Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 106 คำถามของท่าน คำตอบของข้า
ม่านประตูเลิกขึ้น นายท่านใหญ่หนิงก้าวเข้ามาก่อน ผู้ที่ตามติดมาคือหนิงอวิ๋นเจามองเห็นหนิงอวิ๋นเจา ดวงตาของนายหญิงใหญ่หนิงกับหนิงอวิ๋นเยี่ยนล้วนเปล่งประกายเมื่อครู่พบกันแล้ว แต่นั่นถูกผู้คนห้อมล้อมอยู่ หนิงอวิ๋นเจายิ่งถูกนายหญิงผู้เฒ่าหนิงดึงไว้ข้างตัว แม่ลูก พี่น้องยังไม่ได้คุยกันสักประโยคเวลานี้มีแต่พวกเขาอยู่ ความรู้สึกต่างกันอยู่มาก ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวลแล้วยังมีความยินดี“ท่านแม่” หนิงอวิ๋นเจายิ้มคำนับ “เยี่ยนเยี่ยน”ท่านพี่ยังเรียกนางว่าเยี่ยนเยี่ยน ไม่ห่างเหินสักนิดหนึ่งปีไม่พบหน้า หนิงอวิ๋นเยี่ยนน้ำตาหยดร่วงลงมา ร้องเรียกท่านพี่โถมเข้าไปนายหญิงใหญ่หนิงยื่นมือออกมาขวางนางไว้“อวิ๋นเจาเอ๋ย ข้ามีคำถามต้องถามเจ้า” นางเอ่ย“ท่านแม่ยังไม่ได้ทานอาหาร พวกเราทานอาหารไปพลางคุยไปพลางเถิด” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย ก้าวเข้ามาประคองนางยังใส่ใจเหมือนก่อนหน้านี้ รู้ว่านางยังไม่ได้ทานอาหารนายหญิงใหญ่หนิงมองเขาสีหน้าอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน“ไม่รีบร้อน แค่ประโยคเดียว ถามจบก็ไปทานแล้ว” นางเอ่ยไม่รอนางเอ่ยถามต่อ นายท่านใหญ่หนิงก็หัวเราะก่อนแล้ว“ไม่ต้องถาม ข้าบอกเจ้าการแต่งงานนี่เป็นเรื่องหลอก” เขาหัวเราะเอ่ย “เจ้าวางใจเถอะ”เรื่องหลอก!หนิงอวิ๋นเยี่ยนลิงโลดแทบจะตะโกนออกมารู้อยู่แล้วเชียวว่าเป็นเรื่องหลอก รู้อยู่แล้วเชียวว่าพี่ชายไม่มีทางต้องตาผู้หญิงต่ำช้าคนนั้นนายหญิงใหญ่หนิงก็พรูลมหายใจหนักๆ ด้วย คนทั้งร่างผ่อนคลายลง“เรื่องนี้ก็เป็นเจตนาของท่านอาเขา” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ยต่อ “ตอนนั้นสถานการณ์วิกฤติ ทำเช่นนี้เหมาะสมที่สุด”“เอาล่ะ ท่านแม่ท่านไปทานอาหารได้แล้วกระมัง?” หนิงอวิ่นเจายิ้มเอ่ย ยื่นมือประคองอีกครั้งนายหญิงใหญ่หนิงวางมือบนแขนของเขากลับไม่ได้ลุกขึ้น แต่มองเขา“ถ้าอย่างนั้นเวลาใดถึงประกาศว่าเป็นเรื่องหลอก?” นางพลันเอ่ยถามขึ้นอีกหนิงอวิ๋นเยี่ยนก็พยักหน้าตาม“ใช่ใช่ใช่ นี่ถึงสำคัญที่สุด ท่านพี่ ท่านไม่รู้ว่าหลายวันนี้ทั้งหยางเฉิงลือไปทั่วแล้ว ไม่พูดอีกทุกคนคงคิดว่าเป็นเรื่องจริง” นางรีบร้อยเอ่ยนายท่านใหญ่หนิงลูบเครากระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เรื่องนี้น่ะ เป็นแบบนี้…” เขาเอ่ยปากหนิงอวิ๋นเจาเอ่ยต่อคำพูดของเขา“ท่านพ่อ ข้าพูดกับท่านแม่เองเถอะ” เขายิ้มเอ่ย กุมมือนายหญิงใหญ่หนิงที่วางอยู่บนแขนของเขา จริงใจและตรงไปตรงมา “ตอนนี้ยังไม่อาจบอกได้ ต้องรอเวลาช่วงหนึ่ง”หนิงอวิ๋นเยี่ยนสีหน้าตะลึง ร้อนรนมองเขานายหญิงใหญ่หนิงก็ยิ้มมองเขาด้วย เพียงแต่รอยยิ้มนี้ดูไปแล้วแข็งทื่ออยู่บ้าง“ถ้าอย่างนั้นต้องรอถึงเวลาใดเล่า?” นางเอ่ย “หนึ่งเดือน? สองเดือน? สามเดือน?”หนิงอวิ๋นเจามองนาง“เรื่องนี้หลังข้ากับคุณหนูจวินหารือกันถึงจะกำหนดได้” เขาเอ่ยสิ้นเสียงมือของนายหญิงใหญ่หนิงก็จับแขนของเขาแน่น“หารือกับนาง?” เสียงของนางเปลี่ยนเป็นแหลมปรี๊ด “ถ้านางไม่ยอมพูดทั้งชีวิตนี้เล่า? เจ้าก็จะให้ชีวิตนี้เป็นเช่นนี้หรือ?”บรรยากาศในห้องยิ่งชะงักไปบ้างนายท่านใหญ่หนิงถูกอารมณ์โทสะกะทันหันนี่ของนายหญิงใหญ่หนิงทำตกใจสะดุ้งโหยง“เจ้าตะโกนอะไรเล่า มีอะไรพูดจากันดีๆ สิ” เขากระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง เอ่ยขึ้น“ข้าพูดจาดีๆ แล้ว เขาพูดจาดีๆ ได้ไหม?” นายหญิงใหญ่หนิงตวาด มองหนิงอวิ๋นเจา สูดหายใจลึกๆ อีกครั้ง ให้สีหน้าอ่อนโยนลงหลายส่วน “อวิ๋นเจา เจ้าไม่ต้องแจ้งข่าวดีไม่แจ้งข่าวร้าย เจ้าพูดความจริงบอกข้านางข่มขู่เจ้าใช่หรือไม่?”“ไม่ได้ข่มขู่จริงๆ..” นายท่านใหญ่หนิงสอดปากเอ่ย“ข้าจะให้หนิงอวิ๋นเจาบอกกับข้า” นายหญิงใหญ่หนิงขัดเขา มองไปทางหนิงอวิ๋นเจาอีกครั้งหนิงอวิ๋นเจายิ้มแล้ว ตบมือของนายหญิงใหญ่หนิงเบาๆ“ท่านแม่ ไม่มีจริงๆ” เขาเอ่ย “พวกเราไปทานอาหารกัน รายละเอียดของเรื่องข้าจะเล่าตั้งแต่ต้นจนจบให้ท่านฟังดีๆ”“ไม่ ข้าเป็นกุลสตรี ไม่ต้องบอกข้าซับซ้อนเกินไป แค่บอกข้าสั้นๆ สองสามคำว่าเกิดเรื่องะไรขึ้นก็ได้แล้ว” นายหญิงใหญ่หนิงนั่งลงเอ่ย พลางดันของว่างจานหนึ่งบนโต๊ะเข้ามา “อวิ๋นเจาถ้าเจ้าหิวก็กินของว่างสักคำก่อน”“ท่านพี่ ท่านก็เล่าตอนนี้เลยเถอะ ท่านหิวก็อดทนหน่อย ท่านรู้ไหมท่านแม่ไม่ได้ทานอาหารให้ดีๆ มานานเท่าไรแล้ว?” หนิงอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยบอกหนิงอวิ๋นเจายิ้มขานรับ นั่งลงข้างกายนายหญิงใหญ่หนิงตามคำบอก“ถ้าอย่างนั้นเอาตามที่ท่านแม่ว่า ข้าเล่าง่ายๆ” เขาเอ่ย “เรื่องนี้เรียบง่ายยิ่งนักก็คือไม่มีหนทาง”ไม่มีหนทางจริงๆ สินะ?