Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 72 อัปยศกับเกียรติยศเคียงคู่
ต้องเป็นเช่นนี้แน่ไม่อย่างนั้นพวกเขาบ้าไปแล้วก็ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่ไม่ว่าคิดอย่างไรก็ไม่ควรทำเรื่องเช่นนี้ นอกเสียจากไม่มีทางเลือก ถูกบังคับนายหญิงใหญ่หนิงเดือดดาลรวมถึงโกรธแค้นทันที“ตอนนี้นางเล่นใหญ่แล้ว ล่อลวงผู้คนกลัวชื่อเสียงเหม็นโฉ่ เลยคิดเกาะอวิ๋นเจาของข้าสลัดหนี” นางตะโกนเสียงแหลมเอ่ย “เหมือนเช่นนั้นก่อนหน้านี้ ไม่จบไม่สิ้น”อธิบายแบบนี้ก็สมเหตุสมผลนะ นายท่านใหญ่หนิงลูบเคราพยักหน้า“เรื่องนี้จะปล่อยให้นางมั่วซั่วเช่นนี้ได้อย่างไร” นายหญิงใหญ่หนิงลุกขึ้นลงจากเตียง “มีราชโองการแล้วอย่างไร? มีราชโองการก็ไม่อาจบีบบังคับคนเช่นนี้ได้นะ ข้าจะเข้าวัง ข้าจะเข้าเฝ้าฝ่าบาท ข้าจะเข้าเฝ้าไทเฮา”นายท่านใหญ่หนิงรีบยื่นมือกดนางไว้“เจ้ารีบร้อนอะไร” เขาเอ่ย“ข้าจะไม่รีบร้อนได้อย่างไร?” นายหญิงใหญ่หนิงสีหน้าแดงก่ำ เสียงแหลมสูง “อวิ๋นเจาจะถูกหญิงต่ำช้าคนนี้ทำร้ายตายแล้ว”นายท่านใหญ่หนิงรีบปลอบนาง“ข้าจะบอกว่าเจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน วันมะรืนอวิ๋นเจากับน้องรองก็จะออกเดินทางแล้ว รอพวกเขากลับมา ถามเรื่องราวให้กระจ่างหารือกับพวกเขา” เขาเอ่ย “เจ้าลนลานไร้แผนเช่นนี้ได้อย่างไร”ก็ใช่ นายหญิงใหญ่หนิงลูบหน้าอกคิดนิดหนึ่งนั่งกลับลงไป“ท่านเขียนจดหมายเร่งพวกเขาให้กลับมาเร็วหน่อย” นางเอ่ยกำชับ“เมื่อครู่ให้คนส่งจดหมายด่วนไปแล้ว” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ยนายหญิงใหญ่หนิงยกมือปิดหน้าร่ำไห้ขึ้นมา“นี่เป็นหายนะไม่คาดฝันมาเยือนจริงๆ” นางร้องไห้เอ่ย ทั้งยังชิงชัง “หญิงต่ำช้านี่เป็นดาวหายนะของตระกูลเรา ตอนนั้นรู้ว่านางผูกคอ ข้าควรส่งคนไปส่งนางออกเดินทาง ต่อให้ข้าไปเข้าคุก ก็ยังดีกว่าวันนี้ทำร้ายไปถึงลูกชายข้า”“อย่าพูดส่งเดช” นายท่านใหญ่หนิงยิ้มเอ่ย แล้วรีรอครู่หนึ่ง “ที่จริงก็ไม่นับว่าทำร้าย คุณหนูจวินคนนั้นวันนี้…”นายหญิงใหญ่หนิงพลันหยุดร่ำไห้“คุณหนูจวินคนนั้นวันนี้ในสายตาข้าก็ยังคงเป็นหญิงต่ำช้าแถบเหนือที่หยาบคายไม่รู้จักมารยาทคนนั้น” นางกัดฟันเอ่ยคำหนึ่งหยุดคำหนึ่งไม่ว่าวันนี้นางรักษาไหวอ๋องหายดี