Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 130 ขอท่านช่วยเรื่องหนึ่ง
กลางฤดูร้อนร้อนระอุ แต่เดินเข้ามาในห้องขังของกรมสืบสวนฝ่ายเหนือประหนึ่งเข้าห้องแช่แข็ง ทำให้คนหนาวเย็นระลอกแล้วระลอกเล่าใต้เท้าไม่ทราบว่าเหยียบถูกอะไรนิ่มๆ ท่านหมอเกิ่งอดไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องทีหนึ่ง กอดแขนเจียงโหย่วซู่ข้างตัวไว้แน่นเจียงโหย่วซู่ที่เดิมทีสีหน้านิ่งอยู่ถูกเขาทำสะดุ้งโหยง หวิดจะร้องตามออกมาด้วยองครักษ์เสื้อแพรที่นำทางด้านหน้าหันกลับมา บนหน้าเย็นชาไม่ปิดบังรอยยิ้มหยันสักนิด“ไม่ต้องกลัว ที่นี่หนูค่อนข้างมาก” เขาเอ่ย “คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าเป็นหมอจะกลัวหนู ข้ายังคิดว่าคงเห็นความเป็นความตายคุ้นชินจนสิ่งใดก็ไม่กลัวแล้ว”เจียงโหย่วซู่รู้สึกขายหน้า ถลึงตามองหมอเกิ่งเหี้ยมเกรียมท่านหมอเกิ่งยืดตัวตรงอย่างขัดเขิน หิ้วหีบยาให้ดีๆเวลานี้พวกเขาเดินเข้ามาลึกในห้องขังแล้ว สองข้างมืดทึมล้วนเป็นห้องขัง ในนั้นเสียงครวญครางดังออกมา แต่ดันมองไม่เห็นคนทำไมยังไม่ถึงอีกเล่า?เขาย่อมไม่ได้กลัวเห็นนักโทษเหล่านี้ เขาเพียงแต่ไม่ชอบสภาพแวดล้อมนี่เท่านั้นนอกจากนี้ลู่อวิ๋นฉีคนบ้าเช่นนี้ อย่างไรก็ทำให้คนในใจวิตกอยู่บ้างเจียงโหย่วซู่เพิ่งกำลังจะออกเสียงเอ่ยวาจา องครักษเสื้อแพรด้านหน้าก็หยุด เปิดประตูห้องขังห้องหนึ่ง“ท่านหมอเจียง ที่นี่ล่ะ” เขาเอ่ยเจียงโหย่วซู่ขานอืม ยืนอยู่ที่ประตูห้องขังมองเข้าไปด้านใน แสงมืดสลัวมองไม่ชัดอีก มองเห็นเพียงคนผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตายท่านหมอเกิ่งทนไม่ไหวจับแขนเขาไว้อีกครั้ง“ท่านอาจารย์ช้าก่อน” เขากลัวเจียงโหย่วซู่ตำหนิอีก รีบร้อนเอ่ยเสริมหนึ่งประโยคเจียงโหย่วซู่ไม่สนใจเขา เดินเข้าไปแล้ว“รบกวนจุดโคมหน่อย” เขาเอ่ยองครักษ์เสื้อแพรขานรับ จุดคบไฟอันหนึ่งบนกำแพงจริงๆแสงสว่างขับไล่ศาสตราคมของความหวาดกลัว เจียงโหย่วซู่กับท่านหมอเกิ่งในใจผ่อนคลายลงมากทันที แล้วก็มองเห็นคนที่นอนบนพื้นชัดด้วยก็ไม่รู้ว่าคนผู้นี้ถูกขังไว้นานเท่าใดแล้ว เส้นผมยุ่งเหยิง ส่งกลิ่นเหม็นเน่าเจียงโหย่วซู่ยกมือปิดจมูก ตอนนี้ถึงเดินเข้าไป มองคร่าวๆ รอบหนึ่งนักโทษของกรมสืบสวนฝ่ายเหนือจะป่วยอะไรได้ นอกเสียจากบาดเจ็บจากการทรมานเค้นสอบก็คือจิตใจถูกการทรมานโหดร้ายนานาชนิดทรมานจนเป็นบ้า สองอย่างนี้ล้วนเอาชีวิตคนได้“นี่รักษาได้หรือ?” ท่านหมอเกิ่งเสียงเบาเอ่ยถาม“ใส่ยาให้เขาหน่อย ไม่ตายชั่วคราวก็พอแล้ว” เจียงโหย่วซู่ขมวดคิ้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เข้ามาที่นี่ยังคิดมีชีวิตออกไปอีกหรือ?”