Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 76 ไม่ใช่บังเอิญ
นอกประตูความวุ่ยวายฝั่งนี้ดึงคนมากมายมา แค่มองเห็นองครักษ์เสื้อแพรที่ยืนอยู่ตรงปากประตูก็รีบร้อนถอยหลังหลบออกไปทันที ยื่นศีรษะอย่างระมัดระวังอยู่ไกลๆคุณหนูจวินยืนเดียวดายอยู่หน้าประตูแลดูขัดตายิ่งที่โชคดีก็คือไม่ได้รอนานนัก องครักษ์เสื้อแพรก็ไม่ได้จับคน ตรวจค้นรอบหนึ่งก็วางกล้ามจากไปคุณหนูจวินตอนนี้ถึงรีบเข้าไปในจวนสกุลหวัง ด้านนอกตรอกผู้คนที่ยื่นหัวยื่นศีรษะก็เพิ่งกล้าล้อมเข้ามาด้านในจวนหลังเล็กของสกุลหวังเละเทะไปหมด บรรดาคนรับใช้สีหน้าแตกตื่น ข้ารับใช้ไม่น้อยได้รับบาดเจ็บ ยังดีล้วนเป็นอาการบาดเจ็บภายนอก คุณหนูจวินไปดูนายหญิงหวังก่อนในห้องของนายหญิงหวังเสียงร้องไห้ระงม คุณหนูจวินรีบก้าวเข้าไปวุ่นวายพักหนึ่ง โชคดีรักษาชีวิตไว้ได้ แต่เทียบกับอาการป่วยก่อนหน้าหนักขึ้นอีกหลายส่วน“พวกโหดเหี้ยมพวกนี้ พวกโหดเหี้ยมพวกนี้” ใต้เท้าหวังสีหน้าโศกเศร้าคับแค้นคุณหนูจวินก็เงียบงันด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นการทำงานขององครักษ์เสื้อแพร ใต้เท้าหวังผู้นี้เป็นขุนนางแสดงความเห็นขั้นสี่ ในราชสำนักก็เป็นขุนนางใหญ่ตำแหน่งสำคัญเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าอยู่ต่อหน้าองครักษ์เสื้อแพรเหล่านี้ไม่มีเกียรติสักนิดบรรดาองครักษ์เสื้อแพรเหล่านี้ปากบอกว่าได้รับบัญชา แต่กระทั่งหนังสือคำสั่งก็ไม่เอาออกมา เหิมเกริมค้นจวนค้นบ้าน โหดร้ายจริงๆ“ใต้เท้าโปรดระงับความเศร้า” นางเอ่ยเสียงเบา“อาการป่วยของภรรยาข้ารบกวนคุณหนูจวินเปลืองความคิดแล้ว” ใต้เท้าหวังอดไม่ได้เอ่ยโศกเศร้าคับแค้นคุณหนูจวินขานรับ“โรคนี้ข้ารักษาได้ ข้าพูดได้ทำได้” นางเอ่ย “ใต้เท้าโปรดวางใจ”ใต้เท้าหวังพยักหน้า นั่งข้างเตียงนายหญิงหวังสีหน้าเศร้าสร้อย คุณหนูจวินคำนับถอยออกมาคนไม่น้อยที่ยืนอยู่นอกประตูชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์เสียงเบามองเห็นคุณหนูจวินออกมาก็ทักทายเห็นใจอยู่หลายส่วน“คุณหนูจวินไม่ตกใจใช่ไหม” พวกเขาถามไถ่อย่างห่วงใยคุณหนูจวินพยักหน้าขอบคุณ“ได้ยินว่าทุจริตต่อหน้าที่”“ถูกสำนักผู้ตรวจการฟ้องหรือ?”“มีหลักฐานไหม? อะไรก็ค้นไม่เจอนี่?”“มีหลักฐานอะไรเล่า ผู้ตรวจการฟังข่าวลือร้องเรียน องครักษ์เสื้อแพรฟังข่าวลือตรวจค้น”บรรดาชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบาบังเอิญหรือ? คุณหนูจวินเดินเข้าไป หยุดที่ปากซอยหันกลับมองจวนสกุลหวังอีกครั้งบนโลกนี้มีเรื่องบังเอิญก็จริง แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับฝั่งหนึ่งที่เป็นอริกับตน คุณหนูจวินย่อมไม่อาจไม่คิดมากสักนิดความจริงพิสูจน์ว่านางไม่ได้คิดมากไป