Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 47 บัณฑิตกู้ขอคำชี้แนะ
ที่โรงหมอจิ่วหลิงนอกจากองครักษ์เสื้อแพร ยังมีชาวบ้านไม่น้อย ชี้มือชี้ไม้ฝั่งนี้ ล้อมมุงดูสีหน้ากังวลความขัดแย้งระหว่างโรงหมอจิ่วหลิงกับหัวหน้ากองพันลู่แห่งองครักษ์เสื้อแพร คนเมืองหลวงล้วนยังจำได้ แตกต่างจากสีหน้าหวาดกลัวก่อนหน้านี้ สีหน้าของชาวบ้านยังคงเคร่งเครียด แต่กลับโกรธแค้นเพิ่มอยู่หลายส่วนหากเวลานี้องครักษ์เสื้อแพรยังคิดสร้างความลำบากให้คุณหนูจวินอีกล่ะก็ คิดว่าบรรดาชาวบ้านที่ล้อมมุงดูอยู่คงไม่ถึงกับสลายตัวไปเพราะสายตาปราดเดียวของลู่อวิ๋นฉีแล้วอย่างไรก่อนหน้านี้แม้คุณหนูจวินเป็นหมอเทวดา แต่เพราะเงื่อนไขการรักษาที่โหดร้ายแพงลิบลิ่ว สำหรับบรรดาชาวบ้านแล้วเป็นเพียงรูปบูชาที่ได้แต่แหงนมองสูงส่งไม่อาจป่ายปีนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผลประโยชน์ส่วนตัวของตนเอง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว คุณหนูจวินเอายาดีที่ปราบฝีดาษได้ออกมา ช่วยคนที่เป็นพ่อแม่อย่างพวกเขาจากฝันร้ายนางช่วยทุกคนจากฝันร้ายอันหนึ่งได้ บางทีอาจยังช่วยได้มากกว่านี้ใส่ใจกับความปลอดภัยของคนเช่นนี้ ความจริงก็คือใส่ใจกับตัวพวกเขาเองด้วย เพื่อความเป็นความตายความปลอดภัยของตนเอง คนมักจะกล้าหาญอยู่บ้างเสมอเรื่องเช่นนี้แม้ฟังดูแล้วไร้หัวใจอยู่บ้าง แต่ก็ยุติธรรม บนโลกไม่มีความรักที่ไร้ต้นสายปลายเหตุคุณหนูจวินชอบความยุติธรรมเช่นนี้นัก เพราะความยุติธรรมเช่นนี้พึ่งได้ ทั้งยังน่าวางใจ“ข้าไปตรวจซ้ำให้ไหวอ๋อง” นางเอยกับฟางจิ่นซิ่วและหลิ่วเอ๋อร์ที่ออกมาส่งอีกครั้งนี่ความจริงคืออธิบายกับบรรดาชาวบ้านด้านนอกได้ฟังประโยคนี้ชาวบ้านที่มุงดูอยู่สีหน้าผ่อนคลายลงจริงๆ ยังมีคนตบหน้าอกเบาๆ บรรยากาศเคร่งเครียดกลายเป็นผ่อนคลายมีความสุขคุณหนูจวินขึ้นรถม้า ลู่อวิ๋นฉีตอนนี้ถึงเร่งม้าไปข้างหน้า ตั้งแต่เริ่มจนจบสายตาของเขาไม่ได้มองคนบนถนน แน่นอนย่อมไม่ใส่ใจสีหน้าของพวกเขาด้วยคุณหนูจวินพบกับไหวอ๋องในตำหนักหลัก สวมใส่อาภรณ์ขององค์ชาย ดูไปแล้วเทียบกับสามเดือนก่อนสูงขึ้นนิดหน่อย สีหน้าก็ดีขึ้นมากด้วย“ร่างกายขององค์ชายฟื้นตัวดียิ่ง” นางยิ้มเอ่ยรอยยิ้มนี้ออกมาจากใจไหวอ๋องก็ยิ้มพยักหน้าให้นางด้วย“วิชาแพทย์ของคุณหนูจวินสูงส่ง” เขาเอ่ยเสียงใสกังวาน พร้อมกับมารยาทอันไม่มีที่ให้ตนติ“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ต้องให้ยาไหม?” บัณฑิตกู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยถามคำที่บัณฑิตกู้คนนี้พูดน่าสนใจเหมือนกัน คุณหนูจวินมองเขาทีหนึ่งอย่างไรเรื่องไหวอ๋องเป็นฝีดาษก็เป็นเรื่องที่ประกาศภายนอก