Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 17 คอยส่งสองข้างทาง
คำพูดนี้ทำให้เสียงหัวเราะยิ่งดัง“มีเงินทำสิ่งใดก็สะดวกจริงๆ” มีท่านหมอเอ่ยคำพูดนี้ไม่ได้หมายความแง่ร้ายอะไร ฟางจิ่นซิ่วก็ไม่มีทางคิดว่าความหมายแง่ร้าย เพียงคิดว่าเป็นคำชม“เงินก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ทุกเรื่อง แต่ทำงานขาดเงินไม่ได้” นางเอ่ย “ที่พวกท่านต้องทำเพียงรักษาโรคช่วยคน เรื่องอื่นพวกเราทำเอง”บรรดาหมอหลวงมองเด็กสาวคนนี้สังเกตเด็กสาวคนนี้เป็นครั้งแรก อายุไม่ต่างกับคุณหนูจวินมาก หน้าตาบรรยากาศก็เหมือนกัน ล้วนโอหังเป็นปกติไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันไม่อยู่บ้านเดียวกันจริงๆ“ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้ว” ท่านหมอเฒ่าเฝิงเอ่ย ตนเองขึ้นรถม้าคันหนึ่งไปก่อน บรรดาท่านหมอคนอื่นต่างหลีกให้กันและกันก่อนขึ้นรถของตนเองไปผู้ดูแลใหญ่โบกมือส่งสัญญาณให้พวกเด็กรับใช้ พวกเด็กรับใช้สะบัดแส้ทันที แส้เสียงใสกังวานสะท้อนก้องถนน รถม้าเดินหน้าชัดกระจ่างฟางจิ่นซิ่วกับผู้ดูแลใหญ่หลิ่วยืนอยู่หน้าโรงหมอจิ่วหลิงมองส่งขบวนรถจากไป“ผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว ท่านเคลื่อนไหวเร็วน่าดู” ฟางจิ่วซิ่วเอ่ยผู้ดูแลใหญ่หลิ่วลูบเคราพรูลมหายใจยาวเขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืน เช้าตรู่ได้ยินข่าวนี้ตกใจสะดุ้งโหยงจริงๆ เขาย่อมไม่ได้เตรียมไว้เช่นกัน“ใครให้พวกเรามีเงินเล่า” เขาหัวเราะเอ่ยมีเงินต่อให้เช้าตรู่ ต่อให้ไม่ได้เตรียมอันใดไว้ ก็รวมรถม้าสิบกว่าคันได้ทันทีฟางจิ่นซิ่วยิ้มไม่ได้เอ่ยวาจามองรถม้าเคลื่อนไปตามถนน“ข้าว่าข้าตามไปด้วยดีกว่า” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ยอีกฟางจิ่นซิ่วเรียกเขาไว้“เฉินชีอยู่ที่นั่นก็พอแล้ว คุณหนูจวินมีเรื่องอื่นขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว” นางเอ่ย พลางหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อผู้ดูแลใหญ่หลิ่วรีบยื่นมือรับไปเปิดออกอ่าน สีหน้าตกใจ“ต้องการของพวกนี้ทำอะไร?” เขาเอ่ยถามฟางจิ่นซิ่วส่ายศีรษะ“นางไม่ได้บอก” นางเอ่ยขึ้นนางทำสิ่งใดย่อมมีความคิดของตนเอง ถามก็ไร้ประโยชน์ ทำตามก็พอแล้ว ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเก็บแผ่นกระดาษไป“ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เขาเอ่ย…การเคลื่อนไหวของโรงหมอจิ่วหลิงด้านนี้เป็นที่จับตาของคนทั้งเมืองอยู่ตลอด