Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 59 ที่ได้ฟังไม่ได้น่ายินดีทั้งหมด
กระดานทองติดประกาศแล้ว การแห่ขบวนประดับบุปผาของจิ้นซื่อหน้าใหม่ที่ชาวบ้านชอบที่สุดกำลังจะมาถึงแล้ว แม้เวลานี้ยังไม่ครึกครื้นปานนั้น ฝูงชนบนถนนก็ไม่ขาดเกี่ยวกับการปลูกฝี ข้อพิพาทของบุรุษสตรีระหว่างคุณหนูจวินกับลู่อวิ๋นฉีในนาทีนี้ล้วนถูกผู้คนลืมเลือน คนทั้งหมดล้วนถกเถียงสนใจเกี่ยวกับบรรดาจิ้นซื่อหน้าใหม่ ถกเถียงเกี่ยวกับจอหงวน ปั๋งเหยี่ยน ทั่นฮัว[1]รถม้าของคุณหนูจวินที่อยู่บนถนนต้องหลบเลี่ยงฝูงชนครึกครื้นจึงเคลื่อนไปเชื่องช้าคนและม้าขบวนแล้วขบวนเล่าบนถนนวิ่งรี่ห้อตะบึงออกจากประตูเมือง ไปทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าดีใจหรือผิดหวัง ผลของการสอบหน้าพระที่นั่งจะส่งไปถึงตรงหน้าคนทั้งหลายที่รอคอยอยู่และในจวนหลังใหญ่ของตระกูลหนิงหมู่บ้านเป่ยหลิวอำเภอหยางเฉิงบรรยากาศเคร่งเครียดยิ่งนักนายหญิงใหญ่หนิงก็ไม่ได้เฉยชาเช่นนั้นเหมือนแต่ก่อน แต่เดินเคลื่อนไหวในห้องไม่หยุด ลูกประคำในมือก็ขยับนับไม่หยุดเช่นกัน บทสวดในปากก็ไม่หยุดแม้สักครู่ในนอกเรือนล้วนเงียบสนิทไร้เสียง นายท่านใหญ่หนิงยิ้มเดินเข้ามาจากด้านนอก ทำลายความเงียบสงบนี้“เจ้าร้อนรนอะไรเล่า ข่าวที่เร็วที่สุดก็ต้องวันมะรืนถึงส่งมาถึงได้” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย ท่าทางเมามายอยู่บ้างนายหญิงใหญ่หนิงได้กลิ่นสุรานี่โกรธอยู่บ้าง“เวลาไหนแล้วท่านยังดื่มสุรา” นางเอ่ย“อวิ๋นเจาได้เป็นจิ้นซื่อแล้ว ทุกคนล้วนมาแสดงความยินดี ข้าย่อมต้องดื่มสักหลายจอก” นายท่านใหญ่หนิงหัวเราะฮ่ะฮ่ะเอ่ยข่าวหนิงอวิ๋นเจาได้เป็นจิ้นซื่อเมื่อวานซืนก็มาถึงแล้ว คนที่มาเอ่ยแสดงความยินดีแห่แหนมาถึงประตูทันที กระทั่งเมืองไท่หยวนยังส่งของขวัญแสดงความยินดีมา ไม่ใช่จะต้อนรับคนที่มาเยือนทั้งหมด แต่ญาติมิตรสหายสนิทส่วนหนึ่งก็ต้องพบหน้าสักหน่อยนายหญิงใหญ่หนิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้“ได้เป็นจิ้นซื่อมีอะไรให้น่าแสดงความยินดี” นางเอ่ย “อวิ๋นเจาของพวกเราต้องได้เป็นจอหงวนสิ”“เหมือนกัน เหมือนกัน” นายท่านใหญ่หนิงหัวเราะฮ่ะฮ่ะเอ่ยนี่เหมือนกันได้อย่างไร นายหญิงใหญ่หนิงไม่สบอารมณ์ถลึงตามองนายท่านใหญ่หนิงทีหนึ่ง ให้สาวใช้อายุน้อยประคองเข้าไปพักผ่อนพวกผู้หญิงในตระกูลก็มาเอ่ยแสดงความยินดีแล้วนายหญิงใหญ่หนิงก็อยากหาคนมาพูดคุยให้ใจสงบนิดหนึ่ง จึงเรียกพวกผู้หญิงเหล่านี้ในเรือนมาพวกผู้หญิงรู้ความในใจของนายหญิงใหญ่หนิง ไม่ได้พูดถึงความสำเร็จของหนิงอวิ๋นเจามากเท่าไรนัก