คนที่เป็นฝีดาษไปแล้วไม่จำเป็นต้องให้ยา นี่ก็เป็นเรื่องที่บอกแกประชาชนแล้วเช่นกันคุณหนูจวินส่ายศีราะ“รออีกสามวันดีกว่า” นางเอ่ยการตัดสินใจของนางไม่มีคนโต้แย้ง ไหวอ๋องถึงขนาดดีใจอยู่บ้าง เสตามองบัณฑิตกู้“ท่านอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นบทเรียนวันนี้ก็ไม่ต้องเลื่อนแล้ว” เขาเอ่ยนี่ก็หมายความว่าให้ขอตัวไป คุณหนูจวินมองไหวอ๋องในใจถอนหายใจ คนได้พบแล้ว แต่ใจนี่ยังกั้นห่างกันไกลเหลือเกินนะนี่ก็เป็นเรื่องที่ทำอันใดไม่ได้ ค่อยๆ เถอะนางคำนับจะขอตัว บัณฑิตกู้กลับเอ่ยปาก“พูดถึงบทเรียน ข้ากลับมีวิชาอยากขอคำชี้แนะของคุณหนูจวิน” เขาเอ่ยขอคำชี้แนะ? คุณหนูจวินมองไปทางเขา“องค์ชายไปรอข้าที่ห้องหนังสือก่อนได้” บัณฑิตกู้กลับไม่ได้ถาม แต่ยิ้มเอ่ยกับไหวอ๋องในดวงตาของไหวอ๋องความประหลาดใจแล่นผ่าน แต่ลุกขึ้นอย่างเชื่อฟังยิ่ง“รบกวนใต้เท้าส่งองค์ชายไปด้วย” บัณฑิตกู้ยังเอ่ยต่ออีกคำพูดนี้เอ่ยกับลู่อวิ๋นฉีในดวงตาของคุณหนูจวินก็ฉายแววประหลาดใจบางๆ เช่นกัน ประหลาดใจที่บัณฑิตกู้ถึงกับเอ่ยกับลู่อวิ๋นฉีเช่นนี้ แล้วก็ประหลาดใจที่ลู่อวิ๋นฉีเบี่ยงกายถอยหลังก้าวหนึ่ง รอไหวอ๋องเดินผ่านติดตามไปร่างหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กหายไปในตำหนักแต่ก็ไม่มีอะไรให้ประหลาดใจ บัณฑิตกู้เป็นคนของลู่อวิ๋นฉี ลู่อวิ๋นฉีอยู่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ยังมีอะไรอีก คุณหนูจวินหลุบตา“คุณหนูจวินค้นพบการปลูกฝีปราบฝีดาษ ข้าใคร่รู้เรื่องนี้ยิ่งนัก” บัณฑิตกู้เอ่ยปากเข้าประเด็นต้องการพิสูจน์อีกนิดหรือ?คุณหนูจวินขานรับใช่ อธิบายเรื่องการปลูกฝีที่เคยอธิบายให้ฮ่องเต้กับไทเฮาฟังอีกรอบหนึ่งบัณฑิตกู้ยิ้มพยักหน้า“พวกนี้ข้าฟังไม่เข้าใจ” เขาเอ่ยคุณหนูจวินขมวดคิ้วเล็กๆ กำลังจะเอ่ยวาจาอีก บัณฑิตกู้ก็เอ่ยปากต่อแล้ว“แล้วข้าก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้” เขาเอ่ยไม่สนใจ? ไม่สนใจการปลูกฝีจะถามทำไม? คุณหนูจวินขมวดคิ้วอีกครั้ง แต่ยังคงไม่ทันเอ่ยอะไร บัณฑิตกู้ที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามก็เอ่ยปากอีกครั้งหนึ่ง“ข้าใคร่รู้ยิ่งนัก ตอนคุณหนูจวินรักษาฝีดาษคิดวิธีการเช่นนี้ออกมาได้เอง?” เขาเอ่ยถาม สายตาจับบนตัวคุณหนูจวิน “หรือร่ำเรียนมาจากผู้อื่น?”ร่ำเรียนมาจากผู้อื่น?คุณหนูจวินรู้สึกเพียงแผ่นหลังชาดังนั้น ที่แท้มีคนค้นพบว่านางสืบทอดวิชามาจากอาจารย์แล้วหรือ?