Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 163 คนที่ท่านรู้จักข้าไม่รู้จัก
จางชิงซาน? ตอนเพิ่งได้ยินสามคำนี้ในประโยคนี้ ความคิดแรกของคนทั้งหมดก็คือเขาจางชิงซาน แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว คน? คนผู้หนึ่ง? นางบอกว่าคนผู้หนึ่งที่ชื่อจางชิงซาน? พวกเซี่ยหย่งอึ้งไปนิดหนึ่ง แต่บนโลกนี้คนชื่อซ้ำกันมากมายนัก นอกจากนี้ยังซ้ำกับภูเขา…. “คนผู้นี้ร้ายกาจนักหรือ?” เซี่ยหย่งหลุดปากเอ่ยตาม คุณหนูจวินพยักหน้า “ร้ายกาจมาก” นางเอ่ย “ปลูกฝีก็เป็นเขาสอนข้า” ปลูกฝี เซี่ยหย่งอึ้งไปอีกครั้ง คนที่ร้ายกาจนักคนนั้น…แต่ ปลูกฝี? ไม่ใช่มรดกจากบรรพบุรุษของคุณหนูจวินหรือ? เป็นคนอื่นสอน? คนอื่น… ใจเซี่ยหย่งพลันเต้นเร็วขึ้นมา เขาอ้าปากอยากพูดบางอย่างแต่สิ่งใดล้วนพูดไม่ออก คุณหนูจวินเอ่ยออกมาแทนเขา “ท่านไม่ได้ถามข้าหรือว่ามีคนเคยเอ่ยเรื่องปลูกฝีกับข้าหรือไม่?” นางมองเขา เสียงแหบพร่าอยู่บ้าง “ตอนนั้นข้าไม่ได้ตอบ” ไม่ได้ตอบหรือ? เซี่ยหย่งรู้สึกสมองสับสนอยู่นิดๆ เขาจำได้ไม่ชัดแล้ว แล้วก็ไม่มีกะจิตกะใจไปคิดด้วย “ตอนนี้ข้าบอกท่าน มี” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ “มีคนผู้หนึ่งไม่เพียงเคยเอ่ยกับข้า เขายังบอกข้าด้วยว่าทำอย่างไร เขายังบอกว่าคนที่ทำเรื่องนี้ได้ไม่ใช่คน ดังนั้นเขาจึงไม่ทำ เขาเพียงแต่สอนให้ข้าทำเป็นเท่านั้น” เซี่ยหย่งรู้สึกเพียงสมองส่งเสียงดังบึ้มทีหนึ่ง เหมือนมีคนฟาดหนึ่งฝ่ามือใส่หน้าเขา ดวงตาและจมูกของเขาแสบร้อน คนผู้หนึ่ง! เขาคนนั้น! ได้ยินคำพูดของคุณหนูจวินแล้วเห็นสภาพเหมือนถูกสายฟ้าฟาดของเซี่ยหย่ง คนอื่นล้วนไม่เข้าใจอยู่บ้าง “น้องรอง พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกัน?” ผู้หญิงเอ่ยถาม เซี่ยหย่งยังคงนิ่งงัน คุณหนูจวินก็มองไปหานาง “ข้าขอมองลูกสาวของท่านได้หรือไม่?” นางเอ่ย ผู้หญิงอึ้งไปนิดหนึ่ง ทำไมอยู่ดีๆ พูดเรื่องนี้อีก? “พี่สะใภ้” เซี่ยหย่งเรียกเสียงแหบ “ให้นางมองนิวหนิ่วหน่อย” นางมองเขาแล้วก็มองคุณหนูจวิน คล้ายไม่เข้าใจแล้วก็คล้ายเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่นางไม่ได้ถามอีก “เอาสิ” นางยิ้มอ่อนโยน “ตามข้ามาเถอะ” ในหมู่บ้านภูเขาเหมือนฟื้นคืนความสงบุสุข คนขบวนหนึ่งเดินอยู่บนเส้นทางภูเขาได้ยินเสียงวิหคสะท้อนก้องพนา ครั้งนี้ไม่ได้สนใจว่าในค่ายกลลับที่วางไว้จะจับนกหรือสัตว์อะไรได้แล้ว “ตามติดข้า อย่าเดินมั่ว ที่นี่มีค่ายกลลับมากมาย” คุณหนูจวินเอ่ยเสียงเบากับพวกเหลยจงเหลียน เห็นนางว่าเช่นนี้ หยางจิ่งที่เดิมทีอยากพูดอะไรก็ไม่พูดอีกแล้ว มองเซี่ยหย่งทีหนึ่ง บนหน้าเซี่ยหย่งไม่มีความตกตะลึง สีหน้าคล้ายยินดีคล้ายโศกเศร้า คนขบวนหนึ่งมาถึงหน้าบ้านบนภูเขาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “ที่นี่มีที่ให้ออกไปได้ไหม?” คุณหนูจวินอดไม่ได้เอ่ยถาม ก่อนหน้านี้ทหารล้อมหมู่บ้านภูเขา คนทั้งหมดล้วนอยู่ด้านนอกหรือซ่อนตัวอยู่แต่เหลือเด็กสาวคนนี้ไว้ที่นี่ หากไม่มีการเตรียมการเพียบพร้อม พวกเขาน่าจะไม่มีทางทำเช่นนี้กระมัง “ใช่ ที่นี่ทิ้งคนไว้พานิวหนิ่วจากไป” หยางจิ่งเอ่ย “เจ้ารู้ว่าจะออกไปอย่างไรหรือ?” เซี่ยหย่งพลันโพล่งออกมาหนึ่งประโยค คุณหนูจวินถอนหายใจ ปวดใจอยู่บ้าง “ข้าไม่รู้” นางเอ่ย อาจารย์แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเอ่ยถึงอดีตกับนาง นางเพียงรู้ว่าตามนิสัยของอาจารย์แล้ว ที่แห่งนี้ของพวกเขาต้องมีการเตรียมพร้อมครบครันแน่ ส่วนการเตรียมพร้อมเหล่านั้นคืออะไร นางต้องได้เห็นถึงจะรู้ เซี่ยหย่งอยากถามอะไร ผู้หญิงก็ยืนอยู่หน้าประตูบ้านแล้ว “นิวหนิ่ว” นางเรียกเสียงเบา พลางผลักประตู ประตูยังคงถูกปิดไว้ด้านใน ผู้หญิงเรียกชื่อเคาะอยู่สักพัก ประตูถึงถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง “ท่านแม่” เด็กสาวเรียกอย่างเขินอาย เปิดออกเป็นช่องเส้นหนึ่งก็มองเห็นคุณหนูจวินก้าวเข้ามา นางร้องตกใจทันที ปิดประตูดังปัง “ข้าไม่อยากหาหมอ” ด้านในประตูเสียงแหลมดังมา “ข้าไม่ใช่หมอ” คุณหนูจวินก็ก้าวเข้ามาตบประตูด้วย “ข้าไม่ใช่หมอจริงๆ” เด็กสาวด้านในเห็นชัดว่าอารมณ์หวั่นไหวเอ่ยอะไรไม่หยุด เสียงแหลมสูงทั้งยังรัวเร็วจนฟังไม่ชัด คุณหนูจวินแนบตัวกับประตู ท้ายที่สุดก็ได้ยินคำพูดของเด็กสาวคนนี้ชัด “ข้าไม่สบาย ข้าไม่สบาย ท่านพ่อข้าไม่ต้องการข้า” ประโยคนี้ดังเข้าหู ดวงตาของคุณหนูจวินก็ขัดเคือง น้ำตาหยดร่วง นางออกแรงผลักประตูอีกครั้ง “พ่อเจ้าไม่ใช่ไม่ต้องการเจ้า พ่อเจ้าให้ข้ามารักษาโรคให้เจ้า” นางตะโกน คำพูดนี้ออกมา ด้านในเงียบกริบ เด็กสาวด้านในมีปฏิกิริยาอย่างไรมองไม่เห็น ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างมองไปหานาง “เจ้าพูดอะไร?” นางเอ่ย เสียงของนางยังคงนิ่งสงบ คุณหนูจวินก็มองไปหานางด้วย ยืนอยู่ใกล้ปานนี้มองเห็นร่างกายของสตรีผู้นี้สั่นนิดๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ เป็นพี่ใหญ่ นางรู้จักพี่ใหญ่…” เซี่ยหย่งอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไปตะโกนอย่างตื่นเต้น หยางจิ่งสีหน้าตะลึง “พี่ใหญ่?” มือข้างหนึ่งของเขาคว้าเซี่ยหย่ง แล้วมองคุณหนูจวิน “เจ้าพูดถึงพี่ใหญ่?” พ่อเจ้าให้ข้ามารักษาโรคประโยคนั้นที่คุณหนูจวินเอ่ยก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้คิดมาก คิดว่านี่เป็นการหลอกเด็กน้อย ตอนนี้เซี่ยหย่งถึงกับเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา พี่ใหญ่ พี่ใหญ่? “ใช่แล้ว นางรู้จักพี่ใหญ่ เป็นพี่ใหญ่ให้นางมา…” อารมณ์ที่สั่งสมมาของเซี่ยหย่งทำให้เวลานี้เขาตื่นเต้นจนไม่อาจควบคุมได้ รีบร้อนเอ่ยขึ้น ผู้หญิงหันมา “น้องรอง ให้นางพูดเถอะ” นางเอ่ย เสียงของนางไม่ดัง เอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนแต่ทรงพลังยิ่ง เซี่ยหย่งที่ตื่นเต้นอยู่หยุดพูดทันที กำมือยืนอยู่ด้านข้าง “คุณหนูจวิน ท่านรู้จักจ้าวจื้ออี้หรือ?” นางมองไปทางคุณหนูจวินเอ่ยถามเสียงเรียบอีกครั้ง จ้าวจื้ออี้หรือ? “ข้าไม่รู้ว่าเขายังมีชื่อนี้ด้วย” คุณหนูจวินส่ายศีรษะ “เขาบอกข้าว่าเขาชื่อจางชิงซาน” “ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านมั่นใจว่าคนผู้นี้ที่ท่านพูดถึงเป็นคนของพวกเรา?” นางเอ่ยถาม “เพราะพวกท่านจับข้ามาได้อย่างง่ายดาย” คุณหนูจวินเอ่ย “ส่วนข้าก็หนีพ้นจากมือพวกท่านได้อย่างง่ายดาย