Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 201 ของเก่าปรากฏใหม่
สายลมเดือนสิบสองพัดผ่านเรือน หิมะบางบนพื้นถูกหอบพัดขึ้นมา พร้อมกับเสียงปั้บกังวานดังขึ้น ทำหลิ่วเอ๋อร์ที่เดินออกจากห้องอุปกรณ์ทำยาตกใจสะดุ้ง“เฉินชี เจ้าทำอะไรน่ะ?” นางเลิกคิ้วเอ็ดเฉินชีแกว่งประทัดในมือ“นี่ไม่ใช่ปีใหม่รึ ครึกครื้นหน่อยสิ” เขาหัวเราะเอ่ยหลิ่วเอ๋อร์เบะปาก“งานของเจ้าทำเสร็จแล้วรึ? คุณหนูของข้าไม่อยู่ เจ้าอย่าได้แอบขี้เกียจ” นางเอ่ย ยกยาที่คั่วเสร็จแล้วเดินออกไป“ใครจะรู้ว่าคุณหนูของเจ้าจะกลับมาเมื่อใด” เฉินชีพึมพำประโยคหนึ่ง“สิ้นปีก็น่าจะกลับมาได้กระมัง” เสียงของฟางจิ่นซิ่วดังขึ้นข้างหลังเฉินชีรีบแย้มยิ้มหมุนตัว“ใช่แล้ว ได้แน่ ข่าวแพร่ออกมาแล้ว อาการป่วยของไหวอ๋องไม่มีปัญหาใหญ่แล้ว ดีขึ้นทุกวัน” เขาเอ่ย พลางตามฟางจิ่นซิ่วเดินไปโถงด้านหน้า “ไหวอ๋องคนสูงศักดิ์ขนาดนั้นไม่มั่นใจทั้งหมด ต้องไม่ปล่อยคุณหนูจวินออกมาแน่ ข้าว่าอย่างไรก็ต้องอยู่ที่วังไหวอ๋องถึงยี่สิบสี่ถึงยี่สิบห้าถึงกลับมา”ฟางจิ่นซิ่วอืมทีหนึ่ง“ตัวเจ้าเองก็รู้ว่าไม่เป็นไร เจ้าก็วางใจกลับไปฉลองปีใหม่เถอะ” นางเอ่ย“พ้นปีใหม่ข้าค่อยกลับไป ถึงเวลาผ่านวันที่สามเดือนสามค่อยมาเหมาะสมกว่า” เฉินชีเอ่ย ขยิบตายิ้ม “สำหรับพวกเราตระกูลเฉินแล้ว วันที่สามเดือนสามสำคัญเสียยิ่งกว่าปีใหม่”ฟางจิ่นซิ่วหยุดฝีเท้ามองเขา“เฉินชี พวกเขาให้เงินเจ้าเท่าไร?” นางพลันเอ่ยถามเฉินชีร้องอ้อ“นั่นไม่ใช่พวกเขากำหนด” เขาเอ่ย “นั่นต้องดูกิจการของหอจิ้นอวิ๋นวันนั้นฟางจิ่นซิ่วยิ้ม“ข้าพูดถึงที่เจ้าดูแลข้า ตระกูลฟางให้เงินเจ้าเท่าไร?” นางเอยเฉินชีอึ้งจากนั้นก็ยิ้มแห้งๆ“เจ้าพูดอะไรน่ะ ตระกูลฟางให้เงินข้าทำอะไร ข้ากับเจ้าเป็นหุ้นส่วนขายน้ำตาลปั้นด้วยกันนะ พูดถึงเงินก็เป็นเงินที่เจ้าให้ข้า” เขาเอ่ยฟางจิ่นซิ่วมองเขาไม่เอ่ยคำเฉินชีหุบรอยยิ้ม“ก็ไม่เท่าไร” เขาเอ่ย “น้องชายเจ้าบอกว่าสักหมื่นตำลึงเงิน”ฟางจิ่นซิ่วกลอกตา“ข้าช่างราคาถูกจริงๆ” นางเอ่ยเฉินชีหัวเราะหึหึ“ไม่ใช่ ไม่ใช่” เขาโบกมือ “เป็นข้าราคาถูกเกินไปแล้ว”ฟางจิ่นซิ่วไม่พูดจาก้าวเข้าไปในโถงด้านหน้า เฉินชีตามเข้าไป“เฮ้อ ตอนนี้เจ้ารู้แล้ว ให้น้องชายของเจ้าเบี้ยวค่าจ้างไม่ได้นะ…” เขาเอ่ย“ไม่เบี้ยวค่าจ้าง ถึงเวลาเจ้าแบ่งให้ข้าครึ่งหนึ่ง” ฟางจิ่นซิ่วคล้องมือไขว้หลังเอ่ย มุมปากยิ้มบางเฉินชีหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว“จิ่นซิ่ว ข้ารู้สึกว่าคนตระกูลเจ้าล้วนเป็นคนดี” เขาเอ่ย“คนดี?” ฟางจิ่นซิ่วมองเขาทีหนึ่ง “นั่นแล้วอย่างไร?”