Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 58 กระดานทองประกาศนาม
ก็เหมือนที่พวกเขาคาดคิดก่อนหน้านี้เช่นนั้น เรื่องของคุณหนูจวินกับลู่อวิ๋นฉีถูกเล่าจนเปลี่ยนไปบ้างแล้ว“มีคนขององครักษ์เสื้อแพร แล้วยังมีคนของสำนักแพทย์หลวงด้วย” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย“เล่นสกปรกจริงๆ เป็นแต่เล่นลูกไม้เรื่องผู้ชายผู้หญิง” เฉินชีเอ่ยโกรธเกรี้ยว “สู้อย่างขาวสะอาดไม่ได้ ก็ทำเรื่องเหล่านี้ หากคุณหนูจวินเป็นผู้ชายพวกเขายังกล้าทำเช่นนี้ไหม?”โลกนี้อย่างไรก็โหดร้ายกับผู้หญิงมากกว่าอยู่บ้าง“นี่มีอะไรแปลกเล่า พวกเขาก็เป็นคนเช่นนี้นี่?” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ย “ไม่ต้องถามคำถามน่าเบื่อพวกนี้แล้ว”นางมองคุณหนูจวิน“ที่คุยกันนั่นเป็นอย่างไร?”คุณหนูจวินส่ายศีรษะ“ไม่เป็นอย่างไร” นางก็ไม่ได้ปิดบังครั้งนี้ถึงกับไม่ไหวหรือ? ฟางจิ่นซิ่วสีหน้าหนักใจ ลู่อวิ๋นฉีกับขุนนางตำแหน่งน้อยคนนั้นที่อำเภอหยางเฉิงต่างกันมากเกินไปแล้ว“ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนล้วนคุยกันไม่ลงตัว ก็ปล่อยต่อไป” คุณหนูจวินยิ้มแล้ว “ใครกลัวใคร ข้าทำอันใดเขาไม่ได้ เขาก็ทำอันใดข้าไม่ได้เหมือนกันมีราชโองการอยู่ ลู่อวิ๋นฉีทำอะไรเกินไป ตัวอย่างเช่นชิงคนอะไรไม่ได้แต่เป็นเช่นนี้ต่อไปชื่อเสียงกลัวว่าจะไม่น่าฟังแล้ว“ชื่อเสียง?” คุณหนูจวินยิ้มแล้ว “ข้าก็ไม่ได้อาศัยชื่อเสียงรักษาคนนะ”นั่นก็ใช่ เฉินชียิ้ม“เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ” เขาเอ่ย “ข้าไปคุยกับผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสักหน่อย ไม่ให้เขาเป็นห่วง”ไม่ว่าเหนื่อยมากเพียงไร อันตรายมากเพียงไร คุณหนูจวินล้วนรักษาการฝึกฝนร่างกายรวมถึงนอนดีกินดีไว้หลังราตรีโรยลงมา ในโรงหมอจิ่วหลิงก็ตกสู่ความเงียบสงบส่วนเรือนด้านในของเต๋อเซิ่งชางโคมไฟสว่างจนกระทั่งทางตะวันออกกลายเป็นสีขาวเฉินชีดื่มชาข้นด้านหน้าคำเดียวหมด“จดหมาย ที่บ้านคงได้รับแล้วกระมัง?” เขาเอ่ย เพราะอดหลับอดนอนหรือดื่มชาดื่มมากเกินไป เสียงจึงแหบพร่าอยู่บ้างผู้ดูแลใหญ่หลิ่วสีหน้าไม่ต่างจากเขามากนัก ท่าทางเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง ความเหนื่อยล้านี่ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่เพราะอดนอน“เปลี่ยนคนเปลี่ยนม้าตลอดทางไม่หยุด สามวันก็ถึงแล้ว” เขาเอ่ย พูดถึงตรงนี้ก็ยิ้มฝืดเฝื่อนอีก “ที่จริงนายน้อยรู้แล้วทำอย่างไรได้อีก? ในบ้านมีเงินให้เงิน ราชโองการก็ให้แล้ว ที่ให้ได้ล้วนให้มาหมดแล้ว”เฉินชีลูบจมูก“ยังให้คนได้นี่” ดวงตาเขาเป็นประกายเอ่ย “คนแซ่ลู่เกาะแกะคุณหนู หากคุณหนูแต่งงานแล้ว เขายังจะเกาะแกะอย่างไรได้อีก?”ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองเขาคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม“เจ้าพูดถึงนายน้อยรึ?” เขาเอ่ยถาม“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เพื่อนายน้อย คุณหนูจวินยังเอาตนเองให้นายน้อยได้ ตอนนี้นายน้อยกลับกันย่อมยกกายมอบให้ได้เช่นกัน” เฉินชีเอ่ยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยิ้มแล้ว ถอนหายใจ“อย่างแรก การแต่งงานของนายน้อยกับคุณหนูจวินเคยมีมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งทุกคนล้วนรู้ว่าเป็นการแต่งงานหลอก” เขายื่นนิ้วออกมาเอ่ย “มีหนึ่งก็มีสอง ครั้งนี้ยังอยู่ในเวลาวิกฤติเช่นนี้ ไม่มีคนเชื่อ องครักษ์เสื้อแพรยิ่งไม่เชื่อ”เฉินชีขมวดคิ้วจะเอ่ยอะไร ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็ยื่นนิ้วออกมาอีกนิ้วหนึ่ง“อีกประการ ต่อให้คุณหนูกับนายน้อยแต่งงานแล้วอย่างไร?” เขาเอย “ในคฤหาสถ์ข้างนอกของลู่อวิ๋นฉีก็ไม่ใช่ไม่มีภรรยาของผู้อื่น”เฉินชีลูบจมูก“ติดพันคุณหนูที่ยังไม่แต่งงานกับติดพันภรรยาของผู้อื่น อย่างไรอย่างหลังก็ทำให้ประชาชนโกรธแค้นกว่า” เขาเอ่ยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วลูบโต๊ะยิ้ม“เรื่องที่ยั่วประชาชนโกรธ องครักษ์เสื้อแพรก็ไม่ใช่ไม่เคยทำมาก่อน” เขาเอ่ย “ปวงประชาโกรธแล้วทำอันใดได้อีก?”เฉินชีหิ้วกาน้ำชาเทชาถ้วยหนึ่ง“ข้าเข้าใจความหมายของท่านแล้ว” เขาเอ่ยมองไปทางผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว “ไม่ว่าพูดอย่างไร ต่อให้มีราชโองการอยู่ในมือ ตระกูลฟางก็เป็นเพียงคหบดีตระกูลหนึ่ง พวกเขาโกรธอย่างไรต่อต้านอย่างไร กับลู่อวิ๋นฉีที่อำนาจยิ่งใหญ่แล้วล้วนไม่สนใจ”ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็รินชาถ้วยหนึ่งบ้าง“เป็นความจริงที่โหดร้ายใช่หรือไม่?” เขาเอ่ยเฉินชียิ้ม ร่างกายที่นั่งมาคืนหนึ่งเหน็ดเหนื่อยบ้างแล้ว อ่อนยวบลงบนเก้าอี้“โหดร้ายอะไรเล่า ในเมื่อเป็นความจริงก็ไม่โหดร้าย” เขาเอ่ย “คนใหญ่คนโตมีความโหดร้ายของคนใหญ่คนโต ผู้น้อยก็มีวิธีการของผู้น้อย ถ้าอย่างนั้นก็เอาอย่างนี้เถอะ ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนกัน”“ใช่แล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัว” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเตะรองเท้าออกไปนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ “ก็แค่รู้สึกว่า คุณหนูจวิน ไม่ง่ายเลย”“ทำสิ่งใดง่ายเล่า นั่งกินนอนกินรอวันตายก็ไม่ง่ายนะ” เฉินชีเอ่ย “เวลานั้นข้านั่งกินนอนกินรอวันตาย ก็ถูกคนรังแก หมอบต่ำเป็นผู้น้อยเหมือนกัน”“พูดความจริง ข้าไม่ได้มีวันเช่นนี้มาหลายปีแล้ว” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเคาะโต๊ะเอ่ย “มารดามันระทึกขวัญเกินไปแล้วจริงๆ”สองคนหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา แล้วก็หาวพร้อมกัน กำลังอยากพูดว่าพักผ่อนสักหน่อย ด้านนอกประตูเสียงประทัดพลันลอยมา สะดุ้นโหยงไม่อาจห้าม“เกิดอะไรขึ้น?” เฉินชีรีบนั่งตัวตรง “ไม่ใช่ชิงเจ้าสาวไปแล้วหรอกนะ?”ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเงี่ยหูฟังครู่หนึ่ง เสียงประทัดนั้นเดี๋ยวไกลเดี๋ยวใกล้ เขาพลันเข้าใจ“จอหงวนคนใหม่ออกมาแล้ว” เขาตบขาเอ่ย “การสอบหน้าพระที่นั่งเสร็จสิ้นแล้ว”การสอบจอหงวนสามปีครั้งหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก เฉินชีก่อนหน้ามาเมืองหลวงยังคิดอยู่ว่าเดือนสามจะเร่งกลับมาเพื่อดูจอหงวนแห่ขบวน ตนเองก็ไปเดินเที่ยวอุทยานของราชวงศ์ได้ด้วย หากโชคดีไม่แน่อาจได้เห็นฮ่องเต้ แต่เรื่องราวเป็นพรวนก่อนปีใหม่หลังปีใหม่ทำให้เขายุ่งจนลืมเรื่องจอหงวนไปนานแล้วตอนนี้ได้ยินผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยปุบ ความง่วงหายไปสิ้น ตื่นเต้นขึ้นมาอยู่บ้าง“ใครได้เป็นจอหงวน?” เขาเอ่ย “ไปไปไป ไปดูกัน”…บนถนนเสด็จพระราชดำเนินหัวคนเบียดเสียดชะโงก เทียบกับการสอบของกรมพิธีการ การสอบหน้าพระที่นั่งเพราะไม่จัดอันดับ คนที่มาดูรายชื่อบนกระดานล้วนยิ้มแย้มยินดี บนถนนมีเสียงประทัดดังขึ้นเป็นระยะ บางคนถึงกับโปรยเงินที่ถนน ทำให้ฝูงชนบนถนนถาโถม โชคดีที่มีทหารทางการคอยรักษาระเบียบจึงไม่ถึงกับเกิดความโกลาหลเฉินชีกับผู้ดูแลใหญ่หลิ่วแบกหน้าตาเหน็ดเหนื่อยท่ามกลางชายฉกรรจ์ที่ห้อมล้อมเบียดเข้าไป ยืนอยู่ตรงหน้ากระดานทอง มองปราดเดียวก็เห็นชื่อของจอหงวนทั้งสองคนล้วนตะลึงอยู่บ้าง รู้สึกว่าชื่อนี้ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกหน้าหนิงฉางหนิงฉางเป็นใคร?“บุตรคนที่สิบของตระกูลหนิงหมู่บ้านเป่ยหลิวอำเภอหยางเฉิงแห่งซานซี นามว่าฉาง อีกชื่อหนึ่งอวิ๋นเจา” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยหนิงอวิ๋นเจาหรอกรึเฉินชีตอนนี้ถึงคิดออก หนิงฉาง หนิงอวิ๋นเจา คุณชายสิบหนิง“จอหงวนสินะ” เขาเอ่ย “ตระกูลหนิงมีจอหงวนอีกคนหนึ่งแล้ว”มีจอหงวนนี่ ตระกูลหนิงทั้งตระกูลก็รุ่งเรืองอีกยุคหนึ่งแล้วเป็นจอหงวน…หนิงอวิ๋นนลำดับขุนนางเมืองหลวงทันที ได้ตำแหน่งที่คนมากมายหรือกระทั่งขุนนางจิ้นซื่อมากมายทั้งชีวิตไม่อาจได้มานี่ก็คือผู้ทรงความรู้ ขั้นสูงที่สุดของคนในใต้หล้า ชาติกำเนิดที่ได้รับความนับถือที่สุดในหมู่ขุนนางหากเป็นภรรยาของคนเช่นนี้ ลู่อวิ๋นฉีคงหาเรื่องไม่ได้แน่นอนกระมัง?เฉินชีพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาแต่จากนั้นก็หัวเราะแล้ว หัวเราะเศร้าอยู่บ้างกลายเป็นภรรยาของคนเช่นนี้ง่ายขนาดนั้นเสียทีไหน ไม่อย่างนั้นคุณหนูจวินคงไม่มีวันนี้ก่อนหน้านี้แตกต่างดั่งเมฆากับโคลนตม ตอนนี้หลังจากนี้ยิ่งไม่มีอันใดให้เกี่ยวข้องกันอีกแล้วเฉินชีรู้สึกหมดความสนใจอยู่บ้าง ดึงแขนเสื้อของผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว“ไปเถอะไปเถอะ ดูแล้ว ยุ่งกับงานของพวกเราเองเถอะ” เขาเอ่ยส่วนคุณหนูจวินเวลานี้ก็เดินออกจากโรงหมอจิ่วหลิงแม้เมื่อวานไม่ได้ค้างคืนในวังไหวอ๋อง แต่ในใจอย่างไรก็เป็นห่วงอยู่บ้าง นางยังตัดสินใจไปดูสักหน่อยเสียงเอะอะบนถนนดึงให้นางมองไป“ประกาศรายชื่อแล้ว” พนักงานที่ขับรถเอ่ย “ดึกหน่อยเมื่อคืนก็ประกาศชื่อจอหงวนแล้ว”จอหงวนรึคุณหนูจวินมองไปทางถนน“เป็นใครล่ะ?” ฟางจิ่นซิ่วเอ่ยถาม“หนิงฉางจากเป่ยหนิง หลานของหนิงเหยียน” พนักงานหน้าตาเริงร่าเอ่ย แล้วคิดอะไรขึ้นได้ “คุณหนูจวิน เป็นคนหยางเฉิงของพวกท่าน”ฟางจิ่วซิ่วขมวดคิ้ว“เหอะ” นางเอ่ย “ที่แท้เขาก็ชื่อนี้สินะ ไม่เพราะจริงๆ”คุณหนูจวินยิ้ม“เจา หมายถึงขัดเกลา ลับคมอาวุธไป แต่อำนาจยังอยู่เสมอ” นางเอ่ย ยิ้มกับฟางจิ่นซิ่ว “เตรียมของขวัญอีกชิ้นเถอะ”……………………………………….
คอมเม้นต์