Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 31 คนตายที่มีชีวิต
เด็กห้าคนนี้ มีชายมีหญิง ที่โตที่สุดไม่พ้นสิบสามปี ที่เล็กที่สุดดูไปแล้วแค่สองสามขวบ“มา ให้ยาพวกเขาสิ” จูจั้นเอ่ยอีกครั้ง ชี้เด็กๆ เหล่านี้มาอีกแล้วจริงๆเรื่องเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาอีกแล้วจริงๆรู้อยู่เชียวว่าที่นี่ไม่มีความลับ รู้อยู่เชียวว่าวาจาไม่อาจพูดส่งเดชได้พูดประโยคหนึ่งว่าให้เอาคนมาพิสูจน์? หัวหน้ากองพันลู่ก็หิ้วคนมาให้พวกเขาลองยาพูดประโยคหนึ่งว่ายานี่ให้เด็กน้อยใช้ บุตรชายเฉิงกั๋วกงก็หิ้วเด็กหลายคนมาอีกหูของคนเหล่านี้ยาวขนาดนี้ได้อย่างไร หูยาว มือก็ยาว พูดว่ามาก็มาได้อย่างไร?บรรดาท่านหมอสีหน้าร้อนรน“ท่านชาย ทำเช่นนี้ไม่ได้นะ” ท่านหมอเฒ่าเฝิงเอ่ย“พิษฝีนี่ของข้าไม่…” คุณหนูจวินอดไม่ได้เอ่ยพิษฝีของนางที่จริงไม่ต้องพิสูจน์ ใช้เลยก็ได้ ดังนั้น…ท่านหมอเฒ่าเฝิงถลึงตาขัดนาง“ไม่ได้ ใช้คนเป็นมาลองยาไม่ได้เด็ดขาด” เขาเอ่ย “เพื่อช่วยคนสังหารคนก่อน พวกเราผู้รักษาทำไม่ได้เด็ดขาด นี่ทำไม่ได้เด็ดขาด”คุณหนูจวินเงียบไปนางไม่ใช่ผู้รักษา ไม่ใช่หมอ ดังนั้นเรื่องเอาคนเป็นมาลองยาเช่นนี้ นางเคยทำมาก่อนตั้งนานแล้วแต่พวกหมอเหล่านี้ก็เพราะใจเมตตาจึงติดตามนางมาถึงที่นี่ ช่วยเหลือนางเช่นนี้ นางตอนนี้ไม่อาจตำหนิใจเมตตาของพวกเขาได้นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนลำบากใจจริงๆ“ใครบอกว่าให้พวกเจ้าใช้คนเป็นลองยา” จูจั้นเอ่ย ท่าทางรำคาญอยู่บ้างหา?คนในโถงพระพุทธรูปตะลึงไม่ใช้คนเป็น? ถ้าอย่างนั้นใช้คนอะไร?“แน่นอนต้องใช้คนที่ตายแล้ว” จูจั้นเอ่ย มือยาวยื่นออก คว้าเด็กผู้ชายอายุราวสิบขวบคนหนึ่งเข้ามา เพยิดคางให้พวกหมอ “เอ้า เขานี่แหละ”คนผู้นี้ล้อเล่นอะไร?พวกท่านหมอถลึงตามองจูจั้น แล้วมองเด็กผู้ชายที่เขาลากมาอีกครั้งร่างกายของเด็กผู้ชายผอมแห้งอยู่บ้าง เส้นผมก็สกปรกรุงรังอยู่นิดๆ ดูไปแล้วเหมือนขอทานข้างถนนคนหนึ่ง เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นที่ผมปรกอยู่เปล่งประกายอยู่เลือนรางนี่ไปลากขอทานข้างถนนมาหรือ?