Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 94 ไปถามเงื่อนไขของเขา
เรื่องนี้ เดิมนางก็เคยบอกว่าจะไปเฉินชีปลอบตนเองให้สงบลง“เสียนอ๋องส่งนางไปหรือ?” เขาทำท่าเข้าใจอยู่บ้างเอ่ยถามหลิ่วเอ๋อร์เข้ามาแล้ว ได้ยินเข้าขมวดคิ้ว“เสียนอ๋องส่งนางไปอะไรเล่า” นางเอ่ย “คุณหนูเสร็จธุระกับเสียนอ๋องแล้วก็ไปธุระของตนเองสิ”หมายความว่าอะไร?เฉินชีกับผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองนาง ในใจความคิดย่ำแย่ผุดออกมา“นางไม่ได้พูดกับเสียนอ๋องขอให้ช่วยเรื่องไปพบบุตรชายเฉิงกั๋วกงหรือ?” สองคนต่างปากเอ่ยเป็นเสียงเดียวหลิ่วเอ๋อร์ส่ายศีรษะ“แน่นอนไม่ได้พูดสิ” นางว่า “ไม่ใช่เสียนอ๋องขอให้คุณหนูช่วยหรือ? ทำไมคุณหนูต้องขอให้เสียนอ่องช่วยด้วย?”เพราะเจ้ามันเป็นคนโง่เฉินชีถลึงตาคุณหนูจวินคนนั้นก็เป็นคนโง่เหมือนกัน!โอกาสดีปานนี้กลับไม่ใช้ ถึงกับหาญกล้าไปหาลู่อวิ๋นฉีตัวคนเดียว?บ้าไปแล้วรึ?แน่นอนคุณหนูจวินไม่ได้บ้า นางขอให้เสียนอ๋องช่วยสิถึงบ้าเสียนอ๋องมาช่วยตนก็เรียกสายตามากพอแล้ว ไปยุ่งกับลู่อวิ๋นฉีเพื่อจูจั้นอีก ฮ่องเต้ต้องอยากถามว่าเขาคิดจะทำอะไรแน่นี่สรุปสุดท้ายแล้วก็เป็นความขัดแย้งของนางกับลู่อวิ๋นฉี ยังไงก็อย่าให้เกี่ยวข้องกับคนมากเกินไปเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนที่ใส่ใจพวกนางสามพี่น้องรถม้าหยุดนอกประตูกรมสืบสวนฝ่ายเหนือ คนรถสูดหายใจลึกทีหนึ่ง มีประสบการณ์จากการไปจวนสกุลลู่ครั้งก่อน ครั้งนี้จอดอยู่ที่นี่ แม้ขาของเขายังคงอ่อนแรงอยู่บ้าง แต่ดีร้ายก็ยังยืนมั่นคง“คุณหนู ถึงแล้วขอรับ” เขาเอ่ยคุณหนูจวินลงจากรถม้า ยังไม่ทันก้าวเดินก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าเร่งรีบดังขึ้น“คุณหนูจวิน?”เสียงบุรุษหลายคนดังขึ้นคุณหนูจวินหันกลับไปมอง เห็นเป็นพวกซื่อเฟิ่งกับจางเป่าถัง“คุณหนูจวินท่านมาแล้ว ดีเหลือเกิน” จางเป่าถังเอ่ยพลิกกายลงจากม้า แล้วหันกลับไปมองบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งหลังร่าง “หมอหลวงเหลียงเจ้ากลับไปได้แล้ว”“โปรดรอก่อน” ซื่อเฟิ่งรีบเอ่ย มองคุณหนูจวินสีหน้ายุ่งยาก “ยังไงให้หมอหลวงเหลียงทำเถอะ”จางเป่าถังร้องเอ๋ทีหนึ่ง“แต่คุณหนูจวินวิชาแพทย์ดีกว่าหมอหลวงเหลียงนะ” เขาเอ่ย พูดจบก็รีบมองหมอหลวงเหลียง ท่าทางรู้สึกผิด “หมอหลวงเหลียงข้าไม่ใช่บอกว่าเจ้าไม่ดี…”หากเป็นก่อนหน้านี้คำพูดนี้อาจทำให้หมอหลวงอับอายโกรธเกรี้ยว แต่ตอนนี้สำหรับหมอหลวงมากมายไม่มีทางไม่รอจางเป่าถังเอ่ยจบ หมอหลวงเหลียงก็รีบโบกมือ“ไม่ ไม่ วิชาแพทย์ของคุณหนูจวินดีกว่าข้า” เขาเอ่ยสีหน้าจริงใจ “มีคุณหนูจวินยิ่งดี”คุณหนูจวินคำนับหมอหลวงเหลียงซื่อเฟิ่งส่ายศีรษะ“ไม่ได้พูดถึงปัญหาเรื่องวิชาแพทย์” เขาว่า ยิ้มเฝื่อนนิดหนึ่ง “คุณหนูจวิน