คุณหนูจวินเชื่อมั่นแน่วแน่มาตลอดว่าสวรรค์ยุติธรรม นอกจากให้นางฟื้นคืนชีพ ยังให้ตัวตนที่สมบูรณ์แบบอันหนึ่งกับนางอีกด้วยตระกูลจวินรุ่นแล้วรุ่นเล่าเป็นแพทย์ ยังมีโรงหมอที่ชื่อโรงหมอจิ่วหลิงอีกแห่งหนึ่งนางใช้วิชาที่นางครอบครองในอดีตได้ตามอำเภอใจโดยไม่ต้องอธิบายที่มาเหมือนกับการแก้พิษรักษาโรคของฟางเฉิงอวี่ ก็โยนไปให้สูตรลับสืบทอดมาแต่บรรพบุรุษของโรงหมอจิ่วหลิงได้เหมือนกับที่อธิบายแก่หมอทั้งหลายว่าคิดการปลูกฝีได้อย่างไร โยนไปให้สติปัญญาของบรรพบุรุษรุ่นก่อนรุ่นแล้วรุ่นเล่าได้แม้โรงหมอจิ่วหลิงของตระกูลจวินตลอดมาเงียบเหงาไร้ชื่อเสียง แต่ใครไม่อนุญาตให้ผู้อื่นในรุ่นหนึ่งเกิดลูกหลานที่พรสวรรค์ไม่ธรรมดาโดดเด่นเหนือใครคนหนึ่งได้เล่าบนโลกนี้เด็กอัจฉริยะมีไม่น้อย ไม่มีกฎกำหนดเสียหน่อยว่าบิดามารดาของเด็กอัจฉริยะต้องเป็นเด็กอัจฉริยะด้วยบวกกับชื่อเสียงโด่งดังของตนเองที่หรู่หนาน ได้ชาวบ้านชื่นชมปากต่อปาก ในใจชาวประชามีความเคารพจึงเป็นตำนานได้ ยามไล่นึกถึงตระกูลจวินรุ่นแล้วรุ่นเล่า เรื่องที่อาจธรรมดาไม่พิสดารจำนวนหนึ่งก็ถูกแต่งแต้มสีสันจนแตกต่างออกไปได้ สีสันนี้เล่าไปเล่ามา โรงหมอจิ่วหลิงของตระกูลจวินก็คล้ายจะกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์เรื่องหนึ่งยังมีอีกด้านหนึ่ง อาจารย์เป็นผู้ที่ลึกลับคนหนึ่ง คนมากมายรู้ว่าอาจารย์ร้ายกาจยิ่งนัก แต่เขาเดินทางล่องลอยไม่เป็นหลักแหล่ง วิธีการรักษาโรคช่วยคนก็แปลกพิลึกพิลั่น เวลาที่อยู่เมืองหลวงก็สั้น คนที่คุ้นเคยกับเขาแทบไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่จะจดจำวิชาตกทอดของเขาได้แต่ตอนนี้ดูท่าบนโลกนี้ไม่มีเรื่องใดแน่นอนไม่ใช่หมอหลวงที่อาจารย์เคยติดต่อด้วย แต่เป็นก้งเซิงจากหูโจวผู้ขังตัวอยู่กับไหวอ๋องมาตลอดคนนี้จดจำได้หรือจะบอกว่าลู่อวิ๋นฉีจดจำได้“ท่านไม่ต้องคิดมาก หัวหน้ากองพันลู่ไม่มีทางสนใจเรื่องเช่นนี้” คำพูดของบัณฑิตกู้ดังขึ้นอีกครั้ง ประหนึ่งมองทะลุความคิดของนาง “เขาคนเช่นนี้จะไม่ไปคาดเดาอะไร เป็นแต่ลงมือทำเท่านั้น”คาดเดาก็ดี ลงมือทำก็ดี แล้วอย่างไร?คุณหนูจวินเงยหน้ายิ้ม“นี่ไม่มีอะไรให้คิดมาก” นางเอ่ย “ที่บัณฑิตกู้พูดมาล้วนถูกต้อง”บัณฑิตกู้มองนาง“ข้าเรียนรู้จากบรรพบุรุษ แม้ข้าคิดออกมาได้ตอนรักษาฝีดาษ แต่พูดให้ละเอียดแล้วไม่ใช่ข้าคนเดียวทำออกมาได้ แต่เป็นประสบการณ์และบทเรียนที่บรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่าสืบทอดต่อกันสั่งสมมาจนถึงวันนี้” คุณหนูจวินเอ่ย “เพียงแค่ได้ข้าทำการทดลองของคนรุ่นก่อนเหล่านี้จนสำเร็จตอนนี้เท่านั้น”บัณฑิตกู้ยิ้มแล้ว พยักหน้าเดินเข้ามาหลายก้าว“คุณหนูจวินพูดมีเหตุผล” เขาเอ่ย “เมื่อครู่คำถามของข้าล่วงเกินแล้ว ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นใด”พูดถึงตรงนี้ก็หยุดไปนิดหนึ่ง“เพียงแต่คิดถึงสหายเก่าคนหนึ่งเท่านั้น”……………………………………….
คอมเม้นต์