Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 128 อดีตต้องชดใช้
ตอนนั้นรึนายหญิงผู้เฒ่าฟางยิ้มเฝื่อนทีหนึ่ง“เจ้าพูดถูก” นางเอ่ย “ตอนนั้นจวินเจินเจินผู้โง่เขลาคนนั้นข้าไม่ชอบจริงๆ ไม่สนใจใยดีจริงๆ”ตระกูลหนิงรู้สึกว่านางขายหน้า ตระกูลฟางใยไม่ใช่ตระกูลหนิงอยากให้นางตายไปเสียยิ่งนัก ส่วนตระกูลฟางก็คิดจะไล่นางไปไกลๆ มองไม่เห็นใจไม่ว้าวุ่นทุกสิ่งนี้ล้วนเพราะนางไม่มีประโยชน์สักนิด ล้วนเพราะรู้สึกว่านางนำมาให้เพียงความอับอาย“พูดขึ้นมาคนก็น่าอับอายจริงๆ” นายหญิงผู้เฒ่าฟางนั่งลงหัวเราะหยันตนเอง “ข้ายังมีคุณสมบัติอะไรชี้มือชี้ไม้ใส่นางตอนนี้อีก”ฟางเฉิงอวี่ส่ายศีรษะ“ไม่ใช่เช่นนั้น” เขาว่า บนหน้าเผยรอยยิ้ม “ท่านย่า ก็เพราะก่อนหน้านี้ติดค้าง ดังนั้นตอนนี้พวกเราจึงต้องชดใช้ให้นาง ต้องชี้มือชี้ไม้ในธุระของนาง เป็นแม่ทัพยกพลให้ธุระของนาง”เช่นนี้รึ?นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองไปทางเขาอย่างไม่เข้าใจ“แม้เช่นนี้หน้าไม่อายอยู่บ้าง น่าขันอยู่บ้าง แต่หากเช่นนี้ชดใช้สิ่งที่ติดค้างตอนนั้นได้ ต่อให้หน้าไม่อาย ต่อให้น่าขันแล้วจะทำไม” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย หัวเราะอีกครั้ง “แม้อดีตไม่มีวันชดใช้ได้ แต่ทำบางสิ่งอย่างไรก็ดีกว่าไม่ทำ”ชดใช้หรือ?นายหญิงผู้เฒ่าฟางมองเขาเศร้าหมองอยู่บ้างจวินเจินเจินคนนั้นที่ถูกทั้งหยางเฉิงเยาะหยัน วิ่งไล่ตามคุณชายตระกูลหนิงเยี่ยงคนโง่ ประกาศหัวใจรักของตนเองเยี่ยงคนเขลา นางลืมสิ้นแล้วชดใช้อย่างไร?“ง่ายดายยิ่งนัก ก็คือเรื่องที่นางเคยทำกับผู้อื่น ผู้อื่นก็ต้องทำกับนาง” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเอ่ย “ก่อนหน้านี้นางวิ่งไล่ตามคนอื่น ตอนนี้คนอื่นวิ่งไล่ตามนาง ในอดีตนางถูกคนมากมายรังเกียจ ตอนนี้ก็ถูกคนมากมายชื่นชอบ”เช่นนี้รึ? นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้ว เด็กน้อยเกินไปหน่อยกระมัง?“เด็กน้อย? เด็กน้อยถึงดีที่สุดนี่” ฟางเฉิงอวี่ยิ้มเอ่ย “เด็กน้อยถึงสามารถแสดงความรู้สึกชอบของตนเองและชอบอย่างตรงไปตรงมาที่สุดได้มากที่สุด หัวใจที่เปล่าเปลือย ล้ำค่าที่สุดนะขอรับ”“ดังนั้นความหมายของเจ้าก็คือ ตระกูลหนิงยิ่งทำเรื่องครึกโครมยิ่งดี ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรือ?” นายหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ย มองฟางเฉิงอวี่สีหน้าพิกลอยู่บ้าง“แน่นอนไม่ได้” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยขึ้นจริงจัง “ถ้าอย่างนั้นพวกเราใยไม่ใช่ยังคงเหมือนเมื่อก่อนเช่นนั้นไม่สนใจใยดี”นายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้วถ้าอย่างนั้นวันนี้ข้าไปก่อกวน เจ้ายังมาตั้งคำถามข้าอีก?