ได้รับพระราชทานรางวัลจากไทเฮาฮ่องเต้ ปลูกฝีให้เด็กน้อยพ้นจากทุกข์ยาก หมื่นประชาสรรเสริญนางก็ยังคงเป็นหญิงต่ำช้าที่ทำให้คนเกลียดชังคนนั้นนายหญิงใหญ่หนิงมองนายท่านใหญ่หนิง“ท่านหยุดคิด” นางเอ่ยนายท่านใหญ่หนิงขัดเขิน“ข้าคิดอะไรเล่า ข้าอะไรก็ไม่ได้คิดทั้งนั้น” เขาเอ่ย ลุกขึ้นประคองนายหญิงใหญ่หนิงลงมา “เจ้ารีบพักผ่อนเถิด อย่ากังวล”อย่ากังวล?จะไม่กังวลได้อย่างไร?ข้างนอกต้องเล่ากันไปทั่วแล้วแน่หากนางต้องมีลูกสะใภ้เช่นนี้คนหนึ่ง อ้อมไปอ้อมมาตั้งแต่ต้นจนจบก็สลัดผู้หญิงคนนี้ไม่พ้น ชีวิตนี้นางเสียหน้าหมดสิ้นแล้วนายหญิงใหญ่หนิงนอนตะแคงบนหมอน ดึงผ้าห่มร่ำไห้…ยามแสงตะวันสาดตกต้องหน้าวังหลวง คนหลายร้อยคนยืนตั้งขบวน โค้งกายคำนับไปทางวังหลวงบนมือของแต่ละคนถือชุดขุนนางรองเท้าขุนนางป้ายเตือนความจำยามเข้าเฝ้าอยู่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเขาจะไม่ใช่ชาวบ้านนักเรียนอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นขุนนาง สิบกว่าปีหรือกระทั่งหลายสิบปีของการตรากตรำร่ำเรียนในที่สุดก็ได้ผลตอบแทนแล้วหนิงอวิ๋นเจาผู้ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนแถวเปลี่ยนเป็นชุดขุนนางรองเท้าขุนนางด้วยการปรนนิบัติของขันที ก้มศีรษะสวมหมวก ในเวลาเดียวกันขันทีก็ปักบุปผาทองคำดอกหนึ่งไว้ด้านบน ใต้แสงตะวันช่อดอกไม้จากไหมทองไหมสีส่องประกายระยิบระยับเมื่อประดับบุปผาช่อนี้ขึ้นไปแล้ว สายตาที่มองมารอบด้านก็ยิ่งมากนี่บางทีเพราะบุรุษประดับบุปผาหายาก แล้วบางทีอาจเพราะเขาเป็นจอหงวนคนหนี่งที่ถูกองครักษ์เสื้อแพรกับบุตรชายเฉิงกั๋วกงแย่งคู่หมั้นหลายวันนี้แม้เขาออกจากบ้านน้อยนัก แต่สายตาเช่นนี้คิดไว้ก่อนแล้วเช้าตรู่วันนี้ก่อนออกจากบ้าน หนิงสืออียังตบหัวไหล่เขา“เจ้าอย่าถูกคนมองจนตายเชียว” เขาเอ่ยอย่างเวทนา “ต้องรู้ว่าเจ้าไม่ใช่แค่จอหงวนคนหนึ่งแล้ว”ยังเป็นบุรุษที่ถูกบุรุษสองคนแย่งคู่หมั้นด้วยจอหงวนที่เกือบถูกสวมหมวกเขียว นี่ชื่อเสียงย่อมโด่งดังไม่ธรรมดาก่อนหน้าไม่เคยมีมาก่อนให้หลังก็หามีไม่แน่นอนเชียวจะถูกมองจนตายได้อย่างไร? จะกลัวสายตาและคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนในใต้หล้าได้อย่างไร?