Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 95 ไม่มีสิ่งใดให้กังวล
ไม่มีคำพูดฟุ่มเฟือย มีเพียงคำเดียวกับการกระทำเดียวนี้ความหมายนี้หาใช่เชื้อเชิญนางเข้าห้องอีกครั้ง แต่เป็นต้องการให้นางวางมือลงบนมือเขา ให้มือของนางตกอยู่ในมือของเขา อยู่ในกำมือเขา กลายเป็นของๆ เขาคุณหนูจวินไม่ได้ก้าวเข้าไป แต่ถอยหลังก้าวหนึ่งลู่อวิ๋นฉีก็ไม่ได้ก้าวเท้ามาหรือเอ่ยคำพูดอีก เพียงยืนอยู่บนขั้นบันไดยื่นมือให้ รอคอยอย่างเฉยชาและมั่นใจ“ข้าจะออกจากเมืองหลวง” คุณหนูจวินมองเขาเอ่ยว่า “ไปตอนนี้เดี๋ยวนี้”ไม่ใช่มาแต่เป็นไป นี่ไม่เพียงไม่ตกลงเงื่อนไขของอีกฝ่าย ตรงกันข้ามต้องการบีบสินะ?ลู่อวิ๋นฉีมองนางครู่หนึ่งพลันวางมือลง“ก็ได้” เขาเอ่ย “ตกลง”พูดจบก็ตะโกนเรียกให้คนมาไม่รู้องครักษ์เสื้อแพรคนหนึ่งโผล่มาจากไหน ยืนอยู่หลังร่างคุณหนูจวินลู่อวิ๋นฉียกมือให้เขานิดหนึ่ง คนผู้นี้ก็ขานรับ เบี่ยงกายหลีกทาง“คุณหนูจวิน โปรดตามข้ามา” เขาเอ่ยคุณหนูจวินไม่มองลู่อวิ๋นฉีอีก หมุนตัวตามองครักษ์เสื้อแพรคนนั้นออกไป สายตาด้านหลังร่างถูกกำแพงอาคารกั้นขวางอย่างรวดเร็วยิ่งมองแผ่นหลังของเด็กสาวหายไป หัวหน้ากองร้อยเจียงที่เดินเข้ามาจากด้านข้างอดไม่ได้ลูบศีรษะเมื่อครู่บทสนทนาของพวกเขา เขาฟังไม่เข้าใจจริงๆ“ให้นางไปพบจูจั้นจริงๆ หรือขอรับ?” เขาเอ่ยถาม“มีอะไรน่ากังวลล่ะ” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยนี่แน่นอนไม่ใช่คำถาม ถามว่าคุณหนูจวินไปพบจูจั้น รักษาอาการบาดเจ็บให้จูจั้นหายดีจะทำอย่างไร? พาคนอื่นเข้าคุกมีแผนลับจะทำอย่างไร? ฮ่องเต้ทรงทราบไม่พอใจจะทำอย่างไร?ลู่อวิ๋นฉีเพียงแค่เอ่ยบอก มีอะไรน่ากังวลเล่า รักษาบาดแผลให้จูจั้นจนหายดีแล้วอย่างไร พาคนอื่นเข้าคุกวางแผนลับแล้วยังไง หากฮ่องเต้ต้องการให้คนผู้หนึ่งตาย ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องตาย เขาก็ต้องให้เขาตายแน่นอน ไม่ว่าเขาบาดเจ็บหรือไม่บาดเจ็บ ไม่ว่าเขากับผู้อื่นมีหรือไม่มีแผนลับไม่มีอะไรน่ากังวลหัวหน้ากองร้อยเจียงลูบศีรษะ ครั้งนี้ไม่ใช่ไม่เข้าใจแต่กระจ่างแจ้งแล้ว ทว่าเขาก็อดไม่ได้ขมวดคิ้ว“ให้นางไปจริงๆ หรือขอรับ?” เขาเอ่ยถามใต้เท้าลู่มองนอกประตูเรือน“มีสิ่งใดไม่ได้เล่า” เขาเอ่ย “ขอแค่นางยังมีชีวิตอยู่ จะหนีไปที่ไหนได้”เขาหมุนตัวไพล่มือไว้หลังร่าง มือที่ไพล่อยู่ด้านหลังร่างกำอยู่ใต้หล้านี้ที่ใดล้วนมีองครักษ์เสื้อแพร ขอเพียงนางมีชีวิตอยู่ย่อมหนีไม่พ้นกลางฝ่ามือของเขาตรงกันข้ามออกจากเมืองหลวง