ผนวกกับเสียงแส้ม้าใสกังวานบนถนน ดึงคนมากมายแห่มาด้านนี้เพราะความน่ากลัวของฝีดาษ วันนี้บนถนนไม่ครึกครื้นเหมือนวันวานแล้ว ทั้งยังเป็นเช้าตรู่บนถนนว่างเปล่าไม่มีคน ไม่จำเป็นต้องสะบัดแส้ม้าเตือนผู้คนให้หลีกทางอย่างสิ้นเชิงนี่เห็นชัดว่าถูกกำชับให้จงใจสร้างกระแสแล้วแต่ตอนนี้ไม่มีคนสนใจรายละเอียเล็กน้อยนี่ ยิ่งไม่มีคนไปดูแคลนว่าคนรวยใจหยาบหน้าไม่อาย“คุณหนูจวินพาหมอมากมายขนาดนี้ไปรักษาฝีดาษหรือ?”“แน่นอนคุณหนูจวินคนเดียวย่อมไม่ไหว ด้านนอกมีผู้ป่วยมากมายเชียวนะ”“ดีเหลือเกิน คนมากหน่อยก็ยิ่งมั่นใจแล้ว”“แต่หมอพวกนี้ไหวหรือไม่นะ? นั่นไม่ใช่ท่านหมอเฒ่าเฝิงหรือ? เขาไม่ใช่หมอจัดกระดูกรึ?”“ยังมีท่านหมอหลิว พวกนี้เป็นหมอในเมืองนี่”“หมอในเมืองแล้วอย่างไร? ไม่ใช่มีคุณหนูจวินอยู่ด้วยหรือ?”ในฝูงชนมีคนเอ่ยเสียงดังขึ้นมา“หมอเหล่านี้กล้าตามคุณหนูจวินไปรักษาฝีดาษก็ยอดเยี่ยมแล้ว”นั่นก็ใช่ อย่างไรนั่นก็เป็นฝีดาษ หมอมากมายไม่รับรักษาด้วยซ้ำ ผู้คนพากันพยักหน้า ในฝูงชนพลันมีผู้หญิงหลายคนพุ่งออกมา“ผู้มีพระคุณ” พวกนางคุกเข่าให้ท่านหมอบนรถม้า “ขอบคุณพวกท่านขจัดภัยอันตราย ปกป้องความสงบสุขของลูกหลานในบ้านเรา ข้าจะตั้งป้ายอวยพรอายุยืนให้พวกท่าน”การกระทำนี้ทำให้ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงขึ้นมาทันทีใช่สิกำจัดฝีดาษแล้ว ย่อมปกป้องลูกหลานในบ้านของพวกเขาให้ปลอดภัยจริงๆ ตอนนี้เพราะหวาดกลัวฝีดาษ พวกเด็กๆ ล้วนถูกขังอยู่ในบ้าน กระทั่งลานหน้าเรือนก็ไม่กล้าไปนั่นเป็นเด็กๆ นะ แต่ละคนถูกขังร้องไห้คร่ำครวญ ในบ้านก็ไม่ต้องสงบเหมือนกันมีแต่กำจัดภัยฝีดาษข้างนอกได้ พวกเขาถึงจบวันเวลาอันอกสั่นขวัญแขวนนี่ได้ฉับพลันคนมากมายก็โถมออกมาคำนับเอ่ยขอบคุณไปทางรถม้าไม่รู้ผู้หญิงจากที่ไหนวิ่งออกมาอีกสองสามคนโยนผลไม้อาหารสุกที่ใส่ไว้ในตะกร้าไปด้านในรถ ชักนำให้บนถนนยิ่งเอะอะบรรดาท่านหมอที่นั่งในรถเพิ่งเคยพบการปฏิบัติเช่นนี้เป็นครั้งแรก แต่ละคนๆ หน้าแดงทั้งยังยากปิดบังความตื่นเต้น“เกินไปแล้ว เกินไปแล้ว” พวกเขานั่งอยู่ในรถพึมพำกับตนเองพร้อมทั้งรู้สึกว่าถูกความเชื่อมั่น ความรู้สึกขอบคุณของชาวบ้านเหล่านี้ทำให้คนเลือดร้อนพลุ่งพล่านอย่างยิ่ง“มารดามันเถอะ”ท่านหมอเกิ่งที่ยืนอยู่มุมถนนมองเห็นภาพนี้ขบปากแตกร้องด่า“มารดามันนี่เสแสร้งเกินไปแล้ว ไปหาคนเล่นละคนมาจากไหน หน้าไม่อายเหลือเกิน”…“อาจารย์ ท่านไม่ได้เห็นฉากนั้น โรงหมอจิ่วหลิงนี่หน้าไม่อายจริงๆ”ในสำนักแพทย์หลวง ท่านหมอเกิ่งเล่าฉากที่ชาวบ้านมาส่งบรรดาท่านหมอออกจากเมืองให้ทุกคนฟัง ทั้งโกรธทั้งขำ“ทำอะไรกัน พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นอะไร นี่ยังไม่ทันรักษาหายเลยนะก็กลายเป็นวีรบุรุษแล้ว?”