นายหญิงใหญ่หนิงมองเขา“คิดว่าท่านแม่คงรู้เรื่องของคุณหนูจวินกับหัวหน้ากองพันลู่แล้ว” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย“รู้ รู้” หนิงอวิ๋นเยี่ยนรีบพยักหน้า “นางล่อลวงหัวหน้ากองพันลู่ ยังมีบุตรชายเฉิงกั๋วกงคนนั้นอีก”นายหญิงใหญ่หนิงก็พยักหน้าด้วยหนิงอวิ๋นเจามองหนิงอวิ๋นเยี่ยนทีหนึ่ง“ถ้อยคำเล่าลือพันลี้เพี้ยนไปแล้วจริงๆ” เขายิ้มเอ่ย มองไปทางนายหญิงใหญ่หนิง “ที่จริงโรงหมอจิ่วหลิงกับหัวหน้ากองพันลู่เป็นอริกัน หัวหน้ากองพันลู่ตั้งใจจะไล่คุณหนูจวินไป พวกท่านก็รู้ คุณหนูจวินอยู่ที่เมืองหลวงชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ช่วยโลกช่วยผู้คน ชาวบ้านเคารพรัก หัวหน้ากองพันลู่ไม่อาจเล่นงานทางอื่นได้ ถึงเล่นลูกไม้เรื่องชายหญิง”หนิงอวิ๋นเยี่ยนมองเขา สีหน้าสับสนอยู่บ้างพูดมากปานนี้ ข้างในคำพูดที่จริงก็คือกำลังปกป้องจวินเจินเจินนี่นายหญิงใหญ่หนิงเห็นชัดว่าไม่อยากได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน“เรื่องของพวกเขาข้าไม่สนใจ ข้าแค่อยากรู้ว่าเรื่องระหว่างพวกเขาเกี่ยวพันมาถึงเจ้าได้อย่างไร?” นางเอ่ย “ใช่นางเอาเรื่องสัญญาหมั้นเมื่อครั้งนั้นออกมาอีกครั้งเพื่อหลุดพ้นจากสถานการณ์ลำบากหรือไม่? วางแผนจะได้ตระกูลของพวกเราคุ้มกะลาหัว?”หนิงอวิ๋นเจายิ้มส่ายศีรษะ“ไม่ใช่” เขาเอ่ย ไม่รอนายหญิงใหญ่หนิงเอ่ยอีก เอ่ยต่อว่า “เมื่อครู่ข้าบอกแล้วว่าที่เมืองหลวงคุณหนูจวินชื่อเสียงโด่งดัง ชาวบ้านปกป้อง ดังนั้นเรื่องนี้หลังเป็นเรื่องขึ้นมา หัวหน้ากองพันลู่ก็ถูกต่อว่า เป็นที่ชิงชังของชาวบ้าน”พูดพลางมองหนิงอวิ๋นเยี่ยน“นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมบุตรชายเฉิงกั๋วกงจึงออกหน้า เขาทำเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้คุณหนูจวิน”หนิงอวิ๋นเยี่ยนอดไม่ได้กลอกตาไม่เชื่อหรอกว่าบุตรชายเฉิงกั๋วกงจะไร้ต้นสายปลายเหตุกินอิ่มว่างงานมาเรียกร้องความยุติธรรม คำพูดพรรค์นี้ก็มีแต่พวกผู้ชายถึงเชื่อลงนายหญิงใหญ่หนิงขมวดคิ้วอีกครั้ง“เรื่องนี้ล้วนอย่างไรก็ได้” นางเอ่ย “ก็ยังไม่รู้ว่าโยงมาถึงเจ้าได้อย่างไร?”“เรื่องของคุณหนูจวินวุ่นวายใหญ่โตขึ้นมาแล้ว ทั้งยังเกี่ยวโยงถึงเรื่องบุรุษสตรี ชาวบ้านย่อมขาดไม่ได้ขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวของนาง เช่นนี้อดีตที่ข้ามีสัญญาหมั้นกับคุณหนูจวินย่อมต้องถูกเอาออกมาเล่าเช่นกัน” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยรวดเร็วฉับไว “นางชื่อเสียงเลื่องลือ ข้าก็เป็นจอหงวนคนใหม่ เรื่องสัญญาหมั้นหมายในอดีตต้องถูกเอามาวิพากษ์วิจารณ์แน่ นี่ท้ายที่สุดแล้วย่อมต้องเกี่ยวโยงข้าเข้าไปข้างใน ดังนั้น…”“ดังนั้นพวกเราจึงเปลี่ยนจากถูกกระทำเป็นลงมือกระทำ ดึงเรื่องนี้เข้ามาเลย ปิดปากคำเล่าลือในใต้หล้า นอกจากนี้ยังได้ชื่อเสียงดีงาม” นายท่านใหญ่หนิงอดทนไม่ไหวอีกต่อไป รับช่วงเอ่ยต่อ “ดังนั้นก็ง่ายๆ เช่นนี้”ง่ายๆ เช่นนี้อย่างไร?นายหญิงใหญ่หนิงกับหนิงอวิ๋นเยี่ยนสีหน้าอึ้ง มองนายท่านใหญ่หนิงแล้วมองหนิงอวิ๋นเจาอีกครั้ง“นี่ไม่ถูกนะ นี่เปลี่ยนจากถูกกระทำเป็นลงมือกระทำอย่างไร?” นายหญิงใหญ่หนิงเอ่ยถาม“ชื่อเสียงโด่งดังของคุณหนูจวินวันนี้ ถูกวิพากษ์วิจารย์เรื่องแต่งงาน หนิงอวิ่นเจาก็ได้เป็นจอหงวนอีก ต้องถูกพูดถึงเรื่องตอนนั้นแน่ ถึงเวลาหากถูกคนเจตนาใช้ประโยชน์ ติดชื่อเสียงตระบัดสัตย์ไร้คุณธรรมอันหนึ่งให้อวิ๋นเจา นั่นเส้นทางขุนนางนี่ย่อมมีปัญหาแล้ว” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย พลางส่ายศีรษะ “พวกเจ้าผู้หญิงไม่เข้าใจความเสี่ยงของวงการขุนนางนี่”“ดังนั้นที่ท่านแม่ถามว่านางข่มขู่ข้าเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองใช่หรือไม่ ที่จริงไม่ใช่ ความจริงก็คือข้าทำเช่นนี้เพื่อปกป้องตนเอง” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยนายหญิงใหญ่หนิงมองเขา สีหน้ายังคงมึนงง“ข้าไม่ค่อยเข้าใจ” นางเอ่ย “มีคนตั้งคำถามแล้วหรือ?”“ยังไม่มีหรอก ดังนั้นจึงเป็นลงมือก่อนไงเล่า” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย “หรือต้องรอจนถูกตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์กันขรมหรือ?”นายหญิงใหญ่หนิงมองเขาพยักหน้า“ใช่สิ ถึงเวลาแล้วอย่างไร? คนอื่นตั้งคำถาม พวกเราตอบไม่ได้รึ?” นางเอ่ย “เรื่องนี้พวกเราก็ไม่ใช่เหตุผลย่ำแย่ นางวิ่งมาเอาเงินห้าพันตำลึงถอนหมั้น ทั้งหยางเฉิงล้วนรู้ นี่มีอะไรตอบไม่ได้?”“นั่นนับเป็นเรื่องสง่างามอันใดเล่า?” นายท่านใหญ่หนิงขมวดคิ้วเอ่ย “เอาออกมาพูด ทะเลาะกันวุ่นวาย อวิ๋นเจาเป็นจอหงวนนะ ตำแหน่งขุนนางก็ได้รับแล้ว ถึงเวลายังไม่ได้ทำผลงานก็แปะป้ายค่าตัวหันพันตำลึงถูกคนหัวเราะก่อนแล้วหรือ? พวกเจ้าผู้หญิงเหล่านี้ที่แท้เข้าใจหรือไม่?”