เทียบกับองครักษ์เสื้อแพรเหล่านี้ที่ไม่ถือว่าคนเป็นคน ลูกหลานผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ยังดีกว่าอยู่บ้าง ในสายตาพวกเขาขอทานเหล่านี้ก็ไม่นับเป็นคนแต่ในสายตาของพวกเขาหมอเหล่านี้ ขอทานก็เป็นคนนะท่านหมอเฒ่าเฝิงถอนหายใจ“ท่านชาย ขอเพียงเขายังมีชีวิต ไม่ว่าชีวิตต้อยต่ำเท่าไรก็คือคนเป็น” เขาเอ่ยจูจั้นแค่นเสียงหัวเราะ ตบไหล่เด็กผู้ชาย“เอ้า เจ้าบอกพวกเขา เจ้าเป็นคนตายหรือคนเป็น” เขาเอ่ยเด็กผู้ชายมองไปทางหมอทั้งหลาย“ข้าชื่อโจวจิง ชาวเจินติ้ง” เขาเอ่ยนั่นแล้วอย่างไร?บรรดาท่านหมอมองเขาไม่เข้าใจ เด็กคนนี้สีหน้านิ่งสงบแนะนำตนเอง ไม่ได้หวาดกลัวอย่างคนที่ถูกหัวหน้ากองพันลู่จับมาพวกนั้น เขาน่าจะรู้แล้วว่าตนเองมาทำอะไรสินะ?หรือว่าใช้เงินซื้อชีวิตเขามา?“ท่านปู่ของข้าคือโจวเปิ่นถัง” เด็กผู้ชายโจวจิงเอ่ยต่อโจวเปิ่นถัง?ชื่อนี้คุ้นอยู่บ้างในใจบรรดาท่านหมอเกิดความคิดนี้เป็นใครนะ?ทันใดนั้นท่านหมอคนหนึ่งก็ร้องอ๋าขึ้นมา มองเด็กคนนั้นสีหน้าประหลาดใจ“โจวเปิ่นถัง? ตระกูลโจวตระกูลชนชั้นสูงของเมืองเจินติ้งแห่งนั้น!” เขาเอ่ย “โจวเปิ่นถังที่ถูกตัดสินว่าสมคบศัตรูคนนั้น?”สมคบศัตรูมีโทษหนักยึดทรัพย์ประหารทั้งตระกูล เรื่องเช่นนี้ไม่ใช่มีทุกวัน ดังนั้นหลังท่านหมอคนนี้ร้องออกมา ท่านหมอคนอื่นก็คิดออกแล้วว่าโจวเปิ่นถังคนนี้เป็นใครตอนต้นฤดูหนาวปีที่แล้ว ภายใต้การป้องกันอย่างแน่นหนาของเฉิงกั๋วกง ชาวจินก็ยังรุกรานเมืองเจินติ้งได้ ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายมากมาย เจ้าเมืองปกป้องเมืองจนตัวตาย ราชสำนักกราดเกรี้ยว ท้ายที่สุดสืบออกมาได้ว่าข้างในมีไส้ศึกสมคบศัตรู ไส้ศึกคนนี้ก็คือโจวเปิ่นถังตระกูลชนชั้นสูงของเมืองเจินติ้งท้ายที่สุดคุมตัวเข้าเมืองหลวง ถูกตัดสินให้ยึดทรัพย์ประหารทั้งตระกูล รอหลังการสอบใหญ่เดือนสามปีนี้ก็จะประหารยึดทรัพย์ประหารทั้งตระกูลเชียวนะ ลูกหลานของโจวเปิ่นถังคนนั้นย่อมเข้าคุกรอประหารไปด้วยกันหมดเด็กคนนี้…เดิมทีก็เป็นนักโทษที่รอความตายคนหนึ่งท่านหมอสีหน้ายุ่งยาก“พวกเขาล้วนเป็น” จูจั้นเอ่ย ยื่นมือชี้เด็กหลายคนที่เหลือ “นี่ล้วนเป็นเด็กตระกูลโจว พวกเจ้าคิดว่าพวกเขายังเป็นคนเป็นหรือ?”แม้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่รออีกหนึ่งเดือนก็จะตายแล้ว นี่เป็น…คนตายจริงๆแม้เด็กเหล่านี้ดูแล้วยังมีชีวิต แต่ไม่นานก็จะต้องตายไปถ้าอย่างนั้นพวกเขาก็นับไม่ได้ว่าเป็นคนเป็นจริงๆบรรดาท่านหมอเงียบงันไปครู่หนึ่ง“ข้าทูลฝ่าบาทแล้ว หากพวกเขามาทดลองยามีชีวิตรอดก็จะละโทษตายให้พวกเขาเหล่านี้ หากไม่มีชีวิตรอดมา…” จูจั้นตบหัวไหล่เด็กผู้ชาย “พวกเจ้าก็ไม่เสียอะไรเหมือนกัน”ไม่เสียอะไรจริงๆสีหน้าของบรรดาท่านหมอยุ่งยาก ไม่รู้พูดอะไรดี“แม้ข้าถามพวกเจ้าในห้องขังแล้ว” จูจั้นมองเด็กไม่กี่คนนี้ “ที่นี่ต่อหน้าท่านหมอทั้งหลายเหล่านี้ ข้าจะถามอีกรอบ พวกเจ้ายินดีลองหรือไม่?”