Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 3 ตอนที่ 1 ร้องเพลงบทหนึ่งในอดีต
เขากลับมาเวลานี้ได้อย่างไร?กลับมาเวลานี้ก็ไม่มีอะไรแปลก อย่างไรเขาก็ตามติดไหวอ๋องมาก เหมือนกับตอนนั้นที่เฝ้ามองตนเอง ตลอดเวลาแทบจะไม่ห่างแต่เขากลับมาแล้วทำไมมาด้านนี้เล่า? เขาต้องรู้ว่าไหวอ๋องอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ไปดูไหวอ๋องก่อน หรือจะบอกว่าเขาต้องจับตาดูตนเองมากกว่า?สิ่งนี้หากถูกเขาพบเข้า ยิ่งยืนยันสิ่งที่เขาคิดว่าตนเข้าใกล้ไหวอ๋อง เข้าใกล้องค์หญิงจิ่วหลีเพราะในใจมีเจตนาแอบแฝงถ้าอย่างนั้นต้องถูกลู่อวิ๋นฉีสังหารตายตรงนี้ทันทีแน่ ในวังไหวอ๋องย่อมไม่อาจมีจูจั้นปรากฏตัวขึ้นมาได้เวลานี้คิดถึงจูจั้นขึ้นมาทำอะไร ต่อให้ไม่มีเขา ตนเองก็ไม่ถูกลู่อวิ๋นฉีสังหารตายได้เหมือนกัน ตรงกันข้ามสังหารลู่อวิ๋นฉีตายได้ด้วยเพียงแต่ชีวิตนี้อย่าได้คิดเข้าเมืองหลวงแล้ว ยิ่งไม่ต้องคิดปกป้องพี่สาวน้องชายอีกเลย ไม่แน่อาจทำให้ฮ่องเต้ฉวยโอกาสประหารพี่สาวกับน้องชายด้วยทำอย่างไร?แม้หลบอยู่หลังต้นไม้ แต่ขอเพียงเขาเดินเข้ามาก็จะพบ ไม่แน่ว่าตอนนี้ก็อาจสังเกตเห็นแล้วขอเพียงหยิบจดหมายของอาจารย์ได้ก็พอแล้ว คุณหนูจวินทำมือเท้าให้นิ่ง เร็วแต่ไม่ลนลาน ปิดหีบเหล็ก โกยดินชั้นแล้วชั้นเล่าทับเร็วหน่อย เร็วหน่อย เร็วอีกนิดแต่เร็วเท่าไรก็ไม่อาจทำให้ที่แห่งนี้ฟื้นกลับสภาพเดิมได้ เพียงแค่เขาเข้ามาก็จะค้นพบความผิดปกติตรงนี้ตอนนี้ที่สำคัญไม่ใช่ไม่ให้เขาพบว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่จะอธิบายการกระทำเช่นนี้ของตนว่าอย่างไรอธิบายอย่างร?อธิบายอย่างไรเขาถึงไม่เกิดความสงสัย?หรือหยุดยั้งไม่ให้เขาไปคิด?พลั่วของคุณหนูจวินถมกลบดินอย่างว่องไว รู้สึกเพียงคนทั้งร่างหายใจไม่ออกเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกที พร้อมกันนั้นยิ่งเร่งรีบ เห็นชัดว่าเขาค้นพบตนเองแล้ว เขาเพิ่มความเร็วฝีเท้า แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นยิ่งเย็นเยียบ มือของเขาดูเหมือนกุมดาบที่เอวแล้วคุณหนูจวินพลันเงยหน้าขึ้น“พระแม่มาลา พระแม่ปัณณะ พระแม่ธรณี พระแม่ศิลา” นางเอ่ยเสียงลากยาวอ่อนโยนแผ่วเบา ดั่งร้องเพลงนางร้องเพลงออกมาจริงๆ“พระแม่องค์ไหนมา พระแม่องค์ไหนไป”นางร้องเพลงเสียงแผ่วเบาผ่อนคลาย เสียงกระจายออกไปใต้ต้นไม้อันเงียบสงบเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ด้านหลังร่างหยุดลงทันทีนางทิ่มพลั่วลงบนดินคุ้ยเหมือนกับเด็กน้อยกำลังเล่นดิน“พระแม่ม่วง พระแม่ขาว พระแม่เขียว พระแม่เหลือง”“พระแม่องค์ไหนมา พระแม่องค์ไหนไป”นางฮัมเพลงมาถึงตรงนี้ก็ออกแรงปักพลั่วลงในดินอีกครั้ง พร้อมกันนั้นเสียงทุ้มนุ่มของบุรุษก็ดังขึ้นด้านหลังร่าง“เจ้ากำลังทำอะไร?”“ข้ากำลังขุดพระแม่หนอน” คุณหนูจวินตอบสบายๆ พร้อมกันนั้นลุกขึ้นหันกลับมา “ท่านรู้ว่าสิ่งใดคือพระแม่หนอนไหม?”