บรรดาหมอหลวงพากันพยักหน้า“ไม่เข้าท่าเกินไปแล้ว”“มีอย่างที่ไหน”“ไร้ยางอายที่สุด”เจียงโหย่วซู่เคาะโต๊ะทำให้ทุกคนเงียบลง“แล้วแต่พวกเขาเถอะ ยิ่งทำฮือฮายิ่งดี” เขาเอ่ย “ตอนนี้ถูกคนชื่นชอบมากเท่าไร อนาคตก็ถูกคนชิงชังเท่านั้น”พูดจบก็มองผู้คน“ทุกคนไปทำงานของตนเองเสีย ไปที่พำนักของพวกท่านอ๋ององค์หญิงองค์ชายเดินๆ สักหน่อย อย่างไรเกิดเรื่องนี้ในบ้านมีเด็กคนล้วนใจหวาดหวั่น ทุกคนพยายามทำให้พวกเขาวางใจ”นี่ถึงเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเขาสมควรทำตอนนี้ บรรดาหมอหลวงพยักหน้าถอยออกไปในห้องเหลือเพียงเจียงโหย่วซู่คนเดียว สีหน้าของเขาไม่สุขุมเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ติดจะแค้นชังอยู่บ้างคิดไม่ถึงพวกหมอจะถูกนางกล่อมสำเร็จมากขนาดนั้นจริงๆนางกล่อมได้อย่างไร? บอกว่าตนเองรักษาได้แน่ ไปครั้งนี้จะโด่งดังร่ำรวยหรือ?หมอโง่ฝูงนี้ โง่จนถึงแก่นจริงๆ ก็แค่ผู้หญิงคนนั้นรักษาโรคที่พวกเขารักษาไม่หาย ชี้แนะพวกเขานิดหน่อย แต่ละคนๆ ก็บูชานางเป็นเทพเสียแล้วรอดูไปเถอะ จะมีเวลาที่พวกเจ้าร้องไห้ พวกตัวโง่เง่า…หลังรถม้าขับออกจากประตูเมืองบรรดาเด็กรับใช้ก็เก็บแส้ม้ากระโดดขึ้นรถ เร่งความเร็วมุ่งไปข้างหน้าบนกำแพงเมืองคนหนุ่มหลายคนสายตามองรถม้าอยู่“ใช้ได้นี่ คุณหนูจวินคนนี้หนึ่งร้องร้อยรับจริงๆ”ซื่อเฟิ่งเอ่ยจางเป่าถังตบหนึ่งฝ่ามือบนแผ่นหลังของเขา“น้องสี่เจ้าแพ้แล้วจ่ายมา” เขาเอ่ยซื่อเฟิ่งแบมือ“จน ไม่มีเงิน” เขาเอ่ยจางเป่าถังหนีบเขาไว้ทันที กำลังเล่นสนุกกันก็มีคนเรียกพวกเขาไว้“พวกเจ้าดู คนแซ่ลู่ก็ออกมาด้วยแล้ว”จางเป่าถังกับซื่อเฟิ่งรีบมองไป จูจั้นที่ยืนอยู่ด้านข้างก็หลุบสายตาเหมือนกันองครักษ์เสื้อแพรขบวนหนึ่งขี่ม้าออกจากประตูเมืองมา ลู่อวิ๋นฉีที่ถูกล้อมไว้ตรงกลางสะดุดตาเป็นพิเศษ รู้สึกถึงสายตาฝั่งนี้ เขาเงยหน้ามองข้ามมาสายตาของจูจั้นกับเขาประสานกัน สองคนล้วนสีหน้าไร้อารมณ์ลู่อวิ๋นฉีรั้งสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ขี่ม้าเร็วรี่ไปท่ามกลางบรรดาองครักษ์เสื้อแพรที่ห้อมล้อม“เจ้าสุนัขนี่ไปทำอะไร?” ซื่อเฟิ่งเอ่ยเสียงยังไม่ทันจบ จูจั้นก็หมุนตัวเดินออกไปแล้ว“เฮ้อ พี่รองเจ้าจะไปทำอะไร?” เขารีบตะโกนเรียกจูจั้นโบกมือให้เขาไม่ได้เอ่ยวาจา ก้าวยาวเดินลิ่วลงจากกำแพงเมือง……………………………………….
คอมเม้นต์