ราชันเร้นลับ 474 : เรื่องราวของเอ็ดซัค
ณ ห้องกระจกของคฤหาสน์กุหลาบแดงเอ็ดซัค·ออกัสตัสกำลังยืนข้างหน้าต่างเต็มบานตั้งแต่พื้นถึงเพดาน สายตาจ้องมองทริสซีผู้มีใบหน้าเฉยเมยอย่างโกรธเคือง พลางส่งเสียงตวาดประหนึ่งภูเขาไฟใกล้ปะทุ“ทำไมเธอถึงพยายามหนีไปจากเรานัก!”ทริสซีมองผ่านไหล่เข้าไปในหน้าต่างพลางหัวเราะคิกคัก“ไม่เห็นฝนดาวตกนั่นหรือ… ไม่สัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนบ้างเลยหรือ”ด้านหลังหญิงสาว เครื่องแก้วลายครามและข้าวของจำนวนหนึ่งกำลังกระจัดกระจายไปบนพรมผืนหนาอ่อนนุ่ม ข้างทริสซีมีพ่อบ้านชรา ฟังเกล คอยยืนคุมเชิงไม่ห่าง“ปรากฏการณ์เช่นนี้มิได้หายากขนาดนั้น” เอ็ดซัคมอบคำตอบด้วยเสียงต่ำทริสซีเลิกคิ้วอย่างเหนื่อยหน่าย“ทำไมนายถึงได้ซื่อบื้อแบบนี้… จะพูดอย่างไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน ฉันเป็นแม่มด!”สีหน้าองค์ชายเอ็ดซัคมิได้แปรเปลี่ยน เพียงหันไปกล่าวกับพ่อบ้านชรา“เฝ้าประตูไว้อย่าให้ใครเข้ามา”“ขอรับ องค์ชาย” ฟังเกลจ้องทริสซีด้วยสายตาเย็นชาขณะเดินออกจากห้องกระจกเมื่อประตูปิดสนิท เอ็ดซัคถอนหายใจยาว“ทริสซี่·ชีค… แต่เธอคงชอบถูกเรียกว่าทริสซีมากกว่า เราทราบนานแล้วว่าเธอคือแม่มด ยังจำผู้ช่วยซึ่งเธอฝากฝังให้ซื้อวัตถุดิบโอสถมูลค่าสูงได้ไหม จะบอกอะไรให้ ชายคนนั้นทำงานไม่สำเร็จ แต่เป็นเรา ผู้จัดหาวัตถุดิบชิ้นนั้นมาให้! เราไม่สนว่าเจ้าหญิงพระชายาจะเป็นแม่มดหรือนางมาร เราเคยเห็นหน้าเธอบนใบประกาศจับมาแล้ว!”ทริสซีประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน“รู้มากจังเลยนะ… แต่เคยรู้หรือไม่ ว่าฉันคนนี้เคยเป็นผู้ชายมาก่อน โดยมีชื่อจริงว่าทริส…”“อะไรนะ…?” ดวงตาเอ็ดซัคพลันลุกวาว ถึงขั้นเอียงคอเล็กน้อยด้วยสีหน้าตกตะลึง ราวกับยังไม่เชื่อว่าเมื่อครู่คือความจริงได้เห็นท่าทีตอบสนอง ทริสซีพลันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ หัวเราะดังจนเอนตัวไปด้านหลังพลางใช้มือกุมท้องราวกับคนบ้า“ฮะฮะ! นายฟังไม่ผิดหรอก ฉันเคยเป็นผู้ชายมาก่อน! เคยมีไอ้นั่นมาก่อน และใหญ่ยาวกว่าของนายด้วย! แต่ผลของโอสถแม่มดทำให้ฉันต้องกลายเป็นเพศหญิง! เริ่มรังเกียจขึ้นมาแล้วใช่ไหม? เริ่มขนลุกขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหม! ฮะฮะ!”เธอพรั่งพรูถ้อยคำซึ่งอัดอั้นมานานโดยไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร ตามด้วยการขยับตัวเข้าไปใกล้สองก้าวเอ็ดซัคผงะถอยหลัง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างชัดเจน“ม…ไม่ใช่แบบนั้น… ปัจจุบันเธอคือเพศหญิง เรื่องนี้ไม่มีข้อผิดพลาดแน่นอน เรายืนยันด้วยตัวเองมาแล้ว!” องค์ชายสามพึมพำเสียงค่อย “อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้หญิงหลังจากพวกเราพบกัน ก่อนหน้านั้นจะเป็นอะไรก็ช่าง เราไม่สน! เราจะถือว่าเรื่องแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้น! เรารักปัจจุบันของเธอ!”