Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 113 วันนี้สูงเกาะได้
หลิงจือรึเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนี้รายงานไปถึงหูนายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางอย่างรวดเร็วยิ่งพวกนางแทบจะลืมคนผู้นี้ไปแล้ว ตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเฉิงอวี่ต้องเก็บสาวใช้คนนี้ไว้ที่บ้าน คิดว่าคงเป็นเพราะครั้งแรกกระมังหนุ่มสาวค่อนข้างยากลืมเลือนครั้งแรกของตนเองอยู่บ้างแต่ต่อมาฟางเฉิงอวี่ก็ไม่ได้คิดถึงสาวใช้คนนี้อย่างไร ทั้งยังรักลึกซึ้งต่อคุณหนูจวิน สาวใช้คนนี้ก็โยนทิ้งไว้ในเรือนให้เป็นไปตามยถากรรม พวกนางก็คร้านจะไปสนใจที่แท้เฉิงอวี่เก็บนางไว้ก็เพื่ออธิบายเรื่องตอนนั้นนอกจากนี้การอธิบายนี้ไม่ใช่แก้ตัวแต่เป็นยอมรับต่อหน้าคนที่ตนเองชอบคนหนึ่ง ยอมรับว่าตนเองเคยเลวร้าย ต้องการความกล้ามากนัก ไม่ใช่ใครก็ทำได้“เฉิงอวี่ของพวกเรา” นายหญิงผู้เฒ่าฟางสีหน้าภาคภูมิใจเอ่ย“เฉิงอวี่ของพวกเราก็เป็นคนซื่อตรงเช่นนี้” นายหญิงใหญ่ฟางก็พอใจ ภูมิใจเอ่ยขึ้นเช่นกันเฉิงอวี่ของพวกเราคู่ควรกับจวินเจินเจินความคิดนี้แล่นผ่านไป นายหญิงใหญ่ฟางก็รู้สึกอึ้งไป เด็กสาวที่ถูกรังเกียจจนชังนักอยากกวาดออกจากบ้านไปทันทีคนนั้น ในใจสูงส่งไม่อาจเอื้อมแล้วแม้ไม่อยากได้คุณหนูจวินคนนี้เป็นลูกสะใภ้นักเพราะน่ากลัวเกินไป อยู่กับนางมักจะรู้สึกใจผวาตัวสั่นอยู่เสมอ แต่เทียบกับการใจผวาตัวสั่นของตนเอง นางไม่ยินดีเห็นบุตรชายผิดหวังยิ่งกว่าช่างเถอะ ช่างเถอะ บุตรชายชีวิตนี้ทุกข์ทรมานมากเกินไปแล้ว พันตำลึงทองยากซื้อความสุข ขอเพียงเขามีความสุขก็พอ“หลิงจือจะจัดการอย่างไร?” นางเอ่ยนางหยวนเดินเข้ามาจากด้านข้าง ได้ยินยิ้มแล้ว“นายหญิงไม่ต้องกังวล นายน้อยเมื่อครู่จัดการแล้ว” นางเอ่ยขึ้นจัดการอย่างไร? เขาก่อเรื่องเองก็จัดการเองจริงๆ สินะ“นายน้อยถามหลิงจือว่ายินดีแต่งงานหรืออยู่ในบ้านต่อ” นางหยวนเอ่ย “เรื่องตอนนั้นบอกกับข้างนอกแล้วว่าเป็นละคร ดังนั้นเรื่องของนางกับนายน้อยย่อมเป็นละครด้วย ละครฉากนี้มีปะโยชน์ต่อการชำระแค้นของตระกูลฟางมากนัก ตระกูลฟางย่อมไม่ปฏิบัติเลวร้ายกับนาง”นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ล้วนพยักหน้าแม้ที่หลิงจือก่อเรื่องจนเป็นเช่นทุกวันนี้เพราะใจละโมบคิดชั่ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าพวกนางใช้ประโยชน์รวมถึงส่งเสริมใจละโมบของนางตอนนี้จัดการเรื่องนี้ได้เช่นนี้ก็ไม่เลวมากแล้ว