“ยินดี” โจวจิวเอ่ยเสียงดังออกมาคนแรกเด็กหลายคนข้างหลังร่างเขาก็พากันเอ่ยปากด้วย“ยินดี” พวกเขาเอ่ยเสียงดังในเสียงนี้ยังสอดแทรกเสียงอ้อแอ้“ข้าจะหาท่านแม่” เด็กน้อยอายุสองสามขวบคนนั้นเอ่ยเสริมอีกประโยค แกว่งแขนเสื้อพี่สาวข้างกายเด็กผู้หญิงคนนั้นรีบจูงมือเขาไว้“รอเสร็จธุระก็ไปหาท่านแม่ได้แล้ว” นางปลอบเสียงเบาในเสียงนี้ขมขื่นอยู่บ้างความจริงแล้วพวกเขาจะไม่ได้พบหน้ามารดาอีกต่อไปแล้วบรรดาท่านหมอใครก็ไม่เอ่ยวาจาสีหน้าโจวจิงวิตกอยู่บ้าง เขาอดไม่ได้ก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง“พวกเรายินดีจริงๆ พวกเรายินดีจริงๆ ให้พวกเราลองเถอะ” เขาเอ่ย น้ำเสียงร้อนรนและแหบพร่าสั่นระริกลองเถอะ ลองดูสักครั้งยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ให้พวกเขาลองรักษาสายเลือดตระกูลโจวไว้เถอะท่านหมอเฒ่าเฝิงพลันแสบเคืองจมูกนิดๆ เขาอดไม่ได้หันหน้าเคลื่อนสายตาหลบสมคบศัตรูเป็นโทษหนัก ทำร้ายชาวบ้านพวกเขาก็ชัง แต่เด็กๆ เหล่านี้อย่างไรก็บริสุทธิ์“ท่านหมอเฒ่าเฝิง ลองดูสักครั้งเถอะ” คุณหนูจวินเอ่ยท่านหมอเฒ่าเฝิงไม่ได้เอ่ยวาจา หมอคนอื่นก็ไม่พูดเช่นกันความเงียบก็คือตกลงแล้วคุณหนูจวินกวักมือให้เด็กหลายคนนั้น“มา” นางเอ่ยสองตาของโจวจิงฉายแววยินดี ไม่ลังเลก้าวไปข้างหน้า เด็กๆ คนอื่นก็ไม่ลังเลก้าวตามเขาไป เด็กน้อยก็ถูกจูงก้าวเข้ามาด้วย“ไม่ต้องกลัว ง่ายมาก” คุณหนูจวินเอ่ย ทำท่าให้พวกเขานั่งลง“พวกเราไม่กลัว” เด็กทั้งหลายเอ่ยเสียงดัง สีหน้าเคร่งเครียด“ไม่กลัว” เด็กน้อยก็เลียนแบบเอ่ยบ้าง เขาถูกพี่สาวอุ้มนั่งอยู่บนเก้าอี้คุณหนูจวินยิ้ม หยิบหลอดทองแดงหลอดหนึ่งออกมา มองไปทางท่านหมอเฒ่าเฝิงอีกครั้ง“ท่านหมอเฝิง ครั้งนี้พวกท่านมาทำสิ” นางเอ่ย “จะได้คุ้นชินโดยเร็ว อนาคตเกรงว่าพวกเราคนคงไม่พอใช้ ทุกคนต้องคุ้นแคยและชำนาญ”นี่เป็นการลองใช้จริงๆ แล้ว กระทั่งพวกเขาท่านหมอเหล่านี้ก็ต้องถือโอกาสลองทำด้วยท่านหมอเฒ่าเฝิงสูดหายใจลึก ตอบรับ……………………………………….
คอมเม้นต์