Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 103 ต้อนรับอย่างเปิดเผย
ได้ยินประโยคนี้สีหน้าจางเป่าถังยิ่งวิตก“ถ้าอย่างนั้นเขาจะคิดวิธีอะไรอีก?” เขาเอ่ย “นี่คุณหนูจวินใยไม่ใช่ยังอันตรายมากอยู่ พวกเราไม่อาจไม่อารักขาไปส่งนะ”ซื่อเฟิ่งยิ้มแล้ว“อารักขาตลอดทางได้อารักขาทั้งชีวิตไม่ได้” เขาเอ่ย “เจ้าวางใจ คุณหนูจวินก็ร้ายกาจมากเหมือนกัน พวกเราแค่ช่วยนางขวางเมืองหลวงฝั่งนี้ไว้ช่วงเวลาหนึ่ง รอนางกลับถึงหยางเฉิงถิ่นของนาง มีตระกูลฟางอยู่ด้วย องครักษ์เสื้อแพรอยากยื่นมือก็ไม่ง่ายปานนั้นแล้ว”จางเป่าถังสีหน้าผ่อนคลายลงไปบ้าง“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปเถอะ” เขาดีอกดีใจเอ่ย “ฟ้ามืดก็ตามทันคุณหนูจวินแล้ว”ซื่อเฟิ่งไถลลงมาจากเนิน“ตามนางไปทำอะไร? กลับเมืองหลวง” เขาเอ่ย ศีรษะก็ไม่หันกลับมาจางเป่าถังสีหน้าประหลาดใจ“ไม่ไปบอกลาหรือ? ไม่พบหน้าคุณหนูจวินสักครั้งหรือ?” เขาเอ่ยถาม“พี่รองกำชับพวกเราว่าไม่ต้องไปพบ เจ้าลืมแล้วหรือ?” ซื่อเฟิ่งพูด คนก็ไถลลงจากเนินเขาไปแล้ว ผิวปากทีหนึ่ง ม้าตัวหนึ่งวิ่งออกมาจากป่าทึบจางเป่าถังไถลตามลงมา“ข้าก็แค่รู้สึกว่าพี่รองทำเรื่องเหล่านี้ให้คุณหนูจวิน คุณหนูจวินไม่รู้ พี่รองออกจะน่าสงสาร นอกจากนี้เจ้าทำไมไม่ให้ข้าบอกว่าเป็นคุณหนูจวินขอร้องลู่อวิ๋นฉีพวกเราถึงเข้าไปพบเขาได้” เขาถอนหายใจเอ่ย “ไม่รู้คุณหนูจวินตอบรับเงื่อนไขอะไรของลู่อวิ๋นฉี คุณหนูจวินถึงกับต้องจากไป ไม่แน่อาจกลับไปก็แต่งงาน…”ถ้าอย่างนั้นจูจั้นก็ไม่มีโอกาสสักนิดน่ะสิซื่อเฟิ่งหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“มีประโยคหนึ่งกล่าวว่ายามนี้ไร้เสียงชนะมีเสียง” เขาเอ่ย “แม้พี่รองไม่ไปไม่บอก แต่คุณหนูจวินไม่แน่ว่าจะไม่รู้”พูดพลางตบหัวไหล่จางเป่าถัง“เจ้ายังเล็กไม่เข้าใจ”เขาก็ไม่เข้าใจจริงๆ หากแม่นางที่เขาชอบจากไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องพบหน้าบอกลาสักครั้งจางเป่าถังส่ายศีรษะ แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของจูจั้น เขาก็ไม่สะดวกขัด เรียกม้าของตนเองมา คนกลุ่มหนึ่งหายไปบนทางภูเขาและเวลานี้ที่ลำธารภูเขาอีกแห่งหนึ่ง เฉินชีพยักหน้าให้ผู้คุ้มกันที่มาแจ้ง“ระวังต่อไป” เขาเอ่ยผู้คุ้มกันขานตอบถอยออกไปเฉินชีก้าวไวๆ มาถึงหน้ารถม้าของคุณหนูจวินคุณหนูจวินยืนอยู่นอกตัวรถ มองดูหลิ่วเอ๋อร์นั่งยองบนพื้นเก็บดอกไม้ป่า“คุณหนูจวิน ประหลาดจริงๆ นี่ก็หลายวันแล้ว ไม่มีคนขององครักษ์เสื้อแพรปรากฏตัว” เฉินชีเอ่ยเสียงเบาคุณหนูจวินมองรอบด้าน“ข้าก็ดูออกอยู่” นางเอ่ย “ในเมื่อถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏตัวก็น่าจะมีคนขวางแทนพวกเราแล้ว”ขวางองครักษ์เสื้อแพรได้ นั่นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาจะทำได้เฉินชีดวงตาเป็นประกาย“เสียนอ๋องหรือ?” เขาเอ่ยถามคุณหนูจวินหลุดยิ้ม“เขาจะทำได้อย่างไรเล่า” นางเอ่ย “น่าจะเป็นจูจั้น”เฉินชีร้องอ้อ พยักหน้าก็ถูก กล้ากำเริบเสิบสานทั้งยังมีความสามารถต่อต้านลู่อวิ๋นฉีได้ ก็มีแต่บุตรชายเฉิงกั๋วกงแล้วจริงๆแม้ถูกขังอยู่ในห้องขัง ข้างนอกก็ยังมีกำลังคนอยู่ ยังคิดถึงจุดนี้จงใจมาอารักขาส่งบุตรชายเฉิงกั๋วกงคนนี้ยังช่าง…รักลึกซึ้งจริงๆเฉินชีคิดในใจเลือกยากจริงนะ คุณชายหนิงก็ค่อนข้างดี ที่แท้ควรเลือกใครกันเล่า?คุณชายสิบหนิงเป็นปัญญาชนคนหนึ่ง ทั้งเป็นจอหงวน ตระกูลหนิงเป็นตระกูลบัณฑิต ภูมิปัญญาสูงส่ง บุตรชายเฉิงกั๋วกงเป็นตระกูลกงโหว ฐานะยิ่งใหญ่ สองคนนี้ล้วนเป็นลูกเขยชั้นดีที่หายากพูดถึงศักดิ์ฐานะ จูจั้นสูงกว่าอยู่บ้าง ได้ยินว่าฮ่องเต้อยากประทานองค์หญิงให้เขาหลายครั้งแต่สูงศักดิ์ตำแหน่งใหญ่ก็ไม่แน่ว่าชีวิตจะดี คนเท่าไรจับจ้อง อยู่ท่ามกลางคลื่นลมอยู่เสมอเปรียบเทียบเช่นนี้ยังเป็นหนิงอวิ๋นเจาขุนนางพลเรือนคนนี้ดีกว่าอยู่บ้าง อย่างน้อยชีวิตก็มั่นคงเป็นสตรีคนหนึ่งลำบากจริงๆเฉินชีถอนหายใจ หากแต่งให้ทั้งสองคนได้หมดก็ดีสิเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ใช่ไม่มี ไม่ใช่สมัยโบราณก็มีสตรีผู้หนึ่งมีหวังจะเป็นเช่นนี้หรือ?แต่หนิงอวิ๋นเจากับจูจั้นล้วนหน้าตางามสง่า คุณหนูจวินไม่ต้องปวดหัวเรื่องนี้เฉินชีหัวเราะหึหึขึ้นมา“เจ้าหัวเราะโง่เง่าอะไร?”เสียงของหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยข้างหู ในเวลาเดียวกันจมูกก็มีกลิ่นหอมเข้ามาใกล้เฉินชีได้สติกลับมา จามทีหนึ่ง“ไปไป” เขาปัดดอกไม้ที่หลิ่วเอ๋อร์ยัดมาบนจมูกของตนเองออกเอ่ยขึ้น “ข้ากำลังคิดอะไรอยู่”คุณหนูจวินยิ้ม ไม่ได้สนใจที่เฉินชีคิดวุ่นวายเช่นนี้ นางคิดเรียบง่ายยิ่งนัก