คนดียังถูกวางแผนร้ายมาตลอดสิบกว่าปี คนในครอบครัวจบชีวิต ตนเองก็เป็นตัวตนที่ประดักประเดิดคนหนึ่ง“คนดีได้ดีตอบแทน” เฉินชียิ้มเอ่ย “นี่คือความยุติธรรม”ฟางจิ่นซิ่วเบะปาก“มีความยุติธรรมหรือ?” นางเอ่ยถามเฉินชีพยักหน้าหนักแน่น“มี” เขาเอ่ยมีความยุติธรรม ศัตรูในที่สุดถูกปราบ หนี้เลือดชำระแล้ว แม้คนจากไป แต่หัวใจของคนในบ้านยังคงรักใคร่กลมเกลียวนี่ก็คือความยุติธรรมจวินเจินเจินคนนั้นนางทำดีรักษาโรคช่วยเหลือคนก็เป็นคนดี ย่อมต้องได้ดีตอบแทน สวรรค์ต้องให้ความยุติธรรมกับนางแน่นางจะต้องปลอดภัยไร้อันตรายกลับมาฟางจิ่นซิ่วพรูลมหายใจไม่พูดอีก ดึงตู้ยาเปิดออกเริ่มสำรวจดูก่อนหน้าคุณหนูจวินไปวังไหวอ๋อง นางทิ้งสูตรยาลับของนางไว้ให้ ให้นางรับผิดชอบคั่วสมุนไพรประจำวัน พนักงานร้านสองคน เฉินชีและหลิ่วเอ๋อร์ล้วนถูกสั่งสอนแบ่งงานมาแล้ว ยาหลายชนิดจึงทำออกมาได้ตามสูตรลับโรงหมอจิ่วหลิงแม้ไม่มีท่านหมอออกตรวจ แต่ยาขายได้ไม่หยุด กิจการไม่หยุดพักสักวัน วันๆ หนึ่งโรงหมอจิ่วหลิงก็อยู่ได้เสียงประทัดดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้ในเมืองหลวงไหวอ๋องที่นั่งอยู่บนเกี้ยวหามยืดตัวตรง“ข้าได้ยินเสียงประทัด” เขาเอ่ย“ใช่แล้ว ใกล้ปีใหม่แล้ว เด็กน้อยทั้งหลายล้วนเล่นประทัด” คุณหนูจวินบอกไหวอ๋องมองนางทีหนึ่ง หันหน้าไป“ท่านอาจารย์กู้ ท่านอาจารย์กู้” เขาเอ่ย “พวกเราจุดประทัดบ้างได้ไหม?”บัณฑิตกู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินก็ยิ้ม“ได้พะย่ะค่ะ กระหม่อมเตรียมไว้พร้อมแล้ว” เขาเอ่ยบนหน้าไหวอ๋องแย้มรอยยิ้ม“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกันตอนนี้เลย” เขาอดรนทนไม่ไหวเอ่ยบัณฑิตกู้มองไปทางคุณหนูจวิน“นี่ต้องฟังการจัดการของท่านหมอ” เขาเอ่ยไหวอ๋องตอนนี้ถึงมองไปทางคุณหนูจวิน แต่เทียบกับความร่าเริงต่อหน้าบัณฑิตกู้ สีหน้าของเขาเป็นทางการและห่างเหินหลังองค์หญิงจิ่วหลีถูกไล่ออกไป