Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 64 พูดบ้าบอไม่ไร้เหตุผล
หนิงเหยียนรู้สึกว่าตนเองบ้าไปแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงมองเห็นฉากที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้เขาจำได้ชัดๆ ว่าการขานชื่อจอหงวนเรื่องใหญ่ที่อยู่ในใจแน่นอนแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาอาหลานก็เหมือนเซี่ยอัน[1] ทุกสิ่งล้วนไร้กังวล นั่งประจันหน้าถกบทความหนึ่งคืน วิเคราะห์ดีเลว หลังจากนั้นนอนหลับตอนฟ้าสว่างอย่างเบิกบานตื่นขึ้นมาสีหน้ากระปรี้กระเปร่าเตรียมกลับบ้านพวกเขาเดินออกจากกรม มองเห็นเรื่องวุ่นวายบนถนน เรื่องวุ่นวายนี่เดิมไม่สนใจก็ได้ แต่เพราะสำนักผู้ตรวจการรวมถึงฮ่องเต้ส่งคนมา ในฐานะขุนนางใหญ่ที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญ ไปดูสักหน่อยก็เป็นเรื่องปกติแม้เรื่องที่เกิดขึ้นด้านนี้บ้าบอไปบ้าง แต่พวกเขาอาหลานก็ไม่ได้ลนลานเพราะเหตุนี้ สีหน้าอารมณ์ล้วนปกติยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนิงอวิ๋นเจายังถามว่าลงโทษคนบ้าบอสองคนนี้ได้หรือไม่ทำไมพูดอยู่ดีๆ พริบตาเดียวหนิงอวิ๋นเจาก็ก้าวออกไปแล้ว พูดประโยคบ้าบอปานนั้นประโยคหนึ่งออกมา‘เพราะนางเป็นคู่หมั้นของข้า’‘ข้ากับคุณหนูจวินมีสัญญาหมั้นหมายกันตั้งแต่เล็ก’‘สัญญากันว่าหลังการสอบขุนนางจะพูดเรื่องแต่งงานกันอีกครั้ง’เขาก้าวออกไปกะทันหันเช่นนั้น เอ่ยวาจากะทันหันเช่นนั้น กระทั่งโอกาสขวางยังไม่มีกระทั่งฝันก็ยังไม่มีทางฝันว่าหนิงอวิ๋นเจาจะทำเรื่องเช่นนี้เอ่ยวาจาเช่นนี้หนิงเหยียนมองดูหนิงอวิ๋นเจา จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังรู้สึกว่าตนเองกำลังฝันอยู่ฝันบ้าบอนี่บ้าบอเกินไปแล้ว!หนิงเหยียนมือฟาดหนักหน่วงลงบนโต๊ะเสียงดังกะทันหันไม่ได้ทำให้หนิงอวิ๋นเจาตกใจสะดุ้ง เขายังคงสีหน้านิ่งสงบ ดวงตาใสกระจ่าง“ท่านอา แน่นอนไม่ได้บ้า แค่ผ่านทางเห็นความอยุติธรรม เกิดเลือดร้อนแบบเด็กๆ น่ะ” เขาเอ่ยหนิงเหยียนมองเขา“เลือดร้อนแบบเด็กๆ?” เขาเอ่ย “เจ้าก็รู้เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว? เจ้าก็รู้ว่านี่คือเลือดร้อนหรือ?”