“ถ้าเช่นนั้นจะเอายังไง? ไม่สนใจใยดีก็ไม่ได้ ออกหน้ายุ่งเกี่ยวก็ไม่ได้?” นางเอ่ย“ไม่สนใจใยดีกับออกหน้ายุ่งเกี่ยวล้วนได้” ฟางเฉิงอวี่เอ่ย “เพียงแต่ต้องถามความเห็นของนางก่อน ทุกสิ่งล้วนตามใจนาง”ตามใจนาง ถามความเห็นของนางนายหญิงผู้เฒ่าฟางเลิกคิ้ว“ตัวอย่างเช่น?” นางเอ่ยขึ้น“ตัวอย่างเช่นวันนี้นางจะไปพบคุณชายหนิง พวกเราก็ต้องดีอกดีใจครึกครื้นส่งนางไป” ฟางเฉิงอวี่ดวงตาสว่างไสวเอ่ยนายหญิงผู้เฒ่าฟางมองเขาหัวเราะแล้ว“ข้าเข้าใจแล้ว” นางพยักหน้า มองฟางเฉิงอวี่สีหน้าเวทนาอยู่หลายส่วน “ถ้าเช่นนั้นหากนางบอกว่าจะแต่งให้คุณชายหนิงเล่า?”รอยยิ้มบนหน้าฟางเฉิงอวี่ยังคงเดิม“ถ้าอย่างนั้นต้องยิ่งดีอกดีใจส่งนางแต่งงานสิ” เขาว่า แล้วท่าทางจริงจังอยู่บ้าง “หลังจากที่ข้าถามนางว่าอยากแต่งจริงๆ”……………………………………….ในห้องหนังสือของนายท่านใหญ่หนิงชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งเช่นกัน เขาตะโกนประโยคนั้นที่ว่าข้าจะไปหารือเรื่องแต่งงานกับตระกูลฟางบุตรชายตรงหน้าหาได้ยินดีที่ความปรารถนากำลังจะสำเร็จเช่นนั้นไม่ ถึงขั้นตื่นเต้นสักนิดก็ไม่มีนี่ทำให้นายท่านใหญ่หนิงผู้ฮึกเหิมไม่สบายใจอยู่บ้าง“ท่านพ่อคิดเช่นนี้ได้ ข้าเบิกบานยิ่งนัก” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยบนหน้าเขามีรอยยิ้ม แต่นายท่านใหญ่หนิงกลับไม่รู้สึกว่าเบิกบานเท่าไร“เพียงแต่ก่อนหน้าจะให้ท่านพ่อทำเช่นนี้ ข้าอยากคุยกับนางก่อน ถามความคิดเห็นของนาง” เขาเอ่ยต่ออ้อ พูดตรงๆ ก็คือกลัวถูกปฏิเสธ ในใจลำบากใจสินะนายท่านใหญ่หนิงยิ้มอย่างเข้าอกเข้าใจชายหนุ่มขลาดในรักจริงๆ ถูกปฏิเสธเรื่องเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรล้วนเป็นผู้อื่นเผชิญหน้ากับเขาถึงจะกังวลใจ ไม่คิดว่าเขาถึงกับจะมีความวิตกกังวลเช่นนี้ด้วยนี่ก็เพราะบังเอิญอายุน้อยล่ะน่ะ อายุน้อยดีจริงๆ หนา หวั่นไหวได้ หวาดกลัวได้ วิตกได้ ครุ่นคิดนอนไม่หลับได้“ได้ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ไปอีกสักครั้ง” เขาเอ่ย “เพียงแต่ครั้งนี้ อย่าได้ชักช้าอีกเด็ดขาด”……………………………………….ความเดือดดาลโกรธเกรี้ยวและการหารือของคนสองตระกูลซึ่งการพบหน้าที่ลั่วเหมยเซวียนครั้งนี้ชักนำให้เกิดขึ้น คุณหนูจวินล้วนคิดไม่ถึงนางถึงขั้นไม่รู้สึกว่านี่เป็นการพบหน้าที่ไม่ประสบความสำเร็จครั้งหนึ่งดื่มสุราดอกเหมยครึ่งจอกแล้ว ทานขนมดอกเหมยสองชิ้นแล้ว ยังได้ฟังหนิวอวิ๋นเจาเล่าเรื่องราวในอดีตของลั่วเหมยเซวียน นายหญิงผู้เฒ่าฟางเพราะดื่มสุราเพิ่มจอกหนึ่ง ทะเลาะกับเหล่าสาวใช้ ทำเรื่องตลกออกมานี่สำหรับนางแล้วล้วนเป็นเรื่องสำราญใจ ส่วนองครักษ์เสื้อแพรสี่คนที่นั่งอยู่ไม่ไกล กระทั่งลู่อวิ๋นฉีนางยังเมิน