หนิงอวิ๋นเจาจัดเสื้อกับหมวก มองม้าที่ใช้ในการเดินขบวนถูกเหล่าขันทีจูงออกมาทีละตัวๆเขาถือเป็นเกียรติเขาถือนางเป็นเกียรติ ช่วยนางได้ยิ่งเป็นเกียรติเมื่อคนเลี้ยงม้ามาถึง กลองและเครื่องดนตรีของราชสำนักก็ถูกเป่าถูกตีขึ้นอีกครั้ง เหล่าขันทีตะโกนเสียงดังเชิญเหล่าจิ้นซื่อขึ้นม้าหนิงอวิ๋นเจาพลิกกายขึ้นม้า ขี่อยู่บนม้ารู้สึกแตกต่างทันที ผู้คนด้านหน้าล้วนกลายเป็นต้องก้มมอง นอกจากนี้บรรดาจิ้นซื่อคนอื่นยังหลีกทาง ให้เขาเคลื่อนนำแม้หนิงอวิ๋นเจาไม่ฟั่นเฟือนกับความยินดี แต่ก็คิดว่าไม่แปลกที่บันฑิตทั่วทั้งใต้หล้าล้วนปรารถนาชื่อเสียงความสำเร็จไม่ขาดสาย ความรู้สึกนาทีนี้ช่างทำให้คน…แม้ไม่ได้ฟั่นเฟือน เขาก็ยินดีมากอย่างแท้จริง ความยินดีนี้ไม่ใช่เพราะเหยียบยืนบนยอดเขา เห็นหมู่เขากระจ้อยร่อย แต่เพราะในที่สุดก็ออกหน้าทำงานด้วยตนเองได้แล้วไม่เหมือนก่อนหน้านี้เช่นนั้น ระวังระไวกระทำอ้อมค้อม เอ่ยเตือนชักนำผู้อื่น หวังว่าจะช่วยเหลือนางยามพบปัญหาได้ตอนนี้เขามีตำแหน่งขุนนาง มีฐานะ มีโอกาสและสิทธิที่จะพูด และคำพูดของเขาก็จะมีคนฟัง คิด พินิจไตร่ตรองช่วยนางได้ ไม่ต้องเป็นผู้ชมด้านข้างอีก ความรู้สึกนี้ทำให้คนสุขใจนักหนิงอวิ๋นเจามุมปากปรากฏรอยยิ้ม เวลานี้เดินมาถึงนอกวังหลวงแล้ว มองเห็นเขา เสียงฮือฮาก็โถมมาประหนึ่งน้ำหลากนอกวังหลวงคนมากมาย ไม่ใช่แค่คนทั้งเมืองหลวงมา คนจากที่อื่นที่เดินทางมาก็มากมายนัก พาคนในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาเด็กๆ มา ประหนึ่งได้เห็นจอหงวนจิ้นซื่อเหล่านี้เพิ่มสักครั้ง อนาคตเด็กๆ จะมีโชคสอบติดเพิ่มสักส่วนแต่ครั้งนี้นอกจากพูดคุยถึงความรู้ความสามารถของจอหงวน ยังสอดแทรกเรื่องอื่นบางอย่างด้วย“ที่แท้คู่หมั้นของคุณหนูจวินคือเขารึ”“บุรุษหล่อเหล่าสตรีงดงามจริงๆ”“พวกเจ้าคิดว่าหัวหน้ากองพันลู่รูปงามหรือว่าจอหงวนหนิงรูปงาม?”“ย่อมต้องเป็นจอหงวนหนิง!”“ข้ารู้สึกว่าเป็นหัวหน้ากองพันลู่!”“พวกเจ้าลืมบุตรชายเฉิงกั๋วกงแล้วรึ?”“ถ้าอย่างนั้นข้าเลือกบุตรชายเฉิงกั๋วกง!”