Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 82 ใช้ความตายแลกความตาย
นี่ก็คือสิ่งที่ได้ตอบกลับเมื่อเลือกอย่างไรไป ใต้เท้าหวงกับใต้เท้าน้อยหวงเป็นคนที่ถูกฮ่องเต้เลือกเพราะมีประโยชน์กับตนเอง แต่กับประชาชนแล้วไม่ใช่มีประโยชน์เสียงกีบเท้าม้าเร่งรีบพักหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ขัดเสียงแผ่วเบาของชาวบ้านฝั่งนี้ ชาวบ้านบนถนนดั่งน้ำหลากแหวกออก“องครักษ์เสื้อแพร!”“หัวหน้ากองพันลู่!”เสียงวิพากษ์วิจารณ์แผ่วเบากระจายออกไปจากนั้นก็ตกสู่ความเงียบ นอกจากคนด้านนั้นของใต้เท้าน้อยหวงร้องตะโกนโหวกเหวก ไม่มีเสียงอื่นคุณหนูจวินถูกฝูงชนที่เบียดเสียดผลักไปถึงด้านหลัง แต่สายตาของลู่อวิ๋นฉียังคงมองข้ามมาคุณหนูจวินไม่ได้หลบเลี่ยง เพราะสายตาของลู่อวิ๋นฉี คนรอบด้านจึงล้วนมองข้ามมาด้วย ตอนนี้ถึงสังเกตเห็นคุณหนูจวินฝูงชนขยับวุ่ยวายพักหนึ่ง แต่ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยคำพูดลู่อวิ๋นฉีก็ไม่ได้เอ่ยคำพูด รั้งสายตากลับไปมองเห็นลู่อวิ๋นฉีมา ผู้คนของตระกูลหวงก็หลีกทางให้เผยคนสองคนที่นอนอยู่บนพื้นทั้งสองคนล้วนถูกคนหลายคนล้อมไว้ ต่างก็มีรอยเลือดเปรอะเปื้อนเป็นดวงๆลู่อวิ๋นฉีลงม้าเดินไปถึงข้างกายใต้เท้าน้อยหวง ใต้เท้าน้อยหวงยังไม่ตาย กำลังเบิกตาส่งเสียงอึกๆ อักๆ มือยังคงกุมลำคอ กริชที่แทงทะลุหลังมือแทบจมมิดเห็นได้ว่าคนที่แทงเข้าไปทุ่มเรี่ยวแรงมากเท่าไรเลือดยังคงทะลักออกมา คนที่ล้อมใต้เท้าน้อยหวงอยู่อุดบาดแผลไว้อย่างระมัดระวัง ไม่กล้าแตะกริชสักนิด“…ดึงไม่ได้เด็ดขาด…” ท่านหมอตระกูลหวงเอ่ย “ตอนนี้มีกริชอุดอยู่ นายท่านถึงยังมีลมหายใจ ดึงปุบก็ไร้ทางช่วยอย่างสิ้นเชิงแล้ว”ลู่อวิ๋นฉีรั้งสายตากลับแล้วมองไปอีกด้านหนึ่งอีกด้านหนึ่งคือเด็กสาวคนหนึ่ง ขาถูกฟันจนบาดเจ็บเหมือนตุ๊กตาผ้าขาดวิ่นตัวหนึ่งนอนอยู่บนพื้น รอยเลือดย้อมพื้นดินเป็นสีแดง แต่นางก็ยังไม่ตายเช่นกัน นอกจากนี้บนหน้านางไม่เพียงไม่มีความเจ็บปวดตรงกันข้ามยังมีรอยยิ้ม ดวงตาโตทั้งสองข้างเพียงมองใต้เท้าน้อยหวงนิ่ง สุกใสประหนึ่งดวงดารานางยังไม่ตาย ไม่ใช่เพราะองครักษ์ของตระกูลหวงตกใจกลัวใจอ่อนไม่กล้าฆ่าสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง“นางต้องมีพรรคพวกแน่!” หลายคนชี้เด็กสาวผู้หายใจรวยรินบนพื้น แล้วมองลู่อวิ๋นฉีอีกครั้ง พวกเขาร้องตะโกนโกรธแค้น “ใต้เท้าลู่ พวกท่านต้องสอบเค้นออกมาให้ได้ นี้ไม่สนกฎหมายไม่สนกฎฟ้าเกินไปแล้วจริงๆ!”