Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 99 เยี่ยมเยือนอีกครั้ง
บทที่ 99 เยี่ยมเยือนอีกครั้ง
โดย
Ink Stone_Romance
นี่เป็นคำพูดที่เขียนอยู่บนจดหมายครั้งนั้นตอนเชิญฟางจิ่นซิ่วมาเมืองหลวงห่างกันครึ่งปีกว่าเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ประหนึ่งนาทีนี้ถึงเป็นการถามอย่างแท้จริงฟางจิ่นซิ่วกลอกตาใส่นางทีหนึ่ง“เจ้าก็คิดไว้หมดแล้ว ข้ายังคิดอะไรอีก” นางเอ่ย หมุนตัวเดินเข้าไปข้างใน “หลิ่วเอ๋อร์”การตะโกนเสียงดังครั้งนี้ทำให้หลิ่วเอ๋อร์ที่ยุ่งวุ่นวายอยู่ในครัวตกใจสะดุ้งโหยง“ตะโกนอะไรเล่า” นางไม่พอใจยื่นศีรษะออกมาเอ่ย “เจ้าควรซื้อสาวใช้สักคนไว้เองได้แล้วนะ อย่าเอาแต่เรียกใช้ข้า”ฟางจิ่นซิ่วถลึงตามองนางทีหนึ่ง“เก็บสัมภาระให้คุณหนูของเจ้า” นางเอ่ยหลิ่วเอ๋อร์เบิกตาประหลาดใจ มองคุณหนูจวินที่เดินออกมาด้วย“คุณหนู จะเก็บสัมภาระหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามคุณหนูจวินยิ้มพยักหน้า“ถูกต้อง พวกเราเดินทางไปที่อื่นท่องเที่ยวชมดูสักหน่อย” นางเอ่ย“ดีเจ้าค่ะ ดีเจ้าค่ะ”การตัดสินใจของคุณหนูแต่ไหนแต่ไรหลิ่วเอ๋อร์ล้วนลิงโลดสนับสนุน ได้ยินวาจาประโยคหนึ่งก็ไม่ถามมากดีอกดีใจวิ่งเข้าไปในห้องคุณหนูจวินยืนอยู่ข้างกายฟางจิ่นซิ่ว“พบเรื่องอะไรเข้า ในเมืองหลวงเสียนอ๋องเชื่อใจได้” นางเอ่ย “เฉิงอวี่ก็จะคอยดูอยู่ เจ้าไม่ต้องอวดเก่ง บนโลกนี้นอกจากคนไม่มีสิ่งใดสละไม่ได้”ฟางจิ่นซิ่วรับคำ“ข้ารู้ ข้าก็ไม่ได้โง่ปานนั้น เป็นเสมียนบัญชีเก็บเงินเท่านั้น ไม่ทำอะไรลากชีวิตตนเองไปด้วยหรอก” นางเอ่ย“เป็นเช่นนั้น” คุณหนูจวินยิ้มพูดฟางจิ่นซิ่วพลันหัวเราะพรืด“เจ้าแน่ใจว่าจะกลับไป?” นางเลิกคิ้วถามน้อยครั้งนักจะเห็นนางหัวเราะ ทั้งยังเป็นท่าทางยินดีที่เห็นคราวเคราะห์เช่นนี้อีก คุณหนูจวินไม่เข้าใจมองนาง“หลังกลับไป แม่สามีของเจ้าจะมาขวางหน้าประตูด่าทุกวันหรือไม่?” ฟางจิ่นซิ่วหัวเราะเอ่ยแม่สามี?คุณหนูจวินอึ้งไป ตอนนี้ถึงกระจ่างคิดขึ้นมาได้ว่าพูดถึงใครหนิงอวิ๋นเจาประกาศต่อหน้าผู้คนว่ามีสัญญาหมั้นหมายกับตนเอง เรื่องครึกโครมเช่นนี้ต้องเล่าลือกลับไปถึงหยางเฉิงแล้วแน่ นอกจากนี้เรื่องนี้สำคัญยิ่งยวด ก่อนหน้าหนิงอวิ๋นเจากับหนิงเหยียนไปถึงบ้านไม่มีทางบอกคนตระกูลหนิงว่าเป็นเรื่องหลอกต่อให้หนิงอวิ๋นเจาถึงบ้าน บอกกับนายหญิงใหญ่หนิงเองกับตัวว่าเป็นเรื่องหลอก นายหญิงใหญ่หนิงก็ไม่มีทางเลิกราเวลานี้คือโอกาสดีที่หนิงอวิ๋นเจาจะหาคู่ครอง กลับถูกสัญญาหมั้นที่ไม่รู้ว่าเมื่อใดถึงประกาศได้ว่าเป็นเรื่องหลอกผูกมัดไว้ นายหญิงใหญ่หนิงไม่โกรธจนคลั่งถึงแปลก“ไม่ต้องกังวล” นางเม้มปากยิ้ม กะพริบตาท่าทางซุกซนอยู่บ้างให้ฟางจิ่นซิ่ว “นางด่าไม่ชนะข้าหรอก ไม่แน่ว่าครั้งนี้ข้าอาจเอาเงินจากในมือนางมาได้มากกว่าเดิม”ครั้งก่อนนายหญิงใหญ่หนิงด่าคุณหนูจวินต่อหน้า คุณหนูจวินเอาเงินมาได้ห้าพันตำลึงฟางจิ่นซิ่วคิดถึงเวลานั้นก็อดไม่ได้หัวเราะมองเห็นเด็กสาวสองคนนี้ยืนอยู่ในลานหัวเราะเบิกบาน เฉินชีกับผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็โล่งอก“ถ้าอย่างนั้นก็เช่นนี้แล้วกัน หลังจากนี้ลำบากพวกเจ้าสองคนแล้ว” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยิ้มเอ่ยเฉินชีหัวเราะหึหึ“ต่อไปจะพยายามไม่ให้ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วลำบาก” เขาเอ่ยท่าทางจริงใจผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยิ้ม“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปเตรียมพร้อมเรื่องการเดินทางกลับ” เขาเอ่ย สีหน้าเริงร่าเช่นกัน “นายน้อยรู้ข่าวนี้ต้องดีใจสุดๆ แน่”…รถม้าจอดหน้าวังไหวอ๋อง เทียบกับการเข้าใกล้สถานที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวหน้ากองพันลู่ครั้งก่อน คนรถไม่ตื่นเต้นปานนั้นแล้วมีหนิงอวิ๋นเจาออกหน้ายอมรับคุณหนูจวินเป็นคู่หมั้น บวกกับหลายครั้งหลายหนที่หัวหน้ากองพันลู่ขัดขวางคุณหนูจวินรักษาคน สองคนนี้ผูกแค้นกันแล้ว ไม่ต้องพูดถึงมาวังไหวอ๋องครั้งหนึ่ง ต่อให้ไปจวนตระกูลลู่ก็ไม่กลัวมีคนคิดว่าสองคนลอบมีความสัมพันธ์กันคุณหนูจวินกลับลังเลอยู่นิดๆไม่รู้ว่าครั้งนี้มาตรงๆ เช่นนี้ ประตูใหญ่วังไหวอ๋องจะเปิดให้นางหรือไม่หากไม่ได้ ก็ได้แต่ไปรบกวนเสียนอ๋องอีกครั้งแล้วที่จริงนางก็ไม่ได้อยากให้เสียนอ๋องมาพัวพันกับจิ่วหรงฝั่งนี้นัก อย่างไรตัวเสียนอ๋องเองก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างระมัดระวังเช่นกันระหว่างที่ใคร่ครวญ คุณหนูจวินก็มายืนอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่วังไหวอ๋องแล้ว ลังเลชั่วครู่นางก็ยกมือเรียกยามเฝ้าประตูยามเฝ้าประตูตอบรับเปิดออก“คุณหนูจวินหรือ เชิญด้านในขอรับ” ยามเฝ้าประตูเอ่ยอย่างนอบน้อมได้ด้วย?หรือลู่อวิ๋นฉีไม่ได้สั่งห้ามตนเองมาเยือน?หรือยังไม่ทันได้ทำ?ในใจคุณหนูจวินประหลาดใจอยู่ ยิ้ม คำนับกลับให้ยามเฝ้าประตูเดินเข้าไป“คุณหนูจวินไปรอด้านในตำหนักสักครู่ องค์ชายกำลังคัดอักษร พวกเราจะไปแจ้ง” ขันทีที่ได้ยินข่าวเข้ามาต้อนรับยิ้มแย้มเอ่ยกำลังคัดอักษรรึ จิ่วหรงเด็กคนนี้สนิทกับบัณฑิตกู้อย่างที่สุด ขับไล่ไสส่งตนเองยิ่งนัก มีข้ออ้างว่าคัดอักษร คาดว่าเนิ่นนานครึ่งค่อนวันก็คงไม่มาคุณหนูจวินยิ้ม“รบกวนกงกงแล้ว” นางเอ่ยขันทีให้ขันทีตัวน้อยคนหนึ่งไปด้านในตำหนักเป็นเพื่อนคุณหนูจวิน ส่วนตนเองรีบร้อนไปทางด้านหลังคุณหนูจวินก็ไม่รีบร้อนเดินช้าอ้อยอิ่งตามขันทีตัวน้อยไป