ท่านหมอเกิ่งขานตอบ หมุนตัวไปเอาหีบยาที่วางไว้ด้านข้าง พลันร้องทีหนึ่งเจียงโหย่วซู่ที่บีบจมูกอยู่หันกลับมาถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์“ทำอะไร” เขาตวาดเสียงเบาท่านหมอเกิ่งครั้งนี้ไม่เงียบเสียงทันทีแล้ว ตรงกันข้ามเสียงตะโกนยิ่งดัง“อาจารย์ อาจารย์ ประตู ประตูปิดแล้ว” เขาตะโกนประตู?เจียงโหย่วซู่ทะลึ่งลุกขึ้นยืนมองไปทางประตูห้องขังองครักษ์เสื้อแพรที่เดิมทีมาเป็นเพื่อนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรไม่เห็นแล้ว ประตูห้องขังก็ถูกปิดไว้ โซ่เหล็กที่คล้องประตูทอแสงเย็นเยียบใต้คบไฟสาดส่อง“เกิดอะไรขึ้น?” เจียงโหย่วซู่ก็ตะโกนบ้าง พร้อมกับโถมเข้าไป จับประตูห้องขังเขย่าอย่างรุนแรง “ใครมานี่สิ คนเล่า?”เสียงตะโกนของเขาสะท้อนก้องในห้องขังมืดมิด สิ่งที่ตอบเขามีเพียงเสียงครวญครางที่คล้ายมีคล้ายไม่มี ทำให้คนหนาวสันหลังขนลุกชันไม่แปลกที่ในใจจะวิตกนะลู่อวิ๋นฉีน่าตายคนนี้หรือว่าจงใจจะขังเขาเอาไว้?แต่ ทำไมล่ะ?เจียงโหย่วซู่สีหน้าซีดขาว ท่านหมอเกิ่งคุกเข่านั่งลงกับพื้น เสียงตะโกนเปลี่ยนโทนไปแล้ว“ลู่อวิ๋นฉี เจ้าหมายความว่ายังไง?” เจียงโหย่วซู่ตะโกนอีกครั้ง “เจ้าถึงกับกล้าจับข้าขังคุกโดยพลการ? เจ้าไม่กลัวไทเฮาตำหนิหรือ?”ไม่มีผู้ใดตอบเจียงโหย่วซู่ทั้งโกรธทั้งร้อนใจทั้งกลัว ถีบประตูห้องขังอย่างแรง โซ่ส่งเสียงเกรียวกราวลู่อวิ๋นฉีคนบ้าคนนี้ เขาบ้าไปแล้วรึ หรือเพื่อแย่งชิงความชอบกับตน? มารดามัน สมองมีปัญหารึไง?“เจ้าเป็นหมอรึ?”เสียงแหบแห้งขัดหูเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นพร้อมกันนั้นดวงหน้าเหี่ยวย่นดั่งเปลือกไม้ดวงหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้า ประหนึ่งภูตผีเจียงโหย่วซู่ไม่ทันตั้งตัวตกใจร้องทีหนึ่ง ถอยหลังหนึ่งก้าว ตอนนี้ถึงมองเห็นผู้ที่มาชัด เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่ง รูปร่างหลังค่อม ไม่ได้ใส่ชุดองครักษ์เสื้อแพร นอกจากนี้แสงโคมไฟสาดส่องเงาก็ส่ายไหวเป็นคน ไม่ใช่ผีเจียงโหย่วซู่โกรธแค้นอีกครั้งก้าวไปข้างหน้าทันที“รีบเปิดประตู ข้าจะพบลู่อวิ๋นฉี” เขาตะโกนเอ่ยผู้เฒ่าเหี่ยวย่นส่ายศีรษะ“ข้าไม่สนเรื่องนี้หรอก” เขาเอ่ย จ้องเจียงโหย่วซู่ ดวงตาวาววับ “เจ้าเป็นหมอหรือ? เจ้าเป็นหมอหลวงหรือ? วิชาแพทย์ของเจ้าร้ายกาจมากใช่ไหม?”เจียงโหย่วซู่สีหน้ารังเกียจมองเขา“ไม่ผิด ข้าเป็นหมอ ข้าเป็นเจ้าสำนักของสำนักแพทย์หลวง ข้าเป็นแพทย์หลวงขององค์ไทเฮา” เขาตวาด “เจ้าเป็นใคร?”ใบหน้าของผู้เฒ่าแย้มรอยยิ้ม ประหนึ่งดอกเบญจมาศแย้มบาน“บังเอิญจริง” เขาเอ่ย “ข้าก็เป็นหมอเหมือนกัน”……………………………………….“บอกในวังด้านนั้นว่าอย่างไรขอรับ?”