Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 60 ถามคำหนึ่งเจ้าเป็นใคร
ในตำหนักตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศชะงักนิ่งอยู่บ้างไหวอ๋องจิ่วหรงคุกเข่าอยู่บนเตียง หน้าเล็กๆ แดงก่ำคุณหนูจวินมองเขา ในใจสับสนอยู่บ้างเจ้าเป็นใคร?ตอนนางเดินเข้ามาในวังไหวอ๋อง มองเห็นพี่สาว มองเห็นจิ่วหรง พยายามปกปิดสุดกำลัง แต่ในใจก็ยังคงคาดหวังให้พวกเขาสังเกตอะไรได้เมื่อจิ่วหลีมองมาทางนางอย่างไม่สนใจ เมื่อจิ่วหลีถามนางว่าเจ้าชื่ออะไรน่าเสียดายก็แต่จิ่วหลีเพียงสนใจชื่อนี้เท่านั้นนางยังเคยเล่านิทานที่เมื่อก่อนเคยเล่าให้จิ่วหรงฟังแต่น่าเสียดายจิ่วหรงจดจำเพียงหน้า กระทั่งชื่อยังไม่สนใจก็ใช่ จะจำได้อย่างไร? เรื่องบ้าบอเช่นนี้ คิดยังไม่กล้าคิด บอกก็ไม่อาจบอกเช่นกันบางทีคงเหมือนลู่อวิ๋นฉีเช่นนั้น สงสัยว่านางตั้งใจเกี่ยวข้องเข้าใกล้กับองค์หญิงจิ่วหลิง ดังนั้นการกระทำพฤติกรรมบางอย่างจึงมีร่องรอยขององค์หญิงจิ่วหลิงบางทีอาจเป็นคนที่เคยรู้จักองค์หญิงจิ่วหลิง หรือคนที่รู้จักองค์หญิงจิ่วหลิงสอนมาอย่างไรไม่ว่านางเป็นใคร ก็ไม่มีทางคิดว่านางเป็นองค์หญิงจิ่วหลิงตัวจริงเด็ดขาดคุณหนูจวินมองไหวอ๋อง ตอนนี้เขาถามว่าเจ้าเป็นใคร ก็คือหมายความแบบนั้นอย่างที่ลู่อวิ๋นฉีสงสัยกระมังเจ้าเป็นใคร ใครให้เจ้ามา เจ้าคิดจะทำอะไร?“ข้าเป็นชาวหรู่หนาน ข้าเป็นหมอคนหนึ่ง ข้าไม่มีทางทำร้ายท่านกับ…” นางสีหน้าตั้งใจเอ่ยพูดยังไม่ทันจบจิ่วหรงก็เอ่ยขัดอีกครั้ง“เจ้าใช่พี่สาวของข้าหรือเปล่า?” เขาเอ่ยขึ้นคุณหนูจวินรู้สึกเพียงในสมองมีเสียงดังเปรี้ยง ราวกับถูกคนต่อยหนึ่งหมัดเข้าที่หน้า จมูกแสบเคืองน้ำตาทำดวงตาพร่ามัวเขามีพี่สาวคนหนึ่งคือองค์หญิงจิ่วหลี องค์หญิงจิ่วหลีก็อยู่ในจวนสกุลลู่ไม่ไกลเวลานี้นาทีนี้เขากลับเอ่ยถามคำถามนี้กับเด็กสาวคนหนึ่ง เห็นชัดว่าพี่สาวที่เขาพูดถึงคือพี่สาวอีกคนหนึ่งองค์หญิงจิ่วหลิงที่ไม่อยู่อีกแล้วคนนั้นเขา!เขาคิดออกได้อย่างไร?