นี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเรามาแล้ว ยังไม่แน่ว่าจะเข้าไปได้ หากพาท่านไปด้วยต้องเข้าไปไม่ได้แน่ เขาจะอนุญาตให้ท่านไปดูบาดแผลของท่านชายได้อย่างไร”จางเป่าถังตอนนี้ถึงเข้าใจสนใจแต่วิชาแพทย์ของคุณหนูจวิน ลืมแล้วว่าลู่อวิ๋นฉีต้องการกดดันคุณหนูจวินยามรักษาคน สร้างความลำบากให้นาง บีบบังคับนาง กระทั่งคนอื่นตรวจรักษายังไม่อนุญาต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจูจั้นแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงจูจั้นขวางลู่อวิ๋นฉีจากการรังแกคุณหนูจวินหลายครั้ง สองคนเพื่อแย่งชิงคุณหนูจวินเรียกได้ว่าเป็นศัตรูความรัก ศัตรูความรักเห็นหน้ากันก็ตาแดงเป็นพิเศษแล้ว คุณหนูจวินคนนี้ยังจะเป็นห่วงจูจั้นต่อหน้าลู่อวิ๋นฉี เป็นบุรุษคนใดล้วนต้องไม่พอใจจางเป่าถังด่ามารดามันคำหนึ่ง“โทษโบยของท่านชายเป็นอาการบาดเจ็บภายนอก ตอนนี้ยังไม่ต้องให้คุณหนูจวินลงมือ ที่สำคัญที่สุดคือมีหมอที่พึ่งพาได้คนหนึ่งดูสักหน่อยก็พอแล้ว” เขาเอ่ยคำนับคุณหนูจวิน “คุณหนูจวินไม่ต้องให้ท่านกังวล”คุณหนูจวินส่ายศีรษะ“ยังไงก็ให้ข้าเองเถอะ” นางเอ่ย “ไม่เช่นนั้นพวกท่านก็เข้าไปไม่ได้”จางเป่าถังอึ้งไปนิดหนึ่งนี่หมายความว่าอย่างไร? หรือว่านางจะทำให้พวกเขาเข้าไปได้?นี่นางจะ…“ข้าจะไปพบลู่อวิ๋นฉี” คุณหนูจวินเอ่ย “พวกท่านรอสักครู่”พูดจบไม่รอพวกซื่อเฟิ่งจางเป่าถังเอ่ยวาจาก็หมุนตัวเดินไปที่ประตูใหญ่กรมสืบสวนฝ่ายเหนือประตูใหญ่นี้เคยถูกจูจั้นใช้หีบเขวี้ยงใส่มาก่อน ตรงที่เสียหายย่อมซ่อมแซมเสร็จดีแล้ว องครักษ์เสื้อแพรสองคนยืนอยู่ที่ประตู ราวกับไม่เห็นพวกเขาที่คุยกันอยู่นอกประตูแบบนี้ไม่ดีกระมังจางเป่าถังก้าวเท้าจะร้องเรียกนาง แต่ถูกซื่อเฟิ่งขวางไว้“นางพูดถูก” เขาเอ่ย “บางทีอาจมีเพียงนางถึงทำให้พวกเราเข้าไปพบพี่รองได้”จางเป่าถังมองดูคุณหนูจวินที่ยืนอยู่ตรงหน้าองครักษ์เสื้อแพร“นางจะทำได้ยังไง…” เขาเอ่ย เสียงยังไม่ทันสิ้นก็เห็นองครักษ์เสื้อแพรผู้เดิมทีประหนึ่งหลักไม้มนุษย์คนนั้นค้อมกายคำนับคุณหนูจวินอย่างนอบน้อมเอาเถอะ จางเป่าถังกลืนคำพูดที่เหลือกลับลงไป มองดูคุณหนูจวินเดินเยื้องย่างเข้าไปเห็นชัดมากว่าองครักษ์เสื้อแพรเหล่านี้ไม่ได้นอบน้อมเช่นนี้เพราะนางเป็นหมอเทวดา แต่ถูกลู่อวิ๋นฉีสั่งมาสั่งเช่นนี้ตลอด หรือคำนวณแล้วว่าครั้งนี้คุณหนูจวินจะส่งตนเองมาถึงประตู?“แต่ นี่นางจะไปขอร้องลู่อวิ๋นฉีสินะ” เขาสีหน้ายุ่งยากเอ่ย “ลู่อวิ๋นฉีต้องเสนอเงื่อนไขแน่เลย หาก…”หาก ลู่อวิ๋นฉีต้องการนางเป็นอนุภรรยาเล่า?นางก็จะตกลงหรือ?