Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 100 เอ่ยอำลา
บทที่ 100 เอ่ยอำลา
โดย
Ink Stone_Romance
บรรยากาศนี้อย่างไรก็ไม่อาจเป็นเช่นนี้ตลอดได้“องค์ชายร่างกายเพิ่งหายดี” คุณหนูจวินอย่างไรก็เป็นผู้ใหญ่ เอ่ยปากก่อนเสียงแหบพร่าอยู่บ้าง “อย่าวิ่งกระโดดสิเพคะ”นางเอ่ยวางจิ่วหรงมั่นคงบนพื้นจิ่วหรงหน้าแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ แต่ในสายตาที่ผละออกไปมึนงงอยู่บ้างแล้วยังผิดหวังอยู่บ้างเขารับคำ เหยียดร่างตัวตรงสายตาของคุณหนูจวินจับอยู่ที่มือเขาบนมือเขาเปรอะเปื้อนน้ำหมึกแม้กลายเป็นท่านอ๋องฐานะกระอักกระอ่วนคนหนึ่ง แต่การสั่งสอนของลูกหลานเชื้อพระวงศ์กลับซึมลึกเข้าในกระดูกก่อนหน้ามาพบคน อย่างไรก็ต้องจัดเสื้อผ้าหน้าผมสีหน้าคุณหนูจวินยิ่งอ่อนโยน ในใจก็หวานอมขมกลืนดังนั้นเขาได้ยินว่าตนเองมาปุบก็วางพู่กันวิ่งมา กระทั่งมือก็ไม่สนใจล้าง?“คัดอักษรกับอาจารย์หรือเพคะ?” นางเอ่ยถามเสียงอ่อนโยนจิ่วหรงอือตอบรับ มือกำไพล่อยู่หลังร่างเดินไปข้างหน้าคุณหนูจวินเห็นท่าทางเด็กแสร้งเป็นผู้ใหญ่ของเขาก็ยิ้ม ทั้งหันกลับไปมองนอกประตูตำหนักไม่มีขันที นางกำนัล แล้วก็ไม่เห็นเงาของบัณฑิตกู้สีหน้านางยิ่งสับสนอยู่บ้างเป็นใครจงใจให้โอกาสนางกับจิ่วหรงพบกันตามลำพัง?จงใจเพื่อสอดส่อง หรือเพื่อให้พวกเขาอยู่กันตามลำพังจริงๆ?บัณฑิตกู้คนผู้นี้ ที่แท้เป็นศัตรูหรือมิตร?“เจ้ามาตรวจข้าหรือ?”เสียงจิ่วหรงดังขึ้นขัดคุณหนูจวินเหม่อลอยนางรีบเดินเข้ามา มองดูจิ่วหรงที่นั่งอยู่ตรงกลาง“ใช่แล้ว พักนี้ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรเพคะ?” นางเอ่ยถาม พลางเปิดหีบยาหยิบหมอนรองจับชีพจรขึ้นมาจิ่วหรงยื่นมือออกมา“พักนี้ข้าสบายดียิ่ง” เขาเอ่ย “หลายวันก่อนข้ายังกินปลาดิบกับอาจารย์ด้วย”บางทีคงเพราะพูดถึงเรื่องใหม่ๆ ที่ทำให้คนยากลืม หน้าของจิ่วหรงจึงสดใสขึ้น สีหน้าเริงร่า“เจ้าเคยกินปลาดิบไหม? ที่แท้เนื้อปลาดิบก็กินได้”คุณหนูจวินยิ้ม จับชีพจรของเขา“ข้าเคยทานแล้วสิ” นางเอ่ย “ข้าก็กินกับท่านอาจารย์ของข้าเหมือนกัน”พูดถึงตรงนี้ก็เบ้ปากอีก“แต่ไม่อร่อย”จิ่วหรงถลึงตากลม“อร่อย!” เขาเอ่ย“อร่อยมาก”“ถึงอร่อยก็ต้องกินน้อยๆ ตอนนี้ท่านยังเล็ก ร่างกายอ่อนแอ” คุณหนูจวินรั้งมือกลับ มองเด็กน้อยที่ดวงตาถลึงจนกลมมีชีวิตชีวา