หากอวยมาก หากไม่ได้เป็นจอหงวนขึ้นมา ใยไม่ใช่ทำให้นายหญิงใหญ่หนิงเสียหน้า อวยไม่มากนั่นยิ่งหาเรื่องให้ตนเองกระอักกระอ่วนเรื่องที่ทำให้นายหญิงใหญ่หนิงฟังแล้วเบิกบานย่อมเป็นเรื่องของผู้อื่น“สะใภ้ใหญ่ นั่นจริงหรือเปล่า? คุณหนูจวินของตระกูลฟางที่เมืองหลวงแย่งผู้ชายกับองค์หญิง?” ผู้หญิงคนหนึ่งกดเสียงเบาเอ่ยขึ้นเมื่อวานซืนเมืองหลวงส่งข่าวหนิงอวิ๋นเจาสอบได้จิ้นซื่อมา พร้อมกันนั้นยังมีเรื่องสดใหม่ของเมืองหลวงที่คนส่งข่าวนำมาด้วยประการแรกเป็นคนหยางเฉิง ประการที่สองเกี่ยวข้องกับตระกูลหนิง ดังนั้นจึงเล่าเรื่องของคุณหนูจวินออกมาลับๆนายหญิงใหญ่หนิงส่งเสียงหืมเชิงสียดสีเยาะหยัน“ใครจะรู้” นางเอ่ยแต่ไม่ได้ตำหนิทุกคนไม่ให้พูด พวกผู้หญิงสีหหน้าตื่นเต้นรู้ว่าหาหัวข้อสนทนาได้แล้ว“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ”“ถึงกับทำเรื่องพรรค์นี้”“คิดไม่ถึงได้อย่างไร ตอนแรกอาศัยตระกูลฟางอาศัยบิดาของตนเองไม่ใช่จะมาก่อเรื่องที่ตระกูลของพวกเราหรือ?”“ที่เมืองหลวงหัวหน้ากองพันลู่คนนั้นก็อำนาจมากมาย ป่ายปีนขึ้นไปก็สมควรแล้ว”“ตอนนี้นางทำยาป้องกันฝีดาษออกมา ฮ่องเต้ให้ความสำคัญ องค์หญิงยังต้องถอยให้สามส่วน”“น่ารังเกียจเหลือเกินจริงๆ ทำเรื่องเช่นนี้ออกมา ผู้ชายใต้หล้าตายหมดแล้วรึ ไปแย่งสามีผู้อื่น”น่ารังเกียจเกินไปแล้วจริงๆ ยินยอมให้ตนเองต่ำช้าถึงขั้นนี้ นายหญิงใหญ่หนิงขยับลูกประคำ“นั่นน่ะ หน่อฝี ตระกูลพวกเราจะปลูกเมื่อไรหรือ?” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาท่ามกลางการคุยเล่นคำพูดนี้ทำให้เสียงคุยเล่นหัวเราะของพวกผู้หญิงหยุดไปแม้คุณหนูจวินเมตตาเท่าเทียมไม่ได้เดินทางไปกับขุนนางหยางเฉิงหรู่หนาน แต่ยังคงมีความรักภูมิลำเนาอยู่ หมอปลูกฝีกลุ่มแรกจึงแบ่งมายังหยางเฉิงกับหรู่หนานแล้วในเมืองคนมากมายล้วนปลูกฝีแล้ว คนส่วนน้อยยังคงรอดูอยู่ ตระกูลหนิงก็เป็นหนึ่งในคนส่วนน้อยด้วยเหตุผลย่อมเพราะการปลูกฝีนี่เป็นสิ่งที่คุณหนูจวินทำออกมา ความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูจวินกับนายหญิงใหญ่หนิง ตระกูลหนิงทั้งตระกูลต่างรู้ เพื่อไม่ล่วงเกินนายหญิงใหญ่หนิงจนซวยเข้า ทุกคนล้วนไม่ไปปลูกฝีแต่เมื่อคนปลูกฝียิ่งมากขึ้นทุกที คนมากมายในตระกูลหนิงก็นั่งไม่ติดแล้ว“นายหญิงใหญ่ท่านไม่มีลูกเล็กทนไหว พวกเราทนไม่ไหว”“ฮ่องเต้ยังปลูกให้องค์หญิงองค์ชายแล้ว ต้องไม่เป็นไรแน่”“นอกจากนี้การปลูกฝีนี่ก็ไม่ใช่ของตระกูลฟาง เป็นทางการดูแล เมตตาเท่าเทียม”คำพูดเช่นนี้ยิ่งมากขึ้นทุกที นายหญิงใหญ่หนิงเคยได้ยินแล้ว ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนทนไม่ไหวเอ่ยต่อหน้านางบรรยากาศในเรือนชะงักนิ่งไปอยู่บ้าง“เวลาไหนก็ได้นี่” นายหญิงใหญ่หนิงยิ้มเรียบๆ “ทุกคนตามสบาย”ผู้หญิงเหล่านั้นแม้วิตกอยู่บ้างแต่ที่มากยิ่งกว่าคือความยินดี“ได้ยินว่าง่ายนัก อาลักษณ์หลินดูแลเรื่องนี้อยู่น่ะ” นางเอ่ยคำพูดนี่หลุดออกจากปาก บรรยากาศก็ชะงักนิ่งอีกครั้งผู้หญิงคนนั้นถึงเพิ่งคิดได้ สีหหน้ากระอักกระอ่วนอาลักษณ์หลินสีหน้าของนายหญิงใหญ่หนิงทะมึนหนิงอวิ๋นเยี่ยนแต่งงานออกไปแล้ว แต่งงานออกไปเร็วขนาดนี้ ไม่ทันพี่ชายของนางสอบได้จอหงวน ไม่มีช่วงเวลาดีๆ ที่มีพี่ชายเป็นจอหงวนคนหนึ่งส่งตัวแต่งงาน ไม่ได้มีหน้าใหญ่กว่านี้ที่ตระกูลสามีนี่ก็เพราะบุตรสาวของอาลักษณ์หลินวันนี้วันดีขนาดนี้ ดันเอ่ยถึงคนที่ทำให้นางรังเกียจสองคนนายหญิงใหญ่หนิงคร้านจะปิดบังอีกต่อไปเช่นกัน“ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนก่อน” นางเอ่ย ลุกขึ้นเดินจากไปพวกผู้หญิงล้วนกระอักกระอ่วนลุกขึ้น รั้งอยู่ก็ไม่ถูก ตามไปก็ไม่ใช่ มองดูนายหญิงใหญ่หนิงเข้าห้องไปจริงๆ แล้วจึงได้แต่ถอยออกไปอย่างกระอักกระอ่วน“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร” ผู้หญิงหลายคนกดเสียงเบาตำหนิ“ข้าก็ไม่ได้พูดเหลวไหลนี่ พวกเจ้าไม่อยากให้ลูกของพวกเจ้าปลูกฝีหรือ? รู้ไหมตอนช่วงสิ้นปี หมู่บ้านข้างๆ หลายแห่งมีเด็กตั้งหลายคนเป็นฝีดาษตายไปแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นกดเสียงเบาเอ่ย “ตอนนี้คนอื่นล้วนปลูกแล้ว เหลือแต่พวกเรา ถึงเวลาหากถูกเล่าออกไปทำอย่างไร?”ผู้หญิงเหล่านี้บ้านใครมากน้อยก็ล้วนมีเด็กๆ อยู่ บ้างเป็นญาติมีลูก ได้ยินเข้าก็ล้วนไม่เอ่ยวาจาแล้ว“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไปเมื่อไร?” ผู้หญิงคนหนึ่งพลันเอ่ย“จะไปก็ไปเลยสิ นั่งรถใช้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ถึงที่นั่นปลูกฝีก็เร็วแล้ว” ผู้หญิงคนที่พูดคนแรกรีบบอก “แปบเดียวก็เสร็จ ไปกลับแค่ครึ่งวันเอง ถ้าไม่วางใจ ค้างคืนอยู่ที่โรงหมอที่กำหนดไว้คืนหนึ่งก็ได้”สะดวกปานนี้ พวกผู้หญิงคุยกันเสียงเบาคู่หนึ่งก็สลายตัวไปฟังบรรดาผู้หญิงด้านนอกนัดเวลากันเสร็จ คุยกันเสียงเบาดีใจสลายตัวไป นายหญิงใหญ่หนิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างก็วางลูกประคำในมือลงอย่างชิงชังช่างเถิด ช่างเถิด ไม่ว่านางเล่นลูกไม้ใหม่อะไรออกมา ก็ต้านชื่อเสียงเลวร้ายนั่นของนางไม่ได้เหมือนกันนายหญิงใหญ่หนิงสูดลมหายใจลึกหลายครั้ง