หลายวันให้หลังยามไปเยือนตระกูลแห่งหนึ่งออกตรวจอีกครั้ง เรื่องก็เกิดขึ้นอีก“คุณหนูจวินเดินทางปลอดภัย”ด้านในตรอกชุมชนขุนนาง พ่อบ้านสองคนส่งคุณหนูจวินออกมาอย่างเคารพจวนขุนนางด้านนี้ส่วนมากล้วนเป็นราชสำนักประทาน บรรดาขุนนางที่อยู่ที่นี่ฐานะล้วนไม่ต่ำต้อยแม้ไม่ใช่ใต้เท้าของตระกูลนี้มาส่งด้วยตนเอง แต่มีพ่อบ้านสองคนมาส่งก็ให้เกียรติมากพอแล้วคุณหนูจวินคำนับให้ทั้งสองคน“เชิญกลับเถิด” นางว่า “วันพรุ่งนี้ข้าจะให้คนนำยาที่คุณหนูต้องใช้มาส่ง”“จะรบกวนได้อย่างไร พวกเราไปรับเองก็ได้” พ่อบ้านสองคนยิ้มเอ่ยกำลังคุยเล่นกันอยู่ เสียงกีบเท้าม้าเร่งรีบพรวนหนึ่งก็ดังมา คนหน้าประตูได้ยินมองไปโดยสัญชาติญาณ เห็นเพียงคนม้าขบวนหนึ่งพุ่งมาเสื้อผ้าของพวกเขาสีสดสว่าง แต่ท่ามกลางแสงตะวันฤดูใบไม้ผลิอันงดงามปลายเดือนสามต้นเดือนสี่ประหนึ่งเมฆดำทะมึนแถบหนึ่ง พริบตาทำให้ทั้งถนนบรรยากาศนิ่งชะงัก ทุกคนถอยหลบสีหน้าของคุณหนูจวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย กระทั่งพ่อบ้านสองคนข้างกายยังท่าทางแปลกใจอยู่บ้าง“นี่เป็นบ้านไหนโชคร้ายอีก?” พ่อบ้านคนหนึ่งอดไม่ได้เอ่ยขึ้นเสียงเบาสิ้นเสียงของเขา องครักษ์เสื้อแพรกลุ่มนี้ก็หยุดหน้าบ้านของพวกเขา รั้งบังเหียนม้าพร้อมเพรียงพ่อบ้านสองคนอึ้งทันทีไม่หรอกน่า….“หานถงราชบัณฑิตหาน” องครักษ์เสื้อแพรที่เป็นหัวหน้าตวาดเย็นชา “มีคนฟ้องว่าเจ้ารวมกลุ่มสมคบคิด ตอนนี้รับบัญชาตรวจค้น”รวมกลุ่มสมคบคิด?เรื่องอะไรกัน? ใครฟ้อง?มาถึงขุนนางตำแหน่งเช่นนี้อย่างนายท่านตระกูลพวกเขา มีร้องเรียนมีกล่าวโทษล้วนรู้ได้ทันที ช่วงนี้ไม่มีสักนิดเลยนะไม่รอพ่อบ้านสองคนตั้งสติได้ บรรดาองครักษ์เสื้อแพรก็ลงจากม้าชักดาบปักวสันต์พุ่งเข้าไปด้านในจวนสกุลหานวุ่นวายโกลาหลไปหมดทันที เสียงตะโกนเสียงร้องเสียงตวาดเสียงร่ำไห้ดังขึ้นทุกทิศคุณหนูจวินยืนอยู่ด้านนอกประตูแนบอยู่ริมกำแพงนิ่งไม่ขยับบรรดาองครักษ์เสื้อแพรนอกประตูประหนึ่งมองไม่เห็นนาง ไม่ตำหนิ ไม่ไล่ แต่ก็ไม่ให้นางเข้าไปข้างในราวกับว่าต้องให้นางดูไว้ฟังไว้ ทำอันใดไม่ได้ ร้อนรนคุณหนูจวินมองอยู่ครู่หนึ่ง เดินตรงไปหาองครักษ์เสื้อแพรที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตูมองเห็นนางเดินเข้ามา องครักษ์เสื้อแพรชี้ดาบในมือใส่นาง“ทางการทำคดี คนไม่เกี่ยวข้องหลบไปซะ” เขาเอ่ยเย็นชาคุณหนูจวินหยุดอยู่ตรงหน้าเขา“ข้าต้องการพบใต้เท้าลู่ของพวกเจ้า นางเอ่ย”องครักษ์เสื้อแพรมองนาง เก็บดาบในมือไป สีหน้าทะมึนพลันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและนอบน้อม คนก็ค้อมกายให้นางอย่างเคารพ“ทราบแล้ว คุณหนูจวิน ท่านโปรดตามข้ามา” เขาเอ่ยคุณหนูจวินมององครักษ์เสื้อแพรตรงหน้าใช่แล้ว นี่ก็คือองครักษ์เสื้อแพรในความทรงจำของนาง