ออกจากคนที่สนใจนางและความต้องการของประชาชนที่โหมซัดเหล่านี้ ก็ยิ่งกระทำการง่ายนอกเมืองหลวง ทางเส้นน้อยระหว่างขุนเขา ชนบทรกร้างห่างไกล คนผู้หนึ่งฉับพลันหายไป นี่ย่อมไม่อาจกล่าวโทษตำหนิเขาลู่อวิ๋นฉีได้แล้วกระมังใครจะรู้ว่าถูกหมาป่าคาบไปแล้วหรือถูกขอทานลักตัวไปที่แท้เป็นเช่นนี้เองคุณหนูจวินคนนี้ก็ขบคิดถึงจุดนี้ ดังนั้นจึงยินดีทิ้งเมืองหลวงปราการอันนี้ ทำให้ตนเองถูกลู่อวิ๋นฉีควบคุมง่ายยิ่งขึ้นมาเป็นเงื่อนไขแลกเปลี่ยนเดิมทีจากไปด้วยกันกับท่านจอหงวนหนิงอวิ๋นเจาได้ ผลสุดท้ายเวลานั้นไม่ไป เวลานี้เพื่อจูจั้นคนนี้กลับจะไปแล้วผู้หญิงคนนี้ชอบใครมากกว่า?คิดเหลวไหลวุ่นวายอะไร หัวหน้ากองร้อยเจียงส่ายศีรษะ ขับไล่ความคิดเหลวไหลไร้สาระเหล่านี้ออกไปไม่ว่านางชอบใครมากกว่า นางล้วนเป็นของหัวหน้ากองพันลู่ จุดนี้ไม่ต้องสงสัยหัวหน้ากองร้อยเจียงมองดูแผ่นหลังของเด็กสาวคนนั้น ท่าทางผ่อนคลายกระหยิ้มยิ้มย่องอยู่บ้าง หมุนตัวตามลู่อวิ๋นฉีไปคุณหนูจวินหยุดยืนอยู่ในลาน“ข้ายังมีสหายไม่กี่คน อยากให้พวกเขาตามข้าเข้าไปด้วย” นางเอ่ยกับองครักษ์เสื้อแพรที่นำทางองครักษ์เสื้อแพรสีหน้าลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ยังตอบรับอย่างนอบน้อมไม่คัดค้านและไม่ตั้งคำถาม เชื่อฟังคำพูดของนาง การปฏิบัติเช่นนี้ทำให้คนหวั่นไหวนัก ลุ่มหลงนักจริงๆ“ขอรับ ข้าจะไปเชิญพวกเขาเข้ามาตอนนี้” เขาเอ่ย “คุณหนูจวินโปรดรอสักครู่”…มองเห็นคุณหนูจวินยืนอยู่ในลาน จางเป่าถังรีบเพิ่มความเร็วฝีเท้า สีหน้าประหลาดใจอยู่บ้างแล้วก็ปั้นยากอยู่บ้าง“คุณหนูจวิน ครั้งนี้ลำบากท่านช่วยเหลือแล้ว” เขาเอ่ย มองประเมินคุณหนูจวินอย่างระมัดระวังคุณหนูจวินเสื้อผ้าเรียบร้อย ผมเผ้าไม่ยุ่งเหยิง สีหน้าก็ยังคงนิ่งสงบดั่งเดิมดูไปแล้วไม่ได้ถูกล่วงเกินความคิดแล่นผ่านเขาก็โล่งใจทั้งหน้าแดงเล็กน้อย ให้เด็กสาวคนหนึ่งตกอยู่ในอันตรายอาจถูกผู้อื่นข่มเหง พวกเขาในฐานะบุรุษได้แต่มองช่างน่าอับอายนักจริงๆคุณหนูจวินไม่ได้สนใจความคิดเล็กน้อยของเขา ประหลาดใจอยู่บ้างมองคนที่เข้ามานอกจากพวกเขาพี่น้องไม่กี่คนที่เห็นอยู่ตรงทางเข้าประตูเมื่อครู่ ท่านหมอเหลียงจากไปแล้ว แต่มีทหารตัวหนาล่ำบึกสิบกว่าคนเพิ่มมาคนที่ประหลาดใจไม่ใช่แค่คุณหนูจวิน ยังมีองครักษ์เสื้อแพรด้วย“ให้พวกเจ้าไม่กี่คนเข้ามา พวกเขาทำไมมามากปานนี้?” องครักษ์เสื้อแพรที่เป็นหัวหน้าหน้าทะมึนเอ็ดซื่อเฟิ่งมองเขาทีหนึ่ง“นี่โทษพวกเราไม่ได้นะ” เขาเอ่ยจริงจังพูดบ้าอะไร