Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 132 คุณชายได้รับความอยุติธรรมแล้ว
แสงตะวันฤดูร้อนร้อนระอุ ต้นไม้สองข้างทางหลวงกลายเป็นไร้ชีวิตชีวาอยู่บ้าง บนถนนคนเดินทางก็ยิ่งน้อยหนิงอวิ๋นเจามองถังน้ำแข็งที่ละลายแล้วในรถม้า แล้วมองดูนายท่านใหญ่หนิงที่กำลังเช็ดเหงื่ออยู่“ท่านพ่อ อากาศร้อนเช่นนี้ ท่านไม่สู้อยู่ที่บ้านพักผ่อน” เขาจนปัญญาเอ่ยขึ้นนายท่านใหญ่หนิงโบกพัด ขับไล่ความร้อนอบอ้าวบางส่วน“ข้าตามมาดีกว่า” เขาเอ่ย “ไม่เช่นนั้นข้าไม่วางใจ”“ครั้งนี้ข้าต้องพูดให้เข้าใจได้แน่” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ยนายท่านใหญ่หนิงแค่นเสียงเหอะ“ข้าไม่ได้ไม่วางใจเจ้า ข้าไม่วางใจแม่เฒ่าคนนั้นของตระกูลฟาง” เขาเอ่ย ท่าทางจริงจังอยู่บ้าง “ยายเฒ่าคนนี้เพื่อคว้าเอาผลประโยชน์ทิ้งหัวใจทิ้งคุณธรรมได้ ตอนนั้นกระทั่งบิดามารดายังสะบัดกระบองใส่ได้”หนิงอวิ๋นเจายิ้มแล้ว“ข้าคิดว่าเรื่องช่นนี้อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นความผิดของคนผู้เดียวไปได้” เขาเอ่ยนายท่านใหญ่หนิงแค่นเสียงเหอะอีกครั้ง“ยังไม่แต่งงานเลย เจ้าก็ปกป้องยายเฒ่าคนนั้นเช่นนี้แล้ว” เขาเอ่ยหนิงอวิ๋นเจาหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“ข้าเพียงแต่ปกป้องเหตุผลเท่านั้น” เขาว่าแล้วก็กะพริบตา “แน่นอน ข้าก็ยังไม่ใช่นักบุญ เหตุผลก็มีเลือกที่รักมักที่ชัง”แม้หน้าร้อนร้อนระอุ ในรถม้าร้อนอบอ้าว บิดาบุตรสองคนก็พูดคุยรื่นเริงนัก เมืองหยางเฉิงไม่นานก็ปรากฏในสายตานายท่านใหญ่หนิงมองลอดม่านไม้ไผ่ไปข้างนอกทีหนึ่ง ขมวดคิ้ว“ทำไมคนมากมายเช่นนี้?” เขาเอ่ย “อากาศร้อนจัดเช่นนี้ วันนี้ก็ไม่ใช่วันงานวัดเสียหน่อย”หนิงอวิ๋นเจาได้ยินมองไป เห็นใกล้ๆ ประตูเมืองคนมากมายยืนอยู่มหาศาลจริงๆ คุยเล่นพลางชะเง้อด้านนี้พลาง เหมือนรอคอยใครอยู่รถม้าเข้าไปใกล้ทุกที เสียงพูดคุยของฝูงชนหน้าประตูเมืองก็ค่อยๆ ลอยมาเข้าหู“….ข้ารู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ นั่นเป็นถึงคุณชายสิบหนิง…”“นั่นก็เป็นคุณหนูจวินเชียวนะ จะไม่น่าเชื่อได้อย่างไร วันที่สองที่คุณหนูจวินเพิ่งกลับมา คุณชายสิบหนิงก็มาเยี่ยมถึงบ้านแล้ว”“นี่ไม่เห็นจะเห็นแลย”“แค่เยี่ยมที่ไหน หลังจากนั้นติดๆ คุณชายหนิงยังนัดคุณหนูจวินร่ำสุราที่ลั่วเหมยเซวียนเลย คนมากมายล้วนเห็น”“นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสองวัน คุณชายสิบหนิงก็มาพบคุณหนูจวินอีกแล้ว หนึ่งวันไม่พานพบดั่งห่างกันสามฤดูใบไม้ร่วงจริงๆ”ที่รอก็คือ…เขาหรือ?นายท่านใหญ่หนิงกับหนิงอวิ๋นเจาสบตากันทีหนึ่ง“ตอนส่งจดหมายโวยวายจนทุกคนล้วนรู้กันอีกแล้วรึ?” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ยถามหนิงอวิ๋นเจาส่ายศีรษะครั้งนี้ส่งจดหมายจงใจให้เด็กรับใช้ไม่คุ้นหน้ามา แล้วเด็กรับใช้ก็กลับมาบอกว่าตระกูลฟางรับจดหมายไปอย่างสงบๆ เช่นกัน ไม่ได้จุดข่าวครึกโครมเช่นนั้นอย่างครั้งก่อน“พูดไปแล้วทำไมไม่เชื่อเล่า ที่สำคัญก็คือคิดถึงครั้งกระโน้นน่ะสิ”“ใช่แล้ว ตอนแรกคุณหนูจวินจากฝู่หนิงมาหยางเฉิง ป่าวประกาศว่ามีสัญญาหมั้นต้องการแต่งงานกับคุณชายสิบหนิง ตะลึงพวกเราจนตาบอดโดยแท้ เวลานั้นไม่เห็นคุณชายสิบหนิงกับคุณหนูจวินจะวันเดียวไม่พบหน้าดั่งห่างกันสามใบไม้ร่วงเช่นนี้”“ไม่เพียงไม่พบ คุณชายสิบหนิงยังหนีไปถึงเมืองหลวง”“ตอนนั้นตระกูลหนิงไม่ยอมรับการแต่งงานครั้งนี้สักนิด ไม่เช่นนั้นคุณหนูจวินคงไม่โวยวายเช่นนี้ ยังไปแขวนคอที่เป่ยหลิว โชคดีตายไม่สำเร็จ ไม่เช่นนั้นไหนเลยจะมีวันนี้”“ตอนนั้นคุณหนูจวินไร้ชื่อเสียงเรียงนาม พวกเขาตระกูลหนิงหลีกเลี่ยงนางดั่งแมงป่อง ตอนนี้คุณหนูจวินชื่อเสียงโด่งดังทั่วใต้หล้า คุณชายหนิงก็หนึ่งวันไม่พบหน้าดั่งห่างกันสามใบไม้ร่วงแล้ว? นี่ก็หน้าไม่อายเกินไปแล้วกระมัง?”คำพูดนี้ออกจากปากไม่เพียงทำให้นายท่านใหญ่หนิงในรถอึ้งไป ชาวบ้านที่คึกคักอยู่ด้านนอกพริบตาก็เงียบลงไปด้วยคุณชายสิบหนิงตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้ล้วนเป็นความภาคภูมิใจของชาวหยางเฉิง ถูกมองดั่งแก้วมณี แต่ละคำพูดแต่ละการกระทำของเขาไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เอ่ยถึงคุณชายสิบหนิง ที่ใช้ล้วนเป็นถ้อยคำที่ดีงามที่สุดในโลกไม่เคยมีคนคิดว่าหน้าไม่อายสามคำนี้จะใช้มาเรียกขานคุณชายสิบหนิงได้คนที่ได้ยินตกใจอึ้งไปแล้ว คนที่พูดก็ตกใจสะดุ้งโหยงด้วย“แต่เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ”หลังเงียบไปพักหนึ่ง ก็มีคนถอนหายใจทีหนึ่ง“คุณชายหนิงก็ไม่อาจรักเดียวชั่วชีวิตเป็นเรื่องน่าเสียดายจริงๆ แน่วแน่ในปณิธานเรื่องเช่นนี้ ดูท่าเป็นเรื่องที่นักปราชญ์ถึงทำได้จริงๆ คุณชายหนิงก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น”คนธรรมดาคุณชายไม่มีใครเทียบเทียม คุณชายหนิงเป็นเทพเซียนจุติมายังโลก เวลานี้วันนี้ได้คำวิจารณ์เช่นนี้คำหนึ่งเหมือนกับกระเบื้องขาวชิ้นหนึ่ง ฉับพลันปริรอยร้าวเส้นหนึ่งเผยให้เห็นดินโคลนนี่ทำให้ชาวบ้านทั้งหลายทั้งโศกเศร้าอยู่บ้างทั้งโกรธแค้นอยู่บ้าง“คนเช่นนี้ ไหนเลยคู่ควรกับคุณหนูจวิน” มีคนอดไม่ได้ตะโกนออกมา “คนที่ก่อนหน้าหยิ่งยโสภายหลังนอบน้อมเช่นนี้ คุณหนูจวินก็ไม่ควรสนใจ”ฝูงชนที่เงียบลงกลายเป็นเอะอะอีกครั้ง เพียงแต่ว่าเทียบกับการตั้งตาคอยก่อนหน้านี้ เพิ่มความมโกรธขึ้นมาหลายส่วน“ไม่ได้บอกว่านั่นล้วนเป็นเรื่องหลอกหรือ? คุณชายสิบกับคุณหนูจวินปรึกษากันดีแล้ว ที่ไม่ชอบหลบเลี่ยงตอนแรกล้วนเล่นละคร”“พวกเขาตลอดมาล้วนใจตรงกัน คุณชายสิบยิ่งไม่ได้ทอดทิ้ง”ท่ามกลางเสียงเอะอะนี่ย่อมมีเสียงเช่นนี้อยู่บ้าง มุ่งหมายกู้ภาพลักษณ์ของคุณชายสิบหนิง แต่จนใจด้วยเสียงน้อยด้อยกำลังถูกกลบมิดไปอย่างรวดเร็วยิ่งรถม้าเงียบสงบถึงขั้นแล่นผ่านฝูงชนไปอย่างระมัดระวัง จนกระทั่งผ่านประตูเมือง