ทริสซีถึงกับผงะ ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาปาดน้ำตาจากการหัวเราะเมื่อครู่“ช่างน่าสมเพช ยังไม่เข้าใจอีกหรือ… การพบกันของพวกเราไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หรือแม้แต่ความรักของนายก็…” เธอเว้นวรรค “แม้แต่ความรักของนายก็ถูกบงการโดยใครบางคน! ไม่คิดบ้างหรือว่าเรื่องราวมันปุบปับเกินไป ฉันเองก็เชื่อเรื่องรักแรกพบ แต่ฉันไม่เชื่อว่าจะมีใครหลงหัวปักหัวปำอย่างไรเหตุผลได้เช่นนี้! นายทำตัวเหมือนพระเอกในนิยายโรแมนติกตลาดล่าง ตกหลุมรักใครบางคนจนโงหัวไม่ขึ้นหลังจากพบกันแค่ครั้งเดียว นายหลงลืมว่าตัวเองเคยมีรสนิยมเรื่องผู้หญิงเป็นเช่นไร และเปลี่ยนมาชอบฉันโดยไม่ลังเล นั่นมันบ้าบอสิ้นดี!”ดวงตาเอ็ดซัคพลันเหม่อลอย ปากอ้าค้างอย่างตกตะลึง มันไม่กล่าวสิ่งใดเป็นเวลานานร่างกายสั่นเทาอย่างโงนเงน ประหนึ่งเพิ่งถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์หลับลึกอันยาวนาน“ธ…เธอคือรสนิยมของเราไม่ผิดแน่… แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่าทีของเราออกจะใจร้อนเกินไปสักหน่อย”ทริสซียกโค้งมุมปาก พลางเบือนหน้าไปทางอื่นและพ่นถ้อยคำเย้ยหยัน“น่าสมเพช… แม้แต่รสนิยมผู้หญิงของตัวเองก็ยังถูกคนอื่นบงการ นายไม่ต่างอะไรกับหุ่นกระบอกให้คนเขาเชิดเล่น ยังไม่เข้าใจอีกหรือ… คนพวกนั้นไม่ได้แยแสชีวิตของนายเลยสักนิด! ส่วนฉันเป็นเพียงตัวประกันของนิกายแม่มด ทางนิกายแอบร่วมมือกับราชวงศ์ด้วยวัตถุประสงค์บางอย่าง แม้แต่ฉันเองก็ยังถูกหลอกมาอีกที ฉันครอบครองสมบัติมูลค่าสูงของนิกายแม่มดไว้กับตัว จากนั้นก็ถูกส่งมาเป็นตัวประกันให้นาย ภายใต้ความเข้มงวดของคฤหาสน์กุหลาบแดง สมบัติชิ้นนั้นถึงไม่ต่างอะไรกับอยู่ในกำมือของราชวงศ์แล้ว พร้อมจะถูกทำลายได้ทุกเมื่อหากนิกายแม่มดคิดไม่ซื่อหักหลังราชวงศ์ และนั่นจะทำให้นิกายเกิดความสูญเสียใหญ่หลวง นี่คือหลักประกันซึ่งนิกายแม่มดมอบให้แก่ราชวงศ์ และถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายไปถึงหูสามโบสถ์หลัก เรื่องราวทั้งหมดก็จะจบลงอย่างง่ายดาย บทละครได้ถูกกำหนดไว้ว่า องค์ชายเอ็ดซัคเลี้ยงแม่มดไว้ข้างกายเพราะมักมากในตัณหา แต่หลังจากตระหนักถึงบาปของตัวเอง เขาทำการยิงปืนกรอกปากตัวเองเพื่อจบชีวิตอันน่าสมเพช… สำหรับเรื่องนี้ ไม่มีฝ่ายใดต้องเดือดร้อนนอกจากนายกับฉัน”“ไม่จริง!” เอ็ดซัคโพล่งขึ้นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว มันรีบซักถาม“แล้วทำไมราชวงศ์ถือร่วมมือกับนิกายแม่มด…”“ตัวประกันกึ่งเครื่องสังเวยอย่างฉันจะไปทราบได้อย่างไร” ทริสซีเผยรอยยิ้มจืดชืด “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงคิดหนี”เธอก้มหน้าลงพลางหัวเราะเบาในลำคอ ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยจากพฤติกรรมดังกล่าวไม่กี่วินาทีถัดมา หญิงสาวเงยหน้าอีกครั้ง พลางยกมุมปากและกล่าวอย่างยียวน“แล้วนายจะทำยังไงต่อ? เปลื้องผ้าฉันแล้วผลักลงบนเตียงเหมือนทุกที? คงไม่ใช่แน่ ตอนนี้นายมีเกราะป้องกันทางใจจากเพศสภาพในอดีตของฉัน… แต่ด้วยความสัตย์จริง ฉันไม่ถือสาหรอกนะ ถ้านายต้องการความอบอุ่นทางร่างกายเล็กๆ น้อยๆ จากฉัน… คงไม่ใช่เรื่องน่าละอายสักเท่าไร หากเหยื่อผู้ถูกกระทำสองคนจะปลอบใจซึ่งกันและกัน”ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าอวบกลมขององค์ชายเอ็ดซัคพลันอึมครึม มันจ้องทริสซีโดยไม่กล่าวสิ่งใดนานกว่าหนึ่งนาทีจนกระทั่ง เอ็ดซัคหลับตาลง พลางชี้ไปยังมุมหนึ่งและกล่าว“เธอออกไปได้ ด้วยประตูบานนั้น”ทริสซีเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ“นายจะปล่อยฉันไป?”“ถูกต้อง” เอ็ดซัคจ้องออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่และกล่าวเสริม “ฉันจะห้ามฟังเกลไว้ให้ แต่เธอต้องหลบหนีผู้ไล่ล่าคนอื่นด้วยฝีมือตัวเอง จะรอดหรือไม่รอดขึ้นอยู่กับตัวเธอและโชคชะตา”แววตาทริสซีเผยอาการตกตะลึงอย่างไม่ปิดบัง แต่เพียงไม่กี่วินาที หญิงสาวรีบพุ่งไปทางบานประตูลับโดยปราศจากความก่อนจะก้าวพ้นกรอบประตู ทริสซีชะงักฝีเท้าและหันกลับมามอง“แล้วนายจะทำยังไงต่อ”เอ็ดซัคไม่หันหน้าไปมอง สายตายังคงจ้องออกไปนอกหน้าต่างเต็มบาน ประหนึ่งกำลังย้อนดูอดีตอันน่าสมเพชของตนมันอมยิ้มขื่นขม“เราหรือ… เราขอจมอยู่กับเรื่องราวอันหอมหวานและน่าประทับใจเช่นนี้ ไปจนกว่าวาระสุดท้ายของมันจะดำเนินมาถึง …ไม่ว่าผลลัพธ์จะดีหรือร้ายก็ตาม”ทริสซีหยุดหายใจไปหลายวินาทีก่อนจะพุ่งตัวผ่านกรอบประตูลับไปโดยไม่ลังเลหรือเหลียวหลังกลับมามองอีก…ณ ห้องเงียบสงบภายในมหาวิหารแซมมัวหนึ่งในสิบสามอาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์รัตติกาล ประมุขสูงสุดแห่งมุขมณฑลเบ็คลันด์นักบุญแอนโทนี·สตีเวนสันมันได้รับโทรเลขด่วนจากตระกูลฮอลล์ชายชราผู้นี้ปราศจากหนวดเครา ดวงตาลุ่มลึก สีหน้าแววตากระจ่างสดใสราวกับผิวทะเลสาบสงบนิ่ง แม้จะสวมชุดคลุมนักบวชสีดำสลับแดงของอาร์ชบิชอป แต่ก็มิได้มอบบรรยากาศอึมครึมแก่ผู้พบเห็นทว่า หากใครเผลอสบตาเข้า