ไม่ทันรู้ตัวมือไหลลงมาลูบปลายจมูกของเขาการกระทำนี้ทำให้จิ่งหรงแข็งทื่ออีกครั้งคุณหนูจวินก็สำนึกเสียใจอีกครั้งด้วย“กินมากทำร้ายม้ามกระเพาะ” นางเอ่ยกลบเกลื่อนจิ่วหรงตอบอ้อทีหนึ่ง“เจ้าก็มีท่านอาจารย์ด้วยหรือ?” เขาเอ่ยถามสงสัยอยู่บ้างคุณหนูจวินรู้ คำว่าด้วยคำนี้ของเขาบางทีอาจไม่ได้หมายถึงเขามีท่านอาจารย์ บางทีพูดถึงองค์หญิงจิ่วหลิงแม้ปกปิดกับภายนอก แต่จิ่วหรงกับจิ่วหลีล้วนรู้ว่านางติดตามคนผู้หนึ่งร่ำเรียนวิชาพทย์มองดูความตื่นเต้นและคาดหวังในดวงตาของจิ่วหรง คุณหนูจวินรู้สึกว่าเอ่ยต่อไปไม่ได้แล้ว“ใช่สิ จะเรียนวิชาย่อมต้องมีอาจารย์สอน” นางเอ่ย“ถ้าอย่างนั้นท่านอาจารย์ของเจ้าก็เป็นหมอหรือ?” จิ่วหรงนั่งตัวตรงเอ่ยถาม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ“ท่านอาจารย์ของเจ้าชื่อ…”“องค์ชาย” คุณหนูจวนขัดเขา “อาการป่วยของท่านหายดีแล้ว หลังจากนี้เสวยดีๆ ออกกำลังกายมากๆ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”จิ่วหรงขานอ้อทีหนึ่ง“ถ้าเช่นนั้นเจ้า…” เขาเอ่ยต่อ“ถ้าอย่างนั้นข้าควรขอตัวแล้ว” คุณหนูจวินขัดเขาด้วยเสียงอ่อนโยนอีกครั้งบนหน้าจิ่วหรงความเสียดายผุดขึ้นมา แต่ยังนั่งตัวตรง พยักหน้า“ได้” เขาเอ่ย ลังเลชั่วครู่ “ถ้าเช่นนั้นครั้งหน้าพบกัน”พูดครั้งหน้าพบกันออกมา เขาก็ขัดเขินอยู่บ้างเขาไม่คุ้นชินกับการพูดว่าครั้งหน้าพบกันแล้ว เพราะได้รับการสั่งสอนจึงรู้แล้วว่าพบหรือไม่พบ ล้วนไม่ใช่เขาตัดสินใจได้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องคิดและเอ่ยออกมาได้ยินประโยคนี้แล้วมองเห็นสีหน้าวิตกกังวล ยินดีทั้งยังขัดเขินของจิ่วหรง น้ำตาของคุณหนูจวินหวิดจะเอ่อขึ้นมาน่าหัวเราะจริงๆ ก่อนหน้านี้นางตั้งใจใกล้ชิดไม่ได้ผล ตอนนี้จิ่วหรงยินดีเป็นฝ่ายยอมรับนาง ใกล้ชิดนาง นางกลับต้องไปแล้ว“ครั้งต่อไปเกรงว่าคงเป็นเวลานานนักช่วงหนึ่ง” นางเค้นรอยยิ้มบางๆ ออกมา พยายามให้สีหน้าอ่อนโยน มองจิ่วหรง “เพราะข้าต้องไปแล้ว”จิ่วหรงสีหน้าแข็งทื่อ“ไป?” เขาเหมือนไม่เข้าใจ“ข้าจะไปจากเมืองหลวง” คุณหนูจวินเอ่ย “ที่จริงวันนี้ข้ามาบอกลาท่าน”สีหน้าจิ่วหรงพริบตากลายเป็นซีดขาว หน้าอกเล็กๆ พองยุบรุนแรง ดวงตาเบิกกลมขอบตาแดงเรื่อ“เจ้าไม่ใช่รับปากพี่สาวของข้าว่าจะดูแลข้าหรือ?” เสียงเขาแหลมอยู่บ้างเอ่ยหัวใจคุณหนูจวินฉับพลันเจ็ดปวดดั่งถูกคนบีบ“ใช่ ข้าไปไม่ใช่เพราะว่าข้า…” นางรีบร้อนจะเอ่ย