นายท่านใหญ่หนิงถึงพรูลมหายใจเฮือกหนึ่งออกมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ พลางโบกสะบัดพัด“โชคดีนะที่ข้ามากับเจ้า” เขาเอ่ยท่าทางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวตามหลังกับความดีใจหากไม่ใช่เขาคิดขึ้นมากะทันหัน หนิงอวิ๋นเจาก็คงไม่นั่งรถม้าเป็นเพื่อนเขา แต่ขี่ม้าเข้าเมืองนอกจากนี้เพื่อไม่ให้นายหญิงผู้เฒ่าฟางสังเกตพบ เขาเปลี่ยนเป็นรถม้าธรรมดากับเด็กรับใช้ที่ขับรถและติดตามแค่คนเดียว เมื่อครู่นี้ถึงถูกคนเหล่านั้นเมินผ่านไม่สังเกต ไม่เช่นนั้นคิดถึงภาพหนิงอวิ๋นเจาขี่ม้าเข้าเมืองมาสิ สถานการณ์นั้นเต็มไปด้วยคำด่าทอเสียงเยาะหยันเสียงหัวเราะประสานรวมถึงการตั้งคำถาม น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ “ก็ไม่มีอะไรหรอกขอรับ” หนิงอวิ๋นเจายิ้ม สีหน้านิ่งสงบ “ก็เป็นความจริงทั้งนั้น”นายท่านใหญ่หนิงสบถ“ความจริงอะไร ความจริงผายลมสิ” เขาว่าสะบัดพัดอย่างชิงชังอีกครั้ง “ข้ากล้ารับประกัน คนที่ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้รู้กันทั่วต้องเป็นยายเฒ่าคนนั้นของตระกูลฟางแน่ จงใจทำให้พวกเราอับอาย”หนิงอวิ๋นเจาเงียบงันไปครู่หนึ่ง“คนที่ทำให้ท่านพ่อต้องอับอายคือข้าหรือไม่ใช่” เขาเอ่ยนายท่านใหญ่หนิงกระแอมเบาๆทีหนึ่ง“นี่โทษเจ้าได้อย่างไร” เขาเอ่ย แล้วสะบัดพัดอีกครั้ง “เจ้าอย่าไปฟังคนพวกนั้นพูดจาเหลวไหล ก่อนหน้าหยิ่งยโสภายหลังนอบน้อมอะไร สนพวกเขาไปใย นี่เป็นอิจฉาริษยาจึงชิงชัง รอคุณหนูจวินมาถึงบ้านของพวกเรา คนที่ก่อนหน้าหยิ่งยโสภายหลังนอบน้อมพวกเราก็คือพวกเขา แม้เจ้าเป็นศิษย์ของนักปราชญ์ แต่อย่างไรก็อยู่ในโลกมนุษย์นี่ ไม่อาจใช้ชีวิตไม่เสพอาหารของโลกมนุษย์ได้จริงๆ หากเจ้าหันหลังจากไปทิ้งคุณหนูจวินเพื่อรักษาภาพลักษณ์ นั่นถึงตกหลุมพรางของคนตระกูลฟาง ญาติมิตรเจ็บปวดศัตรูเบิกบานจริงๆ”หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“ท่านพ่อ ตลอดมาข้าทำตามหัวใจเสมอ ไหนเลยสนใจผู้อื่นพูดอะไร” เขาเอ่ยเด็กรับใช้ด้านนอกเลิกม่านไม้ไผ่“นายท่าน คุณชาย ถึงหอซุ่นเต๋อแล้ว” เขาเอ่ยขัดเขิน “พวกเราจะเข้าไปไหมขอรับ?”อะไรคือจะเข้าไปไหม?นายท่านใหญ่หนิงขมวดคิ้วจะด่าเด็กรับใช้คนนี้กลับมองเห็นข้างนอกผ่านม่านไม้ไผ่ที่เลิกขึ้นหอซุ่นเต๋อใกล้เพียงเอื้อมมือ แต่ระยะเอื้อมมือนี่กลับมีคนมากมายยืนอยู่ เหมือนดังเช่นที่ประตูเมืองทำไมที่นี่ก็….“คุณชายสิบหนิงจะพบคุณหนูจวินเหมาหอซุ่นเต๋อไว้”“ใจป้ำจริงๆ เลยนะ”“รักลึกซึ้งจริงๆ จ่ายทีพันตำลึงทอง”ที่แท้เป็นเช่นนี้ ตระกูลฟางนี่หน้าไม่อายจริงๆ หนุ่มสาวพบกันเป็นส่วนตัวครั้งหนึ่งชัดๆ กลับถูกพวกนางประกาศจนทั้งเมืองรู้กันทั่วนายท่านใหญ่หนิงในใจเอ่ยด่า นี่เรียกเรื่องอะไรกันส่วนหนิงอวิ๋นเจาฝั่งนี้หัวเราะเลิกม่านแล้ว“รถจอดที่นี่แล้วกัน ข้าเดินเข้าไป” เขาเอ่ยนายท่านใหญ่หนิงยื่นมือขวางเขาไว้“ช้าก่อน” เขาเอ่ย……………………………………….
คอมเม้นต์