ลู่อวิ๋นฉีไม่ได้สนใจอารมณ์เดือดดาลของพวกเขา มองดูสถานการณ์น่าเวทนากะทันหันนี่ สีหน้ายังคงนิ่งสนิท มองดูเด็กสาวคนนั้นทีหนึ่ง“หลานสาวของว่านต้าชุนเจ้ากรมโยธาธิการ” เขาเอ่ยได้ยินชื่อนี้ปุบ ผู้คนตระกูลหวงพลันกระจ่าง ชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบด้านใกล้ๆ ได้ยินก็พลันกระจ่างด้วย ในเวลาเดียวกันสีหน้าก็ยิ่งสงสารคำพูดนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว คุณหนูจวินก็ได้ยินแล้วเช่นกันว่านต้าชุนรึ นั่นน่าเวทนายิ่งนักจริงๆสามปีก่อนว่านต้าชุนเจ้ากรมโยธาธิการฟ้องใต้เท้าน้อยหวงทุจริตกินเงินก่อสร้างทางแม่น้ำ จนทำให้สามเมืองของเจียงหนานถูกท่วมชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนเพราขุนนางตำแหน่งเจ้ากรมยื่นฟ้องบวกกับอุทกภัยคนบาดเจ็บล้มตายมากมาย ราชสำนักจึงต้องตรวจสอบคดี หลังตั้งคดีตรวจสอบ ว่านต้าชุนกลับพาคนทั้งบ้านเฒ่าชราเด็กน้อยเผาตัวตายในจวน ในเวลาเดียวกันก็เผาสมุดบัญชีการสร้างทางน้ำที่กรมโยธาธิการรวบรวมจะส่งมอบให้ราชสำนักไปด้วยหลังว่านต้าชุนตาย รวบรวมสมุดบัญชีใหม่กลับพบว่าสิ่งที่บันทึกไว้ในสมุดบัญชีนี้ไม่ใช่ใต้เท้าน้อยหวงทุจริต แต่เงินจำนวนมากล้วนถูกว่านต้าชุนยึดไปฮ่องเต้พิโรธหนัก แม้ว่านต้าชุนตายก็ถูกตัดสินโทษเรื่องนี้ดูไปแล้วสมเหตุสมผลมีหลักฐาน ว่านต้าชุนกลัวโทษจึงฆ่าตัวตาย ทั้งยังมีสมุดบัญชีถวาย แต่สำหรับคนมากมายแล้ว เรื่องนี้ยังมีจุดน่าสงสัยมากมาย ในเมื่อว่านต้าชุนทุจริต ทำไมเริ่มแรกเขาจึงเสนอให้ตรวจสอบ นั่นไม่ใช่ยกหินทับเท้าตนเองหรือ?ทางการอธิบายว่าว่านต้าชุนเป็นโจรร้องให้จับโจร หมายมาดล้างมลทินให้ตนเอง ฉวยโอกาสที่ใต้เท้าหวงรักษาอาการป่วยอยู่ที่บ้าน ปัดโทษมาไว้ที่ตัวใต้เท้าหวง เพื่อจะได้แย่งโอกาสกลายเป็นมหาบัณฑิตแห่งสภาอำมาตย์คนต่อไปต่อมามีชาวบ้านผู้ประสบภัยหลายคนมายังเมืองหลวง บอกว่าต้องการคารวะขอบคุณใต้เท้าว่าน บอกว่าใต้เท้าว่านขายสมบัติส่วนตัวช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัย ข่าวนี้ทำให้ชาวบ้านที่เดิมทีก็สงสัยคดีนี้อยู่แล้วฮือฮาทันทีคนที่ขายสมบัติส่วนตัวช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยได้คนหนึ่งจะยึดเงินค่าก่อสร้างทางน้ำได้อย่างไร?แต่ชาวบ้านผู้ประสบภัยหลายคนนี้กลับหายไปจากเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว หลังองครักษ์เสื้อแพรตรวจสอบอยู่หลายหนก็ไม่มีใครคุยถกเรื่องนี้อีกต่อไปความทรงจำของคนว่ายาวก็ยาว ว่าสั้นก็สั้น หลังหนึ่งปีสองปีสามปี ทุกคนก็ลืมเลือนเรื่องนี้แล้ว คิดไม่ถึงหลานสาวของว่านต้าชุนจะโผล่ออกมายังใช้วิธีการเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ปรากฏตัวอีก“ว่านต้าชุนถึงกับยังมีหลานสาว?”“คนตระกูลว่านไม่ใช่ตายสิ้นแล้วหรือ?”สีหน้าของพวกตระกูลหวงเอ่ยถามไม่เข้าใจ“ตอนนั้นก่อนว่านต้าชุนตาย หลานสาวของเขาถูกข้ารับใช้ชราคนหนึ่งส่งออกไปนอกจวน ฝากเลี้ยงไว้ที่อื่น” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยเห็นชัดมากว่าเขารู้เรื่องนี้นานแล้วคนตระกูลหวงอึ้ง จากนั้นก็โกรธแค้น“ใต้เท้าลู่ ท่านรู้แล้วทำไมไม่จับกุมคนปิดคดี?” พวกเขาตะโกน “นี่ท่านปิดบังฝ่าบาท!”