“เลือกบ้านเจ้าสิ! จอหงวนหนิงกับคุณหนูจวินมีสัญญาหมั้นหมายกันอยู่”เสียงทะเลาะโวยวายไร้สาระนี่ทำให้บรรยากาศบนถนนเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล แม้เป็นการมุงดูร้องแสดงความยินดีเช่นกัน แต่อย่างไรก็รู้สึกว่าขาดความเคารพไปบ้างปั๋งเหยี่ยนกับทั่นฮวาและเหล่าจิ้นซื่อที่เดินอยู่หลังร่างหนิงอวิ๋นเจาอดไม่ได้กระอักกระอ่วน แม้คนที่บรรดาชาวบ้านชี้นิ้วหัวเราะจะไม่ใช่พวกเขา พวกเขาก็รู้สึกไม่สบายใจไปทั้งร่างเช่นกันนี่ล้วนโทษหนิงอวิ๋นเจา สายตาของทุกคนคับแค้นอยู่บ้างจ้องชายหนุ่มด้านหน้าสุดที่น่าชังยิ่งกว่าก็คือเขายังเดินอยู่ด้านหน้าสุด หากเขาอันดับรั้งท้าย เดินอยู่ด้านหลังสุดก็คงดีสวรรค์ไม่ยุติธรรมจริงๆ ดันให้พวกเขารุ่นนี้มีจอหงวนเช่นนี้ อนาคตยามทุกคนเอ่ยถึงพวกเขา ก็จะพูดว่า อ้อ รุ่นนั้นที่คู่หมั้นจอหงวนถูกหัวหน้ากองพันลู่แย่งหรือพวกเขาไร้ความผิดเกินไปแล้วจริรงๆความคับแค้นของพวกเขา เสียงหัวเราะโวยวายข้างทาง ล้วนไม่ส่งผลกับอารมณ์ของจอหงวนเขานั่งอยู่บนม้า แผ่นหลังเหยียดตรง สีหน้าอ่อนโยน ยังยิ้มโบกมือให้กับเหล่าชาวบ้านข้างทาง แลดูอารมณ์ดียิ่งเสียงหัวเราะเอะอะข้างทางยิ่งดัง“ท่านจอหงวนทักทายคุณหนูจวินแทนพวกเราด้วยนะ”ยังมีคนร้องฮือฮาหนิงอวิ๋นเจาไม่ได้กระอักกระอ่วนสักนิด ตรงกันข้ามรอยยิ้มยิ่งกว้าง ไม่รู้ว่าเจตนาหรือไม่เจตนา พยักหน้าให้ด้านนั้นที่เอ่ยคำนี่ทำให้บนถนนยิ่งครึกครื้นมาก“ท่านจอหงวนเมื่อไรจะแต่งงานเล่า?”“ท่านจอหงวนแต่งงานแล้วยังจะให้คุณหนูจวินเป็นหมออยู่ไหม?”“ต้องให้คุณหนจวินเป็นหมอนะ”เสียงตะโกนข้างทางกลบฟ้ากลบดินระลอกหนึ่งดังกว่าระลอกก่อนหน้านี่เรียกเรื่องอะไรกัน! นี่ยังใช่ประดับบุปผาแห่ขบวนอยู่ไหม?เหล่าจิ้นซื่อที่ตามอยู่ด้านหลังร่างหนิงอวิ๋นเจาไม่เหมือนที่เหล่าจิ้นซื่อรุ่นก่อนเล่าอยากให้แห่ขบวนบนถนนทั้งวัน สักนิด มีแต่เกลียดที่ม้าเดินช้า รีบเดินเข้าไปในอุทยานฉยงหลิน จบทุกสิ่งอันกระอักกระอ่วนนี่เสียทีเถอะแต่น่าเสียดายที่วันนี้ฟ้าไม่อาจเป็นดั่งใจคน ฝูงชนวุ่นวายที่เคลื่อนเบียดเสียดพักหนึ่งเบื้องหน้าทำให้ขบวนยิ่งเคลื่อนช้าลงเกิดอะไรขึ้นบรรดาจิ้นซื่อด้านหลังอดไม่ได้ยืดศีรษะมองไป“คุณหนูจวินมาแล้ว”“ด้านนั้นคือคุณหนูจวิน”ถึงกับมาด้วย!แรกสุดคือคู่หมั้นฝ่ายชายประกาสสัญญาหมั้นต่อหน้าผู้คน ตอนนี้คู่หมั้นฝ่ายหญิงก็มาชมคู่หมั้นฝ่ายชายขี่ม้าแห่ขบวนต่อหน้าผู้คนอีกพวกเจ้าสองคนพอเถอะจริงๆบรรดาจิ้นซื่ออยากกุมหน้าผากนัก……………………………………….
คอมเม้นต์