ก็คือจูจั้นพูดได้ทำได้จริงๆช่วยไหวอ๋องรอด ข้าปกป้องชีวิตเจ้านี่คือคำสัญญาของเขา ทำตามสัญญาก็แค่เพื่อสิ่งนี้นางยิ้ม ส่งสัญญาณให้หลิ่วเอ๋อร์ขึ้นรถ“เร่งเดินทางต่อเถอะ” นางเอ่ย “ต่อไปทุกคนก็ผ่อนคลายได้บ้างแล้ว”เฉินชีขานรับ ร้องเรียกผู้คุ้มกันที่บ้างนั่งบ้างยืนบ้างพักผ่อนอยู่คนและม้าในหุบเขาเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วส่วนหยางเฉิงเวลานี้ก็มีคนและม้าขบวนหนึ่งขี่เร็วรี่บนถนนเช่นกันคนที่นำหน้าขี่ม้าตัวสูงใหญ่ สีแดงทั้งร่างตัวหนึ่ง สวมอาภรณ์ผ้าไหมพื้นขาวลายบุปผาเลือนรางทั้งร่าง ข้างเอวห้อยเครื่องประดับหยกทองฝังอัญมณี สวมกวานหยกขาว ปักปิ่นทองคำแวววาวเล่มหนึ่งไว้การแต่งกายที่ทำให้คนดูแล้วแสบตาเช่นนี้ เดิมทีทำให้คนรู้สึกว่าหรูหราเกินจำเป็น แต่รอหลังได้เห็นหน้าตาของคนผู้นี้ คนทั้งหมดล้วนรู้สึกเพียงนี่เป็นการแต่งกายที่ไม่มีสิ่งใดเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้วเสื้อผ้าหรูหราอีกเท่าใด สวมอยู่บนร่างเด็กหนุ่มคนนี้ล้วนเข้ากันอย่างยิ่ง“นายน้อยฟาง!”“นายน้อยฟาง!”มองเห็นเด็กหนุ่มคนนี้ สตรีทั้งหลายบนถนนก็ร้องเรียกขึ้นทันที สาวน้อยสาวใหญ่กระทั่งสาวแก่จำนวนหนึ่งล้วนลุกขึ้นยืน คนที่ใจกล้ามากโบกผ้าเช็ดหน้าให้ฟางเฉิงอวี่ คนที่ใจกล้าน้อยกระมิดกระเมี้ยนเมียงมองอย่างขัดเขินฟางเฉิงอวี่ยิ้มโบกมือตอบเสียงเรียกข้างทาง“ข้าจะออกจากเมืองเที่ยวหนึ่ง” เขายังเอ่ยอีก เสียงใสกังวาน สีหน้าว่านอนสอนง่าย สนิทสนมเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่พี่สาวน้องสาวตระกูลตนเองนี่ทำให้สตรีทั้งหลายบนถนนยิ่งเบิกบานใจ“เดินทางระวังหน่อยนะ”“อย่าตากลมล่ะ”พวกนางพากันเอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใย ยังมียายเฒ่าสองคนหยิบเอาผลไม้หลายผลออกมาจะให้ฟางเฉิงอวี่ทานระหว่างทางฟางเฉิงอวี่ผ่านความวุ่นวายแถบนี้ไป บรรดาบุรุษข้างทางริษยาจนตาแดงก่ำ“ไม่ใช่แค่หน้าตาดีรึ? พวกเจ้าต้องทำถึงเพียงนี้ไหม?” พวกเขาแค่นเสียงเอ่ย“พวกเรายินดี พวกเราพอใจ” สตรีทั้งหลายข้างทางตอบไม่เกรงใจสักนิด“มีคนใหม่ก็ลืมคนเก่าจริงๆ พวกเจ้าไม่ชอบคุณชายสิบหนิงแล้วรึ?” เหล่าบุรุษเอ่ยไม่สบอารมณ์พูดถึงคุณชายสิบหนิง บรรดาสตรีบนถนนก็ครึกครื้นพักหนึ่งอีกครั้งทันที“คุณชายสิบหนิงได้เป็นจอหงวนแล้ว”“คุณชายสิบหนิงจะกลับมาแล้วสินะ?”