Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 22 ตอนนี้รอดูไปก่อน
สีหน้าสับสนและปลงของเฉินชี บรรดาท่านหมอไม่สนใจ พลิกอ่านบันทึกการรักษาหารือยาที่ใช้ต่อเฉินชีนิ่งงันมองอยู่ครู่หนึ่ง“ข้าไปทำงานล่ะ” เขาเอ่ยหมุนตัวออกไปคุณหนูจวินไม่ได้อ่านบันทึกการรักษาต่อ ลุกขึ้นยืนเดินออกไป เพิ่งมาถึงปากประตูก็มองเห็นจูจั้นก้าวยาวมา“เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่ถูกปิดไว้แล้ว?” เขาเอ่ย“เพิ่งรู้” คุณหนูจวินเอ่ย สีหน้ายังคงไม่รีบร้อนไม่ลนลาน“ที่แท้เจ้าไหวหรือไม่ไหวฮะ?” จูจั้นขมวดคิ้วเอ่ยคุณหนูจวินไม่ได้ตอบคำถามมองออกไปด้านนอก“นี่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าจริงๆ” นางเอ่ยอะไรนะ? จูจั้นอึ้งไปนิดหนึ่ง ไหวไม่ไหวไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาง? ขึ้นอยู่กับใคร? ยังแสร้งทำลึกลับทำอะไร?เขากำลังจะถาม เฉินชีที่เพิ่งเดินออกไปก็วิ่งเข้ามาอีกครั้ง“คุณหนูจวิน คุณหนูจวิน ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมาแล้ว” เขาเอ่ยสีหน้าพิกล “เขายังเอาวัวมากมายมาด้วย”วัว?วัวก็เอามาทำยาได้หรือ?จูจั้นคิด พลันเห็นบนหน้าเด็กสาวคนนี้เผยรอยยิ้ม ประหนึ่งบุปผาแย้มบาน“ตอนนี้ไหวแล้ว” นางเอ่ย…ด้านนอกวัดกวงหวากลายเป็นครึกครื้นมากด้านนอกวัดกวงหวาครึกครื้นมาตลอด ทุกวันล้วนมีผู้ป่วยฝีดาษที่ได้ข่าวเร่งเดินทางมาขอรักษาแม้ฝีดาษร้ายแรง บิดามารดาเหล่านี้ก็ยังคงพาเด็กน้อยเร่งเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยความเร็วเร็วที่สุด เพื่อขอโอกาสรอดเส้นสุดท้ายความครึกครื้นที่โศกเศร้าเช่นนี้ทำให้คนประหลาดใจแต่ตอนนี้ด้านนอกวัดกวงหวาไม่ใช่ผู้ป่วยฝีดาษ และไม่ใช่คนงานของสำนักแพทย์หลวงที่มาส่งยาส่งของ แต่เป็นคนของเต๋อเซิ่งชาง ไม่ใช่มีแค่คน ยังมีวัวสิบกว่าตัวด้วยด้านหน้าวัดกวงหวาคนสัตว์วุ่นวายเอะอะไปหมด“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว”คุณหนูจวินพาเฉินชีออกมารับ จูจั้นก็เดินตามมาข้างหลังด้วยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพาใบหน้าเหน็ดเหนื่อยเดินมาข้างหน้า“คุณหนูจวิน ตามที่ท่านสั่ง หาได้แค่เท่านี้ หายากนักจริงๆ ข้ากลัวมาไม่ทันจึงส่งกลุ่มแรกมาก่อน” เขาเอ่ย“ลำบากแล้ว” คุณหนูจวินเอ่ย ไม่ทันสนใจพูดจา เดินผ่านเขาตรงไปดูวัวเหล่านี้ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เฉินชีรีบดึงเขาไว้“ช่วงนี้เร่งด่วนมากจริงๆ” เขาเอ่ยเสียงเบาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยิ้ม“ข้าย่อมรู้ ข้าก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่ยังสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้” เขาเอ่ย มองไปทางคุณหนูจวินคุณหนูจวินยืนอยู่ด้านหน้าวัวแล้ววัวเหล่านี้ขนาดไม่เท่ากัน พันธุ์ต่างกัน น่าจะพาตรงมาที่นี่เลย บนร่างทั้งสกปรกทั้งเหม็นคุณหนูจวินกลับวางมือบนตัววัวที่ใกล้ที่สุดตรงๆ มองสำรวจบนล่างอย่างละเอียด…“เจ้าดูตรงนี้”ผู้ชายคนนั้นเหมือนอยู่ตรงหน้าหันกลับมา