Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 41 เชิญพวกท่านไปทำ
ข้ารักษาเพียงโรคที่พวกเจ้ารักษาไม่ได้ ทำเพียงเรื่องที่พวกเจ้าทำไม่ได้เท่านั้นท่าทางนี่คำพูดนี่เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด แต่ท่านหมอทั้งหลายไม่โกรธแค้นคุณธรรมคับอกอย่างนั้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ตรงกันข้ามกลับยิ้ม ยิ้มด้วยอารมณ์หลากหลายอยู่บ้างใช่สิ เรื่องเหล่านี้พวกเขาทำได้ แต่เพราะพวกเขาทำได้ก็จะให้พวกเขาไปทำหรือ?นี่เป็นงานอะไรหืม? ปลูกฝี ช่วยเด็กๆ พันหมื่นไม่ให้ถูกฝีดาษเล่นงาน ชีวิตคนเป็นๆ บุญกุศลใหญ่หลวง ถูกคนนับไม่ถ้วนกราบกรานขอบคุณแม้คุณหนูจวินไม่ออกหน้า ทุกคนก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นนางทำ แต่เอาเกียรติยศแบ่งให้คนอื่นได้ยากยิ่งนักต่อให้นางไม่แบ่งให้ ทุกคนก็ไม่มีคำตำหนิ อย่างไรฝีดาษเรื่องนี้เป็นนางสู้มาเริ่มแรกพวกเขายังมีความคิดว่ามาช่วยงานนาง แต่เมื่อนางบอกว่าเดิมก็ไม่คิดรักษาฝีดาษหายแต่ต้องการป้องกันฝีดาษ พวกเขาในใจเข้าใจสักเท่าไร ต่อให้ไม่มีพวกเขาช่วย ผลลัพธ์ของเรื่องนี้ก็ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นใครช่วยใคร เป็นใครกำลังตอบแทนใครอยู่?ทุกคนรู้สึกว่ามีคำพูดมากมายต้องการพูด แล้วก็รู้สึกว่าไม่มีคำใดต้องพูด“คุณหนูจวิน พวกเราไม่ได้มาเสียเปล่า” ท่านหมอเฒ่าเฝิงคำนับคุณหนูจวิน เอ่ยเพียงเท่านี้บรรดาท่านหมอคนอื่นก็คำนับตาม“จะมาเสียเปล่าได้อย่างไรเล่า ทำงานย่อมไม่มีทางทำเสียเปล่า นี่คือความยุติธรรม” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย “แค่เพียงทำความดี ไม่ถามถึงอนาคต เพราะสวรรค์ย่อมมีความยุติธรรม”ดังเช่นที่ทุกคนคาดเดาเช่นนั้น สองวันให้หลังฮ่องเต้ก็เชิญคุณหนูจวินเข้าวังปลูกฝีให้องค์ชายองค์หญิง นี่จึงประกาศว่าเรื่องฝีดาษคราวนี้จบลงแล้วแม้การรักษาฝีดาษไม่เป็นดั่งคนหวัง แต่ตอนนี้ใครยังสนใจเรื่องนี้อีก แม้รักษาฝีดาษไม่ได้ แต่นางทำให้คนไม่เป็นฝีดาษได้ นี่ถึงมหัศจรรย์ยิ่งกว่าอย่างแท้จริงสำหรับชาวบ้านแล้ว เป็นฝีดาษเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่ให้ตนเองเป็นฝีดาษถึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เทียบกับเรื่องของคนอื่น ทุกคนยิ่งใส่ใจเรื่องของตนเองวัดกวงหวาเพราะยังมีผู้ป่วยฝีดาษไม่น้อย แม้ไม่มียาให้ผลวิเศษ แต่พวกท่านหมออย่างคุณหนูจวินไม่เคยทอดทิ้งไม่ดูแล ดังนั้นที่แห่งนี้ยังคงเป็นสถานที่ปลูกฝีชั่วคราวผู้คนที่เสียผู้ป่วยไปเหล่านั้นเก็บข้าวของเริ่มเตรียมตัวจากไป เทียบกับความยินดีของโลกข้างนอก สีหน้าของพวกเขาโศกศัลย์อยู่บ้าง เดินออกมากลับเห็นคุณหนูจวินพาท่านหมอกลุ่มหนึ่งยืนอยู่นอกอาคารส่งมองเห็นพวกเขา