลือพวกมันคือเครื่องพิสูจน์ว่าเมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้นบ้างอัลเจอร์สูดอากาศบริสุทธิ์สุดปอดในยามหลังสายฝนตกพรำ ตามด้วยการเดินไปยังจุดโจรสลัดชุกชุมเพื่อแสร้งช่วยสืบข่าวอย่างขยันขันแข็งแต่ถ้าบังเอิญได้พบโจรสลัดค่าหัวราวสองสามร้อยปอนด์ มันก็ไม่เกี่ยงจะเผยตัวและเข้าจับกุมทันที สภาพคล่องทางการเงินอัลเจอร์ในปัจจุบันก็ไม่สู้ดีสักเท่าไรนัก……………………
คอมเม้นต์