หัวหน้ากองร้อยเจียงเอ่ยถามเสียงเบา สวมหมวกขุนนางให้ลู่อวิ๋นฉีด้วยความเคารพระมัดระวัง“มีนักโทษคนหนึ่งป่วย ตึงมือนัก ต้องให้หมอหลวงเจียงทุ่มเท” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ย “หมอหลวงเจียงคนผู้นี้ ทุกคนล้วนรู้ว่า รับผิดชอบหน้าที่เต็มที่มาตลอด ดังนั้นจึงพักอยู่ในห้องขังเสีย ไม่รักษาคนป่วยหายดีไม่เลิกรา”หัวหน้ากองร้อยเจียงหัวเราะ แล้วก็รีบร้อนหุบยิ้มอีก“ขอรับ” เขาเอ่ยจริงจัง ทั้งแค่นเสียงทีหนึ่ง “เจ้าคนถ่อยเฒ่านี่ไม่รู้จักดีเลวจริงๆ ซ้อมเขายกหนึ่งแล้วยังไม่จำ ถึงกับยังคิดเล่นงานคุณหนูจวินอีก คุณหนูจวินไหนเลยเป็นคนที่เขาจ้องมาดร้ายได้”ลู่อวิ๋นฉีส่งเสียงอืมทีหนึ่ง จัดเสื้อผ้าที่เดิมทีก็เรียบร้อยอยู่แล้ว ริมฝีปากบางเม้มแน่นประหนึ่งดาบโค้ง“ใช่แล้ว” เขาเอ่ยใช่แล้ว เจียงโหย่วซู่ไม่รู้จักดีเลว แม้ใครๆ ต่างรู้ว่าลู่อวิ๋นฉีกลั่นแกล้งคุณหนูจวิน แต่พวกเขาล้วนลืมไปจุดหนึ่ง การกลั่นแกล้งนี้มีเพียงลู่อวิ๋นฉีกลั่นแกล้งได้คนที่เขาลู่อวิ๋นฉีต้องการ คนอื่นกล้าแตะ ถ้าอย่างนั้นย่อมตัดมือ“เรื่องคนมณฑลเหอเป่ยซีตายเพราะหน่อฝี…” หัวหน้ากองร้อยเจียงลังเลเอ่ยถามอีกครั้ง“หน่อฝีของนาง นางจัดการ” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยหรือก็คือนอกจากนาง ผู้อื่นไม่อนุญาตให้สอดมือเรื่องนี้ หรือก็คือเรื่องนี้ไม่อนุญาตให้แพร่ออกไปหัวหน้ากองร้อยเจียงค้อมกายอีกครั้งขานรับลู่อวิ๋นฉีก้าวเดินไปทางด้านนอก“ใต้เท้าจะเข้าวังหรือขอรับ?” หัวหน้ากองร้อยเจียงตามไปเอ่ยถาม “เรื่องบุตรชายเฉิงกั๋วกงยังไม่ตัดสินชี้ขาดหรือขอรับ?”ลู่อวิ๋นฉีส่งเสียงตอบ“คิดไม่ถึงหนิงเหยียนถึงกับยืนอยู่เฉิงกั๋วกงฝั่งนั้น” หัวหน้ากองร้อยเจียงถอนหายใจเอ่ยอีกครั้ง“แค่เพื่อตัวเขาเองเท่านั้น” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยคำพูดของเขาสั้น หัวหน้ากองร้อยเจียงคิดนิดหนึ่งก็เข้าใจแล้ว หวงเฉิงบุตรชายตาย ทั้งอายุมากแล้ว ตำแหน่งมหาบัณฑิตแห่งสภาอำมาตย์นี่บางทีอาจว่างลงตำแหน่งหนึ่ง จากประวัติผลงานแล้ว หนิงเหยียนมีหวังมากที่สุด“แต่เส้นสายของหวงเฉิงไม่น้อย” เขาเอ่ยเสียงเบา “นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือ เดิมทีเฉิงกั๋วกง ฮ่องเต้ก็ต้องการ….”คำพูดของเขาเอ่ยไม่ทันจบก็มีองครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งก้าวไวๆ วิ่งมาจากด้านนอก มองเห็นคนผู้นี้ หัวหน้ากองร้อยเจียงรีบร้อนหยุดคำพูด“ใต้เท้า” องครักษ์เสื้อแพรเข้ามาใกล้ส่งม้วนกระดาษชิ้นน้อยชิ้นหนึ่งให้แก่ลู่อวิ๋นฉีลู่อวิ๋นฉีเปิดออกอ่านทีหนึ่ง ริมฝีปากบางพลันบิดโค้ง“หนิงเหยียนโชคดีนัก” เขาว่า “จูจั้นก็โชคดีนัก”พูดจบพลันขยำแถบกระดาษในมือเป็นก้อนเกิดเรื่องอะไรขึ้น? จูจั้นโชคดีนักสำหรับลู่อวิ่นฉีย่อมไม่ใช่เรื่องดีอะไรหัวหน้ากองร้อยเจียงสีหน้าทะมึนขึ้นนิดๆ……………………………………….
คอมเม้นต์