คุณหนูจวินเข้าประตูกรมสืบสวนฝ่ายเหนือเป็นครั้งแรกอิฐเขียวกำแพงเทา พรมน้ำกวาดสะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่มีขุนนางวิ่งวุ่นไปมา รอบด้านเงียบสงบ เทียบกับกรมอื่นๆชวนให้สบายใจมากกว่าอยู่บ้างน่าขำจริงๆ ถึงกับรู้สึกว่ากรมสืบสวนฝ่ายเหนือที่ผู้คนได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้าชวนให้สบายใจ บางทีอาจเพราะองครักษ์เสื้อแพรที่พบล้วนนอบน้อมมีมารยาท เบี่ยงกายหลีกหลบพร้อมกับชี้ทางไม่มีใครอยากพบลู่อวิ๋นฉี แล้วก็ไม่มีใครพบลู่อวิ๋นฉีได้ง่ายดายเช่นนี้ด้วยนอกเสียจากลู่อวิ๋นฉียินยอม รวมถึงรอคอยอยู่ก่อนแล้วคุณหนูจวินเดินตามการนำทางมาถึงหน้าห้องทำงานห้องหนึ่งที่นี่ยังคงเป็นอิฐเขียวกำแพงเทา ลู่อวิ๋นฉีทั้งร่างอาภรณ์สีแดงสดยืนอยู่ใต้ชายคาไม่ได้สะดุดตาเป็นพิเศษ ตรงกันข้ามกลับกลืนเป็นร่างเดียวไปกับสีเทาหม่นนี้“เจ้ามาแล้ว” เขายิ้มเล็กน้อยเอ่ยเหมือนนายท่านผู้กระตือรือร้นต้อนรับแขกที่รอคอยมานานคุณหนูจวินหยุดยืน“ไม่เข้ามานั่งเล่า?” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยถาม พลางเบี่ยงกายทำท่าเชิญ“เงื่อนไขอะไรข้าถึงพบเขา รักษาแผลให้เขาได้?” คุณหนูจวินไม่ได้ตอบคำถาม แต่เอ่ยถามเข้าประเด็นลู่อวิ๋นฉีถอยหายใจเบาๆ“เจ้าคิดถึงบุรุษอื่นเช่นนี้ จะทำให้ข้าไม่ชอบใจ” เขาเอ่ยคุณหนูจวินมองเขา ในใจมีรสชาติที่บอกไม่ถูกนิดๆประโยคนี้ก่อนหน้านี้เขาก็เคยพูดกับนาง บังเอิญหรือไม่บังเอิญก็เหมือนจะเพราะจูจั้นเช่นเดียวกัน รายละเอียดจำได้ไม่ชัดแล้วว่าพูดเรื่องอะไร อาจกำลังพูดถึงเรื่องอะไรของขุนนางคนอื่น เอ่ยถึงเฉิงกั๋วกง ทันใดนั้นนางก็คิดถึงจูจั้นที่ทะเลาะกับเสียนอ๋องคนนั้นขึ้นมา จึงถามไปตามเรื่องประโยคหนึ่งว่าทำไมไม่เห็นเขามาเมืองหลวงอีกเลยลู่อวิ๋นฉีตอนนั้นไม่ตอบ เอ่ยคำพูดประโยคหนึ่งเช่นนี้ออกมาคำพูดนี้ย่อมเป็นการล้อเล่น เป็นคำแสดงความรักระหว่างคนรัก เขาย่อมไม่ได้โกรธจริงๆ ส่วนนางก็ถูกล้อจนหัวเราะใหญ่บนหน้าลู่อวิ๋นฉีเวลานี้ก็ไม่มีความโกรธหรือความไม่พอใจ พูดประโยคนี้จบก็หัวเราะอีกครั้ง“แน่นอนข้าย่อมไม่มีทางไม่ชอบใจ” เขาเอ่ยอีกครั้ง “ขอแค่เจ้ามาก็พอ”คุณหนูจวินเงียบงันคำพูดนี้แน่นอนไม่ใช่ปลอบประโลมแสดงความใจกว้างของเขา ความหมายของเขายังคงหมายถึงความหมายนั้น ไม่สนเป้าหมายของนาง ไม่สนว่านางทำเพื่ออะไร แล้วก็ไม่สนว่านางดีใจหรือโศกเศร้า ขอเพียงนางมา ขอเพียงนางอยู่ในการควบคุมของเขานางไม่ใช่องค์หญิงจิ่วหลิงของเขา สิ่งที่เขาต้องการก็คือตัวแทนขององค์หญิงจิ่วหลิงเท่านั้น ขอเพียงตัวแทนนี่อยู่ตรงหน้าและในกำมือก็พอแล้ว ส่วนนางพอใจหรือไม่ เขาไม่ใส่ใจสักนิดในสายตาเขานางเป็นแค่ของชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนผู้หนึ่ง ก็เหมือนกับผู้หญิงที่เลี้ยงไว้ในจวนข้างนอกเหล่านั้น“เงื่อนไขง่ายนัก” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ย ยื่นมือมาหานาง “มา”เขายืนอยู่บนขั้นบันได จากข้างบนยื่นมือข้างหนึ่งลงมา……………………………………….
คอมเม้นต์