ดวงหน้านางแย้มยิ้ม สีหน้าระรื่น เชิดคางเล็กน้ย เท้ามือไว้ที่เอวมองคนตรงหน้าสายตาสบกับสายตาของลู่อวิ๋นฉีสีหน้านางชะงักไป ร่างกายที่เดิมสบายผ่อนคลายพริบตาเกร็งเครียด ทิ้งมือลงหัวไหล่ตกยืนตรง“ใต้เท้าลู่” นางเอ่ย เสียงอ่อนโยนแต่เฉยชา ทั้งยังแข็งกระด้างอยู่บ้าง นางถอยหลังก้าวหนึ่ง เท้าเหยียบลงบนดินโคลนที่ถูกขุดคุ้ย ราวกับพยายามใช้กระโปรงปิดบัง “ข้ากำลังรอองค์ชายกับบัณฑิตกู้มา พวกเขาไป…”คำพูดนางยังเอ่ยไม่ทันจบลู่อวิ๋นฉีที่อยู่ห่างไปหลายก้าวก็ก้าวยาวข้ามมา โอบทีเดียวกดนางไว้บนลำต้นต้นไม้คุณหนูจวินไม่ทันร้องตกใจสักหน คนก็ถูกลู่อวิ๋นฉีรัดไว้ หน้าของเขาแทบจะติดกับหน้าของนาง ดวงตามองตาของนางใบหน้าเย็นชาของเขาแทบจะไร้ลมหายใจ เหมือนกับงูจริงๆ ตัวหนึ่งส่วนคุณหนูจวินเพราะตกใจเบิกตาโต หน้าอกพองยุบถี่เร็ว ลมหายใจถี่กระชั้น“เจ้ากำลังทำอะไร?” ลู่อวิ๋นฉีมองนางเอ่ยถามเสียงนุ่มคุณหนูจวินในที่สุดก็ได้สติกลับมาจากความตกใจ“ท่านกำลังทำอะไร?” นางก็เอ่ยขึ้นด้วย เพียงแต่เสียงแหลมปรี๊ด พร้อมกันนั้นยกมือตีลู่อวิ๋นฉีสะเปะสะปะ เหมือนนกน้อยตื่นตกใจตัวหนึ่งลู่อวิ๋นฉีกดแขนนางไว้อย่างง่ายดาย“บอกข้า เมื่อครู่เจ้ากำลังทำอะไร?” เขามองคุณหนูจวินเอ่ยถามอีกครั้งดวงหน้าขาวดั่งกระเบื้องของเขาใต้กิ่งไม้ซึ่งทอดเงาใต้แสงตะวันสลับเป็นลายเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด ดวงตาที่เย็นเยียบมาตลอดกลายเป็นอ่อนโยนและจริงใจ แต่ดวงตานี้ปรากฏบนใบหน้าของเขา ทำให้คนรู้สึกเพียงประหลาดสีหน้าคุณหนูจวินตระหนกและโกรธเกรี้ยว“ใต้เท้าลู่ ท่าน ท่านทำอะไร ท่านปล่อยข้า” นางดิ้นรน ร้องตะโกนในมือของลู่อวิ๋นฉี นางก็เหมือนมดน่าสงสารตัวหนึ่ง การดิ้นรนนี้ไม่มีประโยชน์สักนิด“ข้าเพียงแค่ถามเจ้า เมื่อครู่ทำอะไร?” ลู่อวิ๋นฉีปรับเสียงให้อ่อนโยนลงอีกครั้ง พร้อมกันนั้นก็มองใต้เท้าทีหนึ่งดินที่ถูกขุดจนร่วน ถูกเท้าของพวกเขาเหยียบเป็นรอยเท้าแล้ว พลั่วอันน้อยก็ถูกเตะออกไปด้านข้างคุณหนูจวินพยายามสุดกำลังทำให้ตนเองสงบลง ประหนึ่งในที่สุดก็เข้าใจว่าที่เขาถามหมายถึงอะไร“ข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าก็แค่รอองค์ชายมา ว่างจึงเล่นเท่านั้น” นางเอ่ย“เล่นขุดดินรึ?” ลู่อวิ๋นฉีมองนางเอ่ยถาม“ไม่ใช่ ก็แค่ขุดหนอนชนิดหนึ่ง หนอนชนิดนี้ตัวขาวอวบอ้วน ใส่ในยาได้” ร่างกายคุณหนูจวินแนบติดบนต้นไม้ อยากหลบเลี่ยงใบหน้าของบุรุษที่แนบชิดกับตน ตะโกนติดขัดลนลานอยู่บ้างไกลออกไปเสียงฝีเท้าอลหม่านลอยมา พร้อมกับเสียงหัวเราะของไหวอ๋องบนหน้าคุณหนูจวินยิ่งร้อนรนลำบากใจ ในดวงตาน้ำตาคลอแวววาว“ท่านปล่อยข้า” เสียงของนางเหมือนจะร้องไห้ครั้งนี้ลู่อวิ๋นฉีรับคำ ปล่อยมือออก ยืนห่างออกไปคุณหนูจวินโซเซถอยออกห่าง หวิดสะดุดดินใต้เท้ารวมถึงหีบยาของตนเองล้ม