ร่างกายจะเกิดอาการสั่นเทาจากก้นบึ้งจิตใจ ประหนึ่งวิญญาณถูกความกลัวกัดกินอย่างหิวกระหาย หรือประหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับสายตาของสัตว์ประหลาดในเงามืดทริสซี่·ซีค… แม่มดบรรพกาล…นักบุญแอนโทนีใช้ฝ่ามือตบกระดาษโทรเลขแผ่วเบาพร้อมกับลุกขึ้นยืนแสงสว่างภายในห้องพลันเลือนหาย คล้ายกับถูกความมืดอันเข้มข้นแทรกเข้ามาทดแทนสาวกทั้งหมดภายในวิหารแซมมัวต่างสัมผัสถึงกลิ่นอายของบรรยากาศยามราตรีอย่างท่วมท้น แต่ละคนจึงยิ่งทวีความศรัทธาในตัวเทพธิดารัตติกาลทุกสิ่งกลับเป็นปรกติภายในเวลาอันสั้นหลังจากนักบุญแอนโทนี·สตีเวนสันเดินมาถึงหน้าประตูยานิสสำหรับวันนี้ ทีมคุ้มกันประตูยานิสถูกนำโดยผู้นำทางวิญญาณ ดาลีย์·ซิโมเน่โดยไม่รอให้หญิงสาวซักถาม อาร์ชบิชอปแอนโทนีออกคำสั่งลุ่มลึก“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม รีบเข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง ผมจะทำการปลุกสมบัติปิดผนึกในอีกไม่ช้า”ในคราวนี้ มันคิดจะใช้ 0-17งานของสมบัติปิดผนึกทรงพลังและน่าหวาดหวั่นชิ้นนี้คือ การยืนยันแน่ให้ชัดว่าทริสซีคือต้นตอของหายนะจริง ขณะเดียวกันก็ยังเป็นเครื่องมือสำหรับแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี่คือสมบัติปิดผนึกระดับ 0 เพียงชิ้นเดียวนอกมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ และมีสมาชิกระดับเบื้องบนของโบสถ์แค่สองคน ทราบว่ามันถูกเก็บรักษาไว้หลังประตูยานิสกรุงเบ็คลันด์“ค่ะ เจ้าคุณท่าน” ดาลีย์ผงะเล็กน้อย ก่อนจะรีบตอบสนองอย่างมืออาชีพขณะยืนรอ นักบุญแอนโทนีหลับตาลงเพื่อทบทวนข้อมูลของ 0-17 ในความทรงจำรหัส : 17ชื่อ : XXXXXXระดับอันตราย : 0 อันตรายยิ่งยวด หนึ่งในสมบัติชิ้นสำคัญและมีความลับสูงสุดของโบสถ์ ห้ามถามถึง ห้ามเผยแพร่ ห้ามอธิบาย และห้ามพยายามสืบหาข้อมูลผู้มีสิทธิ์เบิกใช้ : สันตะปาปา นักวิจัยทีม A และอาร์ชบิชอปประจำมุขมณฑลเบ็คลันด์(เมื่อมีการเปลี่ยนตำแหน่งอาร์ชบิชอปประจำกรุงเบ็คลันด์ คนเก่าต้องถูกลบความทรงจำด้วยสมบัติปิดผนึก 1-29)วิธีการผนึก : สามารถผนึกอย่างสมบูรณ์ด้วยการทำงานร่วมกันของ 1-29 และ 1-80คำอธิบาย :นี่ไม่ใช่สิ่งของนี่คือเทวทูตมีชีวิต!ท่านมีรูปโฉมงดงาม ดวงตาและเส้นผมดำขลับแวววาว ใบหน้าอาจเหมือนหญิงสาวเยาว์วัย แต่อายุจริงของท่านมิอาจประเมินได้…ท่านไม่มีปีกตามตำนานเทวทูตในพระคัมภีร์ หากมองผิวเผิน ท่านจะเหมือนกับมนุษย์ปรกติทุกประการ…ท่านไม่มีสตินึกคิด ปราศจากอารมณ์ทั้งปวง…หากมีสิ่งใดเข้าใกล้ท่าน สิ่งนั้นจะหายไปอย่างสมบูรณ์ ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์… จากการทำนายด้วยหลากหลายวิธี