Jun Jiu Ling หวนชะตารัก ภาค 2 ตอนที่ 189 ไหวอ๋องประชวร
หิมะตกลงมาเพียงวันเดียว แต่อากาศหนาวหลังหิมะกลับทำให้ผู้คนในเมืองหลวงหลบอยู่ในบ้านเสียหลายวันหน้าหนาวของปีนี้เย็นเป็นพิเศษเรือนหลังของจวนติ้งหยวนโหวไออุ่นกลิ่นหอมโถมโจมตีผู้คน ด้านในห้องเต็มไปด้วยบรรดาสตรีผู้สวมเครื่องประดับหรูหราภรรยาติ้งหยวนโหวสวมเสื้อนวมผ้าไหมสีแดงลายกิ่งบุปผา กำลังอยู่หน้ากระจกผัดแป้งบางๆ หลังร่างสาวใช้หลายคนต่างถือถาดเครื่องประดับมุกรอคอยหญิงรับใช้เฒ่าที่หวีผมเลือก“คุณหนูจวินมาแล้ว”เสียงบรรดาสาวใช้ดังมาจากนอกประตู ตามติดมาด้วยม่านประตูถูกเลิกเปิดขึ้นไม่รอท่านหญิงติ้งหยวนโหวอนุญาตก็เข้ามา นี่เป็นคำสั่งที่ท่านหญิงติ้งหยวนโหวกำชับไว้ก่อนแล้ว แสดงถึงการให้ความสำคัญกับคุณหนูจวินการปฏิบัตินี้ตามทันอาจารย์ผู่หนิงแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่อาจารย์ผู่หนิงทุ่มเทความจริงใจผูกมิตรสามสี่ปีถึงได้มา คุณหนูจวินกลับใช้เพียงสามวันท่านหญิงติ้งหยวนโหวมองคุณหนูจวินที่เดินเข้ามาจากในกระจกยิ้มเล็กน้อย“ด้านนอกหนาวหรือไม่?” นางเอ่ยถามคุณหนูจวินคำนับ“หนาวเล็กน้อย” นางเอ่ยท่านหญิงติ้งหยวนโหวยิ้ม รอแม่เฒ่าหวีผมปักปิ่นดอกเบญจมาศทองเล่มหนึ่งบนมวยผมจึงหมุนตัวกลับมา“ข้าได้ยินว่าคนทางเหนือล้วนขี้หนาว” นางยิ้มเอ่ยก็คงใช่นะ แต่นางอยู่ทางใต้มาตลอด ดังนั้นยังดีคุณหนูจวินยิ้มไม่ได้เอ่ยวาจาเพิ่มอีก วางหีบยาลง“ท่านหญิงสีหน้าดีมาก” นางเอ่ย พลางหยิบหมอนรองจับชีพจรออกมาท่านหญิงติ้งหยวนโหวยกมือวางบนแก้ม รอยยิ้มเต็มดวงตา“ล้วนพูดเช่นนี้ กินยาลูกกลอนของคุณหนูจวินท่านแล้ว สีหน้าของข้ายิ่งดีขึ้นทุกทีจริงๆ” นางเอ่ย พลางยื่นมือวางไว้บนหมองรองอย่างเป็นธรรมชาติ “ทุกคนล้วนปรารถนายาลูกกลอนของท่านนะ”“ยาย่อมไม่อาจกินส่งเดช” คุณหนูจวินเอ่ย ยกมือจับชีพจร “นอกจากนี้ก็ไม่ใช่ยาลูกกลอนของข้าเป็นเหตุ เป็นโรคของท่านหญิงหายดีแล้ว ร่างกายจิตใจมีความสุขกินอิ่มนอนหลับพร้อม ย่อมสีหน้าดี”ท่านหญิงติ้งหยวนโหวยิ่งยิ้มกว้าง ไม่เอ่ยวาจาอีกมองคุณหนูจวินจับชีพจรในห้องเงียบสงบครู่หนึ่ง คุณหนูจวินรั้งมือกลับ“ร่างกายของท่านหญิงไม่มีปัญหาแล้ว” นางเอ่ย เก็บหมอนรองลุกขึ้น “ยาหลังจากนี้ไม่ต้องกินแล้ว ธูปสงบจิตก็ไม่ต้องใช้แล้วด้วย”พูดจบก็คำนับขอตัวท่านหญิงติ้งหยวนโหวอยากหัวเราะอยู่บ้าง คนอื่นเข้าจวนโหวอยากพูดมากเกาะมาก คุณหนูจวินนี่ดี ตรวจเสร็จก็ไป นอกจากพูดเรื่องอาการป่วยนอกนั้นไม่พูดมาก“คุณหนูจวินท่านอย่าเพิ่งรีบร้อนไป ท่านหญิงผู้เฒ่าบอกว่าพักนี้ไม่ค่อยสบายนัก ท่านมาพอดีตรวจนางหน่อยเถอะ” นางเอ่ยตรวจรักษาท่านหญิงผู้เฒ่าจวนติ้งหยวนโหวคนเท่าไรอยากได้ทำไม่ได้ คุณหนูจวินกลับยืนนิ่งไม่ขยับ“ท่านหมอคนอื่นตรวจแล้วหรือไม่?” นางเอ่ยถามท่านหญิงติ้งหยวนโหวยิ้มแล้ว“คุณหนูจวิน ท่านวางใจเถิด ท่านหญิงผู้เฒ่าเพียงขอประโยคหนึ่งจากท่านให้สบายใจ ไม่ตอแยท่านทลายกฏของท่านหรอก” นางยิ้ม ยื่นมือจูงนางด้วยตัวเอง “มา มากับข้ามา”คุณหนูจวินได้แต่ตามท่านหญิงติ้งหยวนโหวมาถึงท่านหญิงผู้เฒ่าติ้งหยวนโหวที่นี่ฤดูหนาวว่างเว้นไร้กิจธุระ ทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ชอบความครึกครื้น ในห้องผู้หญิงมากมายรวมตัวอยู่ด้วยกันเล่นไพ่คุยเล่นท่านหญิงผู้เฒ่าติ้งหยวนโหวไม่ได้เล่นไพ่ แต่มองดูสาวใช้อายุน้อยหลายคนร้อยไข่มุก เห็นคุณหนูจวินมาก็ดีใจนัก ชี้แนะนำกับผู้หญิงหลายคน“นี่คือหมอเทวดา ไม่ใช่ใครก็โชคดีได้นางรักษา” นางเอ่ยท่าทางโอ้อวดอยู่บ้างเหล่าสตรีเห็นชัดว่าต่างรู้จักชื่อเสียงของคุณหนูจวิน ยิ้มมองนางคุณหนูจวินจับชีพจรให้ท่านหญิงผู้เฒ่าติ้งหยวนโหวก็ลุกขึ้น“ท่านหญิงผู้เฒ่าร่างกายไม่สบายเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตามแพทย์หลวงสักคนออกยาให้ไม่กี่เทียบก็ดีแล้ว” นางเอ่ยท่านหญิงผู้เฒ่าติ้งหยวนโหวถลึงตามองคุณหนูจวินทีหนึ่ง“เด็กคนนี้นี่ไม่ไว้หน้ากันสักนิด ข้าเพิ่งพูดจาโอ้อวดไป เจ้าก็ฉีกหน้าข้าเสียแล้ว” นางเอ่ยอย่างไม่พอใจแม้สีหน้าน้ำเสียงไม่พอใจ แต่ในดวงตากลับเป็นรอยยิ้มคนในห้องก็ล้วนหัวเราะขึ้นมาคุณหนูจวินก็หัวเราะขึ้นมาบ้างไม่เอ่ยต่อ ก้มศีรษะเก็บหีบยาบนโต๊ะด้านนั้นยังเล่นกันต่อ เสียงคุยเล่นขนาบด้วยเสียงวางไพ่“…พูดถึงหมอเทวดา ข้าว่าสำนักแพทย์หลวงคราวนี้พบเรื่องลำบากแล้ว…”“….เรื่องไหวอ๋องประชวรหรือ?”มือที่จับหีบยาของคุณหนูจวินชะงักเล็กน้อย สาวใช้ด้านข้างที่กระตือรือร้นจะช่วยมองนางไม่เข้าใจ“คุณหนูจวิน…” นางเอ่ยถามมือของคุณหนูจวินที่ดึงออกมายื่นเข้าไปในหีบยาอีกครั้ง หยิบขวดใบน้อยใบหนึ่งออกมา“ท่านหญิงผู้เฒ่ามีโรคประจำคือปวดศีรษะสินะ” นางว่าสาวใช้พยักหน้า ท่านหญิงผู้เฒ่าติ้งหยวนโหวก็ได้ยินเหมือนกันดีใจมาก ยื่นมือจะรับขวดไป“โรคประจำของข้ารักษาได้อีกหรือ?” นางเอ่ยคุณหนูจวินตอบนางทีละคำถาม แล้วกำชับสาวใช้หญิงรับใช้ด้านข้างว่าใช้ยาอย่างไร หูกลับตั้งใจฟังการคุยเล่นของโต๊ะไพ่ด้านข้างอยู่ตลอด“…บอกว่าเป็นหวัด ไม่หนักหนานัก…”“…หวัด เขาเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง ทั้งไม่มีพ่อแม่ดูแล…”“…เจ้าพูดอะไร รีบวางไพ่ของเจ้าเสีย…”บทสนทนามาถึงตรงนี้ก็เปลี่ยนเรื่องหนีทันที หญิงสาวหลายคนเริ่มพูดถึงผู้หญิงบ้านไหนสวมอาภรณ์อย่างไร ทำร้องเท้าอย่างไร งานเลี้ยงวางดอกไม้สดอะไร พวกเรื่องซุบซิบในเรือนหลังคุณหนูจวินพูดจบ สะพายหีบยาคำนับขอตัวไปแล้วทุกคนก็รู้นิสัยของนาง