ปิดบังฝ่าบาทไม่สำคัญ ที่สำคัญคือพวกเขาก็ไม่รู้สักนิดหากรู้ก่อนว่าว่านต้าชุนยังมีหลานสาวคนหนึ่ง จะเหลือไว้ถึงตอนนี้ได้อย่างไรกำจัดหญ้าต้องถอนราก นี่เป็นหลักการที่คนโง่ยังรู้ความไม่เกรงใจของผู้คนตระกูลหวง ลู่อวิ๋นฉีไม่ได้โมโห สีหน้ายังคงยิ่งสนิท“เพราะฝ่าบาทเพียงตัดสินโทษของว่านต้าชุน ไม่ได้ให้ญาติคนในตระกูลรับผิดชอบโทษด้วย ไม่สนกฎเกณฑ์ไม่มีหลักฐานจับคนได้อย่างไร?” เขาเอ่ยน้ำเสียงทื่อมะลื่อ ฟังดูแล้วจริงใจตรงไปตรงมายิ่งนัก ทำให้คนเชื่อถือพวกเราไม่ได้ฟังผิดกระมัง? ไม่สนกฎเกณฑ์ไม่มีหลักฐานจับคนได้อย่างไร?ผู้คนของตระกูลหวงเบิกตาโตหัวหน้ากองพันลู่แห่งองครักษ์เสื้อแพรบอกว่าไม่อาจไม่สนกฎเกณฑ์ไม่มีหลักฐานจับคนได้? ถ้าอย่างนั้นที่อยู่ในคุกหลวงขององครักษ์เสื้อแพรของพวกเจ้าล้วนไม่ใช่คนรึ? พวกเจ้าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันยังบุกบ้านนี้ค้นบ้านโน้น มีคำสั่งมีหลักฐานรึ?พูดละเมอรึไง?“ลู่อวิ๋นฉีเจ้าหมายความว่ายังไง?”เสียงแก่ชราเสียงหนึ่งดังขึ้น ได้รู้ว่าบุตรชายเกิดเรื่อง ใต้เท้าเฒ่าหวงหวงเฉิงผู้บอกว่าตนเองขาไม่ค่อยดีก็ตัดสินใจว่าต้องออกมาแล้วใต้เท้าเฒ่าผู้ทั้งศีรษะผมขาวโพลนดูไปแล้วประหนึ่งเทพแห่งอายุวัฒนะถูกข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งห้อมล้อม สีหน้าโศกเศร้าคับแค้นลู่อวิ๋นฉีคำนับเขา“ความหมายของข้าคือตอนนี้พูดเรื่องนี้ไม่มีความหมายแล้ว” เขาเอ่ย “ช่วยชีวิตใต้เท้าหวงสำคัญกว่า”ใต้เท้าเฒ่าหวงย่อมรู้ว่านี่คือลู่อวิ๋นฉีกำลังเบี่ยงประเด็น แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นเช่นกันเขาระมัดระวังทั้งชีวิต ในที่สุดก็วางแผนช่วงชิงตำแหน่งสูงมาได้ แต่ก็เพราะระมัดระวัง เฝ้าภรรยาเฒ่าคนเดียว จึงมีบุตรชายแค่หนึ่งคน ยังดีบุตรชายคนนี้เอาการเอางานนัก ในสนามขุนนางเชี่ยวชาญชำนาญ ไม่เสียทีที่เขาส่งเสริมแต่ตอนนี้หากบุตรชายเป็นอันใดไป ถ้าอย่างนั้นตระกูลหวงก็จบสิ้นแล้วใต้เท้าเฒ่าหวงมองดูบุตรชายที่นอนอยู่บนพื้น แม้ยังไม่ตายแต่คนกลุ่มหนึ่งที่ล้อมอยู่ก็สิ้นไร้หนทาง น้ำตาผู้เฒ่าอดไม่ได้ไหลพราก“เจ้าลูกชั่วคนนี้” เขาสะอื้นเอ่ยหากไม่ใช่ละโมบรักคนงาม จะติดกับดักพรรค์นี้ได้อย่างไร“รีบช่วยคนสิ” ใต้เท้าเฒ่าหวงโขยกเขยกวิ่งมาถึงตรงหน้าบุตรชายท่านหมอตระกูลหวงใกล้จะร้องให้แล้วเหมือนกัน“นายท่านผู้เฒ่า บาดเจ็บหนักเกินไป ข้าก็ไร้หนทาง” เขาเอ่ย ยื่นมือชี้ “เชิญหมอหลวงแล้ว”กำลังพูดอยุ่ หมอหลวงหลายคนได้ข่าวก็นั่งรถวิ่งมาแล้วคนของกรมทหารม้าห้าเมืองก็ตามเขามาด้วย ไล่คนบนถนนออกไปเฝ้าไว้บนถนนเสียงเอะอะดังขึ้นอีกครั้ง……………………………………….
คอมเม้นต์