สิ่งเหล่านั้นที่ข้าทำเป็น พวกท่านก็ทำเป็น สิ่งเหล่านั้นที่พวกท่านทำเป็น ข้าก็ทำเป็น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเขาสอนข้า” ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้? “มิน่าพวกเขาถึงบอกว่าในกระโจมของท่านวางตาข่ายดินไว้” เซี่ยหย่งอดไม่ได้สอดปากเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “มิน่าท่านถึงหาตาข่ายฟ้าพบ” เขาพูดไปก็ตื่นเต้นอดไม่อยู่ก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นพี่ใหญ่เขา..” ผู้หญิงมองเขาทีหนึ่ง เอ่ยขัดเขา “ถ้าอย่างนั้นเขา เป็นอะไรกับเจ้า?” นางมองคุณหนูจวินเอ่ยถาม เขาเป็นอะไรกับข้า คุณหนูจวินลังเลนิดหนึ่ง จวินเจินเจินปีนีเพิ่งอายุสิบหกปี…บอกว่าร่ำเรียนกี่ปีถึงเหมาะสม? “ปีนี้ท่านอายุเท่าไรแล้ว?” นางพลันเอ่ยถามอีก คุณหนูจวินอึ้งไปนิดหนึ่ง ชั่วขณะคิดไม่ทันว่าถามสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร หยางจิ่งด้านข้างกลับคิดถึงอะไรได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาพิกลมองคุณหนูจวิน คล้ายกับว่าอยากมองร่องรอยความคุ้นเคยบางอย่างจากบนหน้าของเด็กสาวคนนี้ ไม่ว่าตาข่ายดินหรือตาข่ายฟ้ารวมถึงวิชาเหล่านั้น พวกเขาก็ไม่ใช่เป็นกันทุกคน ส่วนมากล้วนเป็นเขาวางไว้เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ แต่สิ่งเหล่านี้ เห็นชัดยิ่งว่าแม่นางน้อยคุ้นเคยกับกลไกทุกสิ่งที่นี่ยิ่งนัก คุ้นเคยจนเหมือนเขากลับมาเอง เขาเคยบอกว่าสิ่งเหล่านั้นที่เขาทำเป็นไม่อาจถ่ายทอดให้ใครง่ายๆ ถ้าอย่างนั้นแม่นางน้อยคนนี้ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากเขา ย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาสำหรับเขาแน่ เป็น…ลูกสาวหรือ? หากเป็นลูกสาวจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ทำร้ายจิตใจคนเกินไปแล้ว หยางจิ่งกำมือแน่น ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้เขาไม่ต้องกลับมาตลอดไปเลยดีกว่า หลังคุณหนูจวินอึ้งไปวูบหนึ่ง มองเห็นสีหน้าของผู้หญิงกับหยางจิ่งฉับพลันก็เข้าใจแล้ว “ข้าอายุสิบหกปีแล้ว” นางยิ้มเอ่ย หากเดิมทีคิดไม่ตกอยู่บ้างว่าจะอธิบายจุดเวลาอย่างไร เวลานี้กลับเอ่ยออกมาได้ด้วยความยินดี คำพูดนี้ออกมาปุบหยางจิ่งก็ถอนหายใจ “นิวหนิ่วเพิ่งอายุสิบห้าปี” เขาอดไม่ได้เอ่ยกับผู้หญิงด้วยความดีใจ หากเป็นเช่นนี้นับเวลาดูแล้ว คุณหนูจวินคนนี้ไม่มีทางเป็นลูกสาวของพี่ใหญ่เด็ดขาด “เขาเป็นอาจารย์ของข้า เขา…” คุณหนูจวินยิ้มด้วยแล้ว เอ่ยต่อ คำพูดยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกผู้หญิงคนนั้นขัด “คุณหนูจวิน ท่านจำคนผิดแล้ว พวกเราไม่รู้จักอาจารย์ของท่าน” นางสีหน้านิ่งสงบ เสียงอ่อนโยน คุณหนูจวินอึ้งไป หยางจิ่งกับเซี่ยหย่งก็ตะลึงอยู่บ้างด้วย “คนชื่อจ้าวจื้ออี้ผู้นั้นที่พวกเราพูดถึง ตายไปแล้ว” ผู้หญิงเอ่ยต่อ หยางจิ่งกับเซี่ยหย่งสีหน้าลำบากใจ “พี่สะใภ้ใหญ่” พวกเขาเอ่ยพร้อมเพรียง แม้ไม่รู้ว่านางเอ่ยประโยคนี้ออกมาเพราะรักหรือเพราะแค้น คุณหนูจวินได้ยินประโยคนี้ในใจก็เจ็บปวดจนน้ำตาไหลลงมา ใช่แล้ว คนผู้นั้นตายไปแล้วจริงๆ
คอมเม้นต์