พวกเราสามารถยืนยันได้ว่าเหยื่อยังมีชีวิตอยู่ แต่มิอาจระบุตำแหน่งชัดเจนได้ ปัจจุบันเคยทดสอบการระบุตำแหน่งไปแล้วทั้งสิ้น 1,825 วิธี แต่ยังไม่มีวิธีใดประสบความสำเร็จ…ระยะแสดงผลของ 0-17 สามารถกว้างขึ้นหรือแคบลงได้โดยไม่มีแบบแผนตายตัว…ปัจจุบัน ท่านทำให้ผู้ทดสอบหายตัวไปแล้วเกินกว่าเจ็ดสิบราย…คำเตือน : ไม่มีใครสามารถออกคำสั่งท่านได้!ภาคผนวกที่หนึ่ง : สมบัติปิดผนึกชิ้นนี้ปรากฏตัวครั้งแรกในยุคไร้ชีวิตชีวาแห่งยุคสมัยที่สี่ระบุปีพบ : ไม่ปรากฏระบุวันพบ : ไม่ปรากฏระบุตำแหน่ง พบ : ไม่ปรากฏภาคผนวกที่สอง : จากข้อมูลของทีมวิจัย ท่านเคยตื่นขึ้นมาแล้วห้าครั้ง…หลังจากปลอมตัวเป็นองครักษ์และป่าวประกาศว่าอินซ์·แซงวิลล์มีพิรุธ ไคลน์อาศัยพลังทำนายช่วยนำพาไปยังทางออก ขณะเดียวกันก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลัดหลงจากฤทธิ์ของมาสเตอร์คีย์มันทราบดี ด้วยวิธีการค้นหาแบบปูพรมหน้ากระดาน อีกไม่นานศพต้ององครักษ์ต้องถูกพบแน่ ก่อนจะถึงตอนนั้น ตนต้องแข่งกับเวลาและหาทางออกให้พบพลังผู้ไร้หน้าควรมีสมบัติวิเศษเกี่ยวกับการทำลายศพและกลบร่องรอยช่วยเกื้อหนุน…ขณะได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง ไคลน์ใช้เวลาไม่นานในการนำพาตัวเองผ่านจุดตรวจจำนวนมาก จนกระทั่งมาถึงประตูบานหนึ่งซึ่งพลังทำนายระบุว่าเป็น ‘ทางออก’ทว่า เรื่องน่าประหลาดใจคือ บริเวณนี้กลับไม่มีองครักษ์แม้แต่คนเดียว ปรากฏเพียงประตูหินเด่นตระหง่านบานหนึ่งรายล้อมด้วยกำแพงหินซ้ายขวาเกิดอะไรขึ้น…? ทำไมถึงไม่มีองครักษ์คอยเฝ้าทางออกแม้แต่คนเดียว? พลังทำนายของเราถูกแทรกแซง?ขณะเกิดสงสัยมากมาย ไคลน์หลบมุมเพื่อถอดชุดเกราะสีดำออก เรียกคืนความคล่องแคล่วกลับมาจากนั้น ชายหนุ่มเดินเรียดไปยังกำแพงฝั่งซ้ายมือของบานประตูหินซึ่งถูกเปิดแง้มออกไปเล็กน้อยเมื่อทำนายยืนยันด้วยเหรียญทองจนแน่ใจว่าตนมาถูกทาง ไคลน์ทำการควักกุญแจทองแดงออกมาไขกำแพงพร้อมกับบิดข้อมือม่านคลื่นน้ำกระเพื่อมแผ่วเบา ชายหนุ่มเดินทะลุผ่านไปกำแพงโดยไม่ต้องใช้ประตู!สิ่งแรกในการมองเห็นคือ แสงจากธรรมชาติซึ่งส่องลงมาจากหลังคาโดมสูง ช่วยยืนยันว่าจุดปัจจุบันคือด้านนอกตัวอาคารไคลน์ยังคงยืนนิ่งเพื่อให้ดวงตาปรับความเคยชินกับแสง ก่อนจะเริ่มมองเห็นพื้นหินผุกร่อนใต้ฝ่าเท้า และเสาหินต้นใหญ่ถัดไปไม่ไกลนักมองเข้าไปยังใจกลางโถงใหญ่ มันพบกับกลุ่มบุคคลสวมชุดคลุมสีดำปกปิดศีรษะมิดชิดจำนวนสี่ราย ทุกคนกำลังคุกเข่ารอบบางสิ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นแท่นบูชาทันใดนั้น เสียงอ่อนโยนของสตรีดังแว่ว“มิสเตอร์ A คุณพร้อมหรือยัง”……………………
คอมเม้นต์