Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 124 มีนัดพบกันใหม่
เช้าตรู่ผ่านไป อากาศก็เริ่มร้อนอบอ้าวหลิ่วเอ๋อร์โบกพัดพรึบพรับเสียงดัง มองดูไป๋เสากับม่ายตงยกก้อนน้ำแข็งไปวางในห้อง“ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้ใช้ไม่ได้แล้วหรือเปล่า? เอาอันที่ดีส่งมาสิ” นางบ่นพลาง ส่ายพัดให้คุณหนูจวินพลาง “แย่กว่าที่ฝู่หนิงนัก”“ฝู่หนิงไม่มีก้อนน้ำแข็งก็เย็นสบายนี่” นางเอ่ยแม้นางไม่เคยไปมาก่อน แต่เคยได้ยินอาจารย์บอกความคิดแล่นผ่าน นางก็อดไม่ได้พลิกแผนที่สิบหกเมืองของเยี่ยนอวิ๋นดูอีกครั้ง ฝั่งโน้นสถานที่มากมายตอนนี้คงเย็นสบายสินะเวลานี้นึกย้อนกลับไปรู้สึกว่าเวลานั้นตอนอาจารย์พูดขึ้นมาก็ท่าทางคล้ายหวนคะนึงและโหยหาสิบหกเมืองของเยี่ยนอวิ๋นด้านนั้นก็คืออดีตของอาจารย์หรือ?คุณหนูจวินมองดูแผนที่อย่างละเอียด พยายามค้นหาลักษณะพิเศษเหมือนเช่นแม่ทัพที่วาดละเอียดไม่กี่คนนั่นบนภาพวาดกระบวนทัพแต่น่าเสียดายแผนที่ก็คือแผนที่ เคร่งครัดไม่นำพาความรู้สึกแม้น้อยนิด“จิ่วหลิง”เสียงฟางเฉิงอวี่ดังมาคุณหนูจวินเงยหน้ามองเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างเขาน่าจะเพิ่งกลับมาจากด้านนอก บนหน้ามีเหงื่อบางๆ ส่องประกาย“ข้าล้วนไม่กล้าออกไปแล้ว” ฟางเฉิงอวี่เดินเข้ามา พลางรับผ้าเช็ดหน้าที่ม่ายตงยกมาเช็ดหน้า พลางถือโอกาสทิ้งตัวลงนั่งเอนกายด้านข้างคุณหนูจวินคำพูดนี้ไม่มีต้นไม่มีปลาย คุณหนูจวินมองเขาแล้วยิ้ม“ทำไมไม่กล้าเล่า?” นางเอ่ยถาม“ข้าออกไปปุบทุกคนก็ล้วนถามถึงเจ้าสิ” ฟางเฉิงอวี่เอ่ยคุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว วางจดหมายคว่ำบนร่าง“ดังนั้นเจ้ารู้สึกว่าข้ามีหน้ามีตาเกินหน้าเจ้า กลัวแล้วหรือ?” นางเอ่ยล้อฟางเฉิงอวี่ก็หัวเราะฮ่าฮ่าด้วย“จิ่วหลิงเจ้าตลกเสียจริง” เขาเอ่ย คนน่าเบื่อเช่นนี้อย่างนางตลกจริงหรือ? คุณหนูจวินเม้มปากยิ้มสายตาของฟางเฉิงอวี่กวาดมองจดหมายที่นางอ่านเมื่อครู่ที่คว่ำอยู่ด้านข้างอย่างไม่ใส่ใจ“เปิดโรงหมอจิ่วหลิงที่หยางเฉิงด้วยสิ” เขาคิดนิดหนึ่งเอ่ยขึ้นโรงหมอจิ่วหลิงมีชื่อปานนี้ หากเปิดที่หยางเฉิงด้วย ทั้งซานซียังไม่วิ่งมาตรวจโรคที่นี่กันหมดรึ หลิ่วเอ๋อร์อยู่ด้านข้างคิดกระหยิ่มยิ้มย่อง นั่นย่อมได้ชื่อเสียงได้ผลประโยชน์คุณหนูจวินยิ้มส่ายศีรษะ“ข้าอยู่ที่บ้านไม่รู้สึกเบื่อหรอก เจ้าไม่ต้องกังวล” นางเอ่ยหลิ่วเอ๋อร์อึ้งไปนิดหนึ่ง เบื่อ?