Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 134 พูดได้หรือพูดไม่ได้
คุณหนูจวินรับถ้วยชาใบใหญ่ที่เขาส่งมาถ้วยกระเบื้องหยาบ น้ำชาขุ่นฝาดชาในเพิงน้ำชาที่เน้นบริการคนผ่านทางแก้กระหายแห่งนี้ย่อมนับไม่ได้ว่ารสชาติดีเพียงแต่ชาเดิมทีก็มีไว้แก้กระหาย บางทีนี่ถึงเป็นรสชาติดั้งเดิมของชาคุณหนูจวินยกขึ้นดื่มคำหนึ่ง“บิดาของข้ารู้สึกว่าควรเอาความจริงใจออกมา ชดใช้สิ่งที่ติดค้างก่อนหน้านี้” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย สีหน้าตรงไปตรงมาคุณหนูจวินยิ้ม“ท่านยายของข้าก็เช่นกัน” นางว่า“แม้สิ่งที่ติดค้างในอดีตไม่มีวันชดชดใช้ได้ แต่ในฐานะลูกชายลูกสาวก็ยังอดทนให้พวกเขาดูไม่ดีเกินไปไม่ได้” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยนี่ก็คือแสดงว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำของบิดาคุณหนูจวินมองเขายิ้มอีกครั้ง“ข้าก็เช่นกัน” นางว่า พูดพลางกะพริบตาอีกครั้ง “แต่พวกเราตอนนี้เหมือนจะทำให้พวกเขาดูไม่ดีอยู่บ้างแล้ว”เมื่อครู่นี้เอง นายท่านใหญ่หนิงเดินลงรถม้า หนิงอวิ๋นเจาที่นั่งอยู่บนรถครุ่นคิดว่าจะลงไปเมื่อใดจึงเหมาะสม พลันรู้สึกว่ามีก้อนหินมากระทบหน้าต่างรถเขาหันมองไป มองลอดม่านไม้ไผ่เห็นเด็กสาวคนหนึ่งมุมถนนกำลังกวักมือให้เขาคุณหนูจวิน?หนิงอวิ๋นเจาประหลาดใจอยู่บ้าง เขาลงจากรถ เด็กสาวคนนั้นก็ผิวปากให้เขาทีหนึ่งแล้วกวักมืออีกครั้ง หมุนตัวเข้าไปในตรอกความหมายนี่หนิงอวิ๋นเจาย่อมเข้าใจ เขาประหลาดใจอยู่บ้างทั้งยังอยากหัวเราะอยู่นิดๆ มองท่านพ่อกับนายหญิงผู้เฒ่าฟางที่ยิ้มแย้มโต้คารมกันอยู่หน้าหอซุ่นเต๋อ แล้วมองชาวบ้านรอบด้านที่จดจ่อสมาธิทั้งหมดเขย่งเท้ามองดูเรื่องสนุกด้านนั้นอยู่อีกครั้ง จึงส่งสายตาให้คนรถ ตามไปตามกำแพงอย่างเงียบงันคิดถึงตรงนี้หนิงอวิ๋นเจาก็ยิ้มแล้วความรู้สึกเช่นนี้เหมือนตอนเรียนหนังสือฉวยโอกาสที่อาจารย์ไม่สนใจลอบวิ่งหนีจากห้องเรียนไปเล่นแน่นอน ที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้“ด้านนั้นไม่มีทางคุยกันดีๆได้ องครักษ์เสื้อแพรต้องจับจ้องอยู่แน่ ปล่อยให้ท่านยายกับท่านลุงหนิงอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาเถอะ” คุณหนูจวินว่า “แม้ที่นี่ซอมซ่อ แต่พูดคุยได้อย่างอิสระ”พวกเขาพูดคุยกันอยู่ก็มีพ่อค้าหาบเร่หลายคนหยุดอยู่ด้านข้าง“ตาเฒ่าหวังชาถ้วยหนึ่ง” พวกเขาตะโกนเสียงดังตาเฒ่าหวังที่ต้มชาอยู่ขานรับ วางถ้วยชาไว้บนชั้นวางไม้ พ่อค้าหาบเร่หลายคนนั้นก็ยืนอยู่ด้านนอกพิงชั้นวางไม้คุยเล่นพลางดื่มชาแน่นอนสังเกตว่าในเพิงน้ำชามีคนนั่งอยู่ พวกเขาก็หันสายตามาอย่างสงสัยใคร่รู้ ม่านไม้ไผ่ที่ห้อยอยู่ขวางรูปร่างของทั้งสองคนด้านในไว้ มองออกแค่เป็นชายหญิงอายุน้อยอากาศร้อนเช่นนี้ก็มีแต่ชายหญิงหนุ่มสาวถึงสนใจจะเที่ยวเล่นบนถนนเช่นนี้บรรดาพ่อค้าหาบเร่ไม่สนใจอีก ดื่มชาไปคุยเล่นไป“เจ้าคิดถึงสถานที่นี้ออกได้อย่างไร?” หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะเบาๆเอ่ยถาม“เฉิงอวี่หาให้” คุณหนูจวินว่าสหายน้อยคนนั้นรึ หนิงอวิ๋นเจายิ้มไม่พูดจา“อ้อ เรื่องที่เกิดขึ้นที่แดนเหนือเจ้ารู้แล้วหรือไม่?” คุณหนูจวินเอ่ยถามแดนเหนือ? หนิงอวิ๋นเจาสีหน้าจริงจังส่ายศีรษะข่าวของเต๋อเซิ่งชางเร็วที่สุดจริงๆ คุณหนูจวินคิด ไม่ปิดบังหนิงอวิ๋นเจาเล่าเรื่องชาวจินโจมตียึดเมืองเหอเจียนกับเรื่องหน่อฝีที่มณฑลเหอเป่ยซีหนิงอวิ๋นเจาได้ฟังสีหน้าเคร่งขรึมไปชั่วครู่“นี่ เกรงว่าจะไม่ค่อยสงบแล้ว” เขาเอ่ย“เฉิงกั๋วกงอยู่ที่แดนเหนือน่าจะไม่เป็นไร” คุณหนูจวินเอ่ยหนิงอวิ๋นเจาส่ายศีรษะ“ตั้งแต่โบราณมาลาภเคราะห์เคียงคู่ เรื่องราวไม่มีแน่นอน” เขาเอ่ย คิดครู่หนึ่งท้ายที่สุดก็ยิ้ม “ล้วนไม่แน่ แต่ข้าเชื่อว่า วีรบุรุษผู้เก่งกาจแห่งแดนเหนือจะไม่ปล่อยชาวจินกำเริบเสินสาน”คุณหนูจวินก็ยิ้มพยักหน้าบ้าง“ถ้าพูดเช่นนั้น วันนี้น้ำชานี่ก็คือเลี้ยงอำลาแล้ว?” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยอีกครั้ง ชี้ถ้วยน้ำชาตรงหน้าฟางเฉิงอวี่ฉลาด หนิงอวิ๋นเจาก็ไม่โง่ ย่อมคาดเดาแผนการของตนได้ คุณหนูจวินยิ้มพยักหน้า“ถ้าเช่นนั้นเดินทางปลอดภัย” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย ยกถ้วยน้ำชาขึ้นคุณหนูจวินยิ้มยกถ้ว สองคนต่างดื่มคำเดียวหมด“เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไร?”วางถ้วยชาลง คุณหนูจวินพลันเอ่ยถามเดิมนางคิดว่าหนิงอวิ๋นเจาเพิ่งพบหน้าห่างวันหนึ่งก็นัดพบอีกครั้ง ก็เพราะได้ยินเรื่องแดนเหนือแล้ว ตั้งใจมาบอกนาง แต่เมื่อครู่หนิงอวิ๋นเจาแสดงออกว่าตนเองไม่รู้ถ้าเช่นนั้นเขามาหาตนก็คือมีเรื่องอื่นแล้วหนิงอวิ๋นเจายกแขนเสื้อถูปลายจมูกเบาๆ เหมือนว่าเมื่อครู่ดื่มสำราญใจเกินไป สำลักนิดหนึ่งเดิมทีคิดไว้ดีแล้วว่าจะพูดอย่างไร สายลมบุปผาหิมะจันทราเหล่านั้น ความรักและคะนึงหาเหล่านั้นเล่าออกไปได้ดั่งบทกวีดั่งภาพวาดแต่ความจริง นั่งอยู่ตรงหน้าเด็กสาวคนนี้ สิ่งใดเขาก็คิดไม่ออก ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรตามหลักแล้วพูดเรื่องนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว เขาควรจะชำนาญขึ้นบ้างคิดถึงตรงนี้เขาก็อดหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้คุณหนูจวินไม่เข้าใจเสียงหัวเราะของเขาอยู่บ้าง“เป็นอะไร?” นางเอ่ยถามเด็กสาวตรงหน้าสีหน้าราบเรียบ ดวงตาใสกระจ่าง ก็เหมือนตัวนางคนนี้ตอนนั้นตระกูลหนิงมีเจตนาร้าย นางก็ตอบแทนพวกเขาด้วยเจตนาร้าย เมื่อตนเองตอบแทนนางด้วยเจตนาดี นางก็ตอบแทนกลับด้วยเจตนาดีทันทีดีร้ายแบ่งแยก ไม่โวยวายไม่ก่อเรื่อง เหตุผลแยกชัด พูดคุยกับนางเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายและรื่นรมย์ยิ่งนักหนิงอวิ๋นเจาลูบถ้วยชา“พูดแล้วน่าอับอายอยู่บ้าง” เขาเอ่ย “ข้ายังคิดจะลองถามคำถามที่เคยถามเจ้าครั้งก่อน”คำถามที่เคยถามครั้งก่อน? ครั้งไหน? คุณหนูจวินไม่เข้าใจมองเขา“ก็คำถามนั้นที่เจ้าเคยปฏิเสธ” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย “ขออภัยยิ่ง ข้ายังไม่ตัดใจ ทั้งยิ่งยากห้ามตนเอง”คุณหนูจวินมองเขา สีหน้าพริบตางุนงง จากนั้นก็เข้าใจ มองหนิงอวิ๋นเจาครู่หนึ่งก็ยิ้มอีกครั้ง“ดังนั้นถึงว่ากันว่าบนโลกนี้ไม่มีความช่วยเหลือที่ไร้ต้นสายปลายเหตุ?” นางเอ่ยเดิมไม่มีสัญญาหมั้นแล้ว กลับเปิดปากยอมรับยามเผชิญหน้ากับลู่อวิ๋นฉี ไหนเลยจะเป็นผ่านทางพบความอยุติธรรมชักดาบช่วยเหลือธรรมดาเช่นนี้จริงๆ“คำพูดนี้ไม่ทำร้ายคน” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย “ทำให้ข้าโล่งอกกว่าบนโลกนี้ไม่มีความช่วยเหลือเปล่าๆ”ความช่วยเหลือที่ไร้ต้นสายปลายเหตุคือเรื่องของตน เป็นสิ่งที่ตนยินดีไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ไม่มีความช่วยเหลือเปล่าๆ มีการบีบบังคับและแลกเปลี่ยนอยู่บ้างแล้วคุณหนูจวินยิ้ม“คุณชายหนิงเป็นคนดีคนหนึ่ง” นางเอ่ยหนิงอว๋นเจายิ้ม ส่ายศีรษะ“ก็นับไม่ได้ว่าเป็นคนดี ก็เหมือนที่ทุกคนว่ากันเช่นนั้น ตอนแรกเจ้าอยากตอบรับพวกเราไม่สน ตอนนี้กลับตอแยเจ้าไม่ปล่อย นี่เป็นก่อนหน้าหยิ่งยโสภายหลังนอบน้อม” เขาเอ่ย“ก่อนหน้าหยิ่งยโสภายหลังนอบน้อมที่จริงก็เป็นธรรมดาของมนุษย์” คุณหนูจวินว่า แล้วยิ้มอีกครั้ง “ข้าคิดๆ ดู อย่างไรก็ยังดีกว่าข้าเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเจ้ายังไม่สนใจใยดีกลั่นแกล้งทุกหนทุกแห่ง”หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะฮ่าฮ่าแล้วเขาก็รู้ว่าเด็กสาวคนนี้น่าสนใจนัก“แม้ดูไปแล้วหน้าไม่อายอยู่บ้าง