มองดู บูชาพระโพธิสัตว์ คุกเข่าลงอย่างจริงใจลูกชายของนางต้องได้เป็นจอหงวนแน่ลูกชายของนางคือเมฆบนท้องฟ้า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโคลนตมเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว…วังไหวอ๋องวันนี้ไม่มีลู่อวิ๋นฉีอยู่ แต่มองเห็นคุณหนูจวินเข้ามา ประตูของวังไหวอ๋องไม่ลังเลสักนิดเปิดออกแล้วนี่ย่อมต้องเป็นลู่อวิ๋นฉีสั่งเอาไว้คุณหนูจวินเดินเข้าไป ครั้งนี้ไหวอ๋องอยู่รอนางในห้องบรรทม บัณฑิตกู้ไม่ได้อยู่ข้างกาย“องค์ชายบอกว่าไม่สบายนิดหน่อย ไม่ได้ออกฝี” นางกำนัลกับขันทีเอ่ยขึ้นเป็นกังวลไหวอ๋องนอนคว่ำอยู่บนเตียงหันเข้าข้างในราวกับหลับอยู่“ข้าดูหน่อยสิตัวร้อนหรือไม่” คุณหนูจวินเอ่ยนางกำนัลกับขันทีวิตกอยู่บ้าง“องค์ชายจะนอนเช่นนี้ให้ได้ คงเพราะไม่สบาย” พวกนางเอ่ย พลางพยายามพลิกไหวอ๋องขึ้นมานอนเช่นนี้เพราะไม่สบายจริงๆ อย่างน้อยก้นก็ไม่สบายคุณหนูจวินนั่งลงข้างเตียง“ไม่ต้อง” นางห้ามนางกำนัล “ข้าแบบนี้ก็ได้”นางพูดพลางยื่นมือไปลูบแก้มบนหน้าไหวอ๋องที่หันเข้าด้านในไหวอ๋องใต้ฝ่ามือตัวสั่นเล็กน้อย อับอายหงุดหงิดอยู่บ้างหันหน้ามาคุณหนูจวินยื่นมือวางบนหน้าผากเขาอีกครั้ง“อย่าขยับ” นางเอ่ยมือที่วางไว้ข้างตัวของไหวอ๋องกำแน่น แต่ศีรษะกลับไม่ขยับอีกคุณหนูจวินคลำอยู่ครู่หนึ่งรั้งมือกลับ“ตัวร้อนอยู่บ้าง” นางเอ่ย พลางหยิบผงยาห่อหนึ่งออกมา “ต้มสิ่งนี้ให้เดือด”นางกำนัลกับขันทีรีบขานตอบ รับแล้วถอยออกไปคุณหนูจวินกลับไม่ได้คิดว่านางกำนัลกับขันทีจะไปกันหมด ในตำหนักเหลือเพียงนางกับจิ่วหรงสองคน เงียบสงัดไม่คุ้นชินอยู่นิดๆ“ข้าทายาให้ท่านสักหน่อยเถอะ” นางเอ่ยจิ่วหรงนอนคว่ำอยู่บนเตียง ศีรษะหันเข้าไปด้านในอีกครั้ง“ไม่ต้อง” เขาเอ่ยเสียงหงุดหงิดคุณหนูจวินอดไม่ได้หัวเราะ ยื่นมือตบหัวไหล่ของเขา“เอาน่า ไม่ต้องโวยวายแล้ว ทายาหาใช่เรื่องน่าอาย” นางเอ่ย แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง “ตีท่านเป็นข้าไม่ถูก ข้าร้อนใจเกินไป…”คำพูดของนางยังพูดไม่ทันจบ ร่างของจิ่วหรงที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงก็สั่นเล็กน้อย เขายันตัวลุกพรวดนั่งคุกเข่ามองมาทางนาง“เจ้า เจ้าเป็นใคร?” เขาเอ่ยถามเสียงสั่น สองตาเบิกกลมคำพูดของคุณหนูจวินพลันชะงักไป ร่างกายแข็งทื่ออยู่บ้างคำถามนี้ที่เขาถาม ไม่ใช่ความหมายนั้นกระมัง?……………………………………….[1] จ้วงหยวน หรือ จอหงวน (状元), ปั๋งเหยี่ยน ( 榜眼) , ทั่นฮัว ( 探花) ชื่อเรียกผู้ที่สอบได้อันดับที่หนึ่ง สองและสามในการสอบขุนนางรอบสุดท้ายตามลำดับ
คอมเม้นต์