ที่นายน้อยฟางแนะให้เปิดโรงหมอจิ่วหลิงเพียงเพราะกลัวคุณหนูเบื่อ? ในใจเขานอกจากเบื่อกับสนุกมีความคิดอย่างอื่นไหม? เรื่องใหญ่ขนาดนี้มีแค่น่าสนใจกับน่าสนุกหรือ?ช่างเด็กน้อยจริงๆ นางเบะปากคร้านจะฟัง พลันเห็นสาวใช้อายุน้อยคนหนึ่งกวักมือให้นางหลิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้ว มองฟางเฉิงอวี่ที่ไม่รู้พูดอะไรหัวเราะขึ้นมาเองจนตัวคลอนทีหนึ่งก็เดินออกไป“พี่สาวหลิ่วเอ๋อร์ ด้านนอกมีคนมาหาท่าน” สาวใช้อายุน้อยเอ่ยเสียงเบาประจบมีคนมาหานางอีกแล้ว?จริงๆ เลย คุณหนูมีชื่อเสียงเกินไปแล้ว ตนสาวใช้คนนี้ก็วุ่นวายนักไปด้วย“ไม่พบ ไม่พบ พบส่งเดชอะไรเล่า” นางโบกมือเอ่ยสาวใช้ตัวน้อยรีบส่งกระดาษแผ่นหนึ่งมา“เขาให้พี่สาวหลิ่วเอ๋อร์ดูสิ่งนี้” นางเอ่ยหลิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้วรับไป เปิดออกมองดูปุบก็หน้าตาตื่นทันที“เป็นท่าน…” นางเอ่ยปากพูดออกมาสายตาก็กวาดมองบรรทัดอักษร เสียงของนางก็พลันหยุดลงเสี่ยวติงได้รับคำสั่งของคุณชายเดินทางมา พี่สาวหลิ่วเอ๋อร์ท่านไม่ต้องตะโกนออกมา เลี่ยงไม่ให้คุณหนูจวินดูไม่ดีไม่ดีกับคุณหนูหรือ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่พูดหลิ่วเอ๋อร์กลืนคำพูดที่เหลือลงไป โบกมือให้สาวใช้อายุน้อย วิ่งก้าวสั้นๆ รี่ไปนอกประตูตั้งแต่ให้คนส่งกระดาษแผ่นหนึ่งมาจากประตูบ้านตน นายหญิงผู้เฒ่าฟางย่อมรู้ทันที“บัณฑิตคนนี้ทำไมหน้าไม่อายเช่นนี้!” นางเอ่ยโกรธจัด “นี่ไม่ใช่ลักลอบรับส่งของหรือ?”“ที่จริงก็นับไม่ได้ คุณชายหนิงกับคุณหนูจวินมีสัญญาหมั้นอยู่กับตัว คู่หมั้นชายหญิงพบหน้ากันส่งข้อความหากันก็ไม่นับเป็นอะไร คงไม่ส่งผลกับชื่อสียงของคุณหนูจวิน…” นางหยวนเอ่ยคำพูดยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกนายหญิงผู้เฒ่าฟางถลึงตาใส่สบถทีหนึ่ง“มีสัญญาหมั้นแล้วยังไง? ยังไม่แต่งกันวันหนึ่งก็ยังไม่ใช่สามีภรรยา” นางเอ่ยไม่สบอารมณ์ “หากพูดถึงเรื่องนี้ เฉิงอวี่ของพวกเราเคยคำนับฟ้าดินกันมาแล้วเชียวนะ”เลินเล่อแล้ว นางหยวนขานรับ ที่แท้ไม่ใช่กังวลชื่อเสียงของคุณหนูจวิน แต่กังวลถึงนายน้อย“เรื่องนี้ที่ประตูก็ควรขวางไว้แล้ว” นางโกรธแค้นคับอก เอ่ยทันที “มีอย่างที่ไหน”“บอกว่ามาหานาง ที่ประตูก็ไม่กล้าขวาง” นายหญิงใหญ่ฟางเอ่ยเสียงอ่อนโยนก่อนหน้านี้กลัวจวินเจินเจินก่อกวนไม่เลิก ส่วนตอนนี้เป็นห่วงว่าจะถ่วงธุระของคุณหนูจวินนายหญิงผู้เฒ่าฟางแค่นเสียงเหอะ“คนแซ่หนิงนั่นต้องการทำอะไร?” นางเอ่ยถามนางหยวนกับนายหญิงผู้ใหญ่ฟางสบตากันทีหนึ่ง“เด็กรับใช้ของคุณชายหนิงดึงหลิ่วเอ๋อร์ไปคุยงึมๆ งำๆ หลายประโยค ไม่มีคนกล้าเข้าใกล้ ดังนั้นก็ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน” นางหยวนเอ่ย “นอกจากนี้หลิ่วเอ๋อร์สาวใช้คนนี้ครั้งนี้ถึงกับไม่โหวกเหวกไปทั่ว ท่านเขยสักคำก็ไม่ได้เรียก”หลิ่วเอ๋อร์สาวใช้คนนี้ไม่ใช่คนเช่นนี้ มีเรื่องนิดหนึ่งก็อยากตะโกนให้ใต้หล้ารับรู้ยิ่งนักนายหญิงผู้เฒ่าฟางแค่นเสียงเหอะอีกครั้ง“ต้องเป็นบัณฑิตคนนั้นของตระกูลหนิงสั่งสอนแน่” นางเอ่ย “พูดถึงการทำลับๆ ล่อๆ ตั้งแต่โบราณมาไม่มีใครสู้พวกบัณฑิตได้คำพูดนี้ไม่เกรงใจจริงๆ นางหยวนกับนายหญิงใหญ่ฟางอดไม่ได้หัวเราะ“เฉิงอวี่ของพวกเราตรงไปตรงมาเช่นนี้ ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของบัณฑิตคนนี้” นายหญิงผู้เฒ่าฟางถอนหายใจเรื่องนี้หรือ…นายน้อยตรงไปตรงมาสักเท่าใดดูไม่ออกจริงๆ นางหยวนกลั้นยิ้ม“ข้าไปคิดหาวิธีสืบสักหน่อยไหมเจ้าคะ?” นางเอ่ยเสียงเบานายหญิงผู้เฒ่าฟางส่ายศีรษะ“ไม่ต้องไปที่นั่นของนางถามนู่นถามนี่หรอก แบบนั้นไม่ดี” นางเอ่ย “ไม่ให้เกียรตินาง”นายหญิงผู้เฒ่าซื่อตรงนัก นางหยวนพยักหน้าเอ่ยในใจ“…จับตานางไว้ก็พอ” นางหญิงผู้เฒ่าฟางเอ่ยต่อ ลูบมุมโต๊ะแววตาระยิบระยับเอาเถอะ นางหยวนกลั้นยิ้มขานรับส่วนอีกด้านหนึ่ง หลิ่วเอ๋อร์ก็กลั้นคำพูดรออยู่ตลอดจนฟางเฉิงอวี่ออกไปถึงก้าวเข้ามานี่ก็เป็นสิ่งที่เสี่ยวติงกำชับไว้หนักหนา อย่าบอกผู้อื่นบนโลกนี้นอกจากคุณหนู คนทั้งหมดในสายตาหลิ่วเอ๋อร์ล้วนเป็นคนอื่น ฟางเฉิงอวี่ก็ไม่เว้นแต่คำขอของเสี่ยวติงเดิมทีหลิ่วเอ๋อร์ไม่ยินดีทำ“ทำไมต้องหลบผู้คนด้วย? ท่านเขย…ไม่ใช่สิ คุณชายหนิงดีกับคุณหนู