ดีต่อชื่อเสียงของเฉิงอวี่“หลิงจือเลือกแต่งงาน” นางหยวนเอ่ย พูดพลางปิดปากยิ้ม “นางก็ไม่โง่”เรื่องมาถึงตอนนี้ อยู่ที่ตระกูลฟางก็ไม่อาจได้ความรักของนายน้อยอีกแล้ว ไม่สู้แต่งงานไปตอนนี้ เป็นฝ่ายหายไปจากตรงหน้านายน้อย ไม่ให้ทุกคนหงุดหงิดรำคาญใจ ให้นายน้อยพอใจ แล้วก็ทำให้นางมีเกียรติ อย่างน้อยสินเดิมของฝ่ายหญิงก็คงไม่ให้น้อยเรื่องเงินนายหญิงผู้เฒ่าฟางไม่เคยใส่ใจ เรื่องที่ใช้เงินจัดการได้ล้วนเป็นเรื่องเล็ก“สาวใช้ของเขา เขาเป็นคนตัดสินใจ” นางเอ่ย เรื่องนี้ในที่สุดก็จัดการแล้ว “นายน้อยกับคุณหนูจวินทำอะไรอยู่?”คุณหนูจวินพักอยู่ที่ของฟางเฉิงอวี่ด้านนั้นจริงๆ บรรดาสาวใช้ยังบอกอีกว่าอยู่ที่ห้องของฟางเฉิงอวี่ ส่วนฟางเฉิงอวี่นอนในห้องหนังสือ วันนี้ก็ไม่ได้พูดเรื่องจะเปลี่ยนที่พักอย่างไรก็ไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว อยู่ด้วยกันเช่นนี้ดูไม่ดีมากปานใดนายหญิงผู้เฒ่าฟางขมวดคิ้ว เด็กคนนี้ฉลาดนักมาตลอด ทำไมจะแสร้งเลอะเลือนตรงนี้“นายน้อยออกไปข้างนอกแล้ว” นางหยวนเอ่ย “คุณหนูจวินกำลังอ่านหนังสือ”ก็ดีคิ้วที่ขมวดของนายหญิงผู้เฒ่าฟางคลายออก ช่างเป็นวันที่สงบจริงๆเฉิงอวี่ออกไปข้างนอกดูแลกิจการ นางก็อยู่ในบ้านอ่านหนังสืออย่างสงบสุข ช่างเป็นวันที่สงบดีจริงนายหญิงผู้เฒ่าฟางท่าทางปลื้มใจ เสียดายก็แค่ความปลื้มใจนี่ไม่ได้คงอยู่นานนัก มีสาวใช้สีหน้ากระวนกระวายเดินเข้ามา“นายหญิงผู้เฒ่า นายหญิงใหญ่ มีคนต้องการมาหาแม่นางหลิ่วเอ๋อร์” นางคำนับเอ่ยตามหาแม่นางหลิ่วเอ๋อร์?ใครว่างจะมาหาหลิ่วเอ๋อร์?นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางสบตากัน หลิ่วเอ๋อร์ก็รู้สึกรำคาญเช่นกัน นางกำลังยุ่งกับการเก็บกวาดห้องอยู่ เปลี่ยนของที่ฟางเฉิงอวี่จัดวางไว้เป็นของที่คุณหนูชอบ แม้ไม่มีของให้เปลี่ยนมากเท่าไรก็ตามแต่ในฐานะสาวใช้อันดับหนึ่งของคุณหนู นางยุ่งมาก ไม่ใช่ตาสีตาสาอะไรจะมาหานางได้“ใครล่ะ?” หลิ่วเอ๋อร์เดินมาถึงหน้าประตู ท่าทางรำคาญมองไปเด็กรับใช้อายุสิบสองสิบสามปีคนหนึ่งยิ้มร่าคำนับ“พี่หลิ่วเอ๋อร์” เขาเอ่ยเรียกประจบหลิ่วเอ๋อร์มองเขาทีหนึ่ง“ไม่รู้จัก” นางเอ่ย หมุนตัวจะเดินกลับเด็กรับใช้รีบก้าวเข้าไปประสานมือคารวะหลายหนร้องเรียกพี่สาวอย่างนั้นพี่สาวอย่างนี้“พี่หลิ่วเอ๋อร์ ข้าถูกคนไหว้วานมา” เขาเอ่ยเสียงเบา “เป็นคนคุ้นเคยของท่าน”คนคุ้นเคย?หลิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้วเด็กรับใช้คนนั้นมองซ้ายมองวา ยื่นมือชี้ทิศทางหนึ่ง หลิ่วเอ๋อร์มองตามที่เขาชี้ไป“…เชิญท่านไปคุยกันสักหน่อย…” เด็กรับใช้เอ่ยต่อเสียงพูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินหลิ่วเอ๋อร์ร้องอ๋าแล้ว ดวงตาทอประกายทันที“เสี่ยวติง” นางร้องเรียก แล้วคิดอะไรได้อีก เสียงยิ่งดังขึ้น “ท่านเขยมารึ? ท่านเขยมาหรือเปล่า?”ท่านเขย?คนเฝ้าประตูตระกูลฟางตกใจสะดุ้งโหยง คนที่เดินผ่านบนถนนก็ตกใจสะดุ้งโหยงด้วยท่านเขย?คนที่สาวใช้ของคุณหนูจวินเรียกเป็นท่านเขยได้ หรือว่าจะเป็น…สายตาของคนทั้งหมดมองไปทางทิศนั้นทันทีเสี่ยวติงที่ยืนยื่นหัวออกมาจากมุมกำแพงถูกคำพูดนี้รวมถึงสายตาที่ฉับพลันจับจ้องมาทำให้กลัวจนหดกลัวไปสาวใช้น่าตายคนนี้ ตะโกนอะไรเล่าก็เพราะเขากลัวนางตะโกน ดังนั้นถึงให้เด็กรับใช้ที่ไม่รู้จักไปเรียกนาง หลังจากนั้นมาสถานที่ลับตาคนบอกนางคิดไม่ถึงว่าสาวใช้ที่ตลอดมาโง่จนน่าตายคนนี้ เวลานี้ดันหัวไวปานนี้คราวนี้ดีแล้ว ตะโกนจนทุกคนเห็นแล้วเสี่ยวติงวิตกอยู่บ้างหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง“คุณชาย นี่…” เขาสีหน้ากระวนกระวายเอ่ยหนิงอวิ๋นเจายังไม่ทันพูด หลิ่วเอ๋อร์ด้านนั้นก็สองสามก้าววิ่งเข้ามาแล้ว“ท่านเขย ท่านเขยท่านมาแล้ว” นางตะโกนเสียงดัง “ท่านมาหาคุณหนูของข้าหรือ?”เสี่ยวติงยื่นมือกุมขมับ ในเวลาเดียวกันก็เหม่อไปนิดหนึ่ง ที่จริงฉากนี้ก็ไม่ใช่ไม่เคยเห็น จำได้ว่าตอนสองนายบ่าวคู่นี้เพิ่งมาถึงที่นี่ พบคุณชายในเทศกาลโคมไฟ สาวใช้คนนี้ก็ร้องเรียกท่านเขยต่อหน้าผู้คนเช่นนี้เวลานั้นสายตารอบด้านอึ้งตะลึงทั้งยังเยาะหยันดูแคลน แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนกันแล้วเสี่ยวติงมองชาวบ้านที่วิ่งตามหลิ่วเอ๋อร์มารวมตัวกัน สีหน้าของพวกเขาประหลาดใจ“จอหงวนหนิง”“คุณชายสิบหนิง”“คุณชายสิบหนิงมาพบคุณหนูจวินหรือ?”“คุณหนูจวินเพิ่งกลับมา คุณชายหนิงก็มาเยี่ยมแล้วหรือ”พร้อมกันนั้นเสียงล้อเสียงเอ่ยถามก็ดังตามมาด้วย แม้ทุกครั้งที่คุณชายสิบหนิงโผล่หน้ามาล้วนเรียกผู้ชื่นชมกับคนมุงดูมา แต่เสี่ยวติงที่คุ้นชินแล้วก็ยังอดหน้าร้อนไม่ได้ บางทีคงเพราะคำพูดล้อนี่กระตือรือร้นเริงร่า สายตาก็ทำให้คนกระอักกระอ่วนยิ่งนัก“ท่านเขย ท่านเขย” หลิ่วเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้า เอ่ยถามเสียงดังอีกครั้ง “ท่านมาหาคุณหนูของพวกเราสินะ?”สายตาของชาวบ้านก็รวมอยู่ที่ตัวหนิงอวิ๋นเจาด้วย สายตานี่วิบวับเป็นประกายใช่ไหม? ใช่ไหม?คุณชายสิบ ท่านมาหาคุณหนูจวินสินะ?ท่านเขย ท่านมาพบคู่หมั้นของท่านสินะ?……………………………………….
คอมเม้นต์