คุณหนูจวินกับท่านหมอทั้งหลายก็คำนับ“ละอายใจแล้ว” พวกเขาเอ่ยพร้อมเพรียงการคำนับทีหนึ่งเสียงคำว่าละอายใจคำหนึ่งนี้ ทำให้พวกเขาจมูกขัดเคืองขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ พวกผู้หญิงน้ำตาหลั่งริน ความหดหู่ที่สั่งสมในใจพริบตาเดียวสลายพวกเขาวุ่นวายคำนับคืน“คุณหนูจวินพวกท่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย” ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าเอ่ย เสียงแหบพร่าอยู่บ้าง “รักษาโรคไม่หายย่อมไม่ใช่ความผิดของพวกท่าน พวกท่านทำมากพอแล้ว”“ใช่แล้ว พวกท่านยังปลูกฝีให้พวกเราทั้งหมดด้วย”“ดูแลให้กิน ดูแลให้ดื่มทำมากขนาดนั้น”ทุกคนพากันเอ่ยคุณหนูจวินกับท่านหมอทั้งหลายส่งทุกคนอีกครั้ง“ในบ้านของพวกเจ้าหากยังมีลูกชายลูกสาว พามาปลูกฝีได้ ถือเชือกเหล่านี้ไม่ต้องต่อแถว” คุณหนูจวินเอ่ยเฉินชีรีบพาคนงานสองคนก้าวเข้ามา ในมือคนงานถือเชือกสีแดงเส้นแล้วเส้นเล่าไว้ ด้านบนเขียนว่าโรงหมอจิ่วหลิงสามคำ นอกจากนั้นยังมีประทับตราถึงกับยังมีเรื่องดีเช่นนี้วันนี้คนปลูกฝีมากมายนัก พวกเขารู้ดีกว่าใคร ได้ยินว่ามีคนถึงกับเริ่มขายหมายเลขแล้ว กรมทหารม้าห้าเมืองตรวจเข้มอยู่ช่วงหนึ่งถึงห้ามปรามได้ผู้คนอดไม่ได้สีหน้าซาบซึ้ง“คนตายจากไปแล้ว แต่ทุกคนยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี” คุณหนูจวินเอ่ย“ยังมีอีก ตอนที่พวกเจ้าพาลูกของพวกเจ้ามา ค่าใช้จ่ายในการปลูกฝีเต๋อเซิ่งชางออกให้” เฉินชีเอ่ยตามผู้คนยิ่งคำนับขอบคุณซาบซึ้ง ความโศกเศร้าและความเสียใจสลายไปมากนักแล้ว รับเชือกสีแดงคำนับคุณหนูจวินกับบรรดาท่านหมอแล้วจากไปเทียบกับวัดกวงหวาอันคึกคัก สำนักแพทย์หลวงยิ่งเงียบเหงา คนมาคนไปกลั้นลมหายใจไม่ให้เกิดเสียงแววตาทอประกายเจียงโหย่วซู่ก้มหน้าเดินออกมาจากในห้อง เห็นหมอหลวงสองคนยืนอยู่หน้าประตูสำนัก“พวกเจ้าทำไมยังอยู่อีก?” เจียงโหย่วซู่เอ็ดเสียงต่ำ “ไม่ใช่ควรไปวังองค์หญิงผิงหนิงรึ?”หมอหลวงสองคนสีหน้ากระอักกระอ่วน“ใต้เท้า พวกเราไปแล้ว” พวกเขาเอ่ย อยากพูดแล้วก็หยุด “เพียงแต่ ถูกไล่ออกมา”ไล่ออกมา?เจียงโหย่วซู่รู้สึกเพลิงโทสะผุดพรายทันที“เกิดอะไรขึ้น” เขาตวาด “พวกเจ้าอ้างนู่อ้างนี่ อธิบายอาการป่วยคลุมเครืออีกแล้วใช่หรือไม่? ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่รึ ทำงานต้องรู้จักสมควร…”ไม่รอเขาเอ่ยจบสองหมอหลวงรีบส่ายศีรษะ“ใต้เท้าไม่ใช่ พวกเราทำตามกฏเคร่งครัด” พวกเขาเอ่ยพกสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม “เพียงแต่วังองค์หญิงจะให้เด็กในวังปลูกฝี นัดหมอฝั่งนั้นของวัดกวงหวาไว้แล้ว กลัวพวกเรามาเยือนถูกคนเข้าใจผิดว่าเด็กในบ้านร่างกายไม่แข็งแรง จึงไล่พวกเราออกมา”เพราะวัดกวงหวาด้านนั้นประกาศเรื่องที่ต้องระวังในการปลูกฝีมากมายต่างๆ นานาออกมา ในนั้นมีข้อหนึ่งบอกว่าเด็กที่ร่างกายไม่สบายงดปลูกฝีชั่วคราวแต่คนมากมายทนรอไม่ไหว