Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 12 พวกเราทำไม่ได้นี่
นี่ก็คือไม่ใช่ไม่สนองแต่ยังไม่ถึงเวลาภายในใจของบรรดาหมอหลวงหัวเราะหยันเป็นคนไม่ไว้หน้าผู้อื่น วันหน้าย่อมไม่มีอะไรให้ร่วมมือกันแล้วเจ้าไม่ใช่ไม่มีสิ่งใดทำไม่ได้หรือ? เจ้าไม่ใช่ดูแคลนพวกเรารึ? คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ต้องใช้พวกเราล่ะสิ? เสียใจล่ะสิ? ร้อนรนล่ะสิ?รักษาฝีดาษ ผู้ป่วยมากขนาดนั้น ดูสิเจ้าคนเดียวจะทำอย่างไรคุณหนูจวินนั่งอยู่ในห้องโถงไม่ได้ลุกขึ้น ยิ้ม“ไม่เป็นไร พวกท่านไม่ต้องน้อยเนื้อต่ำใจ มีข้าดูอยู่ย่อมไม่มีปัญหา” นางเอ่ยนังคนหน้าไม่อายคนนี้!บรรดาหมอหลวงสีหน้าเขียวคล้ำ เวลานี้แล้วยังดูหมิ่นผู้อื่นเช่นนี้“ขอบคุณคุณหนูจวินที่ชื่นชม พวกเราความสามารถต่ำต้อยความรู้ตื้นเขินไม่กล้ารับคำสั่ง” หมอหลวงที่เป็นหัวหน้าท่าทางน่ากลัวเอ่ย “ท่านไปหาผู้ปราดเปรื่องท่านอื่นเถอะ”พูดจบคนทั้งกลุ่มสะบัดแขนเสื้อจากไป“หยุดนะ หยุดนะ” หลิ่วเอ๋อร์ร้องตะโกน ตบหีบยาในมือ “ก็ตอนนี้จะให้พวกเจ้ารับคำสั่งนี่ คุณหนูของข้ารับราชโองการให้รักษาโรค ฝ่าบาทตรัสว่าคนและของล้วนฟังคุณหนูของข้าจัดการ พวกเจ้าจะขัดราชโองการรึ?”บรรดาหมอหลวงหันหน้ามองนาง สีหน้าคล้ำเขียวทั้งยังลังเลอยู่บ้างเดิมทีต้องการกลั่นแกล้งนางสักครู่ ให้นางยอมแพ้ ขอความเห็นใจ เสียหน้าสักหน คิดไม่ถึงนางไม่เพียงไม่ก้มหัว กลับยังคงโอหังเจ้าเล่ห์เหมือนเดิมใช่สิ เด็กสาวคนนี้ถือราชโองการอยู่เชียวนะ ดังนั้นถึงโอหังเช่นนี้ได้ หากใช้ราชโองการเคลื่อนพวกเขาไปนอกเมืองรักษาโรคจริงๆ พวกเขามีเหตุผลอันใดยืนยันจะไม่ไป?“คุณหนูจวินเข้าใจผิดแล้ว”เสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอก บรรดาหมอหลวงสีหน้าดีใจยิ่งรีบหลีกทาง มองดูหมอหลวงเจียงพาหมอเกิ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกคุณหนูจวินยืนขึ้นคำนับหมอหลวงเจียงนิดหนึ่ง“คุณหนูจวินเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่พวกเราไม่ไป แต่ไปไม่ได้” หมอหลวงเจียงเปิดปากตรงประเด็นเอ่ยคุณหนูจวินมองเขาไม่พูดจา“พวกเราหมอหลวงเหล่านี้ตัวแบกรับคำสั่งของฮ่องเต้ ตรวจรักษาโรคให้พระสนมขุนนางผู้สูงศักดิ์ ต่างมีความรับผิดชอบของตน” หมอหลวงเจียงเอ่ย ชี้นิ้วไปยังหมอหลวงคนหนึ่ง “ตัวอย่างเช่นหมอหลวงเย่ผู้นี้รับผิดชอบองค์ชายสาม”“หมอหลวงซุนผู้นี้เป็นพระชายาของเสียนอ๋องเจาะจงมา”หมอหลวงเจียงชี้หมอหลวงในห้องทีละคนๆ แนะนำว่าคนนี้รักษาองค์หญิง คนนี้ตรวจรักษาสั่งยาให้องค์ฮองเฮา คนนี้เป็นขององค์ชาย ของพระสนมกุ้ยเฟยเป็นต้นเมื่อเขาชี้ หมอหลวงคนนั้นก็จะก้าวออกมา ท่าทางยโสและกรุ่นโกรธอยู่บ้าง“คุณหนูจวิน ครั้งนี้หากผู้ป่วยที่รวมตัวอยู่นอกเมืองเป็นโรคอื่นก็ยังทำเนา” หมอหลวงเจียงมองคุณหนูจวินอีกครั้ง