คนที่อยู่เคียงข้างไหวอ๋องทุกวันทุกคืนล้วนเป็นนาง แม้ไหวอ๋องเชื่อฟังคำพูดของนาง แต่ท่าทีก็ห่างเหินอยู่ตลอดท่าทางคงเป็นเพราะตนเองเป็นคนที่สำนักแพทย์หลวงกับฮ่องเต้ส่งมากระมัง แม้ไหวอ๋องเป็นเช่นเดียวกับองค์หญิงจิ่วหลีไม่ขัดขืนอย่างใดต่อการจัดการ แต่ก็ห่างเหินส่วนบัณฑิตกู้ ไหวอ๋องพึ่งพิงด้วนน้ำใสใจจริงไม่ปิดบังสักนิดบัณฑิตกู้คนนี้เป็นถึงคนของลู่อวิ๋นฉี อยู่ข้างๆ น่ากลัวจริงๆ เด็กน้อยคนหนึ่งแบ่งแยกไม่ออกสักนิดว่าใครดีใครเลวคุณหนูจวินถอนหายใจในใจ แล้วยิ้มอีกครั้งอย่างน้อยก็รักษาชีวิตไว้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยๆ ทีหลังเถอะ“ได้” นางเอ่ยไหวอ๋องผงกศีรษะให้นาง หันไปทำสีหน้าเริงร่ากับบัณฑิตกู้“ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์รีบไปเอา” เขาเอ่ย“องค์ชายไม่สู้ไปเองล่ะเพคะ” คุณหนูจวินเอ่ย “เดินไป”ตอนนี้คุณหนูจวินต้องการให้ไหวอ๋องเดินขยับเพิ่ม เด็กน้อยกระตือรือร้นกับเรื่องที่ชอบ นี่เป็นโอกาสดีมากครั้งหนึ่งจริงๆบัณฑิตกู้ยิ้มกว้างให้ไหวอ๋องบนเกี้ยวห้าม ไม่รอเหล่าขันทีย่อตัววางเกี้ยวก็ยื่นมือออกมาไหวอ๋องดวงตาเป็นประกายกางแขนออก“บินแล้ว” บัณฑิตกู้ยิ้มเอ่ย กอดไหวอ๋องไว้ไหวอ๋องหัวเราะคิกคักลงพื้นจูงมือบัณฑิตกู้ภาพนี้มองดูแล้วจุกหัวใจอยู่บ้าง ไหวอ๋องวันนี้เพิ่งอายุเจ็ดแปดขวบ องค์หญิงจิ่วหลีถูกไล่ไปจากข้างกาย ความทรงจำยามยังเล็กจืดจางลืมเลือนง่ายดายนัก ส่วนบัณฑิตกู้ที่เคียงข้างเขาเติบโตคนนี้ความรู้สึกยิ่งลึกซึ้งขึ้นทุกที“ยังไงก็มาที่นี่จุดประทัดเถอะ” คุณหนูจวินเอ่ย ชี้พื้นที่ว่างผืนหนึ่งด้านหน้า “ที่นี่ที่กว้าง”นอกจากนี้ยังเดินไปกลับได้รอบหนึ่งด้วยบัณฑิตกู้ได้ยินพยักหน้า ไหวอ๋องทนรอไม่ไหวก้าวเท้าไปข้างหน้าแล้ว บรรดาขันทียกเกี้ยว บรรดานางกำนัลซอยเท้าติดตาม คนกลุ่มใหญ่เคลื่อนไปข้างหนาอย่างคึกคักรวดเร็วคุณหนูจวินไม่ได้ตามมา นางข้าหลวงคนหนึ่งหันกลับมองทีหนึ่ง เห็นคุณหนูจวินนั่งอยู่บนชิงช้า แล้วไกวขึ้นมาเบาๆคุณหนูจวินปีนี้อายุสิบห้าสิบหกปีสินะ ความจริงก็เป็นเด็กคนหนึ่งเหมือนกันนางข้าหลวงยิ้ม รั้งสายตากลับไปมองคนกลุ่มนี้หายไปจากสายตา คุณหนูจวินบนชิงช้าก็ลดความเร็วลงช้าๆนางพาไหวอ๋องมาออกกำลังที่นี่เจ็ดแปดวันแล้ว