กลัวว่าพลาดโอกาสปลูกฝีไปแล้ว เด็กจะติดโรคขึ้นมา ปิดบังไปเข้าแถว แน่นอนหลังถูกท่านหมอตรวจพบก็ยังถูกปฏิเสธแต่เพื่อข้อห้ามของการปลูกฝีถึงขนาดหมอหลวงยังไม่ให้เหยียบประตูก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้วนี่ไม่ใช่กลัวเด็กป่วยส่งผลต่อการปลูกฝีแต่อย่างใด แต่กลัวทำคุณหนูจวินคนนั้นของวัดกวงหวาไม่พอใจส่งผลต่อการปลูกฝีชัดๆการทะเลากันระหว่างคุณหนูจวินกับสำนักแพทย์หลวงแม้ไม่ได้โวยวายจนทุกคนล้วนรู้ แต่ชนชั้นสูงตระกูลสูงศักดิ์ที่เฉลียวฉลาดพวกนี้ในใจย่อมกระจ่างยิ่งช่างเป็นพวกมีนมก็นับเป็นแม่ฝูงหนึ่งจริงๆเจียงโหย่วซู่ในใจชิงชังด่าประโยคหนึ่งเพื่อปลูกฝีเรื่องเดียว ประโยชน์ของพวกหมอหลวงล้วนลืมหมดแล้วเจียงโหย่วซู่ไม่สบอารมณ์ไล่หมอหลวงสองคนไป ไม่รั้งอยู่ที่นี่ต่อเดินออกมา เพิ่งเดินมาถึงประตูสำนักแพทย์หลวงก็มองเห็นรถม้าที่มีตราสัญลักษณ์ของวังหลวงคันหนึ่งวิ่งมา ขันทีที่นำทางหน้ารถ เจียงโหย่วซู่ก็รู้จัก เป็นขันทีใหญ่ที่ติดตามองค์ไทเฮานี่มารับผู้ใดถึงกับให้ขันทีผู้ตางอกอยู่บนกระหม่อมคนนี้มารับเองเจียงโหย่วซู่ยืนอยู่หน้าประตูตะลึงอยู่บ้าง จากนั้นสีหน้าเขียวคล้ำ มองผ่านม่านรถที่ถูกลมฤดูใบไม้ผลีพัดเลิกเห็นคนสองคนที่นั่งอยู่ด้านใน สองคนนี้เขารู้จักหมด คนหนึ่งคือจวินจิ่วหลิง คนหนึ่งคือท่านหมอเฒ่าเฝิงสองคนนี้ล้วนไม่ใช่ตัวดีอะไร!รถม้าหยุดลงหน้าประตูวัง คุณหนูจวินกับท่านหมอเฒ่าเฝิงลงจากรถแม้พวกเขาถูกเชิญมาปลูกฝีให้แก่องค์ชายองค์หญิงหลายพระองค์ในวังก็ไม่มีสิทธินั่งรถเข้าพระราชวังท่านหมอเฒ่าเฝิงยืนอยู่หน้าประตูวังสีหน้ายากปิดบังความตื่นเต้น“คุณหนูจวิน ที่อื่นพวกเราไป ต่อหน้าฮ่องเต้ไทเฮาชายานางสนมนี่ ท่านจัดการเองก็พอแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเบา “ข้ารอท่านอยู่ข้างนอกดีกว่า”คุณหนูจวินมองเขาทีหนึ่งท่านหมอเฒ่าเฝิงเวลานี้เหมือนลูกศิษย์คนรุ่นหลังถูกมองตัวสั่นระริก“ไม่อย่างนั้นข้าหิ้วหีบยาให้ท่านแล้วกัน” เขาเปลี่ยนคำเอ่ยขึ้น ยื่นมือมาแย่งหีบยาในมือคุณหนูจวินไป“ถ้าหิ้วหีบยาล่ะก็ เฉินชียังรอทำอยู่นะ” คุณหนูจวินเอ่ยท่านหมอเฒ่าเฝิงยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อบางๆ บนหน้าผาก“คุณหนูจวินข้ารู้นี่ท่านจะยกย่องข้า” เขาเอ่ยเสียงเบา “นี่ไม่ต้องจริงๆ ยกย่องที่อื่นก็เพียงพอแล้ว”คุณหนูจวินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้าง“ท่านหมอเฒ่าเฝิง เข้าวังเท่านั้น ท่านกลัวอะไรเล่า” นางเอ่ยท่านหมอเฒ่าเฝิงก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่บ้างเหมือนกันแล้ว“คุณหนูจวิน เข้าวังเชียวนะ” เขาว่า “ท่านทำไมไม่เคร่งเครียด เหมือนกับเข้าบ้านตัวเอง”เพราะว่าเดิมทีก็เป็นบ้านของนางคุณหนูจวินเงียบไป……………………………………….
คอมเม้นต์