หรือเพราะตนเองตีเขายกหนึ่งเจ้าเด็กแสบคนนี้ สุราคารวะไม่ดื่มจะดื่มสุราลงทัณฑ์จริงๆ ตนเองรักษาโรคให้เขา ดีกับเขา เล่านิทานให้เขาฟัง ทำดีด้วย เขาสนก็ไม่สนใจ ตีเขารอบหนึ่ง เขากลับคิดมาถึงตรงนี้ได้หรือเขาจะจำได้แต่ตนเองตอนตีเขา จำตอนที่ตนดีกับเขาไม่ได้หรือ?“เจ้าคือพี่สาวข้าหรือเปล่า?”เสียงเด็กน้อยสั่นระริกจี้ถามอีกครั้งคุณหนูจวินเงยหน้าขึ้น น้ำตาหดกลับไปแล้ว“ข้า รู้จักกับพี่สาวของท่าน” นางเอ่ยช้าๆ ให้เสียงของตนเองนิ่งสงบจิ่วหรงมองนาง ราวกับเรี่ยวแรงที่สั่งสมมาพริบตาถูกสูบออกไป หัวไหล่ตกลู่ลงสำหรับเด็กน้อยแล้วยังคงเชื่อว่าคนตายฟื้นคืนชีวิตได้ใช่ไหม? เหมือนกับที่เชื่อว่าพ่อแม่ที่ตายไปแล้วเพียงแค่ขึ้นไปบนฟ้า สักวันหนึ่งก็จะกลับมาคุณหนูจวินเคยจินตนาการว่าจิ่วหลีกับจิ่วหรงจะจดจำนางได้ กลับไม่เคยคิดว่าหลังจดจำนางได้นางควรพูดอะไรหากเป็นจิ่วหลี นางอาจยอมรับ จิ่วหรง…ยังเป็นเด็กคนหนึ่งเด็กไม่อาจควบคุมและเก็บซ่อนอารมณ์ของตนเองได้นี่อาจทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย“พี่สาวของท่านเคยพูดถึงท่านกับข้า ฝากให้ข้าดูแลท่านด้วย” คุณหนูจวินเอ่ยเสียงอ่อนโยนจิ่วหรงเงยหน้ามองนาง ขานอืมทีหนึ่งนอนลงไป ลืมเลือนความเจ็บบนก้น เพิ่งนอนลงไปก็ร้องซี้ดสองทีเด้งขึ้นมาคุณหนูจวินอดไม่ได้หัวเราะแล้วจิ่วหรงมองนางทีหนึ่งนอนคว่ำลงไป หันเข้าข้างในไม่พูดจาอีกคิดไม่ถึงเขากลับไม่ถามแล้ว คือเชื่อแล้วหรือว่าไม่อยากคิดอีกแล้ว?คุณหนูจวินมองจิ่วหรงที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงไม่ขยับ ปวดใจอยู่บ้าง นางก็ไม่ได้เอ่ยวาจาอีกเช่นกันเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู ขันทีกับนางกำนัลยกยาที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามา คนที่ตามเข้ามายังมีบัณฑิตกู้ด้วย“คุณหนูจวินมาแล้ว” เขายิ้มคำนับคุณหนูจวินลุกขึ้นคำนับกลับ มองบัณฑิตกู้ที่เดินมาไถ่ถามจิ่วหรงเสียงเบา ในใจนางมีความคิดประหลาดอย่างหนึ่งนางมักรู้สึกว่าสองครั้งนี้ที่นางกับจิ่วหรงได้อยู่กันตามลำพังเป็นบัณฑิตกู้จงใจจัดการจงใจจัดการที่จริงก็ไม่มีอะไรแปลก ลู่อวิ๋นฉีระแวงนาง จงใจให้นางกับจิ่วหรงอยู่ตามลำพังบางทีอาจหลอกอะไรออกมาได้บ้างที่นางรู้สึกว่าความคิดนี้ประหลาดก็เพราะ นางถึงกับรู้สึกว่าที่บัณฑิตกู้จงใจจัดการเช่นนี้ไม่ได้เป็นเจตนาของลู่อวิ๋นฉี แล้วก็ไม่ได้จะหลอกให้นางพูดอะไรออกมา แต่เพราะจะให้นางกับจิ่วหรงอยู่ด้วยกันตามลำพังความคิดนี้บ้าเกินไปแล้วคุณหนูจวินมองบัณฑิตกู้ ไม่รู้ว่าเขาเอ่ยอะไรเสียงเบา จิ่วหรงหันหลับมาหาเขายิ้มขึ้นมาจิ่วหรงอยู่ด้วยกันกับเขานานแล้ว เด็กน้อยก็ไม่มีความคิดลึกซึ้งอะไร เชื่อเขาพึ่งพาเขาก็สมควรนางไม่ได้ไปมาหาสู่อะไรกับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ กอดความระแวงมา พบหน้าสองครั้งพูดด้วยหนึ่งสองประโยค นางถึงกับเชื่อเขาด้วยแล้ว?นี่ไร้เหตุผลเกินไปแล้วจิ่วหรงได้บัณฑิตกู้ป้อนยาเสร็จแล้ว บัณฑิตกู้ก็ยิ้มมองข้ามมา“คุณหนูจวิน องค์ชายคงไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามคุณหนูจวินพยักหน้า“ไม่เป็นไร วันนี้ตัวร้อนมีฝีออกไม่กี่เม็ด” นางเอ่ย “นอนพักบนเตียงสามวันก็หายดีแล้ว”พูดจบก็คำนับขอตัวมองเห็นนางคำนับขอตัว จิ่วหรงบนเตียงก็หยัดกายนั่งคุกเข่าบัณฑิตกู้ก็ยืนขึ้นมาด้วย“คุณหนูจวิน วันนี้ไม่ใช่วันกระดานทองประกาศผลหรือ?” เขาเอ่ยถามกระดานทอง?คุณหนูจวินชะงักไปวูบหนึ่ง“ใช่” นางเอ่ยบัณฑิตกู้กระตือรือร้นทันที“จอหงวนเป็นใคร?” เขาเอ่ยถามสีหน้าใคร่รู้ความใคร่รู้นี่ก็น่าสงสารอยู่บ้าง เหมือนกับคนที่ถูกขังอยู่ในคุกมองผลไม้บนต้นไม้นอกกรงขังอย่างอัดอั้น คาดเดาว่ามันอร่อยหรือไม่จอหงวนเป็นใคร เขาอยากรู้ไม่ง่ายหรือ? นอกจากฮ่องเต้ คนที่รู้คนแรกย่อมเป็นลู่อวิ๋นฉีคุณหนูจวินมองเขา“หลานของหนิงเหยียนตระกูลหนิงหมู่บ้านเป่ยหลิว หนิงฉางหนิงอวิ๋นเจา” นางเอ่ยบัณฑิตกู้ร้องอ้อ ยิ้มพยักหน้า“ได้ยินชื่อมานานแล้ว ได้ยินชื่อมานานแล้ว ลูกหลานตระกูลหนิง” เขาเอ่ยบทสนทนานี้คุณหนูจวินไม่ได้เหมือนสอบสวนเขา หลุบตาลงคำนับอีกครั้ง“ขอตัวก่อน” นางเอ่ยหมุนตัวไปข้างนอก รู้สึกว่าสายตาของจิ่วหรงติดตามมาข้างหลังร่างตลอด คุณหนูจวินอดทนไม่หันกลับ เดินตรงออกไปออกห่างจากถนนที่วังไหวอ๋องตั้งอยู่ เสียงเอะอะครึกครื้นก็ทะลักโถมใส่ใบหน้าอีกครั้ง ความครึกครื้นที่กระดานทองนำมายังคงต่อเนื่องได้ยินเสียงเอะอะด้านนอก สีหน้าเคร่งขรึมของคุณหนูจวินก็ค่อยๆ คลายออกจิ่วหรงไม่ว่าพูดอย่างไร จิ่วหรงคงสังเกตอะไรได้แล้ว แม้ไม่อาจบอกยืนยันกับเขาได้ว่าตนเองคือจิ่วหลิง แต่อย่างน้อยให้เขารู้ว่าตนเองมีความสัมพันธ์กับจิ่วหลิงพี่สาวจิ่วหลิงของเขาแม้ไม่อาจพบแล้ว แต่พี่สาวจิ่วหลิงที่เป็นห่วงเขายังอยู่นางมาก็เพื่อแทนจิ่วหลิงให้เขารู้ว่าบนโลกนี้นอกจากองค์หญิงจิ่วหลียังมีคนที่ห่วงใยเขา ปกป้องเขา พวกเขาไม่ได้เดียวดายนี่จะมากจะน้อยก็เป็นการปลอบประโลมอยู่บ้างกระมังส่วนคำถามหลังผู้อื่นค้นพบ การปลูกฝีนางยังถ่ายทอดให้หมอทั่วใต้หล้าได้ ทั้งขายยาป้องกันฝีดาษที่คร่าชีวิตผู้คนด้วยเงินร้อยอีแปะ ไหวอ๋องในฐานะคนไข้ที่นางรักษาหาย จิตใจหมออันเมตตาของนางห่วงใยมีอันใดน่าตั้งคำถามรอยยิ้มของคุณหนูจวินยังคงอยู่จนกระทั่งลงจากรถ จนกระทั่งมองเห็นด้านหน้าโรงหมอจิ่วหลิงวางสินสอดของลู่อวิ๋นฉีไว้อีกแล้ว“โยนกลับไป” คุณหนูจวินเอ่ย คร้านจะมองเพิ่มสักทียกเท้าเข้าไปแล้วพวกพนักงานเตรียมรถขับรถไปยังจวนสกุลลู่อย่างคุ้นเคยเฉินชีมองพวกเขาจากไป ตรงดิ่งกลับไปถึงโรงหมอจิ่งหลิง นั่งลงดื่มชา กระทั่งตามไปก็ไม่ไปแล้ว“ตี ก็รอแต่พวกเขาทนไม่ไหวตีคนของพวกเราสักรอบแล้ว” เขาเอ่ยกับฟางจิ่นซิ่ว “หากเขากล้าตี พวกเราก็หยิบราชโองการออกมาได้”เสียงพูดของเขาเพิ่งจบ นอกประตูก็มีคนวิ่งตึงตังเข้ามา“ผู้ดูแลใหญ่ชี ไม่ดีแล้ว ตีกันแล้ว” พนักงานคนหนึ่งสีหน้าซีดตะโกนบอกตีกันขึ้นมาจริงๆ แล้วรึ?เฉินชีกับฟางจิ่นซิ่วล้วนลุกขึ้นยืน“คนของพวกเราไม่เป็นไรใช่ไหม ข้ากำชับพวกเจ้าแล้ว กุมหัววิ่งหนี ร้องให้ดัง ร้องยิ่งเจ็บปวดยิ่งดี” เฉินชีเอ่ย พลางเร่งฟางจิ่นซิ่ว “เร็วเอาราชโองการมา รีบเอาราชโองการมา”ฟางจิ่นซิ่งเพิ่งจะไป พนักงานคนนั้นก็หอบหายใจโบกมือ“ไม่ใช่ ไม่ใช่คนของพวกเรา เป็นบุตรชายเฉิงกั๋วกงตีกับหัวหน้ากองพันลู่แล้ว” เขาเอ่ยบุตรชายเฉิงกั๋วกง?เฉินชีกับฟางจิ่นซิ่วอึ้งไปแล้ว คุณหนูจวินที่ได้ยินเสียงเอะอะเดินออกมาจากโถงด้านในก็อึ้งไปด้วยจูจั้น?……………………………………….
คอมเม้นต์