แต่ข้าจริงใจ” เขาหุบยิ้มอีกครั้ง มองนางเอ่ยขึ้น “ข้าชอบจวินจิ่วหลิงคนนี้จากใจจริง”ไม่ใช่จวินเจินเจิน ไม่ใช่โรงหมอจิ่วหลิง ไม่ใช่หมอเทวดา แต่เป็นจวินจิ่วหลิงคนนี้“เป็นห่วงเป็นใยช่วยเหลือคนที่ชอบ นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรและจำเป็นต้องทำ” เขาเอ่ยอีกครั้ง “นี่ไม่ใช่การบีบบังคับแลกเปลี่ยน แต่เป็นการกระทำตามหัวใจ จะเอ่ยขอบคุณ คนที่ควรขอบคุณคือข้า เป็นข้าควรขอบคุณเจ้า บนโลกนี้มีโอกาสได้ช่วยคนที่ชอบ ทำบางสิ่งให้คนที่ชอบเป็นเรื่องที่หายากนัก บางคนทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสนี้”คุณหนูจวินยิ้มอีกครั้ง“ข้าไม่มีประสบการณ์อะไรในเรื่องเช่นนี้จริงๆ” นางเอ่ยไม่ว่าเป็นคนที่ชอบนางหรือไม่ชอบนาง ในฐานะองค์หญิงยศจวิ้นจู่คนหนึ่ง องค์หญิงยศกงจู่คนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจสักนิด“นอกจากนี้ข้าก็ไม่อยากหรอก” นางเอ่ยต่อ มองไปทางหนิงอวิ๋นเจาเรื่องเช่นนี้ครั้งแรกนางก็พูดไปแล้วนางบอกว่านางไม่อยากแล้วก็พูดว่าไม่เหมาะหนิงอวิ๋นเจามองเด็กสาวตรงหน้า สีหน้านางเรียบเฉย แววตานิ่งสงบ ไม่มีความตื่นเต้น ความเบิกบาน ความตระหนกหรือความรังเกียจเดียดฉันท์ยามเผชิญหน้ากับเพศตรงข้ามที่สารภาพว่าพึงใจสักนิดพูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อย ปฎิกิริยาตอนนี้ของนางเหมือนน้ำนิ่งบ่อหนึ่งนี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เด็กสาววัยแรกแย้มคนหนึ่งควรมีนางบอกว่านางไม่อยาก ครั้งก่อนเขาคิดว่าสิ่งที่นางพูดคือไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเขา กับตระกูลหนิงของพวกเขา แต่ตอนนี้เขาเข้าใจกระจ่างแล้ว ที่นางพูดว่าไม่อยาก เพียงบอกว่านางไม่อยากไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากให้ใครพึงใจนาง ทั้งนางก็พึงใจใคร ไม่อยากร่วมเรียงเคียงหมอนจนแก่เฒ่ากับคนดีๆนางเป็นบุปผาแรกแย้มที่กำลังจะแย้มบานชัดๆ กลับประหนึ่งแห้งเหี่ยวแก่ชราไปแล้วบนโลกนี้ไม่มีความช่วยเหลือที่ไร้ต้นสายปลายหุ ก็เหมือนเช่นที่บนโลกนี้ไม่มีจิตใจประหนึ่งน้ำนิ่งที่ไร้ต้นสายปลายเหตุ“จิ่วหลิง” เขานั่งตัวตรงมองนาง “เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ?”คุณหนูจวินมองเขา ยิ้มเล็กน้อย“มี” นางเอ่ย “แต่ไม่อาจบอกได้”……………………………………….
คอมเม้นต์