หนิงอวิ๋นเจายิ้มอับอายอยู่บ้าง ประหนึ่งเด็กน้อยที่ทำผิดถูกผู้ใหญ่ตำหนิคนหหนึ่ง แต่เพียงแค่อับอาย ไม่ได้โกรธรวมถึงหวาดหวั่นวิตกสำนึกเสียใจหนิงเหยียนลุกขึ้นยืนเดินหลายก้าว“เจ้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำอะไรหรือไม่?” เขาหยุดอีกครั้งเอ่ยถามหนิงอวิ๋นเจายิ้มพยักหน้า“ย่อมรู้” เขาเอ่ย “เรื่องนี้พูดไปแล้วบ้าบอจริงๆ”พูดจบสีหน้าจริงจัง“แต่เพียงตอนนั้นฟังแล้วบ้าบอเท่านั้น ให้หลังทุกคนได้ยินเข้าก็จะรู้ นี่อย่างไรก็คือความจริง”เรื่องที่หนิงอวิ๋นเจากับคุณหนูจวินมีสัญญาหมั้นหมายกันเป็นเรื่องจริง นี่เดิมทีเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูลที่เกิดขึ้นในเขตเล็กๆ อย่างหยางเฉิงนี้เท่านั้น แต่ที่โชคร้ายก็คือตระกูลฟางเกิดเรื่องเพราะตระกูลฟางตามหาศัตรู ทั้งยังหยิบราชโองการออกมา เรื่องเล่าต่างๆ นานาเล่าลือแพร่หลาย คุณหนูจวินในฐานะที่มีบทบาทสำคัญในการตามหาศัตรูของตระกูลฟาง เรื่องของนางย่อมถูกหยิบออกมาเล่าเล่นละครอย่างละเอียดเช่นกัน ในนี้ย่อมมีเรื่องสัญญาหมั้นหมายกับคุณชายสิบตระกูลหนิง อย่างไรเรื่องนี้ตอนแรกก็ถูกคุณหนูจวินผู้นี้โวยวายจนทุกคนล้วนรู้ถ้วนหน้าแม้เรื่องเล็กน้อยในหยางเฉิงไม่ได้แพร่มาถึงเมืองหวง แต่ขอเพียงมีคนจงใจไปสืบหาย่อมรู้รายละเอียดได้นี่เป็นความจริงที่สืบหาปุบก็รู้จริงๆหนิงเหยียนสบถในใจอีกคำ“ข้าถามเจ้าว่าเป็นหรือไม่เป็นเรื่องจริงรึ” เขาคิ้วตั้งตวาด “นอกจากนี้เรื่องจริงเป็นเช่นนี้รึ?”ความจริง สัญญาหมั้นหมายระหว่างหนิงอวิ๋นเจากับคุณหนูจวินยกเลิกไปแล้วไม่ว่าละครชาวบ้านเล่าทำนองว่าเพื่อหลอกลวงศัตรูตระกูลฟาง ทนความอัปยศแบกภาระหนักหน่วงอะไรก็ตาม สัญญาหมั้นหมายก็ยกเลิกไปแล้วจริงๆ ไม่มีอยู่แล้วตอนนี้หนิงอวิ๋นเจากลับกระโดดออกมาบอกว่าคุณหนูจวินเป็นคู่หมั้นของตนเอง ลอบเสียดสีว่าลู่อวิ๋นฉีฉกชิงภรรยาผู้อื่น แล้วยังทำให้เรื่องที่จูจั้นตีคนกลายเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมหนิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึม มองหนิงอวิ๋นเจา“เจ้ารู้ว่านี่หมายความว่าอะไรไหม?” เขาเอ่ยฐานะตำแหน่งของลู่อวิ๋นฉี บุตรชายเฉิงกั๋วกงทำไมมาเมืองหลวง ฐานะตำแหน่งของบุตรชายเฉิงกั๋วกงรวมถึงความขัดแย้งระหว่างเฉิงกั๋วกงข้างหลังเขากับราชสำนักความสัมพันธ์ระหว่างสามฝ่ายนี้เกี่ยวพันสลับซับซ้อนทั้งยังเป็นคลื่นใต้น้ำโหมซัดกันอยู่ กระทั่งชาวบ้านธรรมดาล้วนรู้ นับประสาอะไรกับเขาหลานชายของหนิงเหยียนนอกจากนี้ตรงนั้นตอนนั้นเขาก็บอกกับหนิงอวิ๋นเจาแล้ว ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้แต่ไม่ยุ่งฮ่องเต้ยังไม่ยุ่ง หนิงอวิ๋นเจาเจ้ากลับยุ่งแล้ว นี่หมายความว่าอะไร? ตระกูลหนิงลอบสมคบกับเฉิงกั๋วกงหรือ?