นี่เป็นสิ่งที่คนทุกคนควรรู้” นางเอ่ยไม่พอใจ “ตอนนั้นคุณหนูของข้าก็ปฏิบัติต่อคุณชายของตระกูลเจ้าเช่นนี้”ตอนนั้นจวินเจินเจินโวยวายจนคนทั้งเมืองล้วนรู้ว่านางชอบคุณชายสิบหนิงจริงๆ แต่นอกจากนางไม่มีใครรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องน่าภาคภูมิอะไรกระมัง?หรือตอนนี้นางต้องการให้คุณชายหนิงทำเช่นนี้ด้วย จะได้นับว่าตอบแทนคืนอย่างเท่าเทียม?นี่เป็นเด็กที่ความคิดประหลาดคนหนึ่งจริงๆ หนา เสี่ยวติงเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก“ที่สำคัญคือชื่อเสียงของคุณหนูจวินดังเกินไปแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเบา “ทุกคนเห็นคุณหนูจวิน นั่นจะไม่ล้อมเข้ามาหรือ? ถ้าอย่างนั้นคุณหนูจวินจะยังคุยกับคุณชายของข้าได้ยังไง? เจ้าจินตนาการดูสักนิด พวกเขานั่งด้วยกัน ข้างกายคนนับไม่ถ้วนมองดูเช่นนี้น่าดูนักหรือ?”หลิ่วเอ๋อร์จินตนาการนิดหนึ่ง ดวงตาเป็นประกายพยักหน้าสถานการณ์นี่น่าดูยิ่งเสี่ยวติงแทบกระอักเลือด“แต่คุณชายหนิงกับคุณหนูจวินไม่ได้ต้องการให้ทุกคนเห็น พวกเขายังมีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน” เขากัดฟันเอ่ยหลิ่วเอ๋อร์ร้องอ้อพยักหน้า“บอกให้เร็วหน่อยสิ” นางว่า “พูดพร่ำมากปานนี้”บอกให้เร็วหน่อยอะไร พูดพร่ำอะไรเล่า หรือคุณชายของข้ามาหาคุณหนูจวินของเจ้าเพื่อให้ทุกคนมาดูเรื่องสนุกรึ? ในสมองของเจ้าสาวใช้คนนี้คิดอะไรอยู่กันเสี่ยวติงเค้นรอยยิ้มจางๆ ออกมาคำนับให้หลิ่วเอ๋อร์“ลำบากพี่สาวแล้ว” เขากัดฟันเอ่ยสิ่งที่คุณชายหนิงให้หลิ่วเอ๋อร์ส่งให้ไม่ใช่แถบกระดาษแผ่นน้อยอย่างที่นายหญิงผู้เฒ่าฟางคาดเดา เป็นเพียงประโยคหนึ่งเท่านั้น“เชิญข้าไปลั่วเหมยเซวียน?” คุณหนูจวินได้ยินก็พูดขึ้น มองหลิ่วเอ๋อร์ “มีเรื่องอะไร?”หลิ่วเอ๋อร์ส่ายศีรษะ“คุณชายหนิงไม่ได้บอกเจ้าค่ะ เพียงแค่บอกว่าเชิญท่านไป” นางเอ่ย พลางมองซ้ายขวาเอ่ยเสียงเบา “อย่าบอกคนอื่น”คุณหนูจวินหลุดยิ้มคนอื่นที่ว่านี้หมายถึงฟางเฉิงอวี่รึ?จะคุยเรื่องสัญญาหมั้นจะจัดการอย่างไรใช่หรือไม่? เกี่ยวข้องกับความกังวลของตระกูลหนิง เขาคงไม่อยากให้ฟางเฉิงอวี่ตามไปด้วยสินะ“ได้” นางพยักหน้า ……………………………………….
คอมเม้นต์