Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 133 รักมากจึงยากปฏิเสธ
นายท่านใหญ่หนิงสีหน้าโศกเศร้าคับแค้นอยู่บ้างมองฝูงชนด้านนอกที่รอชมเรื่องสนุกอยู่ลูกชายของเขากับเขาที่จริงล้วนคุ้นชินกับการมุงดูและเสียงเอะอะเช่นนี้ แต่เห็นฉากนี้แล้วใจโศกเศร้าคับแค้นเพิ่งเป็นครั้งแรกนายท่านใหญ่หนิงรู้สึกว่านี่ไม่ยุติธรรมนักลูกชายของเขาชอบแม่นางคนหนึ่ง สำหรับแม่นางคนนี้นี่ควรเป็นเรื่องมีเกียรติที่สุดแล้ว สำหรับชาวบ้านแล้ว อิจฉาริษยาชิงชิงความรู้สึกเช่นนี้ก็เป็นปกติแต่ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ควรเกิดกับลูกชายของเขา แต่เป็นแม่นางคนนั้นที่ถูกลูกชายต้องตาทำไมตอนนี้ทุกคนล้วนหยอกล้อเช่นนี้ ถึงขั้นยังมีคำพูดว่าไม่คู่ควรกับแม่นางอีกฝั่งก็เพราะแม่นางคนนี้คือคุณหนูจวินรึ?ก็เพราะตอนนั้นคุณหนูจวินไล่ตามคุณชายหนิงแต่ถูกรังเกียจ ตอนนี้คุณชายหนิงหันกลับมาวิ่งไว่ตามนางบ้างจึงควรถูกรังเกียจหรือ?นี่รังแกคนไปหน่อยแล้วกระมังนายท่านใหญ่หนิงมองหอซุ่นเต๋อ หลังจากนั้นมองยายเฒ่าผู้สวมอาภรณ์งามลายมวลบุปผาคนหนึ่งเดินออกมายืนที่ประตู บนหน้ามีรอยยิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องก็รู้อยู่เชียวว่าเป็นลูกไม้ที่ยายเฒ่าคนนี้ทำความโกรธของนายท่านใหญ่หนิงกดไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ก็รู้อยู่แล้วเชียวว่าวันนี้ตนเองคววรมา ลูกชายวิญญูชนผู้ถ่อมตัวคนนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของยายเฒ่าที่ตัดขาดญาติหกฝั่งคนนี้ได้อย่างไรนางคงจะอาศัยโอกาสนี้หยามหมิ่นบุตรชายยกหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยกล่อมคุณหนูจวินคนนั้นให้จบการแต่งงานครั้งนี้เสีย ให้พวกเขาตระกูลหนิงกลายเป็นเรื่องตลกตั้งแต่หัวจรดหางเหอะ อย่าฝัน“ในเมื่อนายหญิงผู้เฒ่าฟางมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งย่อมควรพบสักหน่อย” เขาเอ่ย กดหนิงอวิ๋นเจาไว้บนรถ “เจ้ารอก่อน”พูดจบเลิกม่านลงรถไปหนิงอวิ๋นเจาจะดึงไว้แต่ไร้ผล ได้แต่ปล่อยเขาไปข้างหน้า“นายท่านใหญ่หนิงมาแล้ว!”การปรากฏตัวของนายท่านใหญ่หนิงดึงความสนใจของผู้คนทันที พร้อมกับเสียงตะโกนนี้ คนทั้งหมดก็หันศีรษะมา“เป็นนายท่านใหญ่หนิงจริงๆ!”ในที่นั้นครึกครื้นเป็นแถบ สายตารวมอยู่บนตัวนายท่านใหญ่หนิง จากนั้นก็มองไปทางหลังร่างเขาแต่หลังร่างเขามีเพียงเด็กรับใช้ตัวเล็กๆ ผอมๆ คนหนึ่งเท่านั้น“คุณชายหนิงเล่า?”ในฝูงชนคำถามสับสนวุ่นวายดังขึ้นนายท่านใหญ่หนิงสีหน้าไม่เปลี่ยนเดินผ่านฝูงชน ยืนอยู่หน้าหอซุ่นเต๋อ แย้มรอยยิ้มให้นายหญิงผู้เฒ่าฟาง“นายหญิงผู้เฒ่าญาติรัก” เขาร้องเรียกอย่างกระตือรือร้น ประสานมือสูงคารวะทีหนึ่ง “ท่านมาได้ตามนัด ข้าดีใจเหลือเกินจริงๆ”ที่แท้เป็นนายท่านใหญ่หนิงเชิญนายหญิงผู้เฒ่าฟางหรือ?ไม่ใช่คุณชายสิบหนิงนัดคุณหนูจวินรึ?