ดังนั้นเรื่องนี้บ้าบอเกินไปแล้ว หนิงเหยียนรู้สึกอับจนวาจาอีกครั้งเรื่องนี้ใครที่มีสมองมีตาสักนิดล้วนไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้หนิงอวิ๋นเจาดันทำไปแล้วนอกจากนี่เป็นความฝัน หนิงเหยียนก็ไม่รู้ควรอธิบายอย่างไรแล้ว ที่ยิ่งทำให้คนหมดหนทางยิ่งกว่าก็คือตอนนั้นเผชิญกับสายตาไถ่ถามประหลาดใจของขุนนางมากขนาดนั้น เขาดันไม่อาจพูดสิ่งใดคัดค้านห้ามปรามหนิงอวิ๋นเจาได้ อย่างน้อยนาทีนั้นเขาก็ต้องอยู่ข้างเดียวกับหนิงอวิ๋นเจา ไม่เช่นนั้นการกระทำนี้ยิ่งอธิบายยากแล้วหนิงอวิ๋นเจาพยักหน้า“ข้ารู้ว่านี่หมายความว่าอะไร” เขาเอ่ย สีหน้านิ่งสงบ “แต่ข้ารู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ตรงกันข้ามเป็นเรื่องดี”เรื่องดี?หนิงเหยียนมองเขา“เป็นเรื่องดีอย่างไร?” เขาเอ่ยเสียงเรียบ“เรื่องหมั้นหมายของข้ากับคุณหนูจวินเป็นความจริง สัญญาหมั้นก็เป็นความจริง ยกเลิกสัญญาหมั้นก็เป็นความจริง นอกจากนี้การยกเลิกสัญญาหมั้นก็เป็นความจริงที่ไม่นับว่าน่าดูนักด้วย” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย “ไม่ว่าถูกเล่าเล่นละครอย่างไร ท่านอา เรื่องนี้เป็นตระกูลหนิงของเราตระบัดสัตย์ละทิ้งคุณธรรม นี่ก็คือความจริง”หนิงเหยียนเงียบงัน“เรื่องนี้ ข้าไม่ปฏิเสธ” เขาเอ่ยสัญญาหมั้นหมายนี้เกิดเพราะนายท่านผู้เฒ่าหนิง ที่ทำลายสัญญาก็เพราะนายท่านผู้เฒ่าหนิง พวกเขาทำตามเจตนาของนายท่านผู้เฒ่าหนิง ไม่เอ่ยถึง ไม่ยินยอม แต่พูดด้วยใจเป็นกลาง ไม่ว่าตอนแรกนายท่านผู้เฒ่าหนิงตัดสินใจเลอะเลือนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่วาจาเอ่ยออกมาดั่งรถม้าสี่อาชายากไล่ทัน เรื่องนี้เป็นตระกูลหนิงตระบัดสัตย์ละทิ้งคุณธรรมจริงๆ“ทุกคนขอเพียงรู้ความจริงก็จะคิดเช่นนี้” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย “ครั้งนี้บุตรชายเฉิงกั๋วกงกับลู่อวิ๋นฉีทะเลาะกันต่อหน้าผู้คน ดูแล้วเป็นเรื่องของพวกเขากับคุณหนูจวิน แต่เกี่ยวพันถึงการแต่งงานของคุณหนูจวิน นั่นย่อมต้องเกี่ยวพันมาถึงอดีตของพวกเราด้วย”เขามองหนิงเหยียน“ท่านอา วันนี้ข้าได้เป็นจอหงวน ย่อมต้องกลายเป็นจุดสนใจของคนเมืองหลวง เรื่องนี้ข้าก็หลีกเลี่ยงไม่ได้”หลีกเลี่ยงไม่ได้หรือ? หนิงเหยียนครุ่นคิด“หากจะถูกผู้คนเอามาพูดว่าตอนนั้นตระบัดสัตย์ละทิ้งคุณธรรมต่อคุณหนูจวิน” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ยต่อ “ไม่สู้ข้ายอมรับสัญญาหมั้นหมาย