หรือจะโทษพวกเขารึ? พวกองครักษ์เสื้อแพรขมวดคิ้วซื่อเฟิงมองรอบด้านนิดหนึ่ง“ที่นี่เป็นถึงกรมสืบสวนฝ่ายเหนือ สถานที่ซึ่งน่าขนลุกยิ่งน่ากลัวยิ่ง แค่พวกเราบุรุษอ่อนแอไม่กี่คนย่อมไม่กล้าเข้ามา” เขาเอ่ย ทำท่าทางหวาดกลัวอยู่บ้าง “แน่นอนต้องเรียกคนมามากหน่อยเรียกความกล้า”พูดจบก็โบกมือนิดๆ“เร็วๆ เดินๆ”เมื่อเขาเอ่ยทัก บรรดาทหารก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เบียดบรรดาองครักษ์เสื้อแพรที่ยืนอยู่ด้านหน้าออก“ใต้เท้า นี่…” พวกองครักษ์เสื้อแพรท่าทางโมโหอยู่บ้างเอ่ยถามองครักษ์เสื้อแพรที่เป็นหัวหน้ามองดูที่ๆ ลู่อวิ๋นฉีอยู่ทีหนึ่ง แล้วมองคุณหนูจวินอีกทีหนึ่ง ส่ายศีรษะโบกมือบรรดาองครักษ์เสื้อแพรจึงอดกลั้นความโมโห มองดูคนกลุ่มนี้แห่ไปทางที่ซึ่งคุกหลวงตั้งอยู่แม้จะเตรียมตัวมาก่อนแล้ว แต่นาทีนั้นที่ก้าวเข้าไปในคุกหลวง พวกซื่อเฟิ่งกับจางเป่าถังก็ยังส่งเสียงด่าออกมาสภาพแวดล้อมนี่ กลิ่นนี่ ยังมีคนที่นอนคว่ำอยู่บนบานประตูอีกเสียงด่าทอในห้องดังไม่หยุด ยังมีหลายคนโผเข้าไปคว้าองครักษ์เสื้อแพรด้านข้างถ่มน้ำลายใส่หน้า“ทรมานเร่งให้รับสารภาพใช่หรือไม่!”“เวรตะไลเอ้ย!”เสียงด่าดังระงม คนกลุ่มหนึ่งผลักๆ ดันๆ จะตีกันขึ้นมาคนขององครักษ์เสื้อแพรครั้งนี้ไม่ได้สวนกลับ“นี่เป็นคุกหลวง พวกเจ้าคุณชายผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ รู้ว่าสิ่งใดเรียกคุกไหม?” องครักษ์เสื้อแพรที่เป็นหัวหน้าเอ่ยหยัน “เข้าคุกจะได้เสพสุขรึ?”พวกเขาไม่เคยมาแล้วก็ไม่เคยอยู่ในคุกมาก่อนจริงๆซื่อเฟิงห้ามผู้คนที่โวยวายไว้“พวกเจ้าออกไปให้หมด” เขาเอ่ยกับบรรดาองครักษ์เสื้อแพรพวกองครักษ์เสื้อแพรสบตากันยืนไม่ขยับ“ทำไม? กลัวพวกเราแหกคุกรึ?” ซื่อเฟิ่งคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเอ่ย “พวกเจ้ายกยอพวกเราเกินไปหรือว่าพวกเจ้าดูถูกพวกเจ้าเองเกินไป?”พวกองครักษ์เสื้อแพรสบตากันทีหนึ่ง ไม่รอพวกเขาเอ่ยอะไรอีก บรรดาทหารก็แห่เข้ามาผลักพวกเขาออกไป ด้านนอกเสียงโวยวายเอะอะ แต่พวกองครักษ์เสื้อแพรไม่ได้เข้ามาอีก“พี่ใหญ่ พี่สาม พวกท่านเฝ้าไว้” ซื่อเฟิ่งเอ่ยกับอีกสองคน ชี้รอบๆนี่อย่างไรก็เป็นคุกใหญ่ขององครักษ์เสื้อแพร แม้คนถอยออกไป ใครจะรู้ว่าในที่ลับมีหรือไม่มีหูตาซ่อนอยู่อีกพี่น้องสองคนเข้าใจ พยักหน้าตามออกไปแล้ว“พี่รอง!” จางเป่าถังก้าวเข้าไปจูจั้นที่โอบเตียงไม้กระดานอยู่เสียงดังขนาดนี้ จูจั้นที่นอนคว่ำหันหน้าเข้าด้านในก็ยังนิ่งไม่ขยับมาตลอด ประหนึ่งหมดสติ……………………………………….
คอมเม้นต์