จนทุกคนคิดว่าปกติที่พักของบัณฑิตกู้อยู่ห่างจากที่นี่เดินเป็นเวลาต้มชาหนึ่งกา แม้ไหวอ๋องกระตือรือร้นจะเล่นประทัด แต่บัณฑิตกู้ไม่ให้เขาเดินเร็วเกินไปแน่นอน เช่นนี้นับเวลาไปกลับก็มีเวลาสองเค่อเพราะฝีดาษเป็นเหตุ นางกำนัลขันทีของวังไหวอ๋องจึงน้อยลงไปมาก คนไม่มากนี้ไม่ขยับตามไหวอ๋องก็อยู่ที่ห้องบรรทมของไหวอ๋อง สวนหนิงชุ่ยฝั่งนี้ไม่มีคนเมื่อครู่ลู่อวิ๋นฉีออกไปข้างนอกแล้วเวลานี้วันนี้ในที่สุดก็รอจนได้เวลาเหมาะสมชิงช้าหยุดลง คุณหนูจวินหิ้วหีบยาก้าวเร็วไววิ่งไปทางต้นไม้เก่าแก่ อ้อมไปด้านหลังต้นไม้คุกเข่าลงเปิดหีบยาออกกดตรงจุดหนึ่ง ช่องหนึ่งดีดออกมา เผยพลั่วอันน้อยคุณหนูจวินหยิบพลั่วอันน้อยออกมาขุดพื้นดินอย่างรวดเร็ว ดินฤดูหนาวเย็นแข็งโป้กสะท้านจนมือชา ใช้แรงทีละนิดๆ ขุดลงไปหน้าผากคุณหนูจวินเหงื่อออกบางๆ ชั้นหนึ่ง เร็วหน่อย เร็วหน่อย เร็วอีกนิด หูของนางเงี่ยฟังรอบด้าน หางตามองสี่ทิศ นางเหมือนจะได้ยินเสียงนกร้องมองเห็นใบไม้เหี่ยวแห้งร่วงหล่นในที่สุดเสียงชิ้งก็ดังขึ้น พลั่วในมือในที่สุดก็ถูกขวางสั่นไหวคุณหนูจวินดีใจมากรีบขุดรอบด้าน หีบเหล็กหนังใบหนึ่งปรากฏตรงหน้าอย่างรวดเร็ว นางไม่ทันเอาออกมาก็เปิดออกทั้งอย่างนั้นสี่ปีก่อนนางเพิ่งเข้ามาในวังไหวอ๋อง คืนจันทร์กระจ่างคืนหนึ่งนางฝังหีบไว้ที่นี่ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเปิดออกอีก ถึงขนาดลืมเลือนไปแล้วนางคิดว่าอดีตเหล่านั้นความทรงจำเหล่านั้นไร้ประโยชน์แล้ว โยนทิ้งได้ ละทิ้งได้ กลับคิดไม่ถึงอดีตเหล่านี้ถึงกับควบคุมชะตาของนางได้ ทั้งยังไม่ใช่แค่ชะตาของนางเท่าน้นคุณหนูจวินกวาดมองข้าวของกระจุกกระจิกจำนวนหนึ่งที่กองวางอยู่ในหีบ ของเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องคุ้มกันตัวที่อาจารย์มอบให้นางตอนนางท่องโลก ท้ายที่สุดสายตาของนางก็จับอยู่บนสมุดหนาเล่มหนึ่งสมุดนี้นางไม่เคยเปิดออกมาก่อนนางหยิบสมุดออกมาวางไว้ในหีบยา ตอนที่จะหยิบของอย่างอื่นในหีบอีก หูก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา พร้อมกันนั้นไม่ทันรู้ตัวหางตาก็มองเห็นเงาคนผู้หนึ่งปรากฏตัวบนทางเดินปูหินลู่อวิ๋นฉีคุณหนูจวินชาไปทั่วตัวทันที……………………………………….
คอมเม้นต์