มองผู้อาวุโสสองคนหน้าเหลาสุรา บรรดาชาวบ้านผิดหวังอยู่เล็กน้อยแน่นอนนี่ไม่ใช่ปัญหาอะไร เรื่องแต่งงานของชายหญิง พูดจาสู่ขอหมั้นหมาย บัญชาของบิดามารดา ตระกูลหนิงตระกูลฟางสองครอบครัวนี้พบหน้ากันถึงเป็นเรื่องปกติทั้งสมเหตุผล เพียงแต่อย่างไรก็น่าสนุกน้อยกว่าความรักลึกซึ้งของหนุ่มสาวอยู่บ้างก็เท่านั้นส่วนนายหญิงผู้เฒ่าฟางยิ้นเย็นก็ว่าแล้วตระกูลหนิงนี่เจ้าเล่ห์ทั้งไร้ยางอาย ทั้งคิดถึงผลประโยชน์ทั้งคิดถึงหน้าตา ยังดีนางยืนยันจะมาด้วย ไม่เช่นนั้นเจวินเจินเจินใยไม่ใช่ถูกนายท่านใหญ่หนิงผู้นี้หลอกแล้ว“ไม่ว่าอย่างไร คุณชายสิบหนิงก็เป็นคนนัดด้วยตนเอง พวกเราอย่างไรก็ต้องมาพบสักหน่อย” นางเน้นเสียงหนักเอ่ยคุณชายสิบหนิงนัดด้วยตนเอง?บรรดาชาวบ้านได้ยินก็งุงงงอยู่บ้างแล้ว ถ้าอย่างนั้นที่แท้ใครนัด? คนที่นัดที่แท้เป็นใคร?นายท่านใหญ่หนิงหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“ครอบครัวเดียวกันอย่าได้พูดจาเป็นคนอื่น“ เขาเอ่ย ก้าวเดินไปด้านในหอซุ่นเต๋อ “นายหญิงผู้เฒ่าญาติรัก พวกเราเข้าไปนั่งคุยกันเถิด”บัณฑิตช่างไร้ยางอายจริงๆ นายหญิงผู้เฒ่ามองรถม้าที่นิ่งสงบจอดอยู่นอกฝูงชนคันนั้นเพื่อพบหน้าคุณหนูจวินจวินตามลำพัง ถึงกับไม่เสียดายให้บิดาของเขามารั้งตนไว้นายหญิงผู้เฒ่าฟางหัวเราะหยันทีหนึ่ง“ใช่แล้ว คิดไม่ถึงว่านายท่านใหญ่หนิงท่านจะมาด้วยตนเอง พบหน้าท่านสักครั้งไม่ง่ายเลยจริงๆ” นางว่าตอนนั้นจวินเจินเจินเพิ่งมาถึงหยางเฉิงพูดเรื่องแต่งาน ไม่ต้องพูดถึงนายท่านใหญ่หนิงเลย พบหน้านายหญิงใหญ่หนิงสักครั้งยังยากพูดเรื่องเก่ารึ? นายท่านใหญ่หนิงหัวเราะฮ่ะฮ่ะแล้ว“เช่นกันเช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พบนายหญิงผู้เฒ่าฟางท่านเลย” เขาว่าพวกเราตอนนั้นปฏิเสธไม่ยอมรับสัญญาหมั้นมีความผิด ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าตระกูลฟางตอนนั้นก็ไม่สนใจใยดีการแต่งงานของคุณหนูจวินเหมือนกันแหละ เสียดสีว่าพวกเราก่อนหน้าหยิ่งยโสภายหลังนอบน้อม ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็เหมือนกันทุกคนว่าพี่ใหญ่อย่าว่าพี่รอง ใครก็ดูถูกใครไม่ได้ ในใจใครล้วนรู้ว่าใครคิดอะไรบรรยากาศนี้ไม่ถูกต้องนะ ชาวบ้านที่มุงดูถลึงตาเขย่งเท้ามอง ทำไมเหมือนทั้งสองคนล้วนมีเพลิงโทสะ?ท่ามกลางบรรยากาศแปลกประหลาด ชาวบ้านที่มุงดูพลันประหนึ่งถูกดาบตัด แหวกออกเป็นทางเส้นหนึ่งบุรุษผู้หนึ่งเดินอาดๆ ออกมาจากฝูงชน หลังร่างบุรุษสี่คนติดตามเมื่อพวกเขาขยับเดิน ฝูงชนที่เอะอะก็ประหนึ่งถูกน้ำเย็นกะละมังหนึ่งสาดเงียบเสียงไป“คนมากปานนี้เชียว?” จินสือปาแสร้งเอ่ยถามประหลาดใจ “วันนี้กิจการของหอซุ่นเต๋อแห่งนี้ดีปานนี้?”