“น่าจะใกล้แล้ว”มองดูสตรีทั้งหลายตื่นเต้นไม่คลาย พวกผู้ชายก็โกรธแค้นความอยุติธรรมอีกครั้ง น่าชังจริงๆ หยางเฉิงทำไมเกิดบุรุษรูปงามพรรค์นี้ออกมา แล้วยังตั้งสองคนฟางเฉิงอวี่ปล่อยให้ม้าห้อตะบึง ออกจากเขตแดนหยางเฉิงอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้คุ้มกันข้างกายตามมาติดๆ วิ่งตลอดครึ่งวันกว่าถึงลดความเร็วลงรอบด้านมองไม่เห็นเมืองแล้ว มีแต่หมู่บ้านนิดหน่อยประปรายเท่านั้น“นายน้อย เหนื่อยแล้วก็พักผ่อนสักหน่อย” พวกเขาเอ่ย“ไม่ล่ะ” ฟางเฉิงอวี่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อ ยิ้มบอกว่า “ข้าขี่ม้าเป็นแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”พูดพลางมองไปข้างหน้าอีกครั้ง รอยยิ้มฉายออกมาจากดวงตา“จิ่วหลิงเห็นข้าขี่ม้าได้ต้องดีใจมากแน่”พูดพลางก็ตบคันธนูที่แขวนไว้บนม้าเบาๆ อีก“ข้ายังยิงธนูเป็นแล้วด้วย”เขาคงไม่ใช่รอพบคุณหนูจวินแล้วยังต้องยิงธนูให้นางดูด้วยหรอกนะ?เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ทนรอไม่ไหวอยากแสดงวิชาที่ตนร่ำเรียนมาให้คนที่ชอบดูนี่ก็เด็กน้อยเหลือเกินบรรดาผู้คุ้มกันอับจนวาจาอยู่บ้างแล้วก็ขำอยู่บ้างนายน้อยดูแลกิจการในตระกูล ทำได้ไม่มีตกหล่น เทียบกับคนแก่ที่มีประสบการณ์คนหนึ่งยังเก่งยิ่งกว่า แต่บางครั้งกลับยังมีความเป็นเด็กเช่นนี้ตัวอย่างเช่นเมื่อได้รับจดหมายบอกว่าคุณหนูจวินจะกลับหยางเฉิงแล้ว เขาก็ขี่ม้าพาคนออกจากบ้านจะไปรับทันทีเห็นชัดๆ ว่าเวลานี้คุณหนูจวินยังไม่ทันเดินทางได้ไกลสักเท่าไร นับดูเร็วที่สุดก็ต้องเดินทางอีกสิบวันจึงมาถึงหยางเฉิงช่างเถอะ ถือว่าออกมาพักผ่อนหย่อนใจก็แล้วกัน ตอนนี้เดือนสี่ไม่หนาวไม่ร้อนบุปผาบานสะพรั่งต้นไม้เขียวขจีเพลินตาเพลินใจ“พวกเราจะรอคุณหนูจวินที่ไหนขอรับ?” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งเอ่ยถาม แล้วก็เสนอความคิด “คฤหาสถ์ที่ทะเลสาบปี้ซานด้านนั้นเหมาะสมที่สุด พอดีอยู่บนทางที่คุณหนูจวินต้องผ่านพอดี”ฟางเฉิงอวี่ส่ายศีรษะ“ไม่รอหรอก” เขายิ้มเอ่ย มองไปด้านหน้า “รับไปเรื่อยๆ ต้อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบนางเลย”บรรดาผู้คุ้มกันสีหน้าประหลาดใจรับไปเรื่อยๆ?……………………………………….
คอมเม้นต์