สีหน้าจริงใจและสุขุม “ต่อให้พวกเราวิชาแพทย์ตื้นเขินก็จำต้องพยายามเต็มกำลัง เพียงแต่ครั้งนี้เป็นฝีดาษ พวกเราไปไม่สะดวกจริงๆ ประการแรกทุกคนล้วนมีผู้ป่วยผลัดเวรรับผิดชอบ ประการที่สองพูดแทงใจสักประโยค พวกเราไม่อาจไม่คำนึงถึงการติดต่อของโรคฝีดาษนี้ หากพวกเราไปรักษา แล้วกลับมารักษาบรรดาองค์ชายองค์หญิง หาก…”หากเหล่าองค์ชายองค์หญิงติดโรคเล่า?บรรดาหมอหลวงในที่นั้นสีหน้าเคร่งขรึมพากันพยักหน้า“เจ้ากับข้าล้วนเป็นหมอ ต่างรู้ว่าฝีดาษน่ากลัวกับเด็กเพียงไร บรรดาผู้สูงศักดิ์ในวังไม่กล้าเสี่ยงอันตราย” หมอหลวงเจียงเอ่ยต่อ พลางหยิบป้ายที่เอวแผ่นหนึ่งออกมา “ไม่ปิดบังคุณหนูจวินมีผู้สูงศักดิ์หลายคนมาทักทายแล้ว บอกว่าเด็กที่บ้านตนร่างกายไม่เข้าที ต้องการให้พวกเราไปเยี่ยมเยือนตรวจรักษา หลายวันนี้ดีที่สุดอย่าได้จากไป”เขามองคุณหนูจวิน“คุณหนูจวิน นี่หมายความว่าอย่างไร ในใจเจ้าน่าจะเข้าใจดี”คุณหนูจวินยิ้มไม่พูดจา“คุณหนูจวิน ข้ารู้ว่าเจ้ามีราชโองการ ได้รับคำสั่งให้ทำงาน หากเจ้าบังคับให้พวกเราไป พวกเราย่อมไม่อาจขัดคำสั่งได้” หมอหลวงเจียงเอ่ย ค้อมกายคำนับคุณหนูจวิน “เพียงแต่พวกเราทำไม่ได้จริงๆ”เห็นหมอหลวงเจียงค้อมกาย หมอเกิ่งโกรธจัด“คุณหนูจวินเจ้าอย่ามากเกินไปนัก ทุกคนล้วนเป็นหมอ พวกเราลำบากใจมากอยู่แล้ว อาจารย์ของข้าพูดชื่นชมเจ้าไปทุกที่ เจ้ากลับรู้จักแต่หยิบราชโองการคำสั่งฮ่องเต้มาข่มคน” เขาตะโกนบรรดาหมอหลวงก็ค้อมกายตามด้วย“ท่านหัวหน้าสำนัก ท่านไม่ต้องขอร้องนาง พวกเราไปก็ได้” พวกเขาพากันเอ่ย สีหน้าคับแค้น ราวกับได้รับความอยุติธรรมใหญ่หลวงคุณหนูจวินมองดูคนเหล่านี้แล้วยิ้ม สักประโยคก็ไม่พูดยกเท้าเดินออกไป หลิ่วเอ๋อร์ถลึงตามองพวกเขาอย่างชิงชังทีหนึ่ง หิ้วหีบยาตามไปมองเด็กสาวคนนี้เดินออกไปบรรดาหมอหลวงที่ก่อนหน้านี้ค้อมกายคับแค้นโกรธเกรี้ยวก็เหยียดกายขึ้นสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะลั่นไร้เสียงขึ้นมาเจียงโหย่วซู่ลูบเครายิ้ม ในดวงตาเยาะหยัน“คุณหนู”หลิ่นเอ๋อร์ตามคุณหนูจวิน ทั้งโกรธทั้งร้อนใจ“จะจบแค่นี้หรือเจ้าคะ?”พวกนางเดินออกมาจากประตูใหญ่สำนักแพทย์หลวงแล้ว พวกนางเพิ่งเดินออกมาประตูใหญ่ด้านหลังร่างก็ปิดลงดังปัง ยืนอยู่บนบันไดมองถนนด้านนอกที่ว่างเปล่าวังเวงยิ่งกว่าเมื่อวาน“เอาราชโองการออกมากลัวพวกเขาไม่เชื่อฟัง” หลิ่วเอ๋อร์เอ่ยชิงชัง “ถึงกับกล้าไม่ฟังคำของคุณหนู ช่างไม่รู้จักถูกผิด”คุณหนูจวินยิ้มแล้ว“ช่างมัน ไปเถอะ” นางเอ่ย “แตงที่ฝืนปลิดไม่หวาน”“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูท่านคนเดียวจะทำอย่างไรเจ้าคะ?” หลิ่วเอ๋อร์ร้อนใจเอ่ย แม้นางไม่ได้เห็นกับตาก็ได้ยินเฉินชีพูดว่าผู้ป่วยนอกเมืองอย่างน้อยที่สุดก็หลายร้อยคนแล้วยังดีสถานที่ต่างๆ ได้รับคำสั่งให้ตรวจตราผู้ป่วยฝีดาษอย่างเข้มงวด ห้ามพวกเขาไม่ให้วิ่งออกมา ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่ายังมีเท่าไรแหนะแต่ก็ไม่อาจขวางได้นานนัก เมืองหลวงฝั่งนี้ฮ่องเต้มีรับสั่งให้รักษาฝีดาษ ถ้าอย่างนั้นผู้ป่วยฝีดาษที่อื่นๆ รู้เข้าจะไม่เร่งเดินทางมาได้อย่างไรเช่นนี้นับดูแล้วคุณหนูต้องเผชิญหน้าผู้ป่วยเท่าไร นางคนเดียวเหนื่อยจนตายก็ไม่พอใช้คุณหนูหันกลับมามองสำนักแพทย์หลวงทีหนึ่ง“ไม่เป็นไรข้า…” นางเอ่ย พูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าเร่งรีบดังขึ้น องครักษ์เสื้อแพรกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวบนถนนใหญ่ลู่อวิ๋นฉีที่ถูกห้อมล้อมอยู่ตรงกลางมองเห็นนายบ่าวสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูสำนักแพทย์หลวง รั้งบังเหียนม้า มองจากที่สูงข้ามมาคุณหนูจวินรั้งสายตากลับหลุบตาลง“ไปเถอะ” นางเอ่ยกับหลิ่วเอ๋อร์ ยกเท้าก้าวลงบันได“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เสียงลู่อวิ๋นฉีเอ่ยถามนี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อย หัวหน้ากองร้อยเจียงที่ติดตามอยู่ข้างกายลู่อวิ๋นฉีประหลาดใจเล็กน้อย หากใต้เท้าอยากรู้เรื่องใด ย่อมมีวิธีรู้ เขาย่อมไม่เอ่ยถามอีกฝ่ายตรงๆ เช่นนี้สำหรับหัวหน้ากองพันลู่แล้ว เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเรื่องหนึ่งถือเป็นเรื่องเสียหน้าอย่างยิ่งที่ยิ่งเสียหน้าก็คือคนที่ถูกเอ่ยถามคนนี้กลับยังแสร้งทำไม่ได้ยิน“เฮ้ ใต้เท้าถามเจ้า…” หัวหน้ากองร้อยเจียงคิ้วขมวดตะโกนเอ่ยลู่อวิ๋นฉียกมือ เสียงของหัวหน้ากองร้อยเจียงหยุดลงทันที“ไม่ใช่ให้เจ้าออกนอกเมืองไปรักษาโรคหรือ? ทำไมยังอยู่ที่นี่” ลู่อวิ๋นฉีเอ่ยต่อนี่เป็นการตั้งคำถามหรือ? คุณหนูจวินไม่ได้เอ่ยวาจา หลิ่วเอ๋อร์กลับทนไม่ได้แล้ว“พวกเราก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไป นี่ไม่ใช่มาหาคน แล้วคนเหล่านี้ไม่ไปรึ…” นางตะโกน“หลิ่วเอ๋อร์” คุณหนูจวินเอ็ดห้ามคำพูดของหลิ่วเอ๋อร์ชะงักไป สีหน้านิ่งสนิทของลู่อวิ๋นฉีมองคุณหนูจวิน หลังจากนั้นพลิกกายลงจากม้า“ไป” เขาเอ่ย มองไปทางสำนักแพทย์หลวง “ให้พวกเขาออกมาทำตามคำสั่งระดมคน”หัวหน้ากองร้อยเจียงตะลึง คุณหนูจวินก็อึ้งไปด้วยแล้ว“ไม่ต้อง” นางรีบเอ่ย แต่หัวหน้ากองร้อยเจียงตอบสนองแล้ว พาองครักษ์เสื้อแพรกลุ่มหนึ่งดั่งหมาป่าดั่งพยัคฆ์มุ่งไปทางสำนักแพทย์หลวงเสียงปึงดังทีหนึ่งประตูใหญ่สำนักแพทย์หลวงที่ปิดสนิทถึงกับถูกคนเหล่านี้ถีบออกทั้งอย่างนั้นบานประตูชนบนกำแพงส่งเสียงดัง สะเทือนผืนดินสั่นไหว แล้วก็สะเทือนขัดคำที่คุณหนูจวินจะพูดด้วยทำอะไรน่ะ!คุณหนูจวินมองไปทางลู่อวิ๋นฉี คิ้วขมวดประหลาดใจอยู่บ้าง……………………………………….
คอมเม้นต์