ก็เป็นเช่นนี้ เชื่อฟังเคารพนอบน้อม…มององครักษ์เสื้อแพรที่นำทางข้างหน้า คนรถที่คุมรถอดไม่ได้กลืนน้ำลาย“คุณหนูจวิน จะ จะตามเขาไปจริงหรือขอรับ?” เขาอดไม่ได้หันกลับมาเอ่ยถามคุณหนูจวินในรถตอบอืมทีหนึ่งแต่นั่นเป็นบ้านของลู่อวิ๋นฉีนะ คนรถมองด้านหน้ารู้สึกหน้าผากเหงื่อเม็ดเล็กผุดออกมาชั้นหนึ่งแบบนี้ไม่ดีกระมังก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องขอแต่งงาน แล้วจอหงวนหนิงก็เพิ่งออกจากเมืองหลวง คุณหนูจวินกลับวิ่งมาจวนสกุลลู่ นี่เล่าลืออกไปทุกคนจะคิดอย่าไงร?ไม่ว่าเขาคิดอย่างไร เคร่งเครียดกังวลอย่างไร รถม้าก็ยังคงวิ่งมาหยุดตรงหน้าจวนสกุลลู่คุณหนูจวินลงรถ มองเห็นประตูใหญ่จวนสกุลลู่ถูกองครักษ์เสื้อแพรสองคนผลักเปิดออกประตูใหญ่จวนสกุลลู่ก็น้อยนักจะเปิดออกเช่นกันองครักษ์เสื้อแพรสองคนยืนอยู่ข้างประตู คำนับนอบน้อมให้นาง“คุณหนูจวินเชิญ” พวกเขาเอ่ย“คุณหนู” คนรถอดไม่ได้ร้องเรียกเสียงเบาอีกครั้ง มองไปรอบด้านอย่างไม่ทันรู้ตัว คลับคล้ายว่ามีเงาคนสอดส่องแล้ว“ไม่เป็นไร รออยู่ที่นี่ ไม่ต้องกลัว” คุณหนูจวินเอ่ยกับเขาคนรถหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง ถึงกับยังให้นางต้องมาปลอบตนเองด้วยหรือ? ได้แต่มองดูคุณหนูจวินเดินเข้าไปประตูใหญ่จวนสกุลลู่ปิดลงอย่างเชื่องช้ามาเมืองหลวงนานขนาดนี้ เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เดินเข้ามาที่นี่ อดีตบ้านหลังนี้คุณหนูจวินหยุดอยู่หน้าประตุ มองเรือนด้านหน้านี่เป็นโถงรับแขก แต่นางจะอยู่ที่นี่นั่งอ่านหนังสือ ยามลู่อวิ๋นฉีออกไปข้างนอกไม่อยู่บ้าน เพราะนั่งอยู่ตรงนี้จึงเห็นลู่อวิ๋นฉีที่กลับมาตั้งแต่แวบแรกใช่แล้ว นางในอดีตก็รอคอยและชมชอบที่จะพบคนผู้นั้นเช่นนั้นคุณหนูจวินมองดูห้อง ประตูหน้าต่างห้องเปิดอยู่ เส้นแสงส่องสว่าง มองปราดเดียวก็เห็นชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านในทั้งร่างยังคงอาภรณ์สีแดง แดงทะมึนทำให้เส้นแสงถอยหลีกนางก้าวช้าๆ ลงบันได ก้าวยาวๆ เข้าไป สายตากวาดมองในห้องนิดหนึ่งอย่างไม่ทันรู้ตัวการจัดวางของที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน กระทั่งโต๊ะหนังสือตัวเล็กด้านนั้นก็ยังวางกาน้ำชา ถ้วยชาไว้ ในถ้วยชายังมีไอร้อนบางเบาลอยขึ้นมา ราวกับมีคนเพิ่งนั่งอยู่ตรงนี้ดื่มชาอ่านหนังสือเป็นชุดถ้วยชาที่นางมักใช้ รวมถึงชาที่นางชอบดื่ม“ดูท่าเจ้าคงเข้าใจเจตนาของข้าแล้ว”เสียงของลู่อวิ๋นฉีดังมาคุณหนูจวินมองไป เห็นเขาวางหนังสือในมือลง เงยหน้ามองนาง“ใต้เท้าลู่ ข้าขบคิดไม่เข้าใจว่าท่านมีเจตนาอันใดถึงมาพบท่าน” คุณหนูจวินเอ่ยลู่อวิ๋นฉีลุกขึ้นยืน“นี่มีอะไรให้ไม่เข้าใจ” เขาเอ่ย “ข้ากำลังสร้างความลำบากให้เจ้าไง”……………………………………….
คอมเม้นต์