องครักษ์เสื้อแพรมาแล้วครั้งก่อนที่ลั่วเหมยเซวียนก็ปรากฏตัว ครั้งนี้ก็ปรากฏตัวอีก นี่อย่างไรก็ไม่ใช่บังเอิญกระมังหน้าหอซุ่นเต๋อเงียบไปหมด“ใต้เท้าจิน” นายท่านใหญ่หนิงยิ้ม ประสานมือคารวะจินสือปา “บังเอิญจริงๆ วันนี้มีธุระถูกพวกเราเหมาแล้ว”พูดจบมองนายหญิงผู้เฒ่าฟางทีหนึ่งหากเป็นก่อนหน้านี้ เขาไม่มีทางเป็นฝ่ายไม่เกรงใจปานนี้กับองครักษ์เสื้อแพรเด็ดขาด แต่ไร้หนทาง ใครให้องครักษ์เสื้อแพรตอนนี้มีแค้นกับคุณหนูจวินกันเล่า มีแค้นกับคุณหนูจวินก็คือมีแค้นกับพวกเขาตระกูลหนิงเขาก็ปกป้องคนของตนเช่นนี้นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองยังไม่มองเขา“วันนี้ที่นี่มีธุระ พวกท่านไปสถานที่อื่นเถิด” นางว่าบัณฑิตช่างเกรงอกเกรงใจจอมปลอมมีอะไรให้เกรงใจ อยู่ที่เมืองหลวงถูกองครักษ์เสื้อแพรรังแกจนเป็นเช่นนั้น ยังต้องเกรงใจพวกเขาอีกรึ? กล้ามาอยู่ต่อหน้า ข้าก็กล้าเอาราชโองการฟาดหน้าพวกเขาจินสือปาเลิกคิ้ว บัณฑิตจากกันสามวันต้องมองใหม่จริงๆ หัวหน้าครอบครัวของสองครอบครัว หนึ่งพ่อค้าผู้เป็นมิตร หนึ่งขุนนางผู้เป็นมิตรอยู่ดีๆ ก็ไม่เกรงใจเช่นนี้กับเขาแล้วนี่ล้วนเป็นเพราะคุณหนูจวินคนนั้นสินะคุณหนูจวินเป็นถึงคนของใต้เท้าลู่ พวกเจ้าสองตระกูลนั่งลงเรียกญาติอย่างโน้นญาติอย่างนี้คุยเรื่องแต่งงาน ฝันไปจริงๆสายตาของจินสือปามองเข้าไปด้านใน“หรือคุณหนูจวินอยู่ที่นี่?” เขาหัวเราะฮ่ะฮ่ะเอย ไม่ได้สนใจความไม่เกรงใจของทั้งสองคนนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็บังเอิญแล้ว ข้าพอดีไม่สบายนิดหน่อย เชิญคุณหนูจวินดูสักนิด”พูดจบก็ยกเท้าก้าวเข้าไป“เจ้า…” นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายท่านใหญ่หนิงล้วนจะขวางแต่บุรุษสี่คนนั้นก้าวเข้ามาแล้ว เบียดพวกเขาเข้าไปในหอซุ่นเต๋อง่ายดายดั่งยกฝ่ามือ มุ่งไปที่ห้องห้องหนึ่งทันทีเห็นได้ว่าพวกเขาสอดส่องมาก่อนแล้ว รู้ว่าคุณหนูจวินอยู่ที่ห้องไหนนายหญิงผู้เฒ่าฟางกระทืบเท้าจะตามไป กลับเห็นคนไม่กี่คนที่เข้าไปในห้องนั้นออกมาแล้ว“คุณหนูจวินเล่า?” จินสือปาขมวดคิ้วเอ่ยถามนายหญิงผู้เฒ่าฟางได้ยินก็งงไปครู่หนึ่ง มองลอดประตูห้องที่เปิดอยู่เห็นด้านในว่างเปล่าไม่มีคนคุณหนูจวินเล่า? เมื่อครู่ยังนั่งดื่มชาอยู่ด้านในอยู่เลย?และในเวลาเดียวกันนี้รถม้าของนายท่านใหญ่หนิงที่จอดอยู่ด้านนอกก็ถูกองครักษ์เสื้อแพรเลิกเปิด“คุณชายหนิงก็ไม่อยู่” เขาเอ่ยมองดูรถม้าที่ว่างเปล่า สีหน้าของนายท่านใหญ่หนิงก็อึ้งเช่นกันนี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?หรือว่า….“หนุ่มสาวสมัยนี้นี่น้า” จินสือปากำมือ ส่ายศีรษะทอดถอนใจ“สังคมตกต่ำลงทุกวันจริงๆ ยิ่งไม่เข้าท่าขึ้นทุกทีแล้ว”…“ท่านยายตามมาไม่ใช่เจตนาเดิมของข้า”เวลานี้ในเพิงน้ำชาแห่งหนึ่งที่ปากตรอกเล็กคับแคบแห่งหนึ่ง คุณหนูจวินกำลังพูดกับหนิงอวิ๋นเจาเพิงน้ำชาเล็กๆ แห่งนี้ ห้อยม่านไม้ไผ่ไว้หลายผืนบดบังแสงตะวัน พอดีปิดบังใบหน้าของแขกด้านใน เกิดเป็นการตัดขาดที่ดียิ่งเมื่อสายลมโชยพัดผ่านม่านไม้ไผ่ คลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเผยครึ่งหน้าของหนิงอวิ๋นเจา“แต่รักมากจึงยากปฏิเสธ” เขายิ้มเล็กน้อยเอ่ย สะบัดแขนเสื้อส่งชาถ้วยหนึ่งมา “ข้าก็เช่นกัน”……………………………………….
คอมเม้นต์