ผลสุดท้ายเพิ่งก้าวเข้ามาในตำหนักก็ได้ยินฝีเท้าเร็วไวดังขึ้นด้านหลังร่าง ราวกับมีคนวิ่งเร็วรี่มา คุณหนูจวินไม่ทันรู้ตัวก็หันกลับไป มองเห็นจิ่วหรงวิ่งจี๋มาวิ่งจี๋แทบจะพริบตาเดียวก็วิ่งเข้ามาในตำหนักคุณหนูจวินมองเขาเหมือนย้อนกลับไปก่อนหน้านี้อีกครั้ง นางกลับมาจากข้างนอกฉลองปีใหม่ ทุกครั้งเพิ่งก้าวเข้าประตูวัง จิ่วหรงก็จะเป็นคนแรกที่วิ่งอออกมาต้อนรับนางตั้งแต่หนึ่งขวบเดินเตาะแตะ สองขวบเดินมั่นคง สามขวบวิ่งฉิว เขามักจะเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวในสายตาของตนเสมอคุณหนูจวินมองเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงประตู เพราะหันหลังให้แสงจึงมองเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเขาจ้องมองนาง ประหนึ่งคาดหวังทั้งยังเหมือนหวั่นกลัวอะไรคุณหนูจวินดวงตาร้อนผ่าว นางดั่งเช่นไม่รู้ตัวหมุนกายก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว พร้อมกันนั้นก็ยื่นมือออกมาเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงประตูฉับพลันดุจเหยียบบนหนังยาง ฟึบโผตรงเข้ามาโผครั้งนี้ข้ามผ่านเวลาข้ามผ่านพื้นที่ มือของคุณหนูจวินรับเขาไว้มั่นคง ไหลตามแรงกอดไว้หมุนรอบหนึ่งสายตาพร่ามัว ส่วนในหูเสียงเด็กน้อยใสกังวานเบิกบานเดี๋ยวไกลทั้งเดี๋ยวใกล้ดังขึ้น“ท่านพี่!”“ท่านพี่!”ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว!ท่านพี่ จิ่วหรงคิดถึงท่านมาก!การเคลื่อนไหวนี้ราวกับเกิดขึ้นในพริบตา กระทั่งคนที่ขยับยังเหมือนจะตอบสนองไม่ทันนอกจากนี้จิ่วหรงก็ไม่ใช่เด็กน้อยอายุสามสี่ขวบแล้ว คุณหนูจวินกลับยังคงอายุสิบห้าสิบหกปีการโผกอดหมุนกะทันหันนี่ คุณหนูจวินผู้ผอมบางเท้าโซเซอยู่บ้างจิ่วหรงก็เขย่งเท้ายันพื้นเช่นกันสองคนชั่วขณะนิ่งค้าง ในห้องแสงตะวันสว่างไสว ดวงตาโตสบดวงตาเล็กแสงเลือนรางพร่ามัวถอยหาย สองคนที่ยืนอยู่ใกล้กันปานนี้มองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเด็กสาวตรงหน้าแม้ไม่นับเป็นคนแปลกหน้า แต่สำหรับจิ่วหรงแล้วก็ยังแปลกหน้านักบนหน้าเด็กน้อยความลำบากใจปรากฏ เพราะเสียกิริยาต่อหน้าคนแปลกหน้า ยังสับสนอยู่เล็กน้อย ราวกับสับสนว่าตนเองทำไมทำท่าทางเช่นนี้ออกมาได้คุณหนูจวินก็ลำบากใจอยู่บ้างเช่นกัน ก็เพราะการกระทำของตนเองเหมือนกันเด็กน้อยเฉียบไวจริงๆ หลังครั้งก่อนตีเขายกหนึ่ง จิ่วหรงก็รู้สึกว่าตนเองคล้ายองค์หญิงจิ่วหลิงจริงๆ แล้วเด็กน้อยย่อมไม่คิดมากเช่นนั้นเหมือนผู้ใหญ่ ดังนั้นจึงทำเรื่องหลายอย่างตามความรู้สึกแต่จิ่วหรงทำตามความรู้สึกได้ นางทำไม่ได้ทั้งสองคนแข็งค้าง บรรยากาศในตำหนักกลายเป็นแปลกพิกล……………………………………….
คอมเม้นต์