ชี้ท้องวัวที่กำลังกินหญ้าอยู่ตัวหนึ่งนางบีบจมูกยืนห่างไปหลายก้าว“มองอะไร?” นางเอ่ยถามเสียงอู้อี้“มองอะไร? มองบุญกุศลครั้งใหญ่” ผู้ชายเอ่ยขึ้นกวักมือให้นางอีกครั้งนางเดินเข้าไปอย่างไม่สมัครใจยินยอม นั่งยองๆ มองข้ามไป…มือของคุณหนูจวินหยุดลง มองจุดฝีลายพร้อยบนท้องของวัวนางลุกขึ้นแล้วไปดูอีกตัวหนึ่ง ตัวหนึ่งแล้วก็อีกตัวหนึ่ง ตั้งใจมองวัวทั้งสิบสามตัวจนเสร็จ ตอนนี้ถึงลุกขึ้นยืนมองไปทางผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว” นางเอ่ย “ท่านเป็นผู้มีพระคุณใหญ่หลวงของปวงชน”ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วอึ้งไป จากนั้นก็ยิ้ม รู้สึกว่าคำพูดนี้เกินจริงมากไปอยู่บ้าง แล้วก็รู้สึกว่าในใจอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดเด็กคนนี้ เอาใจคนให้เบิกบานเก่งจริงๆ หากนางยินดีน่ะนะ“คุณหนูจวิน พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านต้องการไหม?” เขาเอ่ยถามคุณหนูจวินพยักหน้า“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วจัดการธุระ คนวางใจได้จริงๆ” นางเอ่ยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยิ้มอีกครั้ง เฉินชีก้าวไปข้างหน้า“ถ้าอย่างนั้นวัวเหล่านี้ต้อนไปในวัดหมดเลยไหม?” เขาเอ่ยถามคุณหนูจวินพยักหน้าเฉินชีจึงรีบกวักมือเรียกคนมาต้อนวัว ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็รีบให้พวกพนักงานมาช่วย เฉินชีกลับห้ามเขาไว้“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเรื่องเหล่านี้พวกเราจัดการเอง พวกท่านลำบากมานานขนาดนนี้ล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” เขาเอ่ย“ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก อย่างไรข้าก็ต้องส่งเข้าไป” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยเฉินชียื่นมือขวาง ยืนยันไม่ให้เข้าอีกครั้ง“พอแล้ว กลับไปเถอะ ตอนนี้วันนี้วัดกวงหวาอนุญาตให้เข้ามาเท่านั้นไม่ให้ออก” เสียงของจูจั้นดังมาจากบนบันไดสูงขึ้นไปผู้ดูแลใหญ่หลิ่วร่างแข็งทื่อ เดิมทีไม่ได้ตั้งกฎไว้เช่นนี้ สายตาของเขากวาดรอบด้านมิน่าทหารเพิ่มขึ้นมามากมายเช่นนี้ถึงกับอนุญาตให้เข้าเท่านั้นไม่ให้ออก ถ้าอย่างนั้นสภาพด้านในวัดกวงหวาเลวร้ายมากใช่หรือไม่?เฉินชีตบแขนเขา“ท่านกลับไปเถอะ ท่านอยู่ข้างนอกสะดวกกว่า” เขาเอ่ยเสียงเบาผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองไปทางคุณหนูจวิน คุณหนูจวินยกเท้าเดินเข้าไปในวัดแล้ว ได้ยินจึงหยุดยืนบนบันไดหันกลับมามอง“ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกอย่างล้วนไม่มีปัญหา” นางยิ้มเอ่ยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยิ้มบ้างแล้วท่าทางนี้ยังเหมือนก่อนหน้านี้ ไม่ว่าสถานการณ์วิกฤติมากเท่าไร คนอื่นล้วนเป็นห่วงร้อนใจดังไฟลน นางก็ยังคงเหมือนไม่มีเรื่องทุกสิ่งล้วนอยู่ในกำมือแต่ตลอดมาก็พิสูจน์ว่าทุกสิ่งอยู่ในกำมือนางจริงๆ“ดี ถ้าอย่างนั้นข้าพาคนกลับไปพักก่อน ยังมีสิ่งใดต้องการค่อยแจ้งพวกเรา” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย ไม่ได้ก้าวเข้าไปข้างหน้าอีกคุณหนูจวินพยักหน้าหมุนตัวก้าวไวๆ ตามบันไดขึ้นไปส่วนเฉินชีร้องเรียกเหล่าทหารรอบด้าน“มามามา นายท่านทหารทั้งหลายมาช่วยงาน” เขาเอ่ยพวกนายทหารสบตากันทีหนึ่งเหมือนไม่รู้ว่าควรช่วยหรือไม่“ช่วยงาน” เสียงของลู่อวิ๋นฉีดังขึ้นข้างหลังทุกคนมองข้ามไป เห็นเขาพาองครักษ์เสื้อแพรกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามามีคำพูดของเขา บรรดานายทหารก็ก้าวเข้าไปทันทีบันไดที่มุ่งไปยังวัดกวงหวากลายเป็นเอะอะทันที เสียงตะโกนโหวกเหวกเสียงวัวปะปนกัน แม้วัวเคลื่อนไหวเชื่องช้า แต่ยังดีที่นิสัยเชื่อง วัวสิบกว่าตัวต้อนเข้ามาในวัดอย่างรวดเร็วด้านนอกวัดเหลือเพียงพวกผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว รวมถึงองครักษ์เสื้อแพรที่ลู่อวิ๋นฉีพามา ยังมีจูจั้นที่ยืนพิงต้นไม้อยู่บนบันไดผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเก็บสายตากลับ พาคนจากไปแล้วลู่อวิ๋นฉีเดินขึ้นมาตามบันได พวกองครักษ์เสื้อแพรตามอยู่ข้างหลังเขา ตอนที่ผ่านจูจั้น จูจั้นฉับพลันก็หยัดร่างขึ้นยื่นมือคล้องหัวไหล่ลู่อวิ๋นฉีไว้พวกองครักษ์เสื้อแพรขยับพร้อมเพรียง บนเส้นทางขึ้นภูเขาบรรยากาศนิ่งค้างมือของลู่อวิ๋นฉีกดอยู่บนแขนของจูจั้น สองคนสีหน้าราบเรียบ แต่เสื้อผ้านูนขึ้นมา เห็นชัดว่าลอบใช้แรงอยู่“เจ้าพุทราน้อย มามามา พวกเราคุยกันหน่อยซิ” จูจั้นเอ่ย มือคล้องไหล่ลู่อวิ๋นฉีลากเขาเข้ามาก้าวหนึ่งลู่อวิ๋นฉียืนอยู่ข้างหน้าเขาสองคนศีรษะไล่เลี่ยกัน แต่ลู่อวิ๋นฉีผอม จูจั้นบึกบึนจึงแลดูสูงกว่าอยู่บ้างลู่อวิ๋นฉีมองเขาหน้าไร้อารมณ์ส่วนจูจั้นยิ้มดั่งสหายที่คุ้นเคยสนิทสนมคนหนึ่ง“ข้าอยากถามเจ้ามาตลอด เรื่องไร้มนุษยธรรมทำลายจิตใจดีงามทำมากเข้า” เขาเอ่ยสีหน้าจริงจัง “เจ้าฝันร้ายได้หรือไม่?”บรรดาองครักษ์เสื้อแพรสองด้านโกรธ อยากขยับอีกครั้ง ลู่อวิ๋นฉียกมือห้าม“ไม่” เขาเอ่ยตอบ“เพื่อทำลายชื่อชื่อหนึ่ง เจ้าเอาคนมากมายขนาดนี้ลงสุสานไปด้วย ในใจไม่รู้สึกผิดสักนิดจริงรึ?” จูจั้นเอ่ยถาม ยังยื่นมือตบหน้าอกของลู่อวิ๋นฉี“ไม่” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยตอบอีกครั้ง แล้วมองจูจั้น “ข้ายังทำลายชื่อคนได้มากกว่านี้ ตัวอย่างเช่นเฉิงกั๋วกง”จูจั้นหัวเราะฮ่าฮ่า ยกมือต่อยลู่อวิ๋นฉีหนึ่งหมัดบรรดาองครักษ์เสื้อแพรโถมขึ้นมา จูจั้นถอยไปข้างหลัง หลบไปแล้วลู่อวิ๋นฉียกมือห้ามพวกองครักษ์เสื้อแพรที่ชักดาบออกมา“ข้าจะรอ” จูจั้นเอ่ย หมุนตัวก้าวยาวๆ จากไปลู่อวิ๋นฉียกมือเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก สายตาเย็นเยียบมองแผ่นหลังของจูจั้น…คุณหนูจวินก็จดจ่อกับการจ้องมองวัวในลานตั้งแต่นำวัวต้อนเข้ามา นางก็มองอยู่อย่างนี้ครึ่งวันแล้วหลิ่วเอ๋อร์ก็สงสัย เบนศีรษะมองตามไปด้วย“คุณหนู ท่านหมอเฝิงพวกเขารอท่านอยู่นะเจ้าคะ” นางเอ่ยเตือน ทั้งกดเสียงเบา “ท่านอยากกินเนื้อวัวหรือเจ้าคะ?”คุณหนูจวินหลุดยิ้ม“อยากกินก็ไม่เป็นไร อยู่ที่นี่ไม่มีใครกล้าเข้ามา” หลิ่วเอ๋อร์กดเสียงเบาเอ่ยทุกวันนี้ราชวงศ์ต้าโจวมีกฎหมายห้ามสังหารวัวคุณหนูจวินยิ้ม“ไม่ใช่ เจ้าบอกทุกคนตอนนี้ให้รอก่อน” นางเอ่ย “มีของดีจะให้ทุกคนดู”……………………………………….
คอมเม้นต์