ยื่นมือลูบไปทางศีรษะของจิ่วหรงจิ่วหรงพลันกันมือของนางไว้ กระโดดลงจากเก้าอี้ วิ่งรี่ไปข้างนอก“จิ่วหรง” คุณหนูจวินตกใจสะดุ้งโหยง รีบร้อนไล่ตามไปจิ่วหรงกลับวิ่งเร็วไว พริบตาหายไปจากสายตาเด็กคนนี้ต้องไปหลบอีกแน่ เขาน่ะชอบหลบอยู่ในโพรงไม้ของต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้นข้างเขาจำลองริมทะเลสาบ คุณหนูจวินเดินตรงไปด้านนั้นตอนที่กำลังจะเดินถึง บัณฑิตกู้ก็เดินมาจากด้านข้าง“คุณหนูจวิน” เขายิ้มเอ่ยคุณหนูจวินหยุดเท้าคำนับเขา“วันนี้ท่านมาหรือ?” บัณฑิตกู้เอ่ยถามตรงประเด็นเขาไม่รู้รึ?เมื่อครู่เขาไม่ได้อยู่ด้านข้างสอดส่องหรือ?คุณหนูจวินมองเขา“วันนี้ข้ามาเพื่อบอกลา” นางเอ่ยตรงๆ เช่นกัน “ข้าจะออกจากเมืองหลวงแล้ว”บัณฑิตกู้สีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง“ทำไมจะไปแล้วเล่า?” เขาเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”พูดจบก็ยิ้ม“ท่านก็รู้ ประตูใหญ่ของพวกเราที่นี่ปิดสนิท แต่ไหนแต่ไรไม่รู้ด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น”คุณหนูจวินมองเขาครู่หนึ่ง“ด้านนอกพักนี้เกิดเรื่องมากมายนัก” นางเอ่ย เล่าเรื่องที่หนิงอวิ๋นเจาแสดงตัวว่ามีสัญญาหมั้นต่อหน้าผู้คนแก้สถานการณ์ลำบาก จนถึงองครักษ์เสื้อแพรบุกรุกทุกตระกูลที่ได้นางรักษา ไปถึงใต้เท้าน้อยหวงถูกหลานสาวของว่านต้าชุนลอบสังหารตาย จูจั้นปราบม้าตื่นกลางถนนถูกฮ่องเต้ส่งไปคุกหลวงทีละเรื่องๆแน่นอนไม่ได้บอกว่าสัญญาหมั้นเป็นเรื่องหลอกบัณฑิตกู้ได้ยินประหลาดใจอย่างยิ่ง“ถึงกับเกิดเรื่องมากมายปานนี้” เขาเอ่ย มองคุณหนูจวินสีหน้ายุ่งยากใจ อยากพูดอะไรก็หยุดไปอีก ท้ายที่สุดก็ยิ้ม “คุณหนูจวินควรตัดก็ตัด ไม่ต้องเคราะห์ร้าย เด็ดขาดฉับไว ดียิ่งดียิ่ง”พูดพลางคำนับ“ถ้าอย่างนั้นขอให้คุณหนูจวินเดินทางโดยสวัสดิภาพ”หยุดชะงักครู่หนึ่งก็เสริมอีกหนึ่งประโยค“ทุกสิ่งสมใจปรารถนา”ทุกสิ่งสมใจปรารถนารึ เจ้ารู้ว่าใจข้าปรารถนาเรื่องใดไหม? คุณหนูจวินมองเขา ยิ้ม“ลาก่อน” ท้ายที่สุดนางก็เพียงเอ่ย ย่อเข่าคำนับ ยืดตัวตรงหมุนกายจากไปหลังร่างคล้ายเสียงของจิ่วหรงลอยมา“นางโกหก”เสียงนี้พาเสียงร้องไห้มาด้วยคุณหนูจวินจมูกแสบเคือง ดวงตาก็กลั้นไม่ไหวน้ำตาคลอพร่ามัว แต่อดกลั้นไม่หันกลับมานางมาเมืองหลวงเพื่อจิ่วหรง จากไปก็เพื่อเขาเช่นกันต้องมีสักวันเขาจะเข้าใจ……………………………………….
คอมเม้นต์