เลี่ยงถูกผู้คนล้อเลียนตั้งข้อสงสัยกับคุณธรรมของพวกเราตระกูลหนิงไม่ดีกว่าหรือ”กล่าวเช่นนี้ก็มีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ สัญญาหมั้นหมายนี่…หนิงเหยียนขมวดคิ้ว“คุณหนูจวินปลูกฝีให้เด็กทั่วหล้า ขจัดภัยร้ายความกังวลของชาวประชาหมื่นพัน เรียกได้ว่าข่วยเหลือพสกนิกร” หนิงอวิ๋นเจามองหนิงเหยียน “ผู้ที่คุณงามความดีใหญ่หลวงเมตตามากลั้นเช่นนี้ ท่านอา จะไม่ปกป้องได้หรือ?”เขาก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง“ท่านอา ปกป้องคนที่คุณงามความดีใหญ่หลวงเมตตามากล้นเช่นนี้ ไม่ใช่คุณธรรมใหญ่หลวงหรือ?”“ท่านอา ในเมื่อเป็นคุณธรรมใหญ่หลวง เป็นการกระทำของวิญญูชน แล้วมีเหตุใดให้กลัวมันเล่า?”เช่นนี้รึหนิงเหยียนสีหน้าเคร่งขรึมกลายเป็นนิ่งเงียบอยู่บ้าง…“เช่นนี้รึ”ด้านในโรงหมอจิ่วหลิง คุณหนูจวิน ฟางจิ่นซิ่วก็ฟังเฉินชีเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวจบ สีหน้ายุ่งเหยิงอยู่บ้าง ชั่วขณะล้วนไม่รู้ควรพูดอะไร ด้านในโถงเงียบไปครู่หนึ่ง“เหอะ”เสียงเหอะหนักๆ ของบุรุษเสียงหนึ่งทำลายความเงียบนี้คุณหนูจวินมองจูจั้นที่ยิ้มหยันอยู่บนเก้าอี้ด้านข้าง“คิดไม่ถึงจริงๆ” เขาเอ่ย “คุณหนูจวินถึงกับเจ้าชู้เช่นนี้”นี่วาจาอะไรกันฟางจิ่นซิ่วขมวดคิ้ว ส่วนคุณหนูจวินยิ้มแล้ว“คนหนึ่งสหายตัวน้อยผู้ร่ำรวย คนหนึ่งคุณชายจอหงวนผู้มากความสามารถ” จูจั้นลุกขึ้นยืน กอดอกเลิกคิ้วมองคุณหนูจวิน “ทำไมกลายเป็นสามีเจ้าหมดแล้วเล่า? เจ้าที่แท้มีสามีกี่คนกันฮะ?”คำพูดนี้ถามได้ไม่เข้าท่า ฟางจิ่วซิ่วขมวดคิ้วคุณหนูจวินมองจูจั้นพลางชูสามนิ้วขึ้น“สามคน” นางเอ่ยจริงจังคำพูดนี้ก็ตอบไม่เข้าท่า ฟางจิ่นซิ่งถลึงตามองคุณหนูจวินอีกครั้งเป็นจริงเป็นจังหน่อยได้หรือไม่?“สามคน?” จูจั้นมองนาง ขมวดคิ้วด้วย “ยังมีใครอีก?”คุณหนูจวินเม้มปากยิ้ม ยื่นมือชี้ไปทางเขา“ท่านไง” นางเอ่ยจูจั้นถลึงตารู้อยู่แล้วเชียวว่าเป็นคนไม่ปกติคนหนึ่ง!……………………………………….[1] เซี่ยอัน (谢安) นักปกครองผู้มีชื่อเสียงสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันออก ตอนอายุน้อยถูกเรียกตัวไปรับราชการแต่ปฏิเสธ เร้นกายใช้ชีวิตอย่างสงบ ท่องเที่ยวป่าเขาประพันธ์บทกวีสร้างสรรค์งานเขียนกับสหาย ต่อมาตระกูลสูญเสียอำนาจถูกคุกคาม เขาจึงออกรับราชการและสร้างผลงานสำคัญอย่างเช่น ล้มแผนการชิงบัลลังค์ของหวนเวิน เป็นผู้บัญชาการทหารของแคว้นจิ้นใช้กองทัพเล็กชนะกองทัพใหญ่ของแคว้นเฉียนฉินในสงครามเฝยสุ่ย ทำให้รัฐจิ้นตะวันออกสงบสุขหลายสิบปี
คอมเม้นต์