“ท่านแม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเราทั้งสองฝ่ายล้วนได้ประโยชน์ ข้าได้ชื่อเสียงดีงาม คุณหนูจวินก็ได้คลี่คลายสถานการณ์ลำบาก เรียกได้ว่ายิงทีเดียวได้นกสองตัว” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ยเช่นนี้หรือ?เป็นเรื่องดีที่ยิงทีเดียวได้นกสองตัวหรือ?นายหญิงใหญ่หนิงสีหน้ามึนงงพักหนึ่ง ฟังไปแล้วก็เหมือนจะใช่นะ“ไม่ถูก” เสียงแหลมสูงอยู่บ้างของหนิงอวิ๋นเยี่ยนพลันดังขึ้นข้างหลัง คนก็มายืนอยู่ตรงหน้าหนิงอวิ๋นเจาด้วย “ท่านพี่ ท่านชอบจวินเจินเจินใช่หรือไม่?”คำพูดนี้ทำให้คนในห้องล้วนอึ้งไปแล้ว“อยู่ดีๆ พูดถึงชอบไม่ชอบอะไรกัน พูดเรื่องสำคัญสิ” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย “นี่ไม่เกี่ยวกับชอบไม่ชอบ”“ข้ารู้สึกว่าเกี่ยว” หนิงอวิ๋นเยี่ยนเอ่ย กัดริมฝีปากล่างมองหนิงอวิ๋นเจา “ข้าไม่เข้าใจหลักการสำคัญพวกนั้นที่ท่านพ่อพูด แต่ข้ามีลางสังหรณ์ของผู้หญิง”ลางสังหรณ์ของผู้หญิงอะไร?นายท่านใหญ่หนิงขมวดคิ้ว“ท่านพี่ ท่านฉลาดปานนี้ ร้ายกาจปานนี้ จะกลัวผู้อื่นเอาการแต่งงานของท่านมาเป็นเรื่องหรือ?” หนิงอวิ๋นเยี่ยนเอ่ยต่อ มองหนิงอวิ๋นเจา “พี่ชายของข้าย่อมไม่ใช่คนพรรค์นั้น นอกเสียจากตัวท่านเองต้องการเอาการแต่งงานมาเป็นเรื่อง”นายหญิงใหญ่หนิงมองไปทางหนิงอวิ๋นเจา สีหน้ามึนงงสลายไป ที่มาแทนที่คือสีหน้าหนักใจใช่แล้ว ไม่ผิด เหตุผลที่ว่าป้องกันก่อนภัยมาเกี่ยวพันกับเส้นทางขุนนางอะไรเหล่านี้นางไม่เข้าใจ แล้วนางก็ไม่ใส่ใจด้วย แต่ในฐานะผู้หญิง นางกลับเข้าใจเรื่องหนึ่งหากบุรุษคนหนึ่งไม่ยินยอมเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสตรีคนหนึ่ง เขาย่อมมีวิธีการมากมายเช่นเดียวกันบุรุษคนหนึ่งหากอยากเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสตรีคนหนึ่ง เขาก็มีวิธีการมากมายเช่นกัน“อวิ๋นเจา เจ้าชอบจวินเจินเจินใช่หรือไม่?” นางเอ่ยถาม“อั้ยยะ พวกเจ้าช่าง คิดมาก…” นายท่านใหญ่หนิงตบขาเอ่ย“ข้าจะให้อวิ๋นเจาบอกข้า” นายหญิงใหญ่หนิงเสียงแหลมขัดเขาอีกครั้ง ลุกขึ้นยืนมองหนิงอวิ๋นเขา “เจ้าพูดสิ เจ้าชอบนางใช่หรือไม่?”หนิงอวิ๋นเจาสีหน้ายังคงอ่อนโยน ไม่มีความวิตก ไม่มีความหวาดหวั่น ดวงตาใสกระจ่างสงบนิ่งชอบนางใช่หรือไม่?อยากเกี่ยวพันหมั้นหมายกับนางใช่หรือไม่?แม้บอกว่าเป็นเรื่องหลอกก็ตั้งตาคอยให้มีวันนั้นที่กลายเป็นจริงใช่หรือไม่?“ใช่” เขาเอ่ย มองนายหญิงใหญ่หนิง “ใช่ ท่านแม่ ข้าชอบนาง”……………………………………….
คอมเม้นต์