Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 136 เหมาะสมไม่เหมาะสม
นายหญิงใหญ่หนิงย่อมไม่ได้ก่อเรื่องขึ้นมา นายท่านใหญ่หนิงที่ถูกโน้มน้าวแล้วตวาดหยุดนางไว้“เดิมทีก็เป็นเรื่องหลอกนะขอรับ” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ยปลอบประโลมนางคำพูดเดียวกัน ตอนนี้ฟังดูแล้วทำไมขัดใจปานนี้ นายหญิงใหญ่หนิงมองเขา“แต่ความรู้สึกของเจ้าเป็นของจริงนะ” นางเอ่ยเสียงปวดใจนายท่านใหญ่หนิงรู้สึกว่าภาพนี้พิกลอยู่บ้าง คำพูดยังคงเป็นคำพูดเหล่านั้น ทำไมคนพูดถึงสลับตำแหน่งแล้วเล่า?ได้ยินว่าถอนหมั้น นายหญิงใหญ่หนิงไม่ใช่ควรดีใจเริงร่าหรือ? กลับไม่ยอมแล้ว?นี่หรือว่าจะเป็นได้มาไม่เห็นค่า เสียไปจึงเสียใจ?“ถ้าตอนแรกเห็นด้วยเร็วหน่อย ไหนเลยยังมีเรื่องมากมายปานนี้” เขาเอ่ยไม่สบอารมณ์ตอนแรกที่พูดถึงไม่ได้หมายถึงหลายวันก่อน แต่หมายถึงตอนที่จวินเจินเจินเพิ่งมาหยางเฉิง“ตอนนั้นท่านก็ไม่เห็นด้วยนี่” นายหญิงใหญ่หนิงทั้งรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมทั้งโกรธเอ่ยว่า “คนในบ้านล้วนไม่เห็นด้วยนี่ ไม่ใช่พวกเจ้าก็ทั้งเยาะเย้ยทั้งเหยียดหยันทั้งด่าทอหรือ?”หนิงอวิ๋นเจายิ้มห้ามการโต้เถียงของบิดมารดา“ไม่ขอรับ นี่ไม่เกี่ยวกับอดีตครั้งนั้น” เขาเอ่ย “สำหรับคุณหนูจวินแล้ว ตอนนั้นจบไปแล้ว แต่ข้าเริ่มต้นขึ้นใหม่อีกครั้งเอง เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องที่ข้าทำ นางที่จริงก็ไม่ได้ต้องการ”พูดมากปานนี้ ก็ไม่ใช่แค่ประโยคเดียว คุณหนูจวินคนนั้นไม่ต้องตาเขารึนายท่านใหญ่หนิงแค่นเสียงเหอะ ส่วนนายหญิงใหญ่หนิงสีหน้ากลุ้มใจและร้อนรน“นาง นางอาศัยอะไรไม่ต้องตา?” นางว่า “อวิ๋นเจาของพวกเราตรงไหนไม่คู่ควรกับนาง?”ประโยคนี้หลุดออกจากปาก นายหญิงใหญ่หนิงก็รู้สึกขัดแย้งก่อนหน้านี้คิดว่าคุณหนูจวินชอบอวิ๋นเจา นางไม่ชอบใจ ตอนนี้บอกว่าคุณหนูจวินไม่ชอบอวิ๋นเจาแล้ว นางก็ยังไม่ชอบใจหนิงอวิ๋นเจายิ้มแล้ว“เรื่องเช่นนี้ไม่มีเหตุผล” เขาเอ่ย “ท่านแม่ มีบางเรื่องข้าเพียงต้องการรู้ผลลัพธ์ ไม่ต้องการถามว่าทำไม”นี่ก็ไม่ใช่หัวข้อสนทนาที่เบิกบานใจอันใด ถามต่อไปยิ่งเพิ่มความโศกเศร้า นายหญิงใหญ่หนิงมองรอยยิ้มของบุตรชาย ในใจรสชาติแปร่งปร่านี่ก็นับว่าสมหวังแล้วสินะ?แต่เหมือนจะไม่เบิกบานใจนักจริงๆ“ไม่เป็นไร หญิงสาวดีๆ มีมากไป แม่ค่อยเลือกดีๆ ให้เจ้า” นางเอ่ยหนิงอวิ๋นเจายิ้ม“ไม่รีบร้อนขอรับ” เขาเอ่ย “ข้าจะกลับเมืองหลวงรับตำแหน่งก่อน อีกเดี๋ยวเรื่องน่าปวดหัวมากมายก็จะมาถึงแล้ว”นายหญิงใหญ่หนิงรีบพยักหน้า“ใช่ใช่ ไม่รีบร้อน” นางเอ่ย “เจ้าสร้างตัวก่อน”หนิงอวิ๋นเจาถอยออกไป ในห้องตกสู่ความเงียบงันอันกดดันพักหนึ่งนายท่านใหญ่หนิงนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่ต้องปิดบังต่อหน้าบุตรชายก็ปล่อยความไม่ชอบใจทั้งหมดออกมา หน้าบึ้ง“เรื่องนี้ไม่สำเร็จเพราะข้าหรือ?” นายาหญิงใหญ่หนิงทนความเงียบนี้ไม่ได้ เอ่ยปากก่อน“ทำไม? หรือเจ้ารู้สึกว่าเจ้าช่วยล่ะ?” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ตอนนี้ขอแค่เกี่ยวข้องกับเรื่องคุณหนูจวิน นายท่านใหญ่หนิงนิดๆ หน่อยๆ ก็สะบัดหน้าใส่นางนายหญิงใหญ่หนิงจะโต้แย้งหลายประโยคก็ไม่มีคำพูดเอ่ยออกมาได้ ได้แต่กำมือหงุดหงิดเทียบกับความโมโหหงุดหงิดฝั่งนี้ของตระกูลหนิง ในห้องของนายหญิงผู้เฒ่าฟางตระกูลฟางที่หยางเฉิงเสียงหัวเราะคงอยู่มานานนักแล้ว“สะใจ!”นายหญิงผู้เฒ่าฟางตบโต๊ะเอ่ย“สะใจเหลือเกิน!”นายหญิงใหญ่ฟางยังดี สีหน้านิ่งสงบนั่งอยู่ นางหยวนหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมาแล้ว“ข้าเสียใจจริงๆ ที่ไม่ได้ตามไป” นางเอ่ย “ไม่ได้เห็นฉากนั้น”พูดพลางก็ถอนหายใจ“คิดว่าตอนนั้นนายหญิงของพวกเราไปบ้านตระกูลหนิงของพวกเขา ความคับแค้นที่ได้รับตอนนั้นมากจริงๆ”นายหญิงผู้เฒ่าฟางแค่นเสียงเหอะ“โชคชะตาเปลี่ยนผันจริงๆ ในที่สุดพวกเราก็ได้พูดกับพวกเขาประโยคหนึ่งว่าสัญญาหมั้นนี่พวกเราไม่ยอมรับ เจินเจินของพวกเราไม่แต่ง” นางเอ่ย“ก็บอกตั้งนานแล้ว” นางหยวนเอ่ย “ตอนนั้นเจินเจินเรียกห้าพันตำลึงเงินถอนหมั้น ก็แสดงออกกับทุกคนแล้วว่าพวกเราไม่ต้องการพวกเขาตระกูลหนิงแล้ว”“คราวนี้ดีแล้ว” นายหญิงผู้เฒ่าฟางพรูลมหายใจ ดื่มน้ำชาคำหนึ่ง พออกพอใจนั่งลง “มีแค้นชำระแค้นมีเคืองชำระเคือง วันนี้ต่างฝ่ายแยกย้าย ไม่เสียเปรียบไม่ติดค้าง”ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ คุณหนูจวินไม่ชอบคุณชายหนิง ถ้าอย่างนั้นเฉิงอวี่ของพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลใจแล้วแต่ คุณหนูจวินจะไปอีกแล้ว“นายน้อย ก่อนไปจะไม่พูดอะไรกับคุณหนูจวินหน่อยหรือเจ้าคะ?” นางหยวนอดไม่ได้เอ่ยถามในเมื่อคุณหนูจวินไม่ชอบคุณชายหนิง ถ้าอย่างนั้นจะชอบนายน้อยหรือไม่? อย่างไรนางก็ดีกับนายน้อยปานนี้“พูดตอนนี้ ไม่เหมาะสมกระมัง?” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ยก็ไม่ใช่ไม่เหมาะสม คุณชายสิบหนิงคนอย่างนั้นคุณหนูจวินยังไม่ต้องตา ไม่ใช่นางดูถูกบุตรชายของตน เพียงแต่รู้สึกว่าสายตาของคุณหนูจวินสูงอยู่บ้างความโมโหหงุดหงิดของสามีภรรยาตระกูลหนิง ความยินดีกังวลของแม่สามีลูกสะใภ้ตระกูลฟาง ฟางเฉิงอวี่กับคุณหนูจวินล้วนไม่ได้คาดเดาและถกกันเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เหมือนถูกลืมเลือนอย่างสมบูรณ์คุณหนูจวินมองหลิ่วเอ๋อร์เก็บข้าวของ ที่จริงก็ไม่มีสิ่งใดให้เก็บ เช่นเดียวกับการออกจากบ้านหลายครั้งก่อน เสื้อผ้าไม่กี่ชุดเท่านี้“เจ้าเอากระโจมชุดนั้นของข้าไปด้วยสิ” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย “สะดวกยิ่งนัก”คุณหนูจวินพยักหน้าตอบคำหนึ่งว่าดีดวงตาของฟางเฉิงอวี่ยิ้มตาหยีจนเป็นเส้นรอยแยกเส้นหนึ่ง“พาข้าไปด้วยอีกครั้งเถอะ” เขาเอ่ย “ข้าคุยเป็นเพื่อนเจ้าได้”คุณหนูจวินเบิกตามองเขาฟางเฉิงอวี่ยิ้มล้มตัวลงไปบนเตียงหลัวฮั่น“ข้าก็คุยเป็นเพื่อนคุณหนูได้” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ย“ที่เจ้าพูดไม่ได้พูดเรื่องน่าฟังนี่” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มๆ เอ่ย “เจ้าก็ไม่น่ามองเท่าข้าด้วย”หลิ่วเอ๋อร์ถลึงตา“เจ้าน่ามองไม่เท่าคุณชายหนิง” นางเอ่ยคุณหนูจวินยิ้มโบกมือ“ไปเถอะ เก็บของของเจ้าสักหน่อย วันพรุ่งนี้พวกเราจะไปกันแต่เช้า” นางว่าหลิ่วเอ๋อร์แค่นเสียงเหอะใส่ฟางเฉิงอวี่ไม่พูดจาอีกถอยออกไปฟางเฉิงอวี่นั่งลง“จิ่วหลิง เจ้าพูดกับคุณชายหนิงอย่างไร?” เขาพลันเอ่ยถามถามเรื่องเช่นนี้ออกมา…คุณหนูจวินมองเขา เห็นบนหน้าเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้“เรื่องเช่นนี้มีอะไรให้พูดเล่า” นางยิ้มเอ่ย “ไม่ชอบไง”ฟางเฉิงอวี่ยื่นมือกุมหน้าล้มกลับลงไปบนเตียง“นี่ทำให้คนอายจริงๆ” เขาเอ่ยคุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“เด็กน้อยเอ้ย อย่ากังวลใจวุ่นวายไปเลย” นางเอ่ยเด็กน้อยหรือ ฟางเฉิงอวี่ถูจมูกแล้วนั่งลง“จิ่วหลิง ข้ามีคำถามหนึ่งอยากถามเจ้าดูมาตลอด” เขาทำหน้าจริงจังเอ่ยคุณหนูจวินมองเขาสีหน้าจริงจัง ยิ้มๆ ทำสีหน้าจริงจังเช่นกัน“เจ้าถามสิ” นางว่า“เจ้า” ฟางเฉิงอวี่มองนาง “ทำไมดีกับหลิ่วเอ๋อร์ปานนี้?ฮะ?คุณหนูจวินกะพริบตา ชั่วขณะไม่ทันตอบสนอง“ข้าว่า” ฟางเฉิงอวี่เอียงตัว สีหน้าจริงจังกดเสียงเบาเอ่ย “หลิ่วเอ๋อร์เขลาปานนั้น เจ้าไม่มีทางดูไม่ออก ทำไมรักนางปานนี้?”คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“ระวังหลิ่วเอ๋อร์จะสู้ตายกับเจ้า” นางเอ่ยฟางเฉิงอวี่ไม่ยิ้ม เพียงมองนางจริงจังรอคำตอบจริงๆ สินะคุณหนูจวินหุบยิ้ม“เพราข้าอิจฉานางน่ะ” นางว่าอิจฉา? ฟางเฉิงอวี่มองนาง“ใช้ชีวิตโง่เขลาตามใจเช่นนี้ได้ ทำให้คนอิจฉาจริงๆ” คุณหนูจวินยิ้มนิดๆ เอ่ยต่อนางใช้ชีวิตเช่นนี้ไม่ได้ มองดูผู้อื่นใช้ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งไหม?กระทั่งความสุข นางก็ได้แต่มองดูข้างๆ แล้วหรือ? ที่แท้เพราะอะไรนางจึงไม่มีความสุขนะ? นางต้องทำถึงสิ่งใดจึงมีความสุขได้นะ?ฟางเฉิงอวี่มองนาง ยิ้มนิดๆ บ้าง“ข้าเข้าใจแล้ว” เขาเอ่ย พยักหน้าด้วย “ทำให้คนอิจฉานักจริงๆ”……………………………………….
คอมเม้นต์