สีหน้าโกรธแค้นทั้งยังตื่นตระหนกขบวนคนของไหวอ๋องปรากฏในสายตา พร้อมกับเสียงประทัดดังเปรี้ยงปร้างคุณหนูจวินเหมือนมองเห็นผู้ช่วยชีวิต หิ้วหีบยารีบร้อนวิ่งไปหาพวกเขา สายตาคู่หนึ่งข้างหลังร่างประหนึ่งความตายอยู่เบื้องหลังก้าวเท้าของนางลนลานอยู่บ้าง แต่บนหน้าไม่มีความลนลานสักนิด ตรงกันข้ามกลับโล่งอกชนะเดิมพันแล้วนางไม่ต้องหันกลับไปและไม่ต้องกังวลใจแล้ว ลู่อวิ๋นฉีไม่ทันสนว่าดินใต้เท้านั่นมีอะไรให้ขุดหรือไปคาดเดาว่าทำไมต้องขุดดินแล้วนี่ไม่มีอะไรน่าแปลก เพราะเคยมีคนทำเช่นนี้มาก่อนเหมือนกันคุณหนูจวินมองไหวอ๋องที่บัณฑิตกู้จูงอยู่ ฝีเท้ารีบร้อนนั่นน่าจะเป็นการพบหน้ากันเพียงลำพังตรงๆ ครั้งแรกระหว่างนางกับลู่อวิ๋นฉี เวลานั้นนางอยู่ที่วังไหวอ๋องเพราะถูกขังเบื่อหน่าย วันหนึ่งว่างไม่มีธุระจึงนั่งยองๆ ในสวนขุดหาหนอน คิดถึงตอนอาจารย์เอาหนอนชนิดนี้มาย่างกิน คิดแล้วก็ทั้งแสยงขนและชวนอาเจียนจริงๆอาการแสยงขนและชวนอาเจียนนี่ทำให้นางรู้สึกเบิกบานใจนักนางฮัมเพลงพื้นบ้านที่อาจารย์หลุดปากร้องตอนขุดหนอนอย่างมีความสุข พลางใช้พลั่วน้อยทิ่มดินตอนนี้เองลู่อวิ๋นฉียืนอยู่ที่ประตู ยืนอยู่เนิ่นนานราวกับลังเลแล้วก็ราวกับอยากจากไปเวลานั้นตนเองมองเห็นเขาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ใส่ใจและคร้านจะสนใจ เพียงคิดว่าเป็นองครักษ์ที่สอดส่องพวกนางคนหนึ่งเท่านั้นท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ก่อน“ท่านกำลังทำอะไร?” เขาเอ่ยถามเวลานั้นนางนั่งยองจนเหนื่อยอยู่บ้างแล้ว จึงลุกขึ้นหันกลับไป“ข้ากำลังขุดพระแม่หนอน เจ้ารู้ว่าอะไรคือพระแม่หนอนไหม?” นางถือโอกาสเอ่ยถาม มองลู่อวิ๋นฉีนั่นเป็นครั้งแรกที่เขามาถึงวังไหวอ๋อง หลังจากนั้นครั้งที่สองก็คือครึ่งปีให้หลังรับตัวนางแต่งเข้าบ้านคุณหนูจวินเดินมาถึงข้างกายพวกบัณฑิตกู้บัณฑิตกู้ยิ้มให้นาง ไหวอ๋องยังคงไม่สนใจ เพียงแค่เล่นประทัดอย่างเบิกบาน“คุณหนูจวิน ท่านไม่เป็นไรนะ?” นางข้าหลวงเอ่ยถาม มองสีหน้าของนางคุณหนูจวินส่ายศีระษะให้นาง“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” นางเอ่ย สีหน้าปิดบังความวิตกสุดกำลังนางข้าหลวงย่อมไม่เชื่อ นางมองลู่อวิ๋นฉีที่ยืนอยู่ใต้ชิงช้าด้านนั้นทีหนึ่งคาดว่าสาวน้อยเล่นชิงช้าอยู่ถูกใต้เท้าลู่พบเข้า ในฐานะท่านหมอคนหนึ่งไม่ตามติดไหวอ๋อง แต่กลับเล่นอยู่ที่นี่ต้องถูกตำหนิแน่ใต้เท้าลู่ไม่ตำหนิคนก็น่ากลัวมากอยู่แล้ว ไม่แปลกที่คุณหนูจวินผู้นี้จะตระหนกเช่นนี้นางข้าหลวงยิ้มไม่ได้ถามต่อ มองไหวอ๋องต่อคุณหนูจวินก็มองไหวอ๋อง ราวกับพยายามผ่อนคลายตนเองให้สงบสุดกำลังแม้ไม่ได้มองด้านนั้นสักครั้ง แต่นางรู้สึกได้ว่าสายตาของลู่อวิ๋นฉีจับอยู่บนร่างของนางตลอดสายตาเช่นนั้นนางคุ้นเคยนัก แล้วก็เคยชื่นชอบสบายใจกับมันเช่นกันแต่เวลานี้นาทีนี้นางกลับมีเพียงความสะอิดสะเอียน……………………………………….
คอมเม้นต์