ไม่รั้งไว้อีกมีหญิงรับใช้ออกไปส่งรอคนที่เล่นไพ่แยกย้ายไปแล้ว ท่านหญิงติ้งหยวนโหวก็ปรนนิบัติท่านหญิงผู้เฒ่าพักกลางวันด้วยตนเอง“ท่านแม่ วิชาแพททย์ของคุณหนูจวินข้าไม่กล้าพูดว่าดีที่สุด แต่ข้าว่ารับมือผู้หญิงกับเด็ก นางมีความสามารถมากอยู่บ้าง โรคของไหวอ๋อง…” นางคิดถึงอะไรพลันเอ่ยขึ้นคำพูดยังไม่ทันจบก็ถูกท่านหญิงผู้เฒ่าจวนติ้งหยวนโหวถลึงตาใส่“คำพูดนี้พวกเราพูดได้หรือ?” นางเอ่ยท่านหญิงติ้งหยวนโหวเห็นชัดว่ารู้เช่นกัน หลุบสายตาลง“ข้าเพียงรู้สึกว่าเด็กเล็กเช่นนี้ ช่างน่าสงสาร” นางเอ่ยเสียงเบา“บนโลกนี้คนน่าสงสารมากมายนัก แล้วทำอะไรได้?” ท่านหญิงผู้เฒ่าติ้งหยวโหวเอ่ย “พวกหมอหลวงล้วนไม่ยอมเหยียบน้ำขุ่นนี้ ลำบากลากผู้อื่นมาไปใย”ท่านหญิงติ้งหยวนโหวได้ยินประโยคนี้หัวใจเต้นสองทีพูดเช่นนี้…ท่านหญิงผู้เฒ่าติ้งหยวนโหวกลับหลับตาไม่เอ่ยอีก ท่านหญิงติ้งหยวนโหวก็ไม่กล้าถามต่อ คลุมผ้าห่มเรียบร้อย กำชับเหล่าสาวใช้เฝ้าให้ดี ตนเองถอยออกไปในม่านมุ้งท่านหญิงผู้เฒ่าติ้งหยวนโหวลืมตาอีกครั้ง แววตาหม่นหมอง“น่าสงสาร น่าสงสาร มีชีวิตอยู่ก็น่าสงสาร ไม่สู้หลุดพ้นเร็วหน่อย ชีวิตหน้าอย่าได้เกิดมาในตระกูลฮ่องเต้นี้อีกเลย”นางพึมพำไม่กี่ประโยคก็หลับตาลงอีกครั้ง…นางก็รู้ ต้องเกิดเรื่องแน่คุณหนูจวินก้าวไวๆ เดินไปบนถนน ไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นสักนิดนางปฏิเสธไม่ให้รถม้าจวนติ้งหยวนโหวมาส่ง นางเดินมั่นคงออกจากจวนติ้งหยวนโหวไม่ได้ง่าย ตอนนี้นางจำต้องเดินสักหน่อย ให้ลมหนาวพัด ไม่อย่างนั้นนางนั่งในรถม้าต้องสติแตกแน่ตั้งแต่ออกจากตรอกจวนสกุลลู่วันนั้น นางก็คิดวิธีสืบข่าวอยู่ตลอด แต่วังไหวอ๋องเป็นสิ่งต้องห้ามที่ถูกลืมเลือนแห่งหนึ่งของเมืองหลวง เรื่องของวังไหวอ๋องยิ่งแพร่ออกมาไม่ได้สักนิด ไม่มีที่ใดให้ลงมืออย่างสิ้นเชิงยังดีมีเรือนหลังของตระกูลใหญ่สูงศักดิ์ที่คุ้นเคยแล้วเหล่านี้ นางอ้างว่ากลับมาเยี่ยมตรวจอาการซ้ำเดินทางไปหลายบ้าน เวลาไม่ทรยศคนตั้งใจ ในที่สุดก็ได้ยินข่าวกระท่อนกระแท่นที่จวนติ้งหยวนโหวต่อให้เป็นข่าวกระท่อนกระแท่น ก็เพียงพอยืนยันว่าจิ่วหรงเกิดเรื่องแล้วป่วยแล้ว?ผู้หญิงเหล่านั้นบอกว่าประชวร?ป่วยจริงๆ หรือว่าเพียงแค่ข้ออ้าง?ประตูใหญ่วังไหวอ๋องที่ปิดสนิท ตัวตนของไหวอ๋องที่ตัดขาดข่าวคราวทั้งปวง ไม่ต้องพูดถึงฐานะของนางไม่มีหนทางสืบข่าวได้ ต่อให้ไปสืบข่าวก็ไม่มีใครจะบอกนางคุณหนูจวินมองถนนตรงหน้าที่วังไหวอ๋องตั้งอยู่หยุดฝีเท้า กดหีบยาที่สะพายอยู่ข้างตัวหากตนเองตอนนี้ไปที่ประตูวังไหวอ๋องสั่นกระดิ่งบอกว่ามีลางร้าย โอกาสที่จะถูกเชิญเข้าไปมากเพียงไร?……………………………………….
คอมเม้นต์