พวกเขายังนับเป็นอะไรนางตอนนี้สีหน้านิ่งสงบอ่านจดหมายของอาจารย์ต่อครึ่งหลังของจดหมาย ไม่รู้ว่าเพราะอารณ์ของอาจารย์ยิ่งย่ำแย่ลงหรือไม่ สิ่งที่เขียนยิ่งหวัดเละเทะขึ้น ยิ่งเหลวไหลไร้สาระมากขึ้น นางต้องพยายามมองให้ออกและขบคิดความหมายของถ้อยคำ แต่เวลาส่วนมากจนถึงท้ายที่สุดก็ค้นพบว่าไม่มีความหมายปีสองปีหลังนั้น อาจารย์เงียบลงมากนักจริงๆ ที่แท้ข้างนอกเงียบงัน ในใจอารมณ์ไม่ดีนางล้วนไม่สังเกต แล้วก็ไม่ได้สนใจอยู่ด้วยกันหกปี ที่แท้พวกเขาเหมือนกับคนแปลกหน้าคนหนึ่งนี่คือความผิดของนางคุณหนูจวินมองจดหมายตรงหน้านางมองไม่เห็นว่าอาจารย์ดีกับนาง ไม่ตระหนักว่าสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางล้ำค่าเพียงไร แล้วก็ไม่ตระหนักว่าอาจารย์ไม่ใช่เทพเซียนผู้ไม่ทานอาหารมนุษย์ไร้วิตกไร้กังวลดังนั้นสวรรค์จึงให้นางเกิดใหม่มาชดใช้ความผิดเหล่านี้เพียงแต่ความผิดกระทำลงไปแล้ว คนก็ไม่อยู่แล้ว ยังจะชดใช้ได้หรือ?คุณหนูจวินถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง กดที่คั่นหนังสือ พลิกเปิดจดหมายอ่านหน้าหนึ่งที่เป็นรายชื่อสมุนไพรสี่ห้าชนิดปะปนกันจบ คุณหนูจวินก็เลิกขบคิด อาจารย์ต้องไม่ได้เขียนสมุนไพรไม่กี่ชนิดนี้มั่วๆ อย่างไร้เจตนาแน่ แต่นางคิดเจตนาของอาจารย์ตอนนั้นไม่ออกจริงๆอ่านให้มาก ไม่ต้องเข้าใจนัก ทำตามหลักการที่เขาเคยบอกแล้วกันเปิดผ่านหน้านี้ไป คุณหนูจวินก็อึ้งเล็กน้อยความจริงแล้วจดหมายของอาจารย์ก็เหมือนชีวิตคน เจ้าไม่มีวันรู้ว่านาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ตื่นตะลึงตื่นเต้นยินดีอึ้งในจดหมายเล่มหนาที่กำลังจะพลิกเปิดหมดนี่ เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่ตอนแรกสุดตื่นตะลึงกับแผนที่ ศาสตราวุธ ภาพวาดกระบวนทัพ อ่านไปๆ ต้องหยุดพักนิดหนึ่ง จนถึงตอนนี้คุณหนูจวินคุ้นชินจนเฉยชาแล้ว แต่ครั้งนี้นางยังคงตะลึงหน้านี้ไม่มีอักษรวุ่นวายแล้ว มีเพียงภาพภาพหนึ่งไม่ใช่แผนที่ ไม่ช่ศาสตราวุธ แล้วก็ไม่ใช่กระบวนทัพ เป็นภาพวาดภาพหนึ่งที่วาดเป็นภูเขาลูกหนึ่ง เขียวชอุ่ม เหมือนไกลเหมือนใกล้ ในหน้าร้อนดูไปแล้วอดไม่ได้รู้สึกสดชื่นอยู่บ้างคุณหนูจวินยิ้ม แม้บอกไม่ได้ว่าอาจารย์ที่แท้เป็นใคร แต่อย่างน้อยทักษะการวาดรูปของเขาก็ไม่เลวภาพภูเขาลำน้ำไม่เลว ไม่รู้ว่ายังวาดอะไรได้อีกนางพลิกผ่านหน้านี้ไป ตะลึงอีกครั้งเป็นจิตรกรจริงๆ นะตอนนี้สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านางยังคงเป็นภาพวาดภาพหนึ่ง ภาพเหมือนคน ไม่เหมือนภาพเหมือนคนทั้งตัวในภาพกระบวนทัพ นี่เป็นภาพเหมือนส่วนศีรษะภาพหนึ่งภาพวาดเด็กสาวคนหนึ่ง ดวงตาโต ใบหน้ากลม รอยยิ้มหวาน น่ารักประหนึ่